"เฮือก!" เสียงทรงพลังดังขึ้นทำเอาหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเดินออกถึงกับยืนนิ่งขาแข็งไปเลย
"นะ นายหัว..." "กูถามว่าจะพาเมียกูออกไปไหน!!" ชายหนุ่มร่างสูงตวาดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทั้งสองที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ กันสะดุ้งจนหัวไหล่สั่น "คะ คือว่า..." "ฉันก็จะออกไปจากบ้านบ้าๆ นี่ไง" "เขม! ฉันเคยเตือนเธอไปหลายครั้งแล้วนะ" "จะเป็นหรือจะตายจะมาสนใจฉันทำไม!" "กลับเข้าไปในบ้าน" "ไม่!" "เขม!" "คุณมันก็ดีแต่ออกคำสั่งให้คนอื่นทำตาม พอเขาไม่ทำตามก็ใช้เสียงข่มใช้ความน่าเกรงกลัวของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว คนอย่างคุณมันก็มีดีแค่นี้แหละ" "....." "คนอย่างฉันมันไม่เคยมีอะไรดีอยู่แล้วนี่ ฉันมันผิดตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน!" "เธอออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กลับเข้าบ้านไป อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง" "เหอะ!" "ส่วนมึงกูกลับมาคิดบัญชีทีหลังแน่" เขมิกาเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อที่จะเข้าห้องของตัวเอง แต่ดันถูกขวางเอาไว้ซะก่อน "ออกไปนะ!" "เธอคิดอะไรของเธออยู่ถึงได้จะออกไปจากที่นี่กลางค่ำกลางคืนแบบนี้" "ก็คิดที่จะหนีออกไปให้พ้นจากผู้ชายอย่างคุณไง!" "ครั้งนี้เธอทำเกินไปแล้วนะ ถ้าลูกน้องฉันไม่ไปได้ยินแล้วมาบอกป่านนี้เธอจะไปเจออะไรบ้างแล้วก็ไม่รู้" "สนใจด้วยหรอ ขนาดฉันเป็นอะไรคุณยังไม่คิดที่จะถามเลย ไปห่วงอีหน้าหนาคุณโน่น!" "นี่มันเรื่องของเรา อย่าพูดถึงคนอื่น" "....." "เธอชักจะเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปแล้วนะเขม ที่แม่ของเธอให้เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะให้ฉันช่วยดัดนิสัยที่ชอบเอาแต่ใจของเธอ ฉันไม่คิดว่าเธอจะดื้อไม่เชื่อฟังอะไรขนาดนี้" "จบหรือยัง?" "อะไร?" "พล่ามจบหรือยัง ถ้าพล่ามจบแล้วจะไปไหนก็ไป" "เขม!" "คอยดูฉันจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ถ้าต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตฉันยอมตายเป็นผีดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาทนอยู่กับคนแบบนี้" "เลิกประชดประชันแล้วฟังฉันดีๆ ก่อนได้ไหม" "หลบ!" "ไม่หลบ เธอชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะเขม ที่ผ่านมาฉันคงจะตามใจเธอมากไปใช่ไหม เธอถึงไม่คิดที่จะกลัวฉันเลย" "ต่อให้คุณจะฆ่าคนตาย ฉันก็ไม่คิดจะกลัว และก็ไม่กลัวด้วยถ้าคุณจะฆ่าฉัน!" "....." ชายหนุ่มผลักหญิงสาวเข้าไปในห้องนอนก่อนที่ตัวเขาจะเดินตามเข้าไปพร้อมกับปิดประตูล็อคเอาไว้ "เข้ามาทำไม" "ฉันจะไม่ออกไปจากห้องนี้จนกว่าเราจะคุยกันดีๆ และรู้เรื่อง" "ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้!" "ฉันไม่ออก ไหนพูดมาซิว่าฉันไปทำอะไรให้ เธอถึงได้คิดจะหนีครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้" "เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนอย่างคุณไงพอใจหรือยัง?" "ไม่ใช่เหตุผล เธอโกรธฉันที่ฉันให้เธอขอโทษเพ็ญ เธอก็เลยประชดฉันด้วยการจะหนีออกไปจากที่นี่ ความคิดเด็กๆ แบบนี้ ยังไม่เลิกใช้อีกหรอ?" "ฉันโตมากับเมืองนอก และฉันก็ไม่ได้ถูกสอนให้เคารพผู้ใหญ่ที่มันไม่ได้น่าเคารพ ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ใช่ผิดแล้วบอกว่าถูกเพราะว่าเขาอายุมากกว่า แล้วมองว่าเด็กเป็นคนผิดทั้งที่เด็กไม่ได้ทำอะไรเลย" "แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็..." "ฉันไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ฉันมาอยู่ที่นี่ฉันรู้จุดที่ฉันยืนดี ถ้าฉันชอบหาเรื่องใครฉันคงหาเรื่องภาไปตั้งนานแล้ว และฉันก็คงหาเรื่องคนงานของคุณไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว แค่นี้คุณก็ยังคิดไม่ได้อีกหรอ?" "เอาล่ะฉันจะให้เพ็ญมาขอโทษเธอ" "ไม่จำเป็น ไม่ต้องพาผู้หญิงคนนั้นมาฉันเห็นหน้าอีก อยากจะพลอดรักกัน อยากจะทำอะไรกันก็ปล่อยให้ไกลๆ ฉันไม่อยากรับรู้ และฉันก็ไม่อยากเป็นไม้กันหมาให้กับคุณด้วย!" "โอเคๆ ฉันขอโทษที่เคยพูดแบบนั้นออกไป แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้คิดที่จะให้เธอมาเป็นไม้กันหมาอะไรเลย ฉันกับเพ็ญเราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น เพ็ญเป็นหลานของป้าไพรที่เราเจอที่ตลาดวันนั้นไง ฉันรู้จักกับเพ็ญมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว" "โอเค๊ ฉันรับรู้แล้ว ออกไปสิ" "ไม่..." ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่วสายตาจากที่เกรี้ยวกราดในตอนแรกก็อ่อนโยนลง "แล้วคุณจะต้องการอะไรจากฉันอีก?" "ฉันอยากรู้ ทั้งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อนไม่รู้จักกันมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งท่าจงเกลียดจงชังฉันขนาดนี้" "แล้วฉันต้องดีใจหรอที่ต้องถูกเรียกกลับมากะทันหันแล้วมารู้ทีหลังว่าฉันจะต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ และฉันก็ไม่มีโอกาสที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตสุขสบายของฉันได้อีก คิดว่าฉันจะยังยิ้มลงหรอ คิดว่าฉันจะมีความสุขจริงๆ หรอ ฉันอุตส่าห์หลีกหนีชีวิตที่ถูกบังคับมาตลอดไปได้แล้วแต่ยังถูกเรียกตัวกลับมาเพราะต้องแต่งงานกับคุณ" "แล้วทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธตั้งแต่แรกล่ะ?" "ฉันก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่ครอบครัวของฉันกดดันฉันทุกทาง บีบเค้นฉันจนฉันต้องยอมรับไง" "ร้องไห้ทำไม" "คนอย่างคุณน่ะมันไม่รู้หรอกว่าชีวิตที่ต้องเดินอยู่ในกรอบที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ให้มันอึดอัดแค่ไหน ต้องเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย ต้องเป็นผู้หญิงที่พูดเพราะ ต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่ง ห้ามทำแบบนั้นนะห้ามทำแบบนี้นะ ห้ามๆๆๆๆ ห้ามทุกอย่าง แล้วบอกว่ามันไม่ดีไม่ควรทำ ทั้งที่เรื่องพวกนี้ฉันควรเป็นคนได้เรียนรู้เองไม่ใช่หรอ พอฉันไม่ทำขึ้นมาฉันก็กลายเป็นคนไม่ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนคนก็มักจะมองว่าฉันเป็นพวกไม่เข้าสังคม ในสายตาของใครฉันไม่เคยดีเลย จนกระทั่งฉันตัดสินใจสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก เวลานั้นฉันรู้สึกเหมือนกับฉันได้ออกจากกรงทองที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ให้ ฉันก็ไม่คิดที่จะกลับมาอยู่ในกรงทองอีกเลย ใช่...ฉันไม่ได้กลับมาอยู่ในกรงทอง แต่ฉันกลับมาอยู่ในคุกแทน และฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไม่มีโอกาสตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตตัวเองอีกแล้ว" "ฉันขอโทษ..." "พอใจหรือยัง อยากจะรู้อะไรอีกไหม?" "เขม...อย่าร้องไห้สิ ฉันไม่ชินเลยกับการที่เธอร้องไห้แบบนี้ เธอต้องแสบซ่าสิ" "หึ! จากนี้มันคงไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไปแล้วล่ะ" "ฉันจะทำให้เธอมีรอยยิ้มเอง"ผลั่ก! หญิงสาวถูกผลักให้นอนราบลงไปบนเตียง ก่อนที่จะถูกชายตัวใหญ่ตามมาคร่อมอยู่บนร่างกายของเธอ "นี่คุณจะทำอะไร" "ฉันคงต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้เธอไม่อยากจะออกไปจากที่นี่อีก" "หยุดความคิดบ้าๆ ของคุณเดี๋ยวนี้เลยนะ!" หญิงสาวตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เพราะเธอก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันคืออะไร "ทำไมล่ะ เราสองคนก็แต่งงานกันมาตั้งนานแล้วนี่ แถมเรื่องบนเตียงเรายังไม่เคยทำด้วยกันสักครั้ง ลองดูบ้างมันจะเป็นอะไรไป?""มะ ไม่! ฉันไม่ยอมมีอะไรกับผู้ชายอย่างคุณหรอก!""ผู้ชายอย่างฉันมันเป็นยังไง?""ก็มันเป็นแบบนี้ไงแบบที่ฉันไม่ชอบ!""งั้นเหรอ งั้นฉันคงต้องทำให้เธอชอบฉันเร็วๆ มั้ง" "จ-จะทำอะไร" ชายหนุ่มจัดการถอดเสื้อยืดที่สวมใส่อยู่ออก เผยให้เห็นร่างกายที่บึกบึนและกำยำ แสดงให้เห็นว่าเขานั้นหุ่นดีและดูแลตัวเองขนาดไหน สีผิวที่ไม่ขาวแต่ก็ไม่ดำ ออกโทนสีน้ำผึ้ง ยิ่งได้แต่งแต้มด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ มันพาลทำให้ร่างกายของเขาดูเซ็กซี่ไม่น้อยเลย "อุ๊บอื้อ...!!" หญิงสาวพยายามใช้มือทุบตีตามหน้าอกของชายหนุ่ม เมื่อเขาโน้มตัวลงมาและจูบปากกับเธอโดยไม่ให้เธอตั้งตัวเลย ลิ้นร้อนพยายามที่จะสอดแทรกเข้าไ
เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเขาตื่นมากลับไม่พบว่าหญิงสาวที่เคยนอนร่วมเตียงไม่ได้นอนอยู่ในที่เดิม ก่อนจะรีบวิ่งลงมาทั้งที่คว้าผ้าขาวม้าได้ผืนเดียว พร้อมกับมือที่เร่งพันเอาไว้ที่เอว "ภา ภา! เห็นเขมรึเปล่า?!" "นายหัว อะไรกันจ๊ะ ภานึกว่าคุณนายยังไม่ตื่นซะอีกยังไม่เห็นคุณนายลงมาเลยนะจ๊ะ" แม่บ้านที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวรีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงของเจ้านาย "บ้าเอ้ย! หายไปไหนเนี่ย" "ดะ เดี๋ยวภาไปถามคนงานแถวๆ นี้ให้นะจ๊ะ""ไม่ต้อง ภาเข้าไปทำกับข้าวต่อเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง""จ้ะนายหัว" ชายหนุ่มรีบเดินออกมาข้างนอกก่อนจะออกคำสั่งให้คนงานที่อยู่ใกล้ๆ ออกตามหาหญิงสาวเพราะคิดว่าเธอคงไปไหนไม่ไกล ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ คนงานคนหนึ่งก็กลับเข้ามาด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก "นายหัวครับ นายหัว!" "ได้เรื่องว่ายังไง?""เจอคุณนายแล้วครับอยู่ทางตะวันออกโน่น" "ดี กลับไปทำงานกันต่อได้แล้ว""ครับนายหัว" ร่างสูงรีบเดินไปยังทางที่คนงานบอกว่าพบเขมิกาอยู่ที่นั่น และเขาก็ได้พบเธออยู่ที่นั่นจริงๆ "มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ รู้ไหมว่าคนเขาเป็นห่วง""ฉันแค่อยากมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นตอ
เกรียงไกร Talk หลายวันผ่านไป ผมกับเขมิกาเราคุยกันน้อยมาก เธอดูไม่สดใสหรือร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลย ทั้งที่เราจะต้องมีเรื่องให้เถียงกันอยู่ตลอด หรือไม่เราก็จะต้องทะเลาะกันประจำ แต่เธอเปลี่ยนไปจนผมตกใจว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีกหรือเปล่า ผมพยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเธอได้ เพราะเขมิกาเป็นคนที่นิสัยแรงๆ ตรงๆ และค่อนข้างใจร้อน ผิดกับผมที่ใจเย็นแต่ผมก็เด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่แพ้เธอเลย แต่พอได้รู้ว่าเธอต้องผ่านอะไรมาบ้างผมก็อดสงสารไม่ได้ "กินข้าวก่อนสิเขม""ฉันไม่หิว""คุณนายจ๊ะ ภาทำกับข้าวไว้ไม่เผ็ดนะ คุณนายกินได้จ้ะ" "ไม่ล่ะ สายๆ ฉันถึงจะกิน" เขมิกาเธอไม่ชอบกินกับข้าวที่มีรสเผ็ดจัด แต่อาหารใต้ที่ภาทำส่วนใหญ่มักจะเผ็ด เธอเลยกินไม่ค่อยได้เท่าไหร่ "เขม..." ผมเดินตามเธอออกไป "อะไร?" "อาทิตย์หน้าฉันจะพาเข้าเมือง แล้วจะแวะพาเธอไปหาพ่อกับแม่ด้วย""ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากไปแล้ว" "....." "แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด?" "ดะ เดี๋ยวสิเขม" ".....""เธอเป็นอะไร หลายวันมานี้เธอแปลกไปนะ ฉันทำอะไรผิดหรือว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า เธอบอกฉันได้เลยนะเขม ฉันกำลังพยายามปรับตะ...""ถ้ามันลำบากขนาดนั้นคุณไม่ต้องม
ตกเย็นวันหนึ่ง "ทำอะไรน่ะภา" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเพราะสงสัย ที่เห็นแม่บ้านกำลังหาบน้ำจากข้างนอกเข้ามาในบ้าน "น้ำในบ้านไม่ไหลจ้ะ ภาก็เลยต้องถามน้ำจากข้างนอกมาใช้ก่อน เป็นน้ำจากบ่อน่ะจ้ะ""ไม่ไหลเลยหรอ ข้างบนก็ไม่ไหลหรอ?""จ้ะ ไม่ไหลเลย""แล้วนี่ไปเอามาจากไหน?""น้ำในบ่อน้ำจ้ะ เอาไว้ใช้สำรองตอนที่น้ำไม่ไหล""อะไรกันเนี่ย มันเป็นแบบนี้บ่อยหรือเปล่า แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะ" "คุณนายต้องออกไปอาบน้ำข้างนอกจ้ะ หลังบ้านมีโอ่งน้ำอยู่ ตอนนี้นายหัวกำลังให้คนงานช่วยกันหาบน้ำมาใส่โอ่งไว้อยู่จ้ะ""บ้าบอ ข้างนอกมันมีอะไรปิดซะที่ไหนกัน ฉันอาบไม่ได้หรอก" เขมิกาตกใจที่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปอาบน้ำข้างนอก เพราะข้างนอกนั้นไม่มีอะไรปิดบังเลย ต่อให้รอบด้านจะเป็นป่าและมีกำแพงกั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจได้เลย ถ้าหากมีคนมาแอบยืนมองอยู่ด้านนอกกำแพงเธอจะทำยังไง "ถ้าคุณนายไม่อาบ ก็ไม่มีที่อื่นให้อาบแล้วนะจ๊ะ น้ำไม่ไหลแบบนี้ข้างบนก็ไม่มีน้ำเปิดใช้หรอกจ้ะ""แล้วอีกนานหรือเปล่า กว่าน้ำจะไหล ฉันไม่อยากออกไปนั่งอาบน้ำข้างนอก""ปกติกว่าจะจัดการได้ก็เป็นวันเลยล่ะจ๊ะ""บ้าจริง! บ้านก็รวยแท้ๆ แต่กลับมีปัญหาน้ำประปา
ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน “เธอดูร่าเริงขึ้นมากนะ ไม่ได้โกรธฉันเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” นายหัวไกรตัดสินใจถามออกไปเนื่องจากบรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัด เขาอยากรู้ว่าเธอหายโกรธเขาในเรื่องวันนั้นหรือยัง ที่เขาและเธอมีอะไรกัน และนั่นก็เป็นครั้งเดียวที่ทั้งสองไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกันอีกเลย จะว่าไม่อยากก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ใช่ความรักซะมากกว่า ทั้งสองเลยไม่ได้มีการเกินเลยกันอีก “จะถามทำไม มันใช่เรื่องที่ต้องถามเหรอ?”“เปล่าหรอก ก็แค่อยากรู้”“การเสียตัวมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ฉันต้องเสียใจฟูมฟาย ต่อให้ฉันจะยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนแต่ฉันก็ไม่ใช่พวกคลั่งกับการที่จะต้องเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้กับใคร เสียแล้วก็เสียไปไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาโวยวายเอาอะไร” “…..”หลายๆ อย่างที่เธอเริ่มแสดงออกมานั่นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เขมิกาไม่ใช่คนเลวร้ายและเธอก็ไม่ได้ร้ายกับใครก่อน เท่าที่เขารู้จักเธอมักจะเป็นคนนิ่งๆ มากกว่า แต่เพราะบุคลิกที่นิ่งจนเย็นชาแบบนี้ใครต่อใครมักจะมองว่าเธอเป็นคนที่ไม่ดี เขาเองก็เกือบจะหลงเชื่อแล้วเหมือนกัน แต่ดีที่เขาเป็นพวกที่ชอบพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยยังไม่ได้ปักใจเ
บรืน~ เสียงรถของนายหัวไกรแล่นเข้ามาจอดในบ้าน หลังจากที่เขมิกาได้โทรบอกว่าพ่อแม่ได้มาที่นี่พร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมายอะไรมาก่อน ทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่มีใครรู้เลย “ตาไกรกำลังมาใช่ไหมหนูเขม”“ค่ะ เขากำลังมาค่ะ” หญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบไม่ได้พูดคุยกับใครแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแทนที่เธอจะรู้สึกคิดถึงแต่ไม่เลย “พ่อครับ! แม่ครับ!”“มาแล้วเหรอ?” “คุณน้าสวัสดีครับ”“สวัสดีจ้ะ”“เป็นดองกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เรียกพ่อกับแม่สักทีล่ะหืม” เขาถูกพ่อของเขมิกาแซว เพราะไม่ยอมเรียกว่าพ่อสักที “เอ่อ ผมยังไม่ค่อยชินน่ะครับ” “กว่าจะมาได้นะลูกชาย” “พ่อกับแม่ไม่โทรมาบอกนี่ครับว่าจะมา ผมก็ออกไปทำงานสิ”“คนงานก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงยังออกไปทำงานอยู่อีก แล้วนี่ปล่อยให้หนูเขมอยู่บ้านคนเดียวทุกวันเลยเหรอ?”“เอ่อ…”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เขมอยู่คนเดียวได้ ไม่ได้เหงาอะไรค่ะ” “ตาไกร…”“แม่ครับ เราเป็นเจ้าของก็จริงแต่ถ้าไม่ทำงานเลยลูกน้องจะเอากำลังใจจากไหนทำงานล่ะครับ เป็นเจ้านายก็ไม่ควรสบายอย่างเดียวสิครับ”“เอาล่ะๆ มาแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” “ครับพ่อ” ผ่านไปสักพัก “นี่คุณ…
ตกเย็นในวันเดียวกัน แกร๊ก~"อะไรของคุณเนี่ย เข้าห้องคนอื่นมาไม่เคาะประตูได้ยังไง!?" หญิงสาวโวยวาย เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เปิดประตูแล้วเดินหอบข้าวของเข้าไปในห้องของเธอในทันทีโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเธอก่อน "แล้วนี่คุณหอบข้าวของมาทำไม" "ถ้าเราแยกกันนอนพ่อแม่ของเราก็รู้น่ะสิว่าเราแยกกันนอน" "แล้วมันยังไงฉันต้องสนใจด้วยหรอ?""ไม่ได้ๆ เราต้องนอนด้วยกันเพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องสงสัย" "เอ้า แล้วคุณจะมาเบียดฉันนอนเนี่ยนะ" "เตียงก็ตั้งกว้าง มีคนมานอนด้วยอีกคนคงไม่เป็นอะไรหรอก" "ไม่ได้คุณต้องนอนข้างล่างถ้าคุณจะนอนห้องนี้""เอ้า ข้างล่างพื้นมันแข็งแถมตอนกลางคืนก็หนาวอีกต่างหาก เธอจะให้ฉันนอนพื้นจนหนาวตายหรือยังไง" "คุณนอนพื้นมันไม่ตายหรอก แต่ถ้าคุณมานอนกับฉันคุณได้ตายแน่""อย่าใจร้ายนักสิ เตียงก็กว้างขวาง เธอจะไล่ฉันไปนอนข้างล่างเนี่ยนะ?""คุณไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะนี่คือห้องของฉันห้องส่วนตัวของฉัน ถึงคุณจะเป็นเจ้าของบ้านแต่ห้องห้องนี้ฉันเป็นเจ้าของ" "เขม..." "อะไร?" "ฉันว่าเราสองคนมีเรื่องที่ต้องทำกันแล้วล่ะ""เรื่องอะไร?""ก่อนหน้านั้นฉันได้ยินมาว่าพ่อกับแม่จะมาแอบฟังว่าเราสองคนทำอะไรกัน
ตกเย็น..."เดี๋ยวๆ ทำไมขนของของฉันออกมาล่ะ?" นายหัวไกรถามขณะที่เขมิกาขนข้าวของที่เขาขนเข้าห้องของเธอเมื่อคืนออกมาวางไว้ที่หน้าห้องจนหมด "แล้วคุณจะอยู่ทำไมล่ะ พ่อแม่ของเราก็กลับแล้วนี่""แล้วเรา...นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ""ไม่ได้ นอนห้องใครห้องมันสิ จะมานอนด้วยกันทำไม""เมื่อคืนฉันหลับสบายมากเลยนะ คงเป็นเพราะมีคนนอนด้วยเลยทำให้หลับสนิทได้""แล้วไง?""ฉันเป็นพวกที่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ขอนอนด้วยไม่ได้หรอ""ไม่ได้ๆ" เธอยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม "ทำไมล่ะ""ก็ฉัน...ไม่ชอบเวลามีใครนอนด้วย ฉันชอบนอนคนเดียวมากกว่า""...." "ตะ แต่ว่า ถ้าคุณอยากจะนอนก็ขนของกลับเข้าไปเองนะ แต่นอนพื้นเหมือนเดิมนะ ถ้าไม่อยากนอนพื้นแข็งๆ ก็หาอะไรมาปูเอาเองแก้ปัญหาเอาเอง""....." เขายืนยิ้มเมื่อเธอยอมให้เขาเข้าไปนอนในห้องด้วยเหมือนเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่ยอม แต่ก็อยากจะตื๊อเผื่อว่าเธอจะยอม และเขาก็ทำมันสำเร็จ 21:45น."ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีก""ไม่รู้สิ ไม่ง่วงมั้ง""พรุ่งนี้เข้าเมืองกัน" เขาเอ่ยปากชวน และทำให้หญิงสาวที่นอนมองเพดานอยู่ต้องหันกลับไปมอง "คุณจะไปซื้ออะไร?" "ไม่รู้สิ แค่อยากพาเธ
สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ
นายหัวเกรียงไกร Talk หลังจากที่นัดกันครั้งนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นการรวมตัวในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกัน ตอนนี้ผมกำลังขยับขยายบ้านของตัวเองให้กว้างขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้มีพื้นที่ว่างให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน ถึงบ้านที่อยู่มันจะกว้างแต่ก็อยากให้กว้างกว่านี้จะได้สร้างสนามเด็กเล่นเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกได้วิ่งเล่นกัน "อาหารมาแล้วครับทุกคน" "ว้าว น่ากินจังเลยลูก""งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะครับ ฝีมือลูกสะใภ้ของแม่เลยนะครับเนี่ย""น่าอร่อยมากเลย" "แล้วเขมล่ะยังไม่ออกมาอีกหรอ" "เดี๋ยวตามออกมาครับ" ผมตอบคุณพ่อของเขมิกา ตอนนี้ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง และมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนอยู่ช่วงนึง หมอบอกว่ามันเป็นส่วนนึงที่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการมีลูกเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้ "ผลไม้มาแล้วค่ะ" "เขมลูก.." "กินเยอะๆ นะคะ อาหารมื้อนี้หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลย""เก่งขึ้นเยอะเลยนะเราเนี่ย""สงสัยได้ครูสอนดีค่ะ" ครูที่ว่าก็หมายถึงผมและภาด้วยเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ภาคือคนที่สอนทำอาหารทั้งหมด แน่นอนว่าการรว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่หายดีแน่นอนว่าเขาก็กลับไปทำงานอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้หักโหมเหมือนกับครั้งก่อน "จำที่สอนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่สอนให้ภรรยาหัดขับรถคร่าวๆ แล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขับเองโดยที่มีเขานั่งข้างๆ แต่จะไม่บอกว่าต้องทำยังไง "ซ้ายสุดคือถอยหลัง เกียร์หนึ่งเกียร์สองเกียร์สาม จำให้ขึ้นใจว่าต้องเหยียบคลัทช์ก่อน ต้องปลดเบรคมือทุกครั้งถ้าจะเลื่อนรถ ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง" เธอนั่งท่องจำก่อนจะค่อยๆ ออกตัวรถไป "เมียครับ อยากกินเลนมากไปเดี๋ยวชนต้นไม้" "รู้แล้วน่า ก็ฉันเพิ่งหัดนี่จะให้เก่งเลยได้ยังไง" "ระวังต้นไม้ด้วยครับ" "พูดจังเลยนะ ฉันต้องการสมาธิอยู่เงียบๆ ได้ไหม!" "ครับๆ" อย่างนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอด "เฮ้อ..." "เมียครับคราวหน้าคุณเมียอย่าพาผัวไปเล่นกับต้นไม้อีกนะครับ ผัวไม่เอาแล้ว""เป็นอะไรเนี่ยพูดมากตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว""ก็ผัวกลัวเมียจะพาไปเล่นกับต้นไม้" "บ้าบอ!" "เป็นยังไงบ้างครับนายหัว""โห้ย เกร็งจนหำหดหมดแล้วเนี่ย""เอาน่าครับ คุณนายเพิ่งจะหัดขับครั้งแรกเอง""ใช่ ฉันเพิ่งจะหัดขับครั้งแ
กลางดึกสงัดในคืนเดียวกัน "อึกอืม..." เสียงครางพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมิกาที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่เธอจะรีบมองไปยังต้นเสียง และก็ได้พบว่าสามีกำลังนอนซมไข้อยู่ "คุณไกร...ตัวร้อนเป็นไฟเลย" เธอรีบจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับสามี พร้อมกับเอายาลดไข้ป้อนให้เขาจนกระทั่งพิษไข้นั้นซาลง สีหน้าที่ซีดเผือกกับร่างกายที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มดีขึ้นและเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา "เขม...""ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณตัวร้อนเป็นไฟเลย ฉันเอายาให้กินแล้วก็เช็ดตัวให้แล้ว" "ขอโทษนะที่ทำให้ต้องอดหลับอดนอน""คราวหน้าคุณห้ามโหมงานหนักแบบนี้อีกนะคะ""สงสัยอากาศมันจะร้อนน่ะ ร่างกายมันก็เลยปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเพลียแดดด้วยก็เลยเป็นแบบนี้ ขอบใจนะที่ดูแลกัน""ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแลคุณล่ะคะ" "นั่นสินะ เมียของฉันน่ารักจัง" "นอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาเตรียมไว้ใหม่ก่อน ถ้าคนไข้ขึ้นกลางดึกขึ้นมาอีกฉันจะได้เช็ดตัวให้ทัน""อื้ม..." ครั้งก่อนที่เธอไม่สบายเป็นไข้เขาเองก็ทำแบบนี้ไม่ต่างกัน คอยหายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ป้อนข้าวป้อนน้ำจนกระทั่งเธอกลับมาหายดีเป็นปกติ ตอนนี้เธอก็อยากจะทำแบบที่เ