เกรียงไกร Talk หลายวันผ่านไป ผมกับเขมิกาเราคุยกันน้อยมาก เธอดูไม่สดใสหรือร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลย ทั้งที่เราจะต้องมีเรื่องให้เถียงกันอยู่ตลอด หรือไม่เราก็จะต้องทะเลาะกันประจำ แต่เธอเปลี่ยนไปจนผมตกใจว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีกหรือเปล่า ผมพยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเธอได้ เพราะเขมิกาเป็นคนที่นิสัยแรงๆ ตรงๆ และค่อนข้างใจร้อน ผิดกับผมที่ใจเย็นแต่ผมก็เด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่แพ้เธอเลย แต่พอได้รู้ว่าเธอต้องผ่านอะไรมาบ้างผมก็อดสงสารไม่ได้ "กินข้าวก่อนสิเขม""ฉันไม่หิว""คุณนายจ๊ะ ภาทำกับข้าวไว้ไม่เผ็ดนะ คุณนายกินได้จ้ะ" "ไม่ล่ะ สายๆ ฉันถึงจะกิน" เขมิกาเธอไม่ชอบกินกับข้าวที่มีรสเผ็ดจัด แต่อาหารใต้ที่ภาทำส่วนใหญ่มักจะเผ็ด เธอเลยกินไม่ค่อยได้เท่าไหร่ "เขม..." ผมเดินตามเธอออกไป "อะไร?" "อาทิตย์หน้าฉันจะพาเข้าเมือง แล้วจะแวะพาเธอไปหาพ่อกับแม่ด้วย""ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากไปแล้ว" "....." "แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด?" "ดะ เดี๋ยวสิเขม" ".....""เธอเป็นอะไร หลายวันมานี้เธอแปลกไปนะ ฉันทำอะไรผิดหรือว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า เธอบอกฉันได้เลยนะเขม ฉันกำลังพยายามปรับตะ...""ถ้ามันลำบากขนาดนั้นคุณไม่ต้องม
ตกเย็นวันหนึ่ง "ทำอะไรน่ะภา" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเพราะสงสัย ที่เห็นแม่บ้านกำลังหาบน้ำจากข้างนอกเข้ามาในบ้าน "น้ำในบ้านไม่ไหลจ้ะ ภาก็เลยต้องถามน้ำจากข้างนอกมาใช้ก่อน เป็นน้ำจากบ่อน่ะจ้ะ""ไม่ไหลเลยหรอ ข้างบนก็ไม่ไหลหรอ?""จ้ะ ไม่ไหลเลย""แล้วนี่ไปเอามาจากไหน?""น้ำในบ่อน้ำจ้ะ เอาไว้ใช้สำรองตอนที่น้ำไม่ไหล""อะไรกันเนี่ย มันเป็นแบบนี้บ่อยหรือเปล่า แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะ" "คุณนายต้องออกไปอาบน้ำข้างนอกจ้ะ หลังบ้านมีโอ่งน้ำอยู่ ตอนนี้นายหัวกำลังให้คนงานช่วยกันหาบน้ำมาใส่โอ่งไว้อยู่จ้ะ""บ้าบอ ข้างนอกมันมีอะไรปิดซะที่ไหนกัน ฉันอาบไม่ได้หรอก" เขมิกาตกใจที่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปอาบน้ำข้างนอก เพราะข้างนอกนั้นไม่มีอะไรปิดบังเลย ต่อให้รอบด้านจะเป็นป่าและมีกำแพงกั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจได้เลย ถ้าหากมีคนมาแอบยืนมองอยู่ด้านนอกกำแพงเธอจะทำยังไง "ถ้าคุณนายไม่อาบ ก็ไม่มีที่อื่นให้อาบแล้วนะจ๊ะ น้ำไม่ไหลแบบนี้ข้างบนก็ไม่มีน้ำเปิดใช้หรอกจ้ะ""แล้วอีกนานหรือเปล่า กว่าน้ำจะไหล ฉันไม่อยากออกไปนั่งอาบน้ำข้างนอก""ปกติกว่าจะจัดการได้ก็เป็นวันเลยล่ะจ๊ะ""บ้าจริง! บ้านก็รวยแท้ๆ แต่กลับมีปัญหาน้ำประปา
ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน “เธอดูร่าเริงขึ้นมากนะ ไม่ได้โกรธฉันเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” นายหัวไกรตัดสินใจถามออกไปเนื่องจากบรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัด เขาอยากรู้ว่าเธอหายโกรธเขาในเรื่องวันนั้นหรือยัง ที่เขาและเธอมีอะไรกัน และนั่นก็เป็นครั้งเดียวที่ทั้งสองไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกันอีกเลย จะว่าไม่อยากก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ใช่ความรักซะมากกว่า ทั้งสองเลยไม่ได้มีการเกินเลยกันอีก “จะถามทำไม มันใช่เรื่องที่ต้องถามเหรอ?”“เปล่าหรอก ก็แค่อยากรู้”“การเสียตัวมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ฉันต้องเสียใจฟูมฟาย ต่อให้ฉันจะยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนแต่ฉันก็ไม่ใช่พวกคลั่งกับการที่จะต้องเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้กับใคร เสียแล้วก็เสียไปไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาโวยวายเอาอะไร” “…..”หลายๆ อย่างที่เธอเริ่มแสดงออกมานั่นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เขมิกาไม่ใช่คนเลวร้ายและเธอก็ไม่ได้ร้ายกับใครก่อน เท่าที่เขารู้จักเธอมักจะเป็นคนนิ่งๆ มากกว่า แต่เพราะบุคลิกที่นิ่งจนเย็นชาแบบนี้ใครต่อใครมักจะมองว่าเธอเป็นคนที่ไม่ดี เขาเองก็เกือบจะหลงเชื่อแล้วเหมือนกัน แต่ดีที่เขาเป็นพวกที่ชอบพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยยังไม่ได้ปักใจเ
บรืน~ เสียงรถของนายหัวไกรแล่นเข้ามาจอดในบ้าน หลังจากที่เขมิกาได้โทรบอกว่าพ่อแม่ได้มาที่นี่พร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมายอะไรมาก่อน ทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่มีใครรู้เลย “ตาไกรกำลังมาใช่ไหมหนูเขม”“ค่ะ เขากำลังมาค่ะ” หญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบไม่ได้พูดคุยกับใครแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแทนที่เธอจะรู้สึกคิดถึงแต่ไม่เลย “พ่อครับ! แม่ครับ!”“มาแล้วเหรอ?” “คุณน้าสวัสดีครับ”“สวัสดีจ้ะ”“เป็นดองกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เรียกพ่อกับแม่สักทีล่ะหืม” เขาถูกพ่อของเขมิกาแซว เพราะไม่ยอมเรียกว่าพ่อสักที “เอ่อ ผมยังไม่ค่อยชินน่ะครับ” “กว่าจะมาได้นะลูกชาย” “พ่อกับแม่ไม่โทรมาบอกนี่ครับว่าจะมา ผมก็ออกไปทำงานสิ”“คนงานก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงยังออกไปทำงานอยู่อีก แล้วนี่ปล่อยให้หนูเขมอยู่บ้านคนเดียวทุกวันเลยเหรอ?”“เอ่อ…”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เขมอยู่คนเดียวได้ ไม่ได้เหงาอะไรค่ะ” “ตาไกร…”“แม่ครับ เราเป็นเจ้าของก็จริงแต่ถ้าไม่ทำงานเลยลูกน้องจะเอากำลังใจจากไหนทำงานล่ะครับ เป็นเจ้านายก็ไม่ควรสบายอย่างเดียวสิครับ”“เอาล่ะๆ มาแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” “ครับพ่อ” ผ่านไปสักพัก “นี่คุณ…
ตกเย็นในวันเดียวกัน แกร๊ก~"อะไรของคุณเนี่ย เข้าห้องคนอื่นมาไม่เคาะประตูได้ยังไง!?" หญิงสาวโวยวาย เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็เปิดประตูแล้วเดินหอบข้าวของเข้าไปในห้องของเธอในทันทีโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเธอก่อน "แล้วนี่คุณหอบข้าวของมาทำไม" "ถ้าเราแยกกันนอนพ่อแม่ของเราก็รู้น่ะสิว่าเราแยกกันนอน" "แล้วมันยังไงฉันต้องสนใจด้วยหรอ?""ไม่ได้ๆ เราต้องนอนด้วยกันเพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องสงสัย" "เอ้า แล้วคุณจะมาเบียดฉันนอนเนี่ยนะ" "เตียงก็ตั้งกว้าง มีคนมานอนด้วยอีกคนคงไม่เป็นอะไรหรอก" "ไม่ได้คุณต้องนอนข้างล่างถ้าคุณจะนอนห้องนี้""เอ้า ข้างล่างพื้นมันแข็งแถมตอนกลางคืนก็หนาวอีกต่างหาก เธอจะให้ฉันนอนพื้นจนหนาวตายหรือยังไง" "คุณนอนพื้นมันไม่ตายหรอก แต่ถ้าคุณมานอนกับฉันคุณได้ตายแน่""อย่าใจร้ายนักสิ เตียงก็กว้างขวาง เธอจะไล่ฉันไปนอนข้างล่างเนี่ยนะ?""คุณไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะนี่คือห้องของฉันห้องส่วนตัวของฉัน ถึงคุณจะเป็นเจ้าของบ้านแต่ห้องห้องนี้ฉันเป็นเจ้าของ" "เขม..." "อะไร?" "ฉันว่าเราสองคนมีเรื่องที่ต้องทำกันแล้วล่ะ""เรื่องอะไร?""ก่อนหน้านั้นฉันได้ยินมาว่าพ่อกับแม่จะมาแอบฟังว่าเราสองคนทำอะไรกัน
ตกเย็น..."เดี๋ยวๆ ทำไมขนของของฉันออกมาล่ะ?" นายหัวไกรถามขณะที่เขมิกาขนข้าวของที่เขาขนเข้าห้องของเธอเมื่อคืนออกมาวางไว้ที่หน้าห้องจนหมด "แล้วคุณจะอยู่ทำไมล่ะ พ่อแม่ของเราก็กลับแล้วนี่""แล้วเรา...นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ""ไม่ได้ นอนห้องใครห้องมันสิ จะมานอนด้วยกันทำไม""เมื่อคืนฉันหลับสบายมากเลยนะ คงเป็นเพราะมีคนนอนด้วยเลยทำให้หลับสนิทได้""แล้วไง?""ฉันเป็นพวกที่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ขอนอนด้วยไม่ได้หรอ""ไม่ได้ๆ" เธอยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม "ทำไมล่ะ""ก็ฉัน...ไม่ชอบเวลามีใครนอนด้วย ฉันชอบนอนคนเดียวมากกว่า""...." "ตะ แต่ว่า ถ้าคุณอยากจะนอนก็ขนของกลับเข้าไปเองนะ แต่นอนพื้นเหมือนเดิมนะ ถ้าไม่อยากนอนพื้นแข็งๆ ก็หาอะไรมาปูเอาเองแก้ปัญหาเอาเอง""....." เขายืนยิ้มเมื่อเธอยอมให้เขาเข้าไปนอนในห้องด้วยเหมือนเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่ยอม แต่ก็อยากจะตื๊อเผื่อว่าเธอจะยอม และเขาก็ทำมันสำเร็จ 21:45น."ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีก""ไม่รู้สิ ไม่ง่วงมั้ง""พรุ่งนี้เข้าเมืองกัน" เขาเอ่ยปากชวน และทำให้หญิงสาวที่นอนมองเพดานอยู่ต้องหันกลับไปมอง "คุณจะไปซื้ออะไร?" "ไม่รู้สิ แค่อยากพาเธ
วันต่อมา "อยากได้อะไรก็เลือกได้เลยนะ เดี๋ยวจ่ายให้เอง" ชายหนุ่มพูดขณะที่กำลังพาภรรยาสาวออกเดินตลาด ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก วัยรุ่น หรือแม้กระทั่งคนแก่ เดินกันให้วุ่นวายไปหมด "ไม่รู้จะเลือกอะไร""นานๆ จะมาสักครั้ง ไม่มีอะไรที่ต้องซื้อเลยรึไง""จะซื้ออะไรได้ล่ะ ฉันไม่มีอะไรที่อยากได้นี่ ของบางอย่างที่ต้องใช้ก็ฝากภาซื้อแค่นั้นเอง" "อ๋อ...""ตลาดที่นี่ใหญ่เหมือนกันแฮะ ใหญ่กว่าตลาดที่นั่นตั้งเยอะ""ตรงนี้เป็นคล้ายๆ จุดศูนย์รวมของคนในอำเภอน่ะ เวลามีตลาดใหญ่ๆ แบบนี้คนก็จะมารวมตัวกัน เที่ยวกันด้วย""ถึงว่าคนเยอะมาก""เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากพาเธอมา กลัวเธอจะเหนื่อย""จะมาห่วงทำไม""ก็เธอเป็นเมียฉันไง" ว่าแล้วมือหนาก็คว้ามือของภรรยาไปจับไว้แล้วพาเธอเดินหลบเลี่ยงผู้คนที่กำลังเดินสวนทางกันอย่างชุลมุน "นายหัว!" ทั้งสองหันไปตามเสียงเรียกที่ดังขึ้น แม้ผู้คนจะมากมายแต่ก็น้อยนักที่จะมีใครมาเรียกกันแบบนี้ เขารู้ดีว่าเจ้าของต้นเสียงนั้นกำลังเรียกเขาอยู่ "เพ็ญ""ดีใจจังที่ได้เจอ มาเที่ยวเหรอจ๊ะ ไม่เห็นบอกเพ็ญก่อนเลย เพ็ญก็มาเที่ยวเหมือนกัน พอดีเลยเพ็ญไม่มีเพื่อนเดินอยู่พอดี เราไปเดินเที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ใคร""ภาเองจ้ะคุณนาย พอดีนายหัวให้มาตามจ้ะรออยู่ข้างล่าง" "ได้ๆ เดี๋ยวตามลงไป" "จ้ะคุณนาย" เขมิกาเร่งมือกับงานตรงหน้าก่อนจะรีบลงไปด้านล่าง "มีอะไรหรือเปล่าคุณ""ฉันจะเข้าตัวจังหวัดน่ะ อยากไปด้วยไหม""คุณไปทำอะไร?""ไปธุระเรื่องที่ดินน่ะ""แล้วจะให้ฉันไปด้วยทำไม คุณไปทำธุระนี่" "ไปทำธุระครึ่งวันก็เสร็จแล้ว ในตัวจังหวัดมีห้างนะไม่อยากไปจริงๆ เหรอ" "จะพาฉันเที่ยวห้างเหรอ?""อืม ไปไหมล่ะ""เลี้ยงไหมล้า""ตลอดชีวิตเลยก็ได้""งั้นก็ไปสิ"นานเข้าทั้งสองก็เริ่มสนิทกัน เริ่มเปิดใจให้กันมากขึ้น เขมิกาเริ่มเป็นคนที่พูดเยอะขึ้นเวลาอยู่กับเขาแม้กระทั่งสองต่อสอง และนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเธอเองก็มีมุมร่าเริงเหมือนกันแต่น้อยนักที่เธอจะแสดงออกต่อหน้าใครๆ “จะรออยู่ที่รถหรือจะไปด้วยกัน”“รอที่รถดีกว่า ฉันไม่อยากเข้าไป มันอึดอัด”“โอเค งั้นถ้าเสร็จแล้วจะรีบออกมานะ”“อื้ม” เขมิกานั่งรออยู่ที่รถจนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ เธอเดินออกมาเดินเล่นที่ข้างๆ รถ เนื่องจากที่คุ้นชินกับที่นี่ก็เลยไม่อยากไปไหนไกล “ขอโทษนะครับพี่สาว”“หือ…? มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “คือผมเพิ่งมาจากตัวกรุงเทพอยากถามว
สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ
นายหัวเกรียงไกร Talk หลังจากที่นัดกันครั้งนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นการรวมตัวในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกัน ตอนนี้ผมกำลังขยับขยายบ้านของตัวเองให้กว้างขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้มีพื้นที่ว่างให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน ถึงบ้านที่อยู่มันจะกว้างแต่ก็อยากให้กว้างกว่านี้จะได้สร้างสนามเด็กเล่นเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกได้วิ่งเล่นกัน "อาหารมาแล้วครับทุกคน" "ว้าว น่ากินจังเลยลูก""งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะครับ ฝีมือลูกสะใภ้ของแม่เลยนะครับเนี่ย""น่าอร่อยมากเลย" "แล้วเขมล่ะยังไม่ออกมาอีกหรอ" "เดี๋ยวตามออกมาครับ" ผมตอบคุณพ่อของเขมิกา ตอนนี้ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง และมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนอยู่ช่วงนึง หมอบอกว่ามันเป็นส่วนนึงที่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการมีลูกเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้ "ผลไม้มาแล้วค่ะ" "เขมลูก.." "กินเยอะๆ นะคะ อาหารมื้อนี้หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลย""เก่งขึ้นเยอะเลยนะเราเนี่ย""สงสัยได้ครูสอนดีค่ะ" ครูที่ว่าก็หมายถึงผมและภาด้วยเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ภาคือคนที่สอนทำอาหารทั้งหมด แน่นอนว่าการรว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่หายดีแน่นอนว่าเขาก็กลับไปทำงานอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้หักโหมเหมือนกับครั้งก่อน "จำที่สอนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่สอนให้ภรรยาหัดขับรถคร่าวๆ แล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขับเองโดยที่มีเขานั่งข้างๆ แต่จะไม่บอกว่าต้องทำยังไง "ซ้ายสุดคือถอยหลัง เกียร์หนึ่งเกียร์สองเกียร์สาม จำให้ขึ้นใจว่าต้องเหยียบคลัทช์ก่อน ต้องปลดเบรคมือทุกครั้งถ้าจะเลื่อนรถ ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง" เธอนั่งท่องจำก่อนจะค่อยๆ ออกตัวรถไป "เมียครับ อยากกินเลนมากไปเดี๋ยวชนต้นไม้" "รู้แล้วน่า ก็ฉันเพิ่งหัดนี่จะให้เก่งเลยได้ยังไง" "ระวังต้นไม้ด้วยครับ" "พูดจังเลยนะ ฉันต้องการสมาธิอยู่เงียบๆ ได้ไหม!" "ครับๆ" อย่างนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอด "เฮ้อ..." "เมียครับคราวหน้าคุณเมียอย่าพาผัวไปเล่นกับต้นไม้อีกนะครับ ผัวไม่เอาแล้ว""เป็นอะไรเนี่ยพูดมากตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว""ก็ผัวกลัวเมียจะพาไปเล่นกับต้นไม้" "บ้าบอ!" "เป็นยังไงบ้างครับนายหัว""โห้ย เกร็งจนหำหดหมดแล้วเนี่ย""เอาน่าครับ คุณนายเพิ่งจะหัดขับครั้งแรกเอง""ใช่ ฉันเพิ่งจะหัดขับครั้งแ
กลางดึกสงัดในคืนเดียวกัน "อึกอืม..." เสียงครางพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมิกาที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่เธอจะรีบมองไปยังต้นเสียง และก็ได้พบว่าสามีกำลังนอนซมไข้อยู่ "คุณไกร...ตัวร้อนเป็นไฟเลย" เธอรีบจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับสามี พร้อมกับเอายาลดไข้ป้อนให้เขาจนกระทั่งพิษไข้นั้นซาลง สีหน้าที่ซีดเผือกกับร่างกายที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มดีขึ้นและเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา "เขม...""ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณตัวร้อนเป็นไฟเลย ฉันเอายาให้กินแล้วก็เช็ดตัวให้แล้ว" "ขอโทษนะที่ทำให้ต้องอดหลับอดนอน""คราวหน้าคุณห้ามโหมงานหนักแบบนี้อีกนะคะ""สงสัยอากาศมันจะร้อนน่ะ ร่างกายมันก็เลยปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเพลียแดดด้วยก็เลยเป็นแบบนี้ ขอบใจนะที่ดูแลกัน""ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแลคุณล่ะคะ" "นั่นสินะ เมียของฉันน่ารักจัง" "นอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาเตรียมไว้ใหม่ก่อน ถ้าคนไข้ขึ้นกลางดึกขึ้นมาอีกฉันจะได้เช็ดตัวให้ทัน""อื้ม..." ครั้งก่อนที่เธอไม่สบายเป็นไข้เขาเองก็ทำแบบนี้ไม่ต่างกัน คอยหายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ป้อนข้าวป้อนน้ำจนกระทั่งเธอกลับมาหายดีเป็นปกติ ตอนนี้เธอก็อยากจะทำแบบที่เ