เวลาผ่านไป
ฉันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรโลกภายนอกเลยมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะขังฉันเหมือนหมูหมากาไก่ไม่ให้ออกไปข้างนอก จะมีบ้างที่ฉันได้ออกไปข้างนอกโดยที่มีเขาเป็นคนพาไป "คุณนาย" "วันนี้มีอะไรกินบ้าง" "มีคั่วกลิ้ง มีแกงส้มไข่ปลา แต่ภาพยายามทำไม่ให้เผ็ดแล้วนะจ๊ะคุณนายน่าจะกินได้" "อื้ม..." "นั่งลงสิเธอไม่กินข้าวหรือไง" "ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่?" "ทำไมถึงถามแบบนี้" "แล้วฉันจะไม่มีโอกาสมีชีวิตเป็นของตัวเองเลยหรอ ฉันต้องอยู่ที่นี่แล้วฟังคำสั่งจากคุณ คุณห้ามทำอะไรฉันก็ต้องไม่ทำ คุณสั่งให้ฉันทำอะไรฉันก็ต้องทำ เหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่โดนคุณล่ามโซ่เอาไว้อยู่" "แล้วเธอจะออกไปทำงานอะไร อยู่ที่นี่ก็ดีแล้วคอยจัดการเรื่องบัญชีให้ฉัน แม่ของเธอบอกว่าเธอเก่งเรื่องคณิตศาสตร์" "....." ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากับแม่ของฉันคุยกันบ่อยขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสืบเรื่องราวของฉันจากแม่ของฉันมาโดยเฉพาะเลย "ฉันต้องออกไปทำงาน พักกลางวันอาจจะกลับมา เตรียมกับข้าวกลางวันไว้ด้วยล่ะ" "จะกลับมาทำไมปกติคุณก็ไม่ได้กลับนี่" "วันนี้ออกไปทำที่สวนใกล้ๆไม่อยากจะห่อข้าวไป กลับมากินที่บ้านสะดวกกว่า" "....." ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา เพราะปกติฉันก็ไม่ใช่คนทำอาหารอยู่แล้ว *************** "คุณนายอยู่แต่บ้านไม่เบื่อบ้างเหรอจ๊ะ" "เบื่อสิ ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ใจจะขาดละ" "ออกไป?" "ฉันอยากกลับบ้านของฉัน" "ทำไมล่ะจ๊ะ ภาทำอะไรให้คุณนายไม่พอใจหรือเปล่าจ๊ะ" "มันไม่ใช่เธอหรอกเธอไม่ต้องเป็นกังวลไปมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย" "อ้าว...ก็คุณนาย..บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" "ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ฉันก็มีเหตุผลของฉันมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอหรอกไม่ต้องไปคิดมาก" เหตุผลที่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ก็เพราะอีตาบ้านั่นต่างหากล่ะ ชอบมาหาเรื่องฉันวุ่นวายกับฉันอยู่เรื่อย คุณแม่บอกกับฉันว่าอยู่นานๆ ไปเดี๋ยวก็รักกันเอง สภาพแบบนี้จะไปรักกันลงอีท่าไหนฉันยังนึกไม่ออกเลยเจอหน้ากันทีไรก็มีแต่เรื่องแต่ราวแทบจะไม่ได้พูดดีๆ กันสักครั้ง "ภา ภา" "จ้า" เสียงตะโกนดังอยู่ทางหน้าบ้าน ฉันชะเง้อหน้าออกไปมองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เดินออกไปมอง คงจะเป็นญาติของผู้หญิงคนนั้นละมั้ง "นายหัวออกไปไหนหรอภา" "ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วจ้ะ แต่เดี๋ยวเที่ยงๆ ก็คงกลับมา" แม่บ้านพาผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เราสองคนได้มองหน้ากันพอดีแต่ฉันก็ไม่ได้ทักทายอะไร เพราะฉันไม่ได้รู้จัก "นี่ใครหรอภาแม่บ้านคนใหม่หรอ?" "ไม่ใช่จ้ะไม่ใช่!" "อ้าว แล้วเป็นใครกันล่ะ?" "เมียนายหัวจ้ะ" "เมีย?" "จ้ะ" "....." ผู้หญิงคนนั้นมองฉันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอเพราะไม่รู้จักกันและฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย "นายหัวแต่งงานแล้วหรอ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย" "จ้ะ นายหัวแต่งงานแล้ว" "อ๋อ..." "เดี๋ยวภาไปเอาน้ำมาให้นะคะ คุณเพ็ญไปนั่งรออยู่กับคุณนายก่อนนะคะ" "จ้ะ" ผู้หญิงคนนั้นเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน ก่อนที่เธอจะฉีกยิ้มให้กับฉันแต่ไม่ได้พูดอะไร "เธอยิ้มอะไร?" "นายหัวนี่ก็ตาถึงดีเหมือนกันนะ เลือกเมียได้ซะสวยเลย ว่าแต่เธอลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ" "ไม่ใช่เรื่องของเธอจะอยากรู้ไปทำไม" "อ้อ...หน้าตาดูดีแต่ทำไมคำพูดถึงได้สวนทางกับหน้าตาเลยล่ะ" "....." ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรไปเพราะดูรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามหาเรื่องฉัน คิดว่าฉันจะหลงกลง่ายๆ เหรอ รู้จักคนอย่างเขมิกาน้อยไปซะแล้ว มีปากก็พูดไปเถอะเจอของจริงขึ้นมาจะพูดไม่ออก "อยากจะรู้จริงๆ ว่านายหัว ไปรักไปชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เท่าที่ฉันรู้นายหัวชอบคนเรียบร้อยพูดน้อยนี่นา" "จะเลิกพล่ามได้ยังรำคาญ ถ้าจะมาเพื่อหาเรื่องคนอื่นก็กลับไป" "โอ๊ะโอ...เก่งซะด้วย" "....." "ฉันก็แค่ถามว่านายหัวชอบคนอย่างเธอได้ยังไง" "คิดว่าเขาจะเลือกเธองั้นหรอ ก่อนที่จะมองว่าคนอื่นไม่ดีมองตัวเองก่อน เธอกับฉันไม่เคยรู้จักกัน อย่ามาหาเรื่องฉัน" "น้ำได้แล้วจ้ะคุณเพ็ญ" "ขอบใจจ้ะภา" พรึบ! "คุณนายจะไปเดินเล่นหรอจ๊ะ" "จะไปข้างบน ถ้าเขามาก็หาข้าวให้เขาเลยไม่ต้องไปตามนะ ขอพักสักหน่อย รู้สึกอยากจะอ้วก" "จ้ะๆ คุณนาย" ฉันเดินกลับขึ้นมาข้างบนจนกระทั่งเย็น ฉันลงกลับไปที่ด้านล่างเพราะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะกลับไปแล้วล่ะ แต่ไม่ใช่ ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่แถมยังนั่งกระหนุงกระหนิงอยู่กับอีตาบ้านั่นอีกด้วย "ดีขึ้นแล้วหรอ เห็นภาบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย" "แค่อยากจะอ้วกใส่ใครบางคนเฉยๆ" "อะไร ใครไปทำอะไรให้" "อ้อ ก่อนหน้าที่นายหัวจะมา ฉันคุยกับเมียของนายหัวแล้วนะ เธอน่ารักดีและเป็นกันเองมาก" "แหวะ! ฉันจะไปช่วยภาในครัวนะ เชิญตามสบาย" คิดเหรอว่าฉันจะเป็นไม้กันหมาให้ได้ง่ายๆ ฝันไปเหอะ คนอย่างฉันไม่คิดจะเป็นไม้กันหมาให้ใครหรอก โดยเฉพาะหมาตัวนี้ ผ่านไปสักพัก "เพ็ญเขาจะกินข้าวกับเราด้วยนะ ภาช่วยจัดให้อีกที่ด้วยล่ะ" "ได้จ้ะนายหัว" "ฉันไม่กิน ภาจัดแค่สองที่พอ ฉันไม่หิว" "ดะ ได้จ้ะ" "เป็นอะไรไปอีก อยู่ดีๆ ก็อารมณ์เสียใส่" "ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่ไม่ชอบกินข้าวกับใครหลายคน ชอบความเป็นส่วนตัว ฉันไม่ชอบปั้นหน้าเข้าสังคม" "....." "แต่ฉันว่าลองเข้าสังคมกว้างๆ บ้างก็ดีนะ เพราะการที่เราได้เข้าสังคมมันทำให้เรารู้จักอะไรๆ ดีขึ้น" "มันเรื่องของฉัน" "คุยดีๆ สิเขมิกา" "จิ๊!" "ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะนายหัว เธอยังเด็ก ยังไม่รู้จักอะไรมากมายหรอก" "นี่คุณ ที่ฉันไม่กินข้าวเนี่ยเพราะฉันจะกินอย่างอื่นมากกว่า คุณรีบกินข้าวกับคนอื่นให้เสร็จเร็วๆ นะคะ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำทาครีมหอมๆ รอคุณอยู่ข้างบน จุ๊บ" "อุ้ย คุณนายจุ๊บนายหัว น่ารักจัง" "รีบๆ นะคะ อยากกินข้าวกับคนอื่นนานเมียไม่อยากรอ" ฉันเขย่งเท้าขึ้นแล้วจูบปากเขาต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะหันไปยิ้มเย้ยใส่ รู้จักคนอย่างเขมิกาน้อยไปนะป้า เด็กอย่างฉันไม่ได้ไม่รู้อะไร แต่มีวิธีจัดการต่างหากล่ะก๊อกๆๆ "ใคร?""ฉันเอง"แกร้ก!ฉันลุกออกไปเปิดประตูให้กับเขา ปกติหลังจากที่เราสองคนแยกย้ายกันเข้าห้องแล้ว ก็จะไม่ได้มารบกวนอะไรกันอีกมีเรื่องอะไรก็จะคุยกันตอนเช้าอีกทีเลย "มีอะไร?""เพ็ญเขาจะขอนอนที่นี่สักคืนนึง เธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม ฉันให้ภาจัดห้องนอนเอาไว้ให้แล้วอยู่ฝั่งโน้น" "เรื่องของคุณสิบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของฉันสักหน่อยจะมาถามฉันทำไม" ".....""แค่นี้ใช่ไหมที่จะมาพูด ฉันจะได้นอน" "เดี๋ยว..." "อะไรของคุณอีก?" "เมื่อกลางวันได้ทะเลาะอะไรกับเพ็ญหรือเปล่า""คุณก็ไปถามคนของคุณเอาเองสิ ฉันพูดอะไรไปคุณจะเชื่อหรือไง""ก็ยังไม่ทันได้พูดเลย ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ" "คนที่จะเชื่อฉันอยู่แล้วนี่" "...." "ฉันไม่อยากยุ่งอะไรกับใครทั้งนั้น แค่นี้แหละที่คุณจะได้ยินจากฉัน" ปัง! ฉันปิดประตูใส่หน้าเขาทันที ฉันไม่ชอบพูดอะไรให้มันยืดเยื้อในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้ว คนอย่างฉันถ้าจะเอาเรื่องจริงๆ ฉันเอาเรื่อง ณ ตอนนั้นเวลานั้นไปแล้ว ไม่ปล่อยผ่านมาจนถึงตอนนี้หรอก ************สายๆ ของวันถัดมา ฉันตื่นตามเวลาปกติซึ่งน่าจะเป็นเวลาสายๆ ของที่นี่เลย แต่พอลงมาแล้วก็เจอเรื่องน่าเบื่อเลย
หมัดหนักๆ สวนเข้าหน้าของหญิงสาวที่เพิ่งจะทำร้ายเธอก่อนหน้านี้ ทำให้ใบหน้าสวยๆ ที่มีการแต่งเติมเครื่องสำอางมีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย “อี๊เลือด! นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่ง”“กะ เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ตะ ตายแล้วคุณเพ็ญ” “เจ้านายเธอมันหมาบ้า!!” “…..”“ไปล้างเลือดออกก่อนนะจ๊ะคุณเพ็ญ”“คอยดูนะนายหัวกลับมา ฉันจะบอกนายหัวให้ทำโทษเธอที่เธอมาทำร้ายร่างกายฉัน”“…..”เขมิกาไม่ได้กลัวและก็ไม่คิดจะหนีปัญหาด้วย ถ้าเขากลับมาเธอก็พร้อมที่จะบอกความจริงทุกอย่างที่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องโกหกเพื่อเอาความดีใส่ตัวเองและให้เธอเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว ตกเย็น…“มีอะไรจะพูดไหมเขม?”“จะฟังความจริง หรือจะฟังคำพูดตอแหลล่ะคะ ฉันจะได้บอกถูกว่าควรฟังใคร”“ความจริง ฉันต้องการความจริง”“ความจริงที่ว่าก็คือ ฉันถูกหาเรื่องก่อนและก็มาผลักฉันก่อนด้วย คราวนี้เข้าใจหรือยังทำไมฉันถึงได้สวนกลับแบบนี้ ไม่ซ้ำก็บุญเท่าไหร่แล้ว”“จริงหรือเปล่าเพ็ญ ก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้บอกกับฉันแบบนี้” “กะ ก็ มันก็จริงค่ะ แต่เราก็แค่มีปากเสียงกันตามประสาผู้หญิงแค่นั้น” “แล้วที่ไปตบเขมก่อนจริงหรือเปล่า?”“เอ่อ…
"เฮือก!" เสียงทรงพลังดังขึ้นทำเอาหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเดินออกถึงกับยืนนิ่งขาแข็งไปเลย "นะ นายหัว..." "กูถามว่าจะพาเมียกูออกไปไหน!!" ชายหนุ่มร่างสูงตวาดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาทั้งสองที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ กันสะดุ้งจนหัวไหล่สั่น "คะ คือว่า...""ฉันก็จะออกไปจากบ้านบ้าๆ นี่ไง" "เขม! ฉันเคยเตือนเธอไปหลายครั้งแล้วนะ" "จะเป็นหรือจะตายจะมาสนใจฉันทำไม!" "กลับเข้าไปในบ้าน""ไม่!""เขม!""คุณมันก็ดีแต่ออกคำสั่งให้คนอื่นทำตาม พอเขาไม่ทำตามก็ใช้เสียงข่มใช้ความน่าเกรงกลัวของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว คนอย่างคุณมันก็มีดีแค่นี้แหละ" ".....""คนอย่างฉันมันไม่เคยมีอะไรดีอยู่แล้วนี่ ฉันมันผิดตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน!" "เธอออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น กลับเข้าบ้านไป อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง" "เหอะ!" "ส่วนมึงกูกลับมาคิดบัญชีทีหลังแน่" เขมิกาเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อที่จะเข้าห้องของตัวเอง แต่ดันถูกขวางเอาไว้ซะก่อน "ออกไปนะ!""เธอคิดอะไรของเธออยู่ถึงได้จะออกไปจากที่นี่กลางค่ำกลางคืนแบบนี้""ก็คิดที่จะหนีออกไปให้พ้นจากผู้ชายอย่างคุณไง!""ครั้งนี้เธอทำเกิน
ผลั่ก! หญิงสาวถูกผลักให้นอนราบลงไปบนเตียง ก่อนที่จะถูกชายตัวใหญ่ตามมาคร่อมอยู่บนร่างกายของเธอ "นี่คุณจะทำอะไร" "ฉันคงต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้เธอไม่อยากจะออกไปจากที่นี่อีก" "หยุดความคิดบ้าๆ ของคุณเดี๋ยวนี้เลยนะ!" หญิงสาวตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เพราะเธอก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันคืออะไร "ทำไมล่ะ เราสองคนก็แต่งงานกันมาตั้งนานแล้วนี่ แถมเรื่องบนเตียงเรายังไม่เคยทำด้วยกันสักครั้ง ลองดูบ้างมันจะเป็นอะไรไป?""มะ ไม่! ฉันไม่ยอมมีอะไรกับผู้ชายอย่างคุณหรอก!""ผู้ชายอย่างฉันมันเป็นยังไง?""ก็มันเป็นแบบนี้ไงแบบที่ฉันไม่ชอบ!""งั้นเหรอ งั้นฉันคงต้องทำให้เธอชอบฉันเร็วๆ มั้ง" "จ-จะทำอะไร" ชายหนุ่มจัดการถอดเสื้อยืดที่สวมใส่อยู่ออก เผยให้เห็นร่างกายที่บึกบึนและกำยำ แสดงให้เห็นว่าเขานั้นหุ่นดีและดูแลตัวเองขนาดไหน สีผิวที่ไม่ขาวแต่ก็ไม่ดำ ออกโทนสีน้ำผึ้ง ยิ่งได้แต่งแต้มด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ มันพาลทำให้ร่างกายของเขาดูเซ็กซี่ไม่น้อยเลย "อุ๊บอื้อ...!!" หญิงสาวพยายามใช้มือทุบตีตามหน้าอกของชายหนุ่ม เมื่อเขาโน้มตัวลงมาและจูบปากกับเธอโดยไม่ให้เธอตั้งตัวเลย ลิ้นร้อนพยายามที่จะสอดแทรกเข้าไ
เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเขาตื่นมากลับไม่พบว่าหญิงสาวที่เคยนอนร่วมเตียงไม่ได้นอนอยู่ในที่เดิม ก่อนจะรีบวิ่งลงมาทั้งที่คว้าผ้าขาวม้าได้ผืนเดียว พร้อมกับมือที่เร่งพันเอาไว้ที่เอว "ภา ภา! เห็นเขมรึเปล่า?!" "นายหัว อะไรกันจ๊ะ ภานึกว่าคุณนายยังไม่ตื่นซะอีกยังไม่เห็นคุณนายลงมาเลยนะจ๊ะ" แม่บ้านที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวรีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงของเจ้านาย "บ้าเอ้ย! หายไปไหนเนี่ย" "ดะ เดี๋ยวภาไปถามคนงานแถวๆ นี้ให้นะจ๊ะ""ไม่ต้อง ภาเข้าไปทำกับข้าวต่อเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเอง""จ้ะนายหัว" ชายหนุ่มรีบเดินออกมาข้างนอกก่อนจะออกคำสั่งให้คนงานที่อยู่ใกล้ๆ ออกตามหาหญิงสาวเพราะคิดว่าเธอคงไปไหนไม่ไกล ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ คนงานคนหนึ่งก็กลับเข้ามาด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก "นายหัวครับ นายหัว!" "ได้เรื่องว่ายังไง?""เจอคุณนายแล้วครับอยู่ทางตะวันออกโน่น" "ดี กลับไปทำงานกันต่อได้แล้ว""ครับนายหัว" ร่างสูงรีบเดินไปยังทางที่คนงานบอกว่าพบเขมิกาอยู่ที่นั่น และเขาก็ได้พบเธออยู่ที่นั่นจริงๆ "มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ รู้ไหมว่าคนเขาเป็นห่วง""ฉันแค่อยากมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นตอ
เกรียงไกร Talk หลายวันผ่านไป ผมกับเขมิกาเราคุยกันน้อยมาก เธอดูไม่สดใสหรือร่าเริงเหมือนแต่ก่อนเลย ทั้งที่เราจะต้องมีเรื่องให้เถียงกันอยู่ตลอด หรือไม่เราก็จะต้องทะเลาะกันประจำ แต่เธอเปลี่ยนไปจนผมตกใจว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจอีกหรือเปล่า ผมพยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเธอได้ เพราะเขมิกาเป็นคนที่นิสัยแรงๆ ตรงๆ และค่อนข้างใจร้อน ผิดกับผมที่ใจเย็นแต่ผมก็เด็ดขาดและตรงไปตรงมาไม่แพ้เธอเลย แต่พอได้รู้ว่าเธอต้องผ่านอะไรมาบ้างผมก็อดสงสารไม่ได้ "กินข้าวก่อนสิเขม""ฉันไม่หิว""คุณนายจ๊ะ ภาทำกับข้าวไว้ไม่เผ็ดนะ คุณนายกินได้จ้ะ" "ไม่ล่ะ สายๆ ฉันถึงจะกิน" เขมิกาเธอไม่ชอบกินกับข้าวที่มีรสเผ็ดจัด แต่อาหารใต้ที่ภาทำส่วนใหญ่มักจะเผ็ด เธอเลยกินไม่ค่อยได้เท่าไหร่ "เขม..." ผมเดินตามเธอออกไป "อะไร?" "อาทิตย์หน้าฉันจะพาเข้าเมือง แล้วจะแวะพาเธอไปหาพ่อกับแม่ด้วย""ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากไปแล้ว" "....." "แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด?" "ดะ เดี๋ยวสิเขม" ".....""เธอเป็นอะไร หลายวันมานี้เธอแปลกไปนะ ฉันทำอะไรผิดหรือว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า เธอบอกฉันได้เลยนะเขม ฉันกำลังพยายามปรับตะ...""ถ้ามันลำบากขนาดนั้นคุณไม่ต้องม
ตกเย็นวันหนึ่ง "ทำอะไรน่ะภา" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเพราะสงสัย ที่เห็นแม่บ้านกำลังหาบน้ำจากข้างนอกเข้ามาในบ้าน "น้ำในบ้านไม่ไหลจ้ะ ภาก็เลยต้องถามน้ำจากข้างนอกมาใช้ก่อน เป็นน้ำจากบ่อน่ะจ้ะ""ไม่ไหลเลยหรอ ข้างบนก็ไม่ไหลหรอ?""จ้ะ ไม่ไหลเลย""แล้วนี่ไปเอามาจากไหน?""น้ำในบ่อน้ำจ้ะ เอาไว้ใช้สำรองตอนที่น้ำไม่ไหล""อะไรกันเนี่ย มันเป็นแบบนี้บ่อยหรือเปล่า แล้วฉันจะอาบน้ำยังไงล่ะ" "คุณนายต้องออกไปอาบน้ำข้างนอกจ้ะ หลังบ้านมีโอ่งน้ำอยู่ ตอนนี้นายหัวกำลังให้คนงานช่วยกันหาบน้ำมาใส่โอ่งไว้อยู่จ้ะ""บ้าบอ ข้างนอกมันมีอะไรปิดซะที่ไหนกัน ฉันอาบไม่ได้หรอก" เขมิกาตกใจที่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปอาบน้ำข้างนอก เพราะข้างนอกนั้นไม่มีอะไรปิดบังเลย ต่อให้รอบด้านจะเป็นป่าและมีกำแพงกั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจได้เลย ถ้าหากมีคนมาแอบยืนมองอยู่ด้านนอกกำแพงเธอจะทำยังไง "ถ้าคุณนายไม่อาบ ก็ไม่มีที่อื่นให้อาบแล้วนะจ๊ะ น้ำไม่ไหลแบบนี้ข้างบนก็ไม่มีน้ำเปิดใช้หรอกจ้ะ""แล้วอีกนานหรือเปล่า กว่าน้ำจะไหล ฉันไม่อยากออกไปนั่งอาบน้ำข้างนอก""ปกติกว่าจะจัดการได้ก็เป็นวันเลยล่ะจ๊ะ""บ้าจริง! บ้านก็รวยแท้ๆ แต่กลับมีปัญหาน้ำประปา
ขณะที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน “เธอดูร่าเริงขึ้นมากนะ ไม่ได้โกรธฉันเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” นายหัวไกรตัดสินใจถามออกไปเนื่องจากบรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัด เขาอยากรู้ว่าเธอหายโกรธเขาในเรื่องวันนั้นหรือยัง ที่เขาและเธอมีอะไรกัน และนั่นก็เป็นครั้งเดียวที่ทั้งสองไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกันอีกเลย จะว่าไม่อยากก็ไม่ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่ใช่ความรักซะมากกว่า ทั้งสองเลยไม่ได้มีการเกินเลยกันอีก “จะถามทำไม มันใช่เรื่องที่ต้องถามเหรอ?”“เปล่าหรอก ก็แค่อยากรู้”“การเสียตัวมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ฉันต้องเสียใจฟูมฟาย ต่อให้ฉันจะยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนแต่ฉันก็ไม่ใช่พวกคลั่งกับการที่จะต้องเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้กับใคร เสียแล้วก็เสียไปไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาโวยวายเอาอะไร” “…..”หลายๆ อย่างที่เธอเริ่มแสดงออกมานั่นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เขมิกาไม่ใช่คนเลวร้ายและเธอก็ไม่ได้ร้ายกับใครก่อน เท่าที่เขารู้จักเธอมักจะเป็นคนนิ่งๆ มากกว่า แต่เพราะบุคลิกที่นิ่งจนเย็นชาแบบนี้ใครต่อใครมักจะมองว่าเธอเป็นคนที่ไม่ดี เขาเองก็เกือบจะหลงเชื่อแล้วเหมือนกัน แต่ดีที่เขาเป็นพวกที่ชอบพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยยังไม่ได้ปักใจเ
สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ
นายหัวเกรียงไกร Talk หลังจากที่นัดกันครั้งนั้นวันนี้ครอบครัวของเราก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นการรวมตัวในรอบปีเลยก็ว่าได้เพราะต่างคนต่างก็ทำงานกัน ตอนนี้ผมกำลังขยับขยายบ้านของตัวเองให้กว้างขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้มีพื้นที่ว่างให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน ถึงบ้านที่อยู่มันจะกว้างแต่ก็อยากให้กว้างกว่านี้จะได้สร้างสนามเด็กเล่นเล็กๆ เอาไว้ให้ลูกได้วิ่งเล่นกัน "อาหารมาแล้วครับทุกคน" "ว้าว น่ากินจังเลยลูก""งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะครับ ฝีมือลูกสะใภ้ของแม่เลยนะครับเนี่ย""น่าอร่อยมากเลย" "แล้วเขมล่ะยังไม่ออกมาอีกหรอ" "เดี๋ยวตามออกมาครับ" ผมตอบคุณพ่อของเขมิกา ตอนนี้ผมมีข่าวดีที่จะบอกให้ทุกคนรับรู้ ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะรู้มาเมื่อไม่นานมานี้เอง และมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมอารมณ์แปรปรวนอยู่ช่วงนึง หมอบอกว่ามันเป็นส่วนนึงที่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการมีลูกเลยทำให้ผมเป็นแบบนี้ "ผลไม้มาแล้วค่ะ" "เขมลูก.." "กินเยอะๆ นะคะ อาหารมื้อนี้หนูตั้งใจทำสุดฝีมือเลย""เก่งขึ้นเยอะเลยนะเราเนี่ย""สงสัยได้ครูสอนดีค่ะ" ครูที่ว่าก็หมายถึงผมและภาด้วยเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ภาคือคนที่สอนทำอาหารทั้งหมด แน่นอนว่าการรว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่หายดีแน่นอนว่าเขาก็กลับไปทำงานอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้หักโหมเหมือนกับครั้งก่อน "จำที่สอนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากที่สอนให้ภรรยาหัดขับรถคร่าวๆ แล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขับเองโดยที่มีเขานั่งข้างๆ แต่จะไม่บอกว่าต้องทำยังไง "ซ้ายสุดคือถอยหลัง เกียร์หนึ่งเกียร์สองเกียร์สาม จำให้ขึ้นใจว่าต้องเหยียบคลัทช์ก่อน ต้องปลดเบรคมือทุกครั้งถ้าจะเลื่อนรถ ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง" เธอนั่งท่องจำก่อนจะค่อยๆ ออกตัวรถไป "เมียครับ อยากกินเลนมากไปเดี๋ยวชนต้นไม้" "รู้แล้วน่า ก็ฉันเพิ่งหัดนี่จะให้เก่งเลยได้ยังไง" "ระวังต้นไม้ด้วยครับ" "พูดจังเลยนะ ฉันต้องการสมาธิอยู่เงียบๆ ได้ไหม!" "ครับๆ" อย่างนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปต่อ ได้แต่นั่งเกร็งไปตลอดทางจนกระทั่งรถจอด "เฮ้อ..." "เมียครับคราวหน้าคุณเมียอย่าพาผัวไปเล่นกับต้นไม้อีกนะครับ ผัวไม่เอาแล้ว""เป็นอะไรเนี่ยพูดมากตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว""ก็ผัวกลัวเมียจะพาไปเล่นกับต้นไม้" "บ้าบอ!" "เป็นยังไงบ้างครับนายหัว""โห้ย เกร็งจนหำหดหมดแล้วเนี่ย""เอาน่าครับ คุณนายเพิ่งจะหัดขับครั้งแรกเอง""ใช่ ฉันเพิ่งจะหัดขับครั้งแ
กลางดึกสงัดในคืนเดียวกัน "อึกอืม..." เสียงครางพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมิกาที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนที่เธอจะรีบมองไปยังต้นเสียง และก็ได้พบว่าสามีกำลังนอนซมไข้อยู่ "คุณไกร...ตัวร้อนเป็นไฟเลย" เธอรีบจัดแจงเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กับสามี พร้อมกับเอายาลดไข้ป้อนให้เขาจนกระทั่งพิษไข้นั้นซาลง สีหน้าที่ซีดเผือกกับร่างกายที่ร้อนดั่งไฟก็เริ่มดีขึ้นและเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา "เขม...""ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ คุณตัวร้อนเป็นไฟเลย ฉันเอายาให้กินแล้วก็เช็ดตัวให้แล้ว" "ขอโทษนะที่ทำให้ต้องอดหลับอดนอน""คราวหน้าคุณห้ามโหมงานหนักแบบนี้อีกนะคะ""สงสัยอากาศมันจะร้อนน่ะ ร่างกายมันก็เลยปรับตัวไม่ทัน รู้สึกเพลียแดดด้วยก็เลยเป็นแบบนี้ ขอบใจนะที่ดูแลกัน""ถ้าฉันไม่ดูแลคุณแล้วใครจะดูแลคุณล่ะคะ" "นั่นสินะ เมียของฉันน่ารักจัง" "นอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาเตรียมไว้ใหม่ก่อน ถ้าคนไข้ขึ้นกลางดึกขึ้นมาอีกฉันจะได้เช็ดตัวให้ทัน""อื้ม..." ครั้งก่อนที่เธอไม่สบายเป็นไข้เขาเองก็ทำแบบนี้ไม่ต่างกัน คอยหายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ป้อนข้าวป้อนน้ำจนกระทั่งเธอกลับมาหายดีเป็นปกติ ตอนนี้เธอก็อยากจะทำแบบที่เ