ถึงแม้จะแต่งงานกันแค่สองปี แต่จริง ๆ แล้วฟู่เซียวหานรู้จักซังหนี่มาหลายปีแล้วในความทรงจำและความประทับใจของเขา อารมณ์ของซังหนี่นั้นมักจะสงบนิ่งและเยือกเย็นอยู่เสมอครั้งเดียวที่เขาเห็นเธอร้องไห้ คือครั้งที่เธอแท้งลูกตอนที่เขารีบไปถึง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นแล้วยามค่ำคืนที่เงียบสงบ คนของทั้งสองครอบครัวก็แยกย้ายกันไปหมดแล้วผู้ช่วยพยาบาลเผลอหลับไปข้าง ๆ เธอ ส่วนเธอก็นั่งอยู่บนเตียงคนไข้อย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แม้แต่เสียงสะอื้นเบา ๆ ก็ไม่มี เธอเพียงแค่หันไปมองนอกหน้าต่าง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาทีละหยดส่วนตอนนั้นฟู่เซียวหานทำอะไร?เขาลืมไปแล้วแม้กระทั่งชีวิตที่เกิดมาแค่ไม่ถึงสามเดือนนั้น ในหัวของเขาก็แทบจะไม่มีความทรงจำหรือความรู้สึกใด ๆ อยู่เลยแต่ในตอนนี้ ภาพของซังหนี่ที่กำลังร้องไห้ในตอนนั้นกลับผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างชัดเจนนั่นถือเป็นช่วงเวลาที่เขาเห็นซังหนี่มีอารมณ์แปรปรวนมากที่สุดแล้ว นอกจาก...ในช่วงเวลาพิเศษอื่น ๆ แต่เมื่อครู่นี้เธอกลับซบหน้าร้องไห้จนตัวสั่นต่อหน้าฉินม่อ“ประธานฟู่?”เสียงดังขึ้นมาอีกครั้งจากฝั่งตรงข้ามฟู่เซียวหานจึง
“นอนหรือยัง?”“ฉันซื้อของมาให้นิดหน่อย วางไว้หน้าประตูแล้ว อย่าลืมหยิบเข้าไปนะ”ส่วนอีกหลายข้อความมาจากซ่งเสี่ยว บอกว่าวันนี้เธอทะเลาะกับหัวหน้าบรรณาธิการ แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยให้เธอได้สิทธิ์ในการเผยแพร่ผลงานต่อ และกำลังขอโทษเธออยู่ซังหนี่ตอบข้อความของเธอไปพลางเดินไปเปิดประตูจากนั้น เธอก็เห็นเค้กที่แขวนอยู่บนประตูด้านบนโรยด้วยช็อกโกแลต เป็นรสชาติที่ซังหนี่ชอบที่สุดในขณะที่เธอกำลังจ้องมองเค้กนั้นอย่างเหม่อลอย โทรศัพท์จากฉินม่อก็ดังขึ้น“ตื่นแล้วเหรอ?”“อืม”“ได้ของแล้วใช่ไหม?”“ได้แล้ว”“เอาไปแช่ตู้เย็นก่อนนะ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปหา เราจะได้...”“ฉินม่อ” ซังหนี่กลับขัดคำพูดของเขา “วันนี้ขอบคุณมากนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว”“ต่อไปนายก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เพื่อฉันอีก”หลังจากที่ซังหนี่พูดจบ คนที่อยู่ปลายสายกลับหัวเราะออกมา “ทำไม นี่จะตีตัวออกห่างจากฉันอีกแล้วเหรอ? ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเธอแต่งงานแล้วไม่ให้ฉันเข้าใกล้ แต่ตอนนี้...”“ฉันออกมาจากตระกูลซังแล้ว” ซังหนี่พูดต่อ “ตอนนี้ ฉันไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลซังที่มีแค่ชื่อนั่นอีกต่อไปแล้ว ครอบครัวของนายจะยอมให้นายคบกับฉันเหรอ?”
ความสัมพันธ์ระหว่างซังหนี่และคุณนายซังนั้นจืดจาง ส่วนกับคุณพ่อของเธอนั้นเรียกว่าจืดจางยังไม่ได้ด้วยซ้ำในฐานะหัวหน้าครอบครัวและประธานบริษัท นายท่านซังจึงนำเอาพฤติกรรมในการทำงานมาใช้ในชีวิตประจำวัน คือชอบวางอำนาจและไม่ยอมรับการโต้แย้งหากพูดว่าคุณนายซังทำให้ซังหนี่รู้สึกถึงความลำเอียงเข้าข้างซังฉิงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นายท่านซังก็คือความเย็นชาเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน ในความทรงจำของซังหนี่ เขาไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อเลย แต่เขาก็ไม่ยอมให้ใครมาท้าทายอำนาจ “หัวหน้าครอบครัว” ของเขาหลังจากกลับมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ซังหนี่ทานข้าวกับเขาตามลำพังตอนที่ซังหนี่มาถึง เขาก็รออยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว กำลังยกมือขึ้นดูนาฬิกาด้วยท่าทางหงุดหงิด“ขอโทษค่ะ ฉันมาสายแล้ว”ซังหนี่กล่าวนายท่านซังไม่ได้โกรธ เพียงแค่เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปด้านข้าง “นั่งสิ”ซังหนี่ไม่ขยับ สายตากลับจับจ้องไปยังที่นั่งอื่น ๆ บนโต๊ะรวมกับของเธอและนายท่านซัง มีชุดจานชามทั้งหมดห้าชุด“เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาอีก”นายท่านซังเห็นความกังวลของเธอ จึงพูดขึ้นตรง ๆ ซังหนี่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันที น้ำเสียงของเธอเคร่งเครียดขึ้นท
“ผู้อำนวยการซัง ไม่ได้เจอกันนานเลย”ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายจับมือกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายตาก็จับจ้องมาที่ซังหนี่อย่างพร้อมเพรียงกันนายท่านซังเหลือบมองซังหนี่หลังจากที่ซังหนี่กำมือของตนเองแน่น ก็ฝืนยิ้มออกมาได้ในที่สุด“ผมขอแนะนำ นี่คือซังหนี่ ลูกสาวของผมครับ”“คุณหนูซังสวยจริง ๆ ” นายท่านจ้าวเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน พร้อมกับส่งสัญญาณให้ลูกชายของตัวเองชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจึงยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมจ้าวจิ้งเหยาครับ”ชายหนุ่มสวมสูทที่ดูสะอาดสะอ้าน บนสันจมูกมีแว่นสายตากรอบสีดำ ใบหน้าไม่ได้ดูโดดเด่นสะดุดตา แต่ก็ดูดีมากใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน ขณะที่ซังหนี่ยังคงฝืนยิ้ม และค่อย ๆ ยื่นมือออกไป “สวัสดีค่ะ”“นั่งกันเถอะ!”นายท่านซังกล่าวเชื้อเชิญอีกครั้งทุกคนทยอยนั่งลงตามลำดับ จากนั้นนายท่านซังก็ถือโอกาสพูดคุยเรื่องธุรกิจกับนายท่านจ้าวถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่รู้จุดประสงค์ของพวกเขาอย่างชัดเจน ตอนนี้เธอคงคิดว่าทั้งสองฝ่ายแค่มาทานอาหารเย็นด้วยกันธรรมดา ๆ เท่านั้นจ้าวจิ้งเหยานั่งอยู่ตรงข้ามเธอ แต่นอกจากการทักทายในตอนแรกแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจซังหนี่เป็นพิเศษ มีเพียงแต่เข้าร
ในที่สุดอาหารมื้อนี้ก็จบลงอย่างสงบซังหนี่ไม่ได้กลับไปกับนายท่านซัง เพียงแค่ให้คนขับรถไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนต์คนขับรถมองนายท่านซังก่อน หลังจากยืนยันว่าเขาไม่มีข้อโต้แย้ง จึงเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเส้นทางซังหนี่ไม่อยากคุยกับนายท่านซัง จึงหันไปมองนอกหน้าต่างรถแต่วินาทีถัดมา โทรศัพท์ของเธอก็สั่นสองครั้งเธอก็ไม่ได้ดูแต่นายท่านซังกลับเตือนขึ้น “คุณชายจ้าวติดต่อมาหาเธอแล้วสินะ”คำพูดของเขาดูเหมือนเป็นการเตือน แต่กลับแฝงไปด้วยคำขู่อย่างชัดเจนในที่สุดซังหนี่ก็เปิดโทรศัพท์ บนนั้นเป็นข้อความที่จ้าวจิ้งเหยาส่งมาจริง ๆ “เจอกันครั้งแรก ดีใจที่ได้รู้จักคุณนะครับ”“ผมมีตั๋วคอนเสิร์ตอยู่สองใบ ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหม พรุ่งนี้เราไปดูด้วยกันได้นะครับ”“แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ”คำเชิญของจ้าวจิ้งเหยาไม่ถือว่าเสียมารยาท แต่จุดประสงค์นั้นชัดเจนมากซังหนี่เม้มริมฝีปาก “ได้ค่ะ”หลังจากส่งข้อความแล้ว เธอก็ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้นายท่านซังดู “พอใจแล้วใช่ไหมคะ?”นายท่านซังไม่ได้พูดอะไรอีกซังหนี่ก็ไม่อยากมองเขา “จอดรถข้างทางเถอะ ฉันจะกลับเองค่ะ”คนขับรถไม่ได้ตอบ และไม่กล้าจอดรถ
บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงแม่ลูกสองคนเท่านั้น“เมื่อไรจะย้ายกลับมาอยู่บ้าน?”คุณนายฟู่ซดน้ำซุปเข้าไปคำหนึ่ง จากนั้นเอ่ยถามอย่างใจเย็นฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว“ก่อนหน้านี้ที่ให้ลูกย้ายออกไป เพราะอยู่กับซังหนี่มันไม่สะดวก ในเมื่อตอนนี้หย่ากันแล้ว ก็ย้ายกลับมาเถอะ”คุณนายฟู่กล่าวต่อ“ไม่ต้องหรอก” ฟู่เซียวหานตอบ “ผมอยู่ที่นั่นสะดวกกว่า”“สะดวกอะไร? พาแฟนใหม่กลับไปงั้นเหรอ?”คำพูดของคุณนายฟู่ฟังดูใจเย็นมากก็จริง แต่เมื่อเข้าหูฟู่เซียวหาน กลับแฝงไปด้วยคำพูดเหน็บแนมเล็กน้อยเขาวางตะเกียบลง ก่อนจะมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยคุณนายฟู่กลับเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่พูดว่า “แม่จริงจังนะ ในเมื่อลูกคิดว่าคู่แต่งงานที่พ่อของลูกหามาให้ไม่ดี งั้นตอนนี้ลูกก็ไปหาเอง...แม่จะไม่ขัดขวาง”“มีแค่ข้อเดียว เด็กซังฉิงคนนั้น แม่ไม่มีทางยอมให้เธอเข้าบ้านเด็ดขาด”“เพราะอะไร?”ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้กลับทำให้สีหน้าของคุณนายฟู่เคร่งขรึมทันที “ลูกคิดจะแต่งงานกับเธอจริง ๆ เหรอ?”“ผมแค่สงสัยว่า ทำไมแม่ถึงเกลียดซังฉิงขนาดนั้น?”“เหอะ” คุณนายฟู่หัวเราะเยาะ “แม่จะเกลียดใครสักคน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”
ซังหนี่สวมชุดเดรสยาวสีดำผมยาวสยายลงมาถึงไหล่ ปลายผมม้วนเล็กน้อย มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ทั้งคนดูอ่อนโยนอย่างมากไม่รู้ว่าจ้าวจิ้งเหยาพูดอะไรกับเธอ แต่รอยยิ้มของเธอกลับมากขึ้น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาที่ส่องประกาย ราวกับผืนทะเลสาบที่เป็นประกายระยิบระยับฟู่เซียวหานรู้สึกเหมือนว่าไม่เคยเห็นเธอยิ้มแบบนี้มาก่อนเพราะในความทรงจำของเขา ซังหนี่มักจะเงียบขรึมและน่าเบื่อเสมอแต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฟู่เซียวหานก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ครั้งล่าสุดตอนที่อยู่บนรถ ขณะที่เธอกำลังแย่งสมุดภาพกับเขา จู่ ๆ เธอก็จูบที่ริมฝีปากของเขานั่นเป็นครั้งแรกที่ซังหนี่จูบเขาดูเหมือนว่านั่นจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังคิดอยู่นั้น จ้าวจิ้งเหยาที่อยู่ข้างหน้าก็เดินนำไปก่อนแล้วสองสามก้าวเขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับซังหนี่ เธอส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มจ้าวจิ้งเหยาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เปิดประตูขึ้นรถซังหนี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสายลมยามค่ำคืนพัดปอยผมยาวข้างใบหูของเธอ เธอยกมือขึ้นทัดผม ก่อนจะโบกมือลาจ้าวจิ้งเหยาที่อยู่ในรถรถของจ้าวจิ้งเหยาแล่นไปข้างหน้าแล้วรอยยิ้มบนใบ
เธอรู้ดีทุกอย่างแต่เธอก็ยังเผลอพูดมันออกไปโดยไม่รู้ตัวและเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา ซึ่งเป็นคำตอบที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นการทรมานตัวเอง“ฉันรู้แล้ว”ซังหนี่กล่าวขึ้น “ประธานฟู่พูดจบแล้วใช่ไหม? ฉันลงจากรถได้หรือยัง?”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ความเร็วของรถกลับดูเหมือนจะช้าลงเล็กน้อยในที่สุดเขาก็จอดรถข้างทางซังหนี่ก็ไม่ลังเลเช่นกัน หันไปเปิดประตูรถทันที“ซังหนี่”จู่ ๆ เสียงของเขาดังขึ้นจากด้านหลังการกระทำที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไปฟู่เซียวหานกำพวงมาลัยแน่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เห็นแก่ที่เราเคยเป็นสามีภรรยากัน ถ้าตระกูลซังของพวกคุณมีปัญหาอะไร...บอกผมได้”“อย่าใช้วิธีนี้มาทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง”ซังหนี่ค่อย ๆ กำมือที่จับประตูแน่นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณประธานฟู่มากนะคะ”พูดจบ เธอก็เปิดประตูรถออกเธอไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย หลังจากปิดประตูรถแล้ว เธอก็หันหลังเดินตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินทันทีฟู่เซียวหานนั่งอยู่ในรถ มองตามเงาของเธอที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ริมฝีปากก็เม้มแน่นโดยไม่รู้ตัวแน่นอนว่
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็