“ผู้อำนวยการซัง ไม่ได้เจอกันนานเลย”ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายจับมือกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายตาก็จับจ้องมาที่ซังหนี่อย่างพร้อมเพรียงกันนายท่านซังเหลือบมองซังหนี่หลังจากที่ซังหนี่กำมือของตนเองแน่น ก็ฝืนยิ้มออกมาได้ในที่สุด“ผมขอแนะนำ นี่คือซังหนี่ ลูกสาวของผมครับ”“คุณหนูซังสวยจริง ๆ ” นายท่านจ้าวเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน พร้อมกับส่งสัญญาณให้ลูกชายของตัวเองชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจึงยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมจ้าวจิ้งเหยาครับ”ชายหนุ่มสวมสูทที่ดูสะอาดสะอ้าน บนสันจมูกมีแว่นสายตากรอบสีดำ ใบหน้าไม่ได้ดูโดดเด่นสะดุดตา แต่ก็ดูดีมากใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน ขณะที่ซังหนี่ยังคงฝืนยิ้ม และค่อย ๆ ยื่นมือออกไป “สวัสดีค่ะ”“นั่งกันเถอะ!”นายท่านซังกล่าวเชื้อเชิญอีกครั้งทุกคนทยอยนั่งลงตามลำดับ จากนั้นนายท่านซังก็ถือโอกาสพูดคุยเรื่องธุรกิจกับนายท่านจ้าวถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่รู้จุดประสงค์ของพวกเขาอย่างชัดเจน ตอนนี้เธอคงคิดว่าทั้งสองฝ่ายแค่มาทานอาหารเย็นด้วยกันธรรมดา ๆ เท่านั้นจ้าวจิ้งเหยานั่งอยู่ตรงข้ามเธอ แต่นอกจากการทักทายในตอนแรกแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจซังหนี่เป็นพิเศษ มีเพียงแต่เข้าร
ในที่สุดอาหารมื้อนี้ก็จบลงอย่างสงบซังหนี่ไม่ได้กลับไปกับนายท่านซัง เพียงแค่ให้คนขับรถไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนต์คนขับรถมองนายท่านซังก่อน หลังจากยืนยันว่าเขาไม่มีข้อโต้แย้ง จึงเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเส้นทางซังหนี่ไม่อยากคุยกับนายท่านซัง จึงหันไปมองนอกหน้าต่างรถแต่วินาทีถัดมา โทรศัพท์ของเธอก็สั่นสองครั้งเธอก็ไม่ได้ดูแต่นายท่านซังกลับเตือนขึ้น “คุณชายจ้าวติดต่อมาหาเธอแล้วสินะ”คำพูดของเขาดูเหมือนเป็นการเตือน แต่กลับแฝงไปด้วยคำขู่อย่างชัดเจนในที่สุดซังหนี่ก็เปิดโทรศัพท์ บนนั้นเป็นข้อความที่จ้าวจิ้งเหยาส่งมาจริง ๆ “เจอกันครั้งแรก ดีใจที่ได้รู้จักคุณนะครับ”“ผมมีตั๋วคอนเสิร์ตอยู่สองใบ ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหม พรุ่งนี้เราไปดูด้วยกันได้นะครับ”“แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ”คำเชิญของจ้าวจิ้งเหยาไม่ถือว่าเสียมารยาท แต่จุดประสงค์นั้นชัดเจนมากซังหนี่เม้มริมฝีปาก “ได้ค่ะ”หลังจากส่งข้อความแล้ว เธอก็ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้นายท่านซังดู “พอใจแล้วใช่ไหมคะ?”นายท่านซังไม่ได้พูดอะไรอีกซังหนี่ก็ไม่อยากมองเขา “จอดรถข้างทางเถอะ ฉันจะกลับเองค่ะ”คนขับรถไม่ได้ตอบ และไม่กล้าจอดรถ
บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงแม่ลูกสองคนเท่านั้น“เมื่อไรจะย้ายกลับมาอยู่บ้าน?”คุณนายฟู่ซดน้ำซุปเข้าไปคำหนึ่ง จากนั้นเอ่ยถามอย่างใจเย็นฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว“ก่อนหน้านี้ที่ให้ลูกย้ายออกไป เพราะอยู่กับซังหนี่มันไม่สะดวก ในเมื่อตอนนี้หย่ากันแล้ว ก็ย้ายกลับมาเถอะ”คุณนายฟู่กล่าวต่อ“ไม่ต้องหรอก” ฟู่เซียวหานตอบ “ผมอยู่ที่นั่นสะดวกกว่า”“สะดวกอะไร? พาแฟนใหม่กลับไปงั้นเหรอ?”คำพูดของคุณนายฟู่ฟังดูใจเย็นมากก็จริง แต่เมื่อเข้าหูฟู่เซียวหาน กลับแฝงไปด้วยคำพูดเหน็บแนมเล็กน้อยเขาวางตะเกียบลง ก่อนจะมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยคุณนายฟู่กลับเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่พูดว่า “แม่จริงจังนะ ในเมื่อลูกคิดว่าคู่แต่งงานที่พ่อของลูกหามาให้ไม่ดี งั้นตอนนี้ลูกก็ไปหาเอง...แม่จะไม่ขัดขวาง”“มีแค่ข้อเดียว เด็กซังฉิงคนนั้น แม่ไม่มีทางยอมให้เธอเข้าบ้านเด็ดขาด”“เพราะอะไร?”ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้กลับทำให้สีหน้าของคุณนายฟู่เคร่งขรึมทันที “ลูกคิดจะแต่งงานกับเธอจริง ๆ เหรอ?”“ผมแค่สงสัยว่า ทำไมแม่ถึงเกลียดซังฉิงขนาดนั้น?”“เหอะ” คุณนายฟู่หัวเราะเยาะ “แม่จะเกลียดใครสักคน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”
ซังหนี่สวมชุดเดรสยาวสีดำผมยาวสยายลงมาถึงไหล่ ปลายผมม้วนเล็กน้อย มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ทั้งคนดูอ่อนโยนอย่างมากไม่รู้ว่าจ้าวจิ้งเหยาพูดอะไรกับเธอ แต่รอยยิ้มของเธอกลับมากขึ้น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาที่ส่องประกาย ราวกับผืนทะเลสาบที่เป็นประกายระยิบระยับฟู่เซียวหานรู้สึกเหมือนว่าไม่เคยเห็นเธอยิ้มแบบนี้มาก่อนเพราะในความทรงจำของเขา ซังหนี่มักจะเงียบขรึมและน่าเบื่อเสมอแต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ฟู่เซียวหานก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ครั้งล่าสุดตอนที่อยู่บนรถ ขณะที่เธอกำลังแย่งสมุดภาพกับเขา จู่ ๆ เธอก็จูบที่ริมฝีปากของเขานั่นเป็นครั้งแรกที่ซังหนี่จูบเขาดูเหมือนว่านั่นจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังคิดอยู่นั้น จ้าวจิ้งเหยาที่อยู่ข้างหน้าก็เดินนำไปก่อนแล้วสองสามก้าวเขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับซังหนี่ เธอส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มจ้าวจิ้งเหยาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เปิดประตูขึ้นรถซังหนี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสายลมยามค่ำคืนพัดปอยผมยาวข้างใบหูของเธอ เธอยกมือขึ้นทัดผม ก่อนจะโบกมือลาจ้าวจิ้งเหยาที่อยู่ในรถรถของจ้าวจิ้งเหยาแล่นไปข้างหน้าแล้วรอยยิ้มบนใบ
เธอรู้ดีทุกอย่างแต่เธอก็ยังเผลอพูดมันออกไปโดยไม่รู้ตัวและเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา ซึ่งเป็นคำตอบที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นการทรมานตัวเอง“ฉันรู้แล้ว”ซังหนี่กล่าวขึ้น “ประธานฟู่พูดจบแล้วใช่ไหม? ฉันลงจากรถได้หรือยัง?”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ความเร็วของรถกลับดูเหมือนจะช้าลงเล็กน้อยในที่สุดเขาก็จอดรถข้างทางซังหนี่ก็ไม่ลังเลเช่นกัน หันไปเปิดประตูรถทันที“ซังหนี่”จู่ ๆ เสียงของเขาดังขึ้นจากด้านหลังการกระทำที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไปฟู่เซียวหานกำพวงมาลัยแน่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เห็นแก่ที่เราเคยเป็นสามีภรรยากัน ถ้าตระกูลซังของพวกคุณมีปัญหาอะไร...บอกผมได้”“อย่าใช้วิธีนี้มาทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง”ซังหนี่ค่อย ๆ กำมือที่จับประตูแน่นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณประธานฟู่มากนะคะ”พูดจบ เธอก็เปิดประตูรถออกเธอไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย หลังจากปิดประตูรถแล้ว เธอก็หันหลังเดินตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินทันทีฟู่เซียวหานนั่งอยู่ในรถ มองตามเงาของเธอที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ริมฝีปากก็เม้มแน่นโดยไม่รู้ตัวแน่นอนว่
ซังหนี่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะทันทีที่หลับตาลงก็จะตกอยู่ในฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้นห้องที่ชื้นและมืดมัว ประตูห้องที่ปิดไม่สนิทอยู่เสมอ เสื้อผ้าที่มักจะถูกทำให้สกปรกโดยไม่ทราบสาเหตุ และตู้เสื้อผ้าที่ถูกรื้อค้นจนยุ่งเหยิงสุดท้าย คือใบหน้าที่น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจของผู้ชายคนนั้นเป็นเวลาแปดปี ซังหนี่ยังคงไม่สามารถหลุดพ้นจากฝันร้ายเหล่านั้นได้ และตอนนี้ เขาออกจากคุกแล้ว...เขาออกจากคุกมาแล้วจริง ๆ !ซังหนี่ไม่รู้ว่าเขาได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอมาจากไหน แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้...ความรู้สึกที่อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ราวกับว่าไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็หนีไม่พ้นในตอนนี้ แม้แต่ห้องเช่าที่เธอเพิ่งเช่านี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้วซังหนี่รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่และในวินาทีต่อมา ก็จะพุ่งเข้ามากระโจนใส่เธอซังหนี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วแต่เธอจะไปที่ไหนได้ ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันสุดท้าย ซังหนี่ก็ไปที่โรงพยาบาลซังหนี่รู้ว่าตัวเธอเองไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้แล้ว และซังหนี่ก็ไม่สามารถบอกอะไรเธอได้เช่นกัน แต่ในเวลานี้ แค่ได้มองเธอ ซังหนี่ถึง
สุดท้าย เธอทำได้เพียงนั่งลงบนโซฟาอย่างช้า ๆ ใช้มือโอบกอดร่างกายของตนเองเอาไว้แน่นและก็เป็นเวลาเดียวกัน ที่โทรศัพท์เบอร์แปลกดังขึ้นมาอีกครั้งซังหนี่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่แค่เมื่อคืนมองผ่านเบอร์เพียงแวบเดียว ตอนนี้เธอก็สามารถจดจำมันได้อย่างชัดเจนเวลานี้ไม่มีความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเขวี้ยงลงไปที่พื้นทันที!เมืองถง เถาหรานจูป้าคังกำลังมองคนที่อยู่ตรงหน้าโดยมีประตูอะลูมิเนียมกั้นอยู่ “คุณบอกว่าคุณเป็นใครนะคะ?”“ผมชื่อจวงโหย่วเหวย เป็นพ่อของเยว่…ไม่ใช่สิ เป็นพ่อของซังหนี่ครับ”ชายคนนั้นแย้มยิ้มเผยให้ฟันสีเหลืองทั่วทั้งปาก “ผมรู้ว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่นี่ คุณให้เธอออกมาพบผมหน่อยสิ”ก่อนหน้านี้ซังหนี่หายตัวไป และได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในชนบทมาสิบกว่าปี คนเมืองถงต่างก็รู้เรื่องนี้ดีเมื่อเห็นท่าทางของชายคนนั้นในเวลานี้ ป้าคังก็รู้ถึงสถานะของเขาในทันที สายตาที่มองเขา แสดงความดูถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ “คุณหนูซังหนี่ย้ายออกไปจากที่นี่แล้วค่ะ”“ย้ายออกไปแล้ว? เป็นไปได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าเธอ…”“เธอกับคุณชายของพวกเราหย่ากันแล้ว” ป้าคังกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหว “หากคุณอยากพบเธอ ก็ต้
เพราะการเตือนของป้าคัง ฟู่เซียวหานถึงจำวันเกิดที่กำลังจะมาถึงของตัวเองได้หลังจากขึ้นรถ เขาก็หยิบไฟแช็กที่พกติดตัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณสีดำทอง ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เพียงแต่มีอักษรย่อชื่อของเขาสลักอยู่ที่ด้านขวาล่างเท่านั้นของขวัญที่แสนจะธรรมดาแต่กลับเป็นของขวัญเพียงชิ้นเดียวที่ซังหนี่มอบให้กับเขาในปีที่สอง…เพราะว่าเขาไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันแต่งงาน ดังนั้นวันเกิดปีที่แล้ว ซังหนี่จึงไม่ได้มอบแม้กระทั่งของขวัญที่ดูขอไปทีเช่นนี้ให้เขาอีกและในปีนี้…ฟู่เซียวหานไม่ได้คิดต่อ เพียงแค่วางไฟแช็กกลับไปที่เดิม จากนั้นก็เปิดแท็บเล็ตที่อยู่ตรงหน้าทว่าในวินาทีต่อมา คนขับรถกลับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน!การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนั้น ทำให้ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที ดวงตาคมกริบคนขับรีบอธิบาย “ขอโทษครับประธานฟู่ แต่ว่าด้านหน้า…”ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบ ผู้ชายที่เดิมทียืนขวางอยู่หน้ารถ ก็ได้อ้อมมาอยู่ที่ด้านข้างฟู่เซียวหานแล้ว และเคาะหน้าต่างรถไม่หยุดชายคนนี้อายุประมาณห้าสิบกว่าปี ตัดผมสั้นเตียน ฟันเหลืองเต็มปาก กำลังแสยะยิ้มอยู่นอกหน้าต่างรถเดิมทีฟู่เซียวหานไม่คิดจะสน
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็