ทันทีที่ซังหนี่ขึ้นรถแท็กซี่ โทรศัพท์จากคุณนายซังก็ดังขึ้น “รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”ไม่รอให้ซังหนี่ตอบ คุณนายซังก็วางสายไปแล้วซังหนี่ก็ไม่ได้ลังเล เธอเอง...ก็กำลังจะกลับอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าคุณนายซังโกรธจนถึงขีดสุดเพราะในขณะที่ซังหนี่ก้าวเข้ามาในประตูบ้าน คุณนายซังถึงกับไม่เว้นช่องว่างให้ซังหนี่ได้เดินเข้ามาด้วยซ้ำ ตรงเข้ามายกมือขึ้นตบหน้าซังหนี่ทันที!เธอออกแรงอย่างหนักหน่วง เส้นผมข้างใบหูของซังหนี่ปรกหน้าลงมาทันที ส่วนหูก็อื้ออึงไปหมด“แกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป?!”ทว่าคุณนายซังก็ยังไม่หายโกรธ กำลังจะยกมือขึ้นตบเธออีกครั้ง น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “หยุดนะ”คิ้วของคุณนายซังยังคงขมวดเข้าหากัน แต่สุดท้ายก็ลดมือลงเมื่อซังหนี่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนที่เดินลงมาจากชั้นบนพอดีชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตเรียบร้อย ทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทา ผมสีดำแซมขาว ทว่าท่าทางยังคงสง่าผ่าเผย ใบหน้าก็ดูไม่ออกแม้แต่น้อยเลยว่าแก่ชราในขณะที่ซังหนี่มองเขา นายท่านซังก็ดึงตัวคุณนายซังเข้าไปหา “ลูกโตขนาดนี้แล้ว ใช้กำลังไปจะมีประโยชน์อะไร?”“คุณคิดว่าฉันอยากลงไม้ลงมือเหรอ? คุณดูสิว่าเธอทำอะไรลงไป?!”คุณนายซัง
เพราะอะไร?ซังหนี่ในวัยเด็ก ตอนที่เพิ่งกลับมาที่บ้านนี้ เธออยากรู้คำตอบของคำถามนี้มากเพราะในตอนนั้น สิ่งที่ซังฉิงทำเพื่อเอาใจพวกเขา เธอก็พยายามทำเช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่ชอบเธออยู่ดีจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอชงชาให้แม่ของเธอด้วยตนเอง คุณนายซังกล่าวขอบคุณเธอแบบขอไปที แต่พอหันหลังกลับก็เทชาถ้วยนั้นทิ้งลงในกระถางดอกไม้และในคืนวันนั้น ซังหนี่ก็ได้ยินบทสนทนาของพ่อแม่โดยบังเอิญเป็นคุณนายซังที่กำลังถามว่า จำเป็นต้องพาซังหนี่ไปตรวจเอชไอวีหรือไม่ในตอนนั้น ซังหนี่ไม่รู้ว่าเอชไอวีคืออะไรพอเธอโตขึ้นอีกหน่อยถึงได้รู้ว่า นั่นคือ...โรคเอดส์เพราะเธอเคยเกือบถูกพ่อบุญธรรมข่มขืนเรื่องนี้ในสายตาของพวกเขาคือความอัปยศ เป็นตราบาปที่ไม่อาจลบเลือนได้แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่ในสายตาของพวกเขา เธอก็...แปดเปื้อนไปแล้วและไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกสาวของพวกเขาอีกต่อไปเมื่อนึกถึงตรงนี้ ซังหนี่ก็หลับตาลงแน่นเมื่อลืมตาขึ้น ภายในดวงตาของเธอก็สงบนิ่ง “ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ มันก็ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้ฉัน...ไม่ต้องการความรักจากพวกคุณแล้ว”“แกหมายความว่ายังไง?”“ก่อนหน้านี้พวกคุณเสียใจที่พาฉันก
ในขณะที่ป้าคังกำลังจะเข้าไปขวางเธอ เสียงเครื่องยนต์ของรถก็ดังขึ้นจากข้างนอกป้าคังรีบวิ่งลงไปข้างล่างทันที“คุณชาย รีบไปดูหน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าคุณนายน้อยกำลังจะก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว เก็บข้าวของเหมือนจะหนีออกจากบ้านเลยค่ะ!”สำหรับคำพูดของเธอ ฟู่เซียวหานดูเหมือนจะไม่แปลกใจมากนัก เพียงแต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นซังหนี่ก็ถือกระเป๋าลงมาพอดีฟู่เซียวหานมองไปที่กระเป๋าเดินทางของเธอก่อน จากนั้น สายตาก็ค่อย ๆ เลื่อนไปอยู่ที่แก้มของเธอบนใบหน้านั้นมีรอยฝ่ามืออยู่อย่างชัดเจนซังหนี่ไม่ได้หลบสายตาของเขา เพียงแค่ถามตรง ๆ “เราจะไปจดทะเบียนหย่ากันเมื่อไร?”“ผมแจ้งให้ทนายมาแล้ว” ฟู่เซียวหานพูดจบก็ละสายตาจากเธอ แล้วเดินตรงไปข้างหน้าแต่ซังหนี่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้ต้องการอะไร”ฟู่เซียวหานกำลังจะก้าวขึ้นบันไดอยู่แล้ว พอได้ยินประโยคนี้ ก็หยุดชะงักอยู่กับที่แต่ไม่นานเขาก็หันกลับมาพูดว่า “ถึงแม้จะออกไปตัวเปล่า ก็ยังต้องเซ็นสัญญาอยู่ดี”ซังหนี่เข้าใจความหมายของเขา จึงไม่ได้โต้แย้งอะไรอีกป้าคังที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เพิ่งจะตั้งสติได้ “คุณชาย คุณกำลังจะ...หย่าเหรอคะ?!”ไม่มีใครตอบคำถามข
ซังหนี่ยังคงจำภาพเหตุการณ์ในวันแต่งงานของเธอกับฟู่เซียวหานได้ถึงแม้จะไม่ได้รับความรักจากตระกูลซัง แต่เธอก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซัง ดังนั้นงานแต่งงานในตอนนั้น จึงยิ่งใหญ่อลังการมากเตรียมการแต่งงานล่วงหน้าครึ่งปี จองชุดแต่งงาน ถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง แล้วจึงเลือกวันจดทะเบียนสมรส จัดงานแต่งงานช่วงเวลานั้น ซังหนี่หยุดกิจกรรมอื่น ๆ ทุกอย่างในชีวิตของเธอ และกำหนดการทั้งหมดวนเวียนอยู่กับเรื่องการแต่งงานแต่ในตอนนี้ การหย่าร้างกลับต้องการเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ และขั้นตอนการดำเนินการไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทนายความของฟู่เซียวหานจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนถึงกับไม่ต้องรอระยะเวลาสงบสติอารมณ์เลยด้วยซ้ำ ไม่นานนัก ใบทะเบียนหย่าสองใบก็ถูกวางไว้ตรงหน้าพวกเขาฟู่เซียวหานดูเหมือนจะยุ่งมากตั้งแต่เมื่อครู่นี้โทรศัพท์ก็ดังไม่หยุด พอได้ใบทะเบียนหย่ามา เขาก็หยิบขึ้นมาแล้วเดินออกไป มืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์คุยไปด้วยจริง ๆ แล้วซังหนี่ยังอยากจะบอกลาเขาสักหน่อยแต่เมื่อเธอก้าวออกจากสำนักงานเขตกลับพบว่า เขาจากไปแล้วแม้แต่คำบอกลาสักคำก็ไม่ได้เหลือไว้ให้ซังหนี่ซังหนี่ยืนอยู่กับ
“ดีบ้าบออะไรล่ะ” ซ่งเสี่ยวกลอกตา “นี่เธอวาดการ์ตูนรักใส ๆ นะ! แนวหวาน ๆ อบอุ่นหัวใจ! ถ้าเธอลงแบบนี้ เว็บไซต์ของเราคงโดนด่าเละแน่!”“ฉันไม่สน ถ้าเธออารมณ์ไม่ดีก็ไปพักผ่อนซะ ฉันจะให้เธอหยุดพักครึ่งเดือน พอเธอปรับอารมณ์ตัวเองได้แล้วค่อยกลับมาวาดใหม่”เมื่อเห็นท่าทางของซ่งเสี่ยว ซังหนี่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีกซ่งเสี่ยวมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า “แล้วทำไมเธอถึงหย่ากับสามีล่ะ?”“ก่อนหน้านี้ ชีวิตเธอก็ดีไม่ใช่เหรอ? มีคนคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน มีบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัด สามีก็ไม่มายุ่งกับเธอ นี่มันชีวิตในฝันชัดๆ !”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามเธอ เพียงแต่เอาหนังสือของตนเองไปวางบนชั้นหนังสือ แล้วหันไปมองเธอ “เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง”...คลับจื่อจิงที่นี่คือสถานที่ผลาญเงินชื่อดังของเมืองถง รับรองเฉพาะบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงเท่านั้น ทุกคนต้องมีบัตรสมาชิกถึงจะเข้าได้ปกติแล้วซังฉิงจะไม่มาสถานที่แบบนี้ เพราะถึงยังไงก็ไม่ค่อยเข้ากับภาพลักษณ์ของเธอสักเท่าไรแต่คืนนี้เธอกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่เพราะ...ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟาในตอนนี้ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญในแวดวง
ไม่มีใครตอบคำถามของซังฉิงส่วนคนที่พูดถึงฉินม่อเมื่อครู่นี้ ก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ใครจะไปรู้ล่ะ? แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่สำคัญหรอก สุดท้ายก็แค่คนชั้นต่ำเท่านั้นเอง”“เอ่อ พี่เซียวหาน ผมขอชนแก้วกับพี่หน่อยครับ”ที่ผู้ชายคนนั้นพูดแบบนี้ จริง ๆ แล้วคือการขอโทษสำหรับคำพูดที่พลั้งปากไปเมื่อครู่เพราะถึงแม้ฟู่เซียวหานจะไม่ได้ชอบซังหนี่ แต่ถ้าสาเหตุการหย่าร้างของพวกเขามีฉินม่อเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องมันก็จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงโชคดีที่ฟู่เซียวหานไม่ได้ถือสาอะไรเขา ในตอนนี้ก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับเขาดื่มไวน์หมดแก้วแล้ว คนข้าง ๆ ยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ฟู่เซียวหานกลับลุกขึ้นยืนกะทันหัน “ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะ พวกนายเล่นกันให้สนุก ค่าใช้จ่ายลงบัญชีฉันไว้”“หา? นี่...”ไม่รอให้คนอื่นได้ตอบสนอง ฟู่เซียวหานก็เดินออกไปแล้วซังฉิงรีบวิ่งตามไปทันที “พี่เซียวหานคะ!”“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”ฟู่เซียวหานหันกลับมา น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาซังฉิงกัดริมฝีปาก “ฉัน...ฉันนั่งแท็กซี่มา พี่ไปส่งฉันที่บ้านก่อนได้ไหมคะ?”“อืม”ฟู่เซียวหานตอบตกลงอย่างง่ายดายท่าทีของเขาก็ไม
ทว่าสายตาของเขากลับไม่ได้หยุดอยู่ที่เธอเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจเลยว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม การที่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็แค่เพราะ...กำลังรอซังฉิงเท่านั้นหลังจากมองเพียงแวบเดียว ซังหนี่ก็ละสายตา แล้วเอ่ยถามซังฉิง “มีอะไรหรือเปล่า?”ซังฉิงกำลังอ้อนวอน “พี่คะ พี่กลับบ้านกับฉันเถอะนะ อย่าทะเลาะกับแด๊ดดี้หม่ามี๊อีกเลยได้ไหม?”“ขอโทษนะ ฉันไม่อยากกลับไป”ซังหนี่พูดอย่างตรงไปตรงมาซังฉิงก็ไม่ย่อท้อ หันไปมองอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ “คุณเป็นเพื่อนของพี่สาวฉันใช่ไหมคะ? รบกวนช่วยพูดกับพี่สาวฉันหน่อย ให้เธอกลับไป...”“พี่สาวเธอโตขนาดนี้แล้ว เธอจะตัดสินใจอะไรก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาเดือดร้อนแทนหรอกมั้ง?”ซ่งเสี่ยวพูดพร้อมกับยิ้มซังฉิงถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “แต่แด๊ดดี้หม่ามี๊เสียใจมากเลยนะคะ! พี่ พี่ทนเห็นพวกท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรื่องของพี่แบบนี้ได้ลงคอเหรอ? ทำไมพี่ถึงใจร้ายขนาดนี้?!”พูดจบ น้ำตาของซังฉิงก็ไหลรินออกมาทันทีท่าทางแบบนั้นทำให้ซ่งเสี่ยวถึงกับมองด้วยความตกตะลึง“น้องสาว ฝีมือการแสดงของเธอเยี่ยมมากเลยนะ? สนใจไปโลดแล่นในวงการบันเทิงหน่อยไหม?”ประโยคที
ซังหนี่กลับถึงบ้านของตนเองอย่างรวดเร็วเธอเพิ่งจะเตรียมตัวล้างเครื่องสำอาง บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์ก็โทรมาหาเธอด้วยตัวเอง บอกว่าผลงานของเธอไม่ตรงตามกฎระเบียบของเว็บไซต์ จึงตัดสินใจยุติความร่วมมือกับซังหนี่เพียงฝ่ายเดียวซังหนี่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ไม่ตรงตามข้อกำหนดตรงไหนคะ?”“ฝ่ายกฎหมายของบริษัทเราได้รับแจ้งว่า ตัวละครพระเอกที่เธอวาด...ละเมิดสิทธิในภาพลักษณ์ของบุคคลอื่น”พอเธอพูดแบบนี้ ซังหนี่ก็เข้าใจได้ทันที...ฟู่เซียวหานถึงแม้ปกติเขาจะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เธอทำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้อะไรเลยคำพูดที่ซ่งเสี่ยวพูดกับเธอเมื่อคืน...เขาก็ต้องได้ยินด้วยแน่ ๆ ตอนนี้แค่โทรศัพท์สายเดียว ก็ทำให้ซังหนี่ต้องเสียงาน!“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”ซังหนี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้ววางสายไปตอนแรกเธอตั้งใจจะโทรไปถามฟู่เซียวหานโดยตรงแต่ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกกดโทรออก เธอก็วางโทรศัพท์ลงอย่างช้า ๆ ไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกผิด แต่เพราะซังหนี่รู้ว่า ในเมืองนี้ ถ้าเธอแข็งข้อกับเขา เธอจะไม่ได้อะไรดี ๆ เลยยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ตัวละครในการ์ตูนตัวหนึ่ง ละเมิดสิทธิในภาพลักษณ์ของเขา?เรื่องไร้สาระแบบนี้ เขา
เมื่อฟู่เซียวหานยังเป็นเด็ก ครั้งหนึ่งเขาเคยเจอแมวจรจัดในโรงเรียนของพวกเขาลูกแมวตัวนั้นอาจเพิ่งคลอดได้ไม่นานแต่ไม่มีแม่แมวอยู่เคียงข้าง มีเพียงมันตัวเดียวที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าและส่งเสียงร้องอย่างอ่อนแรงฟู่เซียวหานเพียงเหลือบตามองมันแต่เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจที่เปี่ยมล้น ดังนั้นหลังจากเหลือบมองครั้งหนึ่งเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่เขาไม่คาดคิดว่าลูกแมวตัวนั้นจะเดินตามหลังเขามาฝีเท้าของเขาไม่ได้นับว่าก้าวเดินช้า ทั้งที่ลูกแมวตัวนั้นยังไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงแต่ยังคงยืนหยัดเดินตามเขามาทีละก้าวและในขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังจะเดินไปถึงหน้าประตูโรงเรียน ในที่สุดเขาก็หยุดฝีเท้าลงจากนั้นก็หมุนตัวเดินไปที่ร้านของชำด้านข้าง พร้อมซื้อไส้กรอกมาหนึ่งชิ้นลูกแมวตัวน้อยกินอย่างมีความสุขดังนั้นนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฟู่เซียวหานจะเจอมันทุกครั้งหลังเลิกเรียนมันเป็นฝ่ายริเริ่มเข้ามาหาเขาก่อน หลังจากซุกไซร้เข้ากับฝ่ามือของเขาแล้วจึงรอให้เขาป้อนอาหารด้วยความเชื่อฟังและนับตั้งแต่นั้น ฟู่เซียวหานก็มักจะเตรียมขนมไว้ในกระเป๋านักเรียนของเขาเสมอในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาแม้กระทั่งตั้
ฟู่เซียวหานราวกับสงบสติลงแล้ว ในเวลานี้สองมือของเขายันเข้ากับพื้นโต๊ะ แผ่นหลังที่เหยียดตรงอยู่เสมอโค้งงอ เขาก้มศีรษะลง ดูจิตใจเหงาหงอยเศร้าซึมลงอย่างบอกไม่ถูกสวีเหยียนคิดอยากจะปลอบโยนเขา แต่ว่าสวีเหยียนไม่รู้เลยว่าตนควรจะพูดสิ่งใดและในขณะที่เขาลังเลนั้นเอง จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็เงยหน้าขึ้นพร้อมถามเขาว่า “มีบุหรี่ไหม?”สวีเหยียนชะงักไปกับคำถามที่เข้ามาอย่างกะทันหันนี้ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็รู้สึกตัวและนึกขึ้นได้ว่าฟู่เซียวหานเลิกบุหรี่ไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้เขารีบส่งซองบุหรี่ที่พกติดตัวไปอย่างไม่ลังเล พร้อมกล่าวว่า “บุหรี่ยี่ห้อนี้แตกต่างกับที่คุณคุ้นเคย ให้ผมสั่งคนไปซื้อมาให้ไหมครับ?”“ไม่ต้อง”ฟู่เซียวหานพูดพลางหยิบบุหรี่ออกจากซองสวีเหยียนรีบส่งไฟแช็กที่จุดไฟแล้วไปให้อย่างรวดเร็วเพราะมือของเขายังคง…สั่นระริกอยู่ตลอดเวลาสวีเหยียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทาเมื่อเห็นท่าทีของเขาเช่นนั้น โชคดีที่ครู่ต่อมาฟู่เซียวหานจุดบุหรี่ได้ในที่สุดสวีเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกฟู่เซียวหานสุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง หลังจากจ้องไปที่วงควันบนอากาศสักพัก เขาก็กล่าวว่า “เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว”
ฟู่เซียวหานมองภาพนั้นอยู่นานจนกระทั่งสวีเหยียนและผู้จัดการฝ่ายดำเนินการเข้ามากล่าวรายงานกับเขาได้ครู่ใหญ่ และพบว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดกลับมาเลย สวีเหยียนถึงจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ประธานฟู่ครับ?”เมื่อได้ยินเสียงนั้น ฟู่เซียวหานก็เงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาล้ำลึกคู่นั้นยังคงเปี่ยมด้วยความสงบอย่างเคยสวีเหยียนรู้สึกไปแม้กระทั่งว่าเมื่อกี้เป็นเขาที่คิดไปเอง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงยื่นเอกสารในมือให้เขา “นี่เป็นเอกสารที่ทางแผนกดำเนินการเพิ่งนำมาครับ ต้องใช้ลายเซ็นของคุณ”ฟู่เซียวหานเหมือนจะเอ่ยตอบรับในลำคอ และหยิบปากกาที่วางด้านข้างขึ้นมาสวีเหยียนและคนที่ยืนด้านข้างยืนรออยู่ฝั่งตรงข้ามหากยึดตามความเร็วในการตรวจสอบเอกสารของฟู่เซียวหานในอดีต เอกสารชุดนี้ก็จะใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น แต่ทั้งสองรอไปสักพักใหญ่ ก็พบว่าสายตาของฟู่เซียวหานยังคงหยุดอยู่ตรงหน้าแรกของเอกสาร“ประธานฟู่ครับ?”เขาทำได้เพียงเอ่ยถามอีกครั้ง ผู้จัดการฝ่ายดำเนินการกระทั่งเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ประธานฟู่ครับ เอกสาร…มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”ฟู่เซียวหานไม่กล่าวอะไรออกมา เพียงพลิกหน้
เขาคิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ราวกับสายน้ำแร่อันแสนอ่อนโยนที่คอยโอบอุ้มทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเอาไว้เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะจากไปและมากกว่านั้นคือเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เธอจากไป เขาจะรู้สึก…เจ็บได้ถึงขนาดนี้——ราวกับสูญเสียอากาศและแหล่งน้ำที่จำต้องพึ่งพาเพื่อความอยู่รอดดังนั้น เขาคิดผิดไปอย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนกันกับในตอนแรกที่เขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้อธิบาย ตอนนี้ เธอเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาเหนี่ยวรั้งเอาไว้เช่นกันความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ได้ถูกเธอตัดสินโทษประหารชีวิตเอาไว้แล้ว……ไม่กี่วันหลังจากนั้น ซังหนี่ยังคงไปทำงานที่บริษัทตามปกติข่าวการแต่งงานกับจี้อวี้หยวนไม่ใช่เรื่องที่เธอกุขึ้นมา แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาปรึกษากันอย่างดีและตัดสินใจลงมือทำเพราะเวลาของคุณตาของจี้อวี้หยวนใกล้จะหมดลงแล้วชายชราไม่นับว่าอายุมากนัก แต่ก่อนหน้านี้จู่ ๆ เขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือรู้จักกันทั่วไปว่าเป็นโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุยิ่งไปกว่านั้น อาการของเขาทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็ว จี้อวี้หยวนเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของเขา ความปรารถนาของผ
ทันทีที่คำพูดนี้ของฟู่เซียวหานหลุดออกจากปาก ซังหนี่พลันตกตะลึงจากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา “จริงหรือคะ? แล้วนับว่าคุณชนะหรือเปล่า?”ฟู่เซียวหานไม่ตอบคำถามของเธอ ราวกับรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตอบเขาจึงเดินถือสัมภาระออกไปทั้งอย่างนั้นเสียงปิดประตูไม่ดังไม่เบา ไม่เจือไปด้วยอารมณ์ใด ๆ ซังหนี่เองก็ไม่ได้เหลือบมองไปฝั่งนั้นเลยด้วยซ้ำกล่าวตามตรง เดิมทีเธอไม่คิดจะพูดถ้อยคำเมื่อกี้ไปสักนิดเพราะมัน…ไม่มีความหมายอะไรอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็จบลงแล้ว การที่จะไปขุดคุ้ยอารมณ์จากเรื่องราวในอดีตขึ้นมาอีกครั้งช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นมันก็เหมือนกับผลไม้เน่าเสียที่แค่ต้องโยนทิ้งลงถังขยะไปก็เท่านั้น ทำไมต้องปอกเปลือกออกทีละชั้นเพื่อหาว่าตรงไหนกันที่เน่าเป็นจุดแรก?ท้ายที่สุดแล้ว บนมือก็หลงเหลือเพียงแกนกลางผลไม้ที่เน่าเปื่อยถึงจะยอมรับได้ในที่สุดว่า ——มันผิดมาตั้งแต่แรกแต่ซังหนี่เองที่อดใจไม่ไหวคำถามต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในสมองของเธอ นับตั้งแต่เจิ้งชวนบอกกล่าวให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป นับตั้งแต่เธอรู้เรื่องว่าคุณนายฟู่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วไม
เขาก็อาจมีความรู้สึกต่อเธออย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นเวลาที่เธอมีเรื่องแต่ความรู้สึกนี้มีอยู่เท่าไหร่กันนะ?เป็นสิ่งที่ต่อท้ายจากผลประโยชน์ของเขา เป็นสิ่งที่หากมีเรื่องใดเกิดขึ้น เขาก็พร้อมจะใช้เธอเป็นไพ่ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่ลังเลและการเหนี่ยวรั้งเธอไว้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ตรงตามจังหวะขั้นตอนเพราะอย่างไรเสียเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ปก็ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงหันมองย้อนกลับมานึกถึงไพ่ที่เขาทิ้งไปด้วยตัวเองตั้งแต่แรก?ถึงตอนนี้เขาจะเหนี่ยวรั้งไว้แล้วอย่างไร?ท้ายที่สุดก็โดนเขา…ทิ้งไปอยู่ดีซังหนี่ไม่คิดกล่าวโทษเขาเพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งอีกอย่างเธอรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนอื่น ๆ ต่างเห็นความรุ่งโรจน์ของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วการจะมาถึงจุดนี้นั้นช่างแสนลำบาก ตอนนั้นคุณพ่อของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาเองก็ยังอายุน้อยอยู่มาก ลับหลังล้วนมีแต่คนจับจ้องผลประโยชน์ตาเป็นมันดังนั้นการที่เขาจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ซังหนี่เกลียดภาพที่เขาแสดงออกมาว่
“คุณหมายความว่าอะไร?”ฟู่เซียวหานถามเสียงต่ำซังหนี่ดึงเค้กก้อนนั้นกลับมาอีกครั้ง ในมือถือส้อมไว้แต่ไม่ได้ขยับ เธอเพียงเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ปัญหาของทางจื้อเหอกรุ๊ปคุณจัดการแล้วหรือคะ?”ฟู่เซียวหานคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะถามถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะคิดได้ว่าควรตอบไปอย่างไร ซังหนี่ก็กล่าวเสริมขึ้นมา “วิกฤตการณ์ทางธุรกิจของจื้อเหอกรุ๊ปในปีที่แล้ว จริง ๆ แล้วเป็นเพียงระเบิดควันที่คุณวางไว้ใช่ไหมคะ?”“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกฉันว่าจื้อเหอกรุ๊ปก่อตั้งมานานหลายสิบปี ซึ่งนั่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วประเทศ มีทั้งชื่อเสียงทั้งรากฐานที่ยึดแน่น”“ข้อเสียคือในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ความกระตือรือร้นของพนักงานมากหน้าหลายตาล้วนถูกขัดเกลาจนแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ โดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายของผู้ถือหุ้นหลายราย แต่คุณรู้อยู่แก่ใจถึงการกระทำที่ไม่เอาการเอางานของพวกเขาดี ทว่ากลับไม่สามารถกำจัดทั้งหมดออกไปได้ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเก่าแก่ที่ร่วมทำงานหนักตรากตรำกันมากับคุณพ่อของคุณ หรือแม้แต่กับคุณปู่คุณด้วยซ้ำ หากคุณจะลงมือ มันก็คง
ไม่จำเป็นจะต้องเปิดโอกาสให้เธอหัวเราะเยาะเขาไปมากกว่านี้แต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงควบคุมมันไม่ได้หลังจากสบตาเขาสักพัก ซังหนี่ก็ตอบว่า “เรื่องการแต่งงานเราได้ตัดสินใจกันไปเรียบร้อยในเมื่อสองวันก่อนหน้านี้ค่ะ”“สำหรับเมื่อกี้…ประธานฟู่ที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้ หรือว่าคุณจะไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีคำศัพท์อย่างคำว่าทำรักครั้งสุดท้ายเพื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์งั้นหรือคะ? อีกอย่างไม่ว่าจะควรพูดหรือไม่ แต่ในช่วงที่ผ่านมานี้คุณได้ช่วยเหลือฉันไว้เยอะมากจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่ฉันจะตอบแทนคุณเพียงเพื่อให้คุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง”ซังหนี่อธิบายเปี่ยมด้วยความจริงจังและจริงใจฟู่เซียวหานมองเธอพร้อมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดังนั้นเมื่อกี้คุณ…ก็แค่อยากให้ผมมีความสุข?”“ใช่สิคะ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะ?”มือของฟู่เซียวหานที่จับเธอไว้ปล่อยออกแทบจะในทันที แม้แต่ดวงตาที่จับจ้องมาราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เมื่อกี้นี้เองก็ลดสายตาลงเช่นกันสภาพเช่นนั้น ราวกับเขาอ่อนแรงไปอย่างกะทันหันอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีซังหนี่คิดว่าเขายอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว แต่วินาทีถัดมา ฟู่เ
ฟู่เซียวหานไม่อยากจะเชื่อเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พวกเขาสองคนยังแนบชิดกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ ซังหนี่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งว่าให้เขาออกฟู่เซียวหานนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณล้อผมเล่นใช่ไหม? ซังหนี่ คุณ……”“คุณกับโจวหลินทำข้อตกลงอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานเดิมทีถอดถุงมือออกแล้วกำลังจะไปกอดเธอ แต่ซังหนี่กลับหลบเลี่ยงการกระทำของเขา แล้วถามเขาต่อสีหน้าจริงจังนั้น ทำให้มือของฟู่เซียวหานชะงักค้างกลางอากาศ สุดท้าย ก็ต้องค่อยๆ เก็บกลับไปแม้จะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอพูดกับตัวเองตอนนี้ แต่ฟู่เซียวหานก็ตอบกลับไปว่า “เขามีปัญหาบางอย่างเรื่องการเงินที่ต่างประเทศ และผมเป็นคนช่วยจัดการให้เขา”“อืม ไม่น่าล่ะ”ซังหนี่พยักหน้าฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เปล่าค่ะ ตรงกันข้าม เพราะคุณช่วยเอาไว้ โครงการของเราถึงดำเนินไปอย่างราบรื่น เงินทุนก็ถูกโอนเข้ามาวันนี้แล้ว ไม่อย่างนั้น อาจต้องรอเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อสรุป”ฟู่เซียวหานฟังแล้วกลับยิ่งไม่เข้าใจในเมื่อทุกอย่างราบรื่น แล้วทำไม…ราวกับรู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร ซังหนี่จึงพูดขึ้นทันทีว่า “เพราะฉะนั้นฟู่เ