“อย่านะคะคุณชาย! ป้าอายุมากขนาดนี้แล้ว หากออกจากตระกูลฟู่ไปป้าจะยังไปที่ไหนได้อีก? ยังมีพวกลูกชาย…”ป้าคังอยากจะเอ่ยเสริม แต่ฟู่เซียวหานกลับมองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาของความหมดความอดทนทันทีที่ได้รับสัญญาณ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบก้าวเข้ามาและนำตัวเธอออกไปทันทีเดิมทีป้าคังคิดอยากจะก่อกวนสร้างความวุ่นวายอีกสักยก ทว่าเมื่อโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวไปก็พูดอะไรไม่ออกอีกท้ายที่สุด เธอได้แต่มองมายังซังหนี่ด้วยสายตาวิงวอนใบหน้าของอีกฝ่ายไม่แสดงอารมณ์ใดออกมามากนักในวินาทีที่เพิ่งเห็นฟู่เซียวหานเธอเองก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วรวมถึงฉากการที่เพิ่งแสดงต่อหน้าเธอเมื่อกี้ด้วย เธอราวกับเป็นเพียงผู้ชมที่มองอย่างเงียบ ๆ เท่านั้นผู้คนที่รายล้อมจากห้องพักผู้ป่วยล้วนถูกทำให้แยกย้ายกันไปนางพยาบาลที่เป็นคนอยู่ในห้องตั้งแต่แรกเองก็เหลือบมองฟู่เซียวหานด้วยความหวาดกลัว พร้อมอ้างว่าเธอนั้นจะไปซื้ออาหารกลางวัน และหมุนตัวเดินจากไปก่อนจะเดินจากไป เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้สนิทด้วยเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ซังหนี่ถึงจะเอ่ยว่า “ประธานฟู่ ปล่อยมือได้หรื
คฤหาสน์ของตระกูลจี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของเมืองถงเบื้องหลังเป็นภูเขาใหญ่โต เมื่อมองลงมาจากชั้นบนของคฤหาสน์ก็สามารถมองเห็นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบและอากาศล้วนดีเป็นอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งที่สองที่ซังหนี่มาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมเยือน เธอถึงกับตั้งใจไปหาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเป็นพิเศษของนายท่านจี้เป็นของบำรุงร่างกาย ส่วนของคุณนายจี้เป็นชุดเครื่องสำอางและผ้าพันคอผืนหนึ่งซังหนี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้จี้อวี้หยวนพูดอะไรกับพวกเขาบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้เธอเข้าคฤหาสน์มา ท่าทีของคุณนายจี้ที่มีต่อเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยตอนที่ซังหนี่กล่าวทักทายเธอ เธอก็พยักหน้าน้อย ๆ ราวกับกำลังตอบรับแต่สิ่งที่จี้อวี้หยวนต้องการเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำพูดเป็นพิธีรีตองในหน้างานเท่านั้นหลังจากที่กล่าวทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งสองฝ่ายก็เดินไปยังห้องอาหารนายท่านจี้เคยสอนในรั้วมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่สำหรับเรื่องแวดวงธุรกิจเองก็นับว่ารู้อยู่ไม่น้อย เมื่อนั่งลงแล้ว เขาจึงถามซังหนี่เกี่ยวกับโครงการรู่โจวทันที“ดำเนินการไปอย่างราบรื่นค่ะ” ซังหนี่ตอบ “รอฉันกลับไปก็จะเตรียมตรวจ
ซังหนี่เพียงแค่ยิ้ม “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ แต่ฉันเองก็เพิ่งผ่านชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวมาได้ไม่นาน ตอนนี้จึงไม่มีความคิดที่จะก้าวขาเข้าไปในชีวิตแต่งงานใหม่อีกครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีลูกเลยค่ะ”“ฉันก็บอกแล้วว่าเธอก็แค่คลอดลูกมาก็พอ ฉันจะช่วยเธอเลี้ยงและสั่งสอนลูกเอง”ซังหนี่วางตะเกียบลง ก่อนจะยิ้มออกมาเบา ๆ “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ค่ะ ฉันไม่อยากทำเรื่องที่ไม่รับผิดชอบต่อลูกของฉันด้วย”“แล้วเธอรับผิดชอบกับอวี้หยวนแล้วหรือ? ปีนี้เขาก็อายุ 34 ปีแล้ว ถ้ายังไม่แต่งงานมีลูก…”“นั่นเป็นเรื่องของเขาค่ะ”“เธอพูดว่าอะไรนะ!?”สีหน้าของคุณนายจี้เปลี่ยนไปโดยพลัน พร้อมผุดลุกยืนขึ้นมาทันที!จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองจี้อวี้หยวน “ลูกเห็นหรือยัง? ลูกยังมาพูดว่าแม่ไม่มีความอดทนต่อผู้อื่น ดูสิว่าเธอมีท่าทีกับแม่อย่างไร!? แม่เลี้ยงลูกมานานหลายปีก็เพราะเพื่อให้วันนี้ลูกพาผู้หญิงคนนี้มาทำให้แม่โกรธจนตายไปงั้นหรือ!?”“พอแล้ว คุณเองก็อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป”ในที่สุดนายท่านจี้ก็เอ่ยปากออกมา แต่ทันทีที่เขาอ้าปากพูด คุณนายจี้ก็เอ่ยขัดคอเขาทันที “คุณมาเสแสร้งเป็นคนดีอะไรตรงนี้? อย่ามาเส
ในฐานะเมืองระดับแนวหน้า แม้จะเป็นในช่วงเช้าตรู่ ก็ยังมีผู้คนขวักไขว่สัญจรไปมาในสนามบินเมืองถงทันทีที่ขึ้นเครื่องบิน ซังหนี่ก็ขอผ้าห่มจากแอร์โฮสเตสก่อนจะหลับตาลงนอนอีกครั้งจนกระทั่งมีคนเข้ามานั่งยังที่นั่งข้างเธอ ก่อนจะยื่นมือออกมาช่วยเธอขยับผ้าห่มให้ดีอย่างกะทันหันซังหนี่ตื่นขึ้นมาทันที พร้อมดวงตาเบิกกว้างที่สบเข้ากับคนที่นั่งข้างกายเมื่อกี้เธอตกอยู่ในห้วงความฝันอันแสนสั้นในความฝันนั้นก็มีใบหน้านี้อยู่ด้วยเช่นกัน เป็นเขาที่สวมชุดสูทสีดำ ค่อย ๆ สวมแหวนแต่งงานลงบนนิ้วของเธอ ก่อนจะก้มศีรษะลงมาจุมพิตเธอแต่เธอก็ถูกคนด้านข้างทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเวลานี้ภาพคนตรงหน้าและคนในความฝันทับซ้อนกัน จนทำให้ซังหนี่ไม่สามารถบอกได้เลยว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่หรืออยู่ในความจริงกันแน่จนกระทั่งเขายกมือขึ้นอีกครั้ง และช่วยจัดการปอยเส้นผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบร้อยปลายนิ้วเย็นไล้ผ่านผิวหนังของซังหนี่ ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมา และปัดมือเขาออกไป“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เธอเพิ่งตื่น ทำให้เสียงเจือไปด้วยความแหบแห้ง แต่สายตาที่มองตรงมายังเขากลับเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวังอย่างเห็นได้ชัด!
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด”“ในเมื่อมันเป็นทางเลือกที่พลาดพลั้งไป ผมก็ควรที่จะคิดว่าวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดครั้งนี้ให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้”“พูดตามตรง เดิมทีผมคิดว่าคนที่ถูกอารมณ์ควบคุมล้วนเป็นพวกโง่เง่า แต่เมื่อเกิดเข้ากับตัวจริง ๆ ผมถึงรู้ว่า จริง ๆ ความรู้สึกนี้…ก็ไม่ได้นับว่าแย่เลย สำหรับผมผลประโยชน์ในแวดวงธุรกิจเป็นเพียงตัวเลขที่ไร้ซึ่งความหมายไปแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถมาแทนที่ตัวเลขพวกนี้ได้ ผมคงจะมีความสุขมาก”เครื่องบินได้ยกตัวบินออกจากท่าอากาศยานแล้วฟู่เซียวหานปิดเครื่องแท็บเล็ตในมือ พร้อมจ้องมองตรงไปยังซังหนี่ความรักอันเร่าร้อนโหมกระพือในดวงตาที่แสนลึกล้ำคู่นั้นซังหนี่มองเขา และจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา“พูดตามตรง หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงดีใจมากที่ได้ยินคำพูดพวกนี้”ฟู่เซียวหานถาม “แล้วตอนนี้ล่ะ?”“มันสายเกินไปแล้วค่ะ”น้ำเสียงของซังหนี่เรียบนิ่งนัยน์ตาของฟู่เซียวหานหดเล็กลงเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยว่า “คุณคิดจะพูดว่าคุณมีแฟนแล้วใช่ไหม? ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณกับจี้อวี้หยวนเป็นแค่คู่รักปลอม ๆ ไม่มีความรู้สึกที่แท้จริงให้กันเ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้ ระหว่างเราก็มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าฉันจะใช้เวลาคิดนานหน่อย คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”นี่เป็นคำตอบสุดท้ายที่ซังหนี่ทิ้งไว้ให้กับฟู่เซียวหานเป็นดั่งที่เธอกล่าว ระหว่างพวกเขานั้นมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากเกินไป การจะต้องการใช้เวลามากหน่อยมาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องสมควรแล้วเดิมทีฟู่เซียวหานคิดว่าตนนั้นเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนมากคนหนึ่งตัวอย่างเช่นในเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป เขาได้ปูพื้นวางรากฐานมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลที่ได้รับดังนั้นเขาจึงคิดอยู่เสมอว่าเขานั้นนับได้ว่าเป็นนักล่าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เขากลับพบว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนมากอย่างที่คิดหากคิดดี ๆ แท้จริงแล้วเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซังหนี่ เขาได้ทำเรื่องที่ผิดแผกไปจากเดิมมามากนับไม่ถ้วนทว่าทุกครั้งที่เขาต้องการจะติดต่อเธอ ก็นึกได้ถึงท่าทางของเธอที่ดูจริงจังอย่างมากในวันนั้น—— หากผลลัพธ์ออกมาดี เช่นนั้นการจะรอต่ออีกสักสองสามวันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะยอมรับฟู่เซียวหานคิดเช่นนั้น
ฟู่เซียวหานเข้าใจความหมายที่เธอพูด “ความหมายของคุณคือ…ให้ผมเป็นคนที่ไม่มีสถานะคนนั้นใช่ไหม”“นับว่าใช่ก็แล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้พวกเรายังมีความร่วมมือร่วมกันอีก การจะเปิดเผยมากเกินไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี แบบนี้คนอื่นจะมองคุณอย่างไรใช่ไหมล่ะคะ? ดังนั้นฉันคิดว่าแบบนี้…”ก่อนที่ซังหนี่จะพูดจบ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมยื่นหมัดไปทุบลงด้านข้างของซังหนี่!การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ตกใจเป็นอย่างมาก จนทำให้สิ่งที่เธอต้องการจะพูดในตอนแรกเลือนหายไป“ซังหนี่ คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับผม? เธอคิดว่าผมเป็นใคร?! ในสายตาเธอ ผมเป็นคนน่ารังเกียจไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้นเชียวหรือ?!”——ช่างน่าขันฟู่เซียวหานคิดว่าเรื่องนี้มันช่างน่าขันมากเสียจริงวันหนึ่งเขา ฟู่เซียวหานคนนี้ถึงกับโดนขอให้เป็นคนรักที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้!?ทำไมเขาต้องปล่อยให้เธอย่ำยีดูแคลนเขาเช่นนี้?เธอละเลยเขาเช่นนี้ได้อย่างไร!?ฟันของฟู่เซียวหานขบกันแน่น เส้นเลือดที่ท่อนแขนและหน้าผากของเขาปูดโปน ในเวลาเส้นเลือดเหล่านั้นยังคงกระตุกเต้นอยู่ เขาโน้มตัวลงไปมองคนตรงหน้า ในวินาทีนี้เขาอยากจะก้มลงไปกัดเธอมากกว่าสิ่งใ
“คุณไม่กลัวว่าเขาจะแก้แค้นคุณหรือ?”เสียงเจือด้วยความระอาใจของจี้อวี้หยวนดังมาจากโทรศัพท์“ไม่หรอก” ซังหนี่กลับตอบไปด้วยความเด็ดขาด“คุณอย่าลืมไปล่ะว่าทำไมครั้งที่แล้วคุณถึงได้เข้าโรงพยาบาล” เขาเตือนแน่นอนว่าซังหนี่ไม่ได้ลืม แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่มั่นใจมาก ๆ อย่างอธิบายไม่ถูกอีกอย่างคนอย่างฟู่เซียวหานที่ทระนงตนขนาดนั้น เขาจะไม่ปล่อยให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้แน่นอน บางที…ในอนาคตเขาอาจจะไม่อยากเจอเธออีกก็ได้“อันที่จริงคุณตอบตกลงกับเขาได้นะ”จี้อวี้หยวนกล่าวเสริม “ผมจะไปอธิบายกับทางคุณพ่อคุณแม่ผมเอง”“ช่างมันเถอะค่ะ” ซังหนี่ตอบ “อีกอย่างคุณก็เป็นเพียงข้ออ้างของฉันเท่านั้น ฉันไม่คิดอยากจะตอบตกลงเขาไปเลยสักนิด”“ทำไมล่ะ? คุณไม่…รู้สึกกับเขาแล้วหรือ?”“อารมณ์ที่ใช้ความเจ็บปวดเป็นอาหาร นับไหมคะ?” ซังหนี่เทไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ครั้งหนึ่งคุณเองก็เคยชอบใครบางคน และเคยถูกมันทำร้ายมา ดังนั้นคุณก็น่าจะรู้ดีว่าจำนวนครั้งที่คนเราสามารถรับความเจ็บปวดได้นั้น…มีจำกัด”“ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อเขาอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”อาจเป็นเพราะโดนพูดถึงตนเอง เสียงของจี่อวี้หย
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้อย่างไรตอนนี้เมืองถงยังคงอยู่ในฤดูร้อนแต่เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนร่างกายของเธอ ซังหนี่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเหงื่อเย็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลท่วมแผ่นหลังของเธอ จนทำให้ฟันของเธอสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้!รถแท็กซี่ขับมาถึงเถาหรานจวีอย่างรวดเร็วเมื่อเหม่อมองไปยังสถานที่ที่คุ้นชินแต่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงถ้อยคำที่ซังหลินเพิ่งกล่าวกับเธอ —— นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาบางทีซังหลินอาจแค่ต้องการหลักฐานชิ้นนั้นมาเพื่อข่มขู่ฟู่เซียวหาน และบังคับให้เขาประนีประนอมต่อกันแต่สิ่งที่ซังหนี่คิดมีมากกว่านั้นเพราะเธอรู้ว่าหากตามความคิดของฟู่เซียวหาน แม้ว่าจะเป็นการประนีประนอมเพียงชั่วคราว แต่เขาก็จะหาโอกาสชดเชยสิ่งที่ตนได้สูญเสียไปในอนาคตอย่างแน่นอนสำหรับคนอย่างเขา ไม่สามารถใจอ่อนด้วยได้เช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายบนทุ่งหญ้า บาดแผลธรรมดาทั่วไปอาจแค่ทำได้เพียงให้เขารู้สึกหงุดหงิด หากต้องการเอาชนะ ต้องเฝ้ามองหาโอกาสที่เหมาะสม —— โจมตีให้สิ้นถึงชีวิต!ซังหนี่ลงจากรถไม่ว่าอย่างไร เธอเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มา
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า…...ก่อนที่การเจรจาของพวกเขาจะพังทลายลง ฟู่เซียวหานนั้นได้วางแผนที่จะทำเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วและยังคิดใช้โอกาสนี้…กลืนกินซังอวี๋กรุ๊ปทั้งหมดทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซังหนี่เลยแม้แต่น้อย การที่สั่งให้เธอก้มศีรษะขอร้องเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เขาถือโอกาสทำไปพร้อม ๆ กันเลยก็เท่านั้นกระบวนความคิดของซังหนี่มีสติชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็…เป็นคนเช่นนี้มาโดยตลอดแต่ในขณะนี้ ซังหนี่อดคิดถึงช่วงเวลานั้นที่เขานอบน้อมประจบสอพลอต่อหน้าตนไม่ได้และเป็นเพราะท่าทีเช่นนั้นของเขาทำให้ซังหนี่เกิดภาพลวงตาว่าเธอสามารถแก้แค้นและปฏิบัติต่อเขาได้อย่างสบาย ๆทว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งของเขาเท่านั้นการขาดความตระหนักรู้นี้ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจ สิ่งที่น่าขำก็คือ ในเวลานี้เธอก็ยังคงรู้สึก…เศร้าแต่หากจะพูดว่าเจ็บ ก็ไม่ได้เจ็บปวดมากขนาดนั้นเพียงรู้สึกว่าผิวหนังโดนกรีดไปหนึ่งแผลเท่านั้นบาดแผลไม่ได้ลึก แต่รอยกรีดนั้นกลับกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่เคยสมานตัวมาก่อน จึงทำ
เห็นได้ชัดว่าพยาบาลพิเศษไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่สำคัญกว่านั้นคือซังหลินเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ซึ่งนับว่าเข้าเป็นคนที่เพิ่งรอดตายกลับมา ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรกระตุ้นเขารุนแรงแต่เมื่อพยาบาลเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้ กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดโน้มน้าวอะไรซังหนี่กลับดูนิ่งมากหลังจากอดทนกับความแสบร้อนที่ขาของตัวเองได้แล้ว เธอก็ค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวซังหลินไม่คิดว่าเธอจะยังกล้ามีหน้าเดินเข้ามาอีก ขณะที่เขาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาเตรียมขว้างใส่เธอ ซังหนี่กลับกดมือของเขาลงไปจากนั้น เธอก็หันไปมองพยาบาลพิเศษข้างๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”พยาบาลที่เดิมทีก็รู้สึกว่าการอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก พอได้ยินซังหนี่พูดแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรีบเดินออกไปซังหนี่มองไปที่ซังหลิน “เรื่องของบริษัทคุณรู้หมดแล้วสินะ?”“แกคิดว่ายังไงล่ะ!? ฉันว่าแล้ว......ฉันรู้อยู่แล้ว! ฟู่เซียวหานเป็นคนยังไง? ตอนนั้นที่ยอมให้แกดูแลโครงการรู่โจว มันก็เป็นแค่กับดัก! นี่เป็นแผนที่พวกแกสองคนรวมหัวกันวางแผนไว้ใช่ไหม เพื่อวันนี้......”“ที่ซังอวี๋ตกอยู่ในสภาพนี้ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะโครงการรู่โจวทำให้ล่มจมหรอ
ท้ายทอยของฟู่เซียวหานไม่ได้มีตา คราวนี้หมอนขว้างมาโดนเขาเต็มๆ แต่ฝีเท้าของเขากลับไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย เพียงเดินจากไปอย่างนั้นซังหนี่รู้สึก......น่าเบื่อขึ้นมาทันทีแม้ว่าเธอจะอยู่ต่อหน้าเขา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเหมือนกับหมอนที่ขว้างใส่ฟู่เซียวหาน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแรง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย—— มีแต่ทำให้ตัวเองยิ่งดูน่าขำเท่านั้น……ซังหนี่สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้นก็เห็นแถลงการณ์ที่จี้อวี้หยวนโพสต์ออกมาเขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่ายกเลิกงานแต่งงานกับเธอ เพียงแค่บอกว่าเลื่อนออกไป ส่วนจะเลื่อนออกไปถึงเมื่อไหร่นั้น ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุไว้แต่หลายคนรู้ดีว่า การเลื่อนออกไปเป็นเพียงคำพูดให้ดูดีเท่านั้น พอเวลาผ่านไปนานเข้า แม้แต่เรื่องการเลื่อนออกไปก็จะถูกลืมไปเอง แล้วสุดท้ายงานแต่งงานนี้ก็จะถูกยกเลิกไปอย่างเงียบ ๆซังหนี่อ่านแถลงการณ์นั้นอยู่หลายนาที จากนั้นก็ดูความคิดเห็นข้างล่างอีกสักพัก ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไปอย่างเงียบๆพอดี กับที่มาถึงโรงพยาบาลหลังจากข่าวเมื่อวานแพร่ออกไป บริเวณรอบๆ โรงพยาบาลก
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน