ตอนนี้ในหัวของซังหนี่มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นด้วยเงื่อนไขแบบนี้ คนปกติที่ไหนจะยอมตอบตกลงยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นฟู่เซียวหานเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ เป็นคนที่ยืนอยู่บนสุดของพีระมิด!เพราะตกใจเกินไป ซังหนี่ถึงกับพูดไม่ออกในตอนนั้นผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงได้เรียกสติกลับมาได้ “ฟู่เซียวหาน คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่?”“รู้”“คุณเมาแล้ว”ซังหนี่ได้สติเต็มที่แล้ว จึงผลักเขาออกไปเต็มแรง “ผมไม่ได้เมา” ฟู่เซียวหานตอบซังหนี่ยิ้มมุมปาก”กลิ่นเหล้าบนตัวคุณใครจะไปเชื่อว่าคุณไม่เมา”“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เมา ตอนนี้ผมมีสติครบถ้วน”ขณะที่ฟู่เซียวหานพูด เขาก็ก้าวเข้าไปใกล้เธออีกสองก้าว “ผมรู้ดีว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”“แล้วคุณรู้ไหมว่าฉันทำแบบนี้เพื่ออะไร?” ซังหนี่ถามกลับฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว“ฉันแค่อยากให้คุณอยู่ห่าง ๆ ต่อให้คุณยอมรับเงื่อนไขแบบนี้...ฉันก็จะไม่มีวันชอบคุณอีก แถมอาจจะใช้คุณจนหมดประโยชน์ แล้วก็เขี่ยทิ้งไป คุณยังจะยอมอีกเหรอ?”น้ำเสียงของซังหนี่เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆฟู่เซียวหานจ้องหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม แล้วตอบว่า “ตกลง”คำตอบที่เรียบง่าย
ฟู่เซียวหานดื่มเหล้าไปไม่น้อยจริง ๆหลังจากออกมาจากซังหนี่มา เขาก็มุ่งตรงไปที่บาร์ทันที ดื่มไปเท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้แต่พอหลูเยียนปรากฏตัวต่อหน้าเขา อยู่ดี ๆ เขากลับรู้สึกได้สติขึ้นมาในทันทีเขาจึงโทรหาสวีเหยียน สั่งให้จัดการเรื่องของเขากับหลูเยียนให้เรียบร้อย——เรื่องของจื้อเหอเขาสะสางใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หลูเยียนมาคอยบังหน้าอีกแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่สบตากับหลูเยียน เขากลับรู้ชัดขึ้นมาในทันทีว่า เธอไม่ใช่ซังหนี่ และไม่อาจแทนที่ซังหนี่ได้เพราะแบบนั้น เขาจึงกลับมาซังหนี่บอกว่าเขาบ้าไปแล้วจริง ๆ แล้วฟู่เซียวหานก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันถ้าไม่บ้าจริง ๆ เขาจะยอมรับรับเงื่อนไขแบบนั้นได้ยังไง?ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังทำลายตัวเองแต่ในตอนนั้น ฟู่เซียวหานกลับคิดขึ้นมาว่า หรือว่าเธอแค่อยากใช้วิธีนี้บีบให้เขาถอยห่างไปกันแน่?แล้วทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้นล่ะ?บางทีอาจเป็นเพราะเธอยังมีใจให้เขาอยู่ เลยไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะกลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว?พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา แม้แต่ฟู่เซียวหานเองยังรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระและน่าขันสิ้นดีแต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขามีส
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เธอคงไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหรอกแม้จะมาถึงวันนี้ได้ เธอก็ยังดูเหมือนไม่มีความสุขอยู่ดีแต่เธอคิดว่าเป็นเพราะตัวเองยังพยายามไม่มากพอบางทีสักวันหนึ่งตัวเองได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เธออาจจะมีความสุขก็ได้?ซังหนี่เองก็ไม่แน่ใจ และไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ ดังนั้น เธอจึงทำได้แค่เดินต่อไปข้างหน้า“เลิกสูบบุหรี่เถอะ”ฟู่เซียวหานเหมือนฟังไม่เข้าใจสิ่งอื่นที่เธอพูด สนใจแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวซังหนี่อดขำไม่ได้ “แล้วทำไมคุณไม่เลิกเองล่ะ?”“ได้ ผมจะเลิกมันพร้อมกับคุณ” เขาตอบทันทีคำตอบที่เด็ดขาดนั้น ทำให้ซังหนี่อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้แต่ฟู่เซียวหานไม่พูดพร่ำทำเพลง——เขาหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กของซังหนี่โยนลงถังขยะทันทีจากนั้น เขาก็เก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ในห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน หยิบซองบุหรี่ในนั้นของเขาโยนทิ้งไปด้วยเหลือแค่ไฟแช็กที่ยังอยู่ในมือเขา“อันนี้เก็บไว้เถอะ” เขาพูดขึ้น “คุณเป็นคนให้ผม”แน่นอนซังหนี่จำได้ดีแต่ตอนนี้เธอกลับมองไฟแช็กอันนั้นอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะเหลือบตามองฟู่เซียวหานเหมือนเขาเป็นคนบ้า แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องนอนไปฟู่เซียวหานเดินตา
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าตอนนั้นฟู่เซียวหานตอบเธอว่าอะไรแต่สิ่งที่เธอจำได้ชัดเจนก็คือสุดท้ายฟู่เซียวหานก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ แล้วทั้งคู่ก็สลับตำแหน่งกัน การประชุมตอนเช้า...เธอพลาดเวลาไปจริง ๆแต่พอเธอมาถึงบริษัท เจิ้งชวนก็บอกเธอว่า การประชุมถูกเลื่อนออกไปแล้วซังหนี่ไม่แปลกใจเลยสักนิดเจิ้งชวนเริ่มพูดถึงตารางงานอื่น ๆ แต่สายตากลับจ้องมองไปที่ซังหนี่อยู่ตลอดเวลาคิ้วของซังหนี่ก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัวจังหวะที่เธอกำลังจะระเบิดอารมณ์ เจิ้งชวนทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นว่า “คุณต้องการคอนซีลเลอร์ไหมครับ?”ซังหนี่ชะงักนิ่งไป ก่อนจะสังเกตเห็นรอยใต้ปกเสื้อตัวเองมือของเธอรีบดึงคอเสื้อแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณเป็นหมาหรือไง?”เดิมทีซังหนี่พิมพ์ข้อความนี้เสร็จแล้ว แต่หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลบมันออกอย่างไร้อารมณ์ วางโทรศัพท์ลง แล้วดึงคอเสื้อให้สูงขึ้นอีกหน่อยเจิ้งชวนเดินออกไปแล้ว พอกลับมาก็ยื่นคอนซีลเลอร์ให้เธออย่างใส่ใจ“ไม่ต้องห่วง ผมถามแฟนมาแล้ว เธอบอกว่าอันนี้ใช้ดีมาก” เจิ้งชวนพูดซังหนี่กลอกตามอง แต่มือก็ยื่นไปรับของนั้นมาอยู่ดี“เมื่อกี้ผมได้ยินข่าวซุบซิบมาด้วยนะครับ” เจิ้งชวนพูด
“นายไม่มีงานทำเหรอ? หรือว่างานน้อยไป?” ซังหนี่ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ไม่ ๆ ครับ ผมออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” เจิ้งชวนรีบตอบเขาพูดจบ ก็รีบเก็บของออกไปทันทีซังหนี่ไม่ได้สนใจเขาอีก สีหน้าก็ยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิมแต่พอเธอหันกลับไปมองหน้าจออีกครั้ง ข้อความในอีเมลตรงหน้ากลับดูยุ่งเหยิงไปหมด อ่านไม่รู้เรื่องเลยสักคำสุดท้าย เธอก็ลุกขึ้นยืนแต่พอเดินไปถึงประตู เธอกลับค่อย ๆ สงบสติลง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วทำงานต่อตอนค่ำ ฟู่เซียวหานส่งข้อความมา ถามเธอว่าเย็นนี้อยากไปกินข้าวด้วยกันไหมซังหนี่ไม่ได้ตอบเขาส่งมาอีกสองข้อความ สุดท้ายโทรมาหาทันที“ฉันมีธุระ” ซังหนี่ตอบ“ธุระอะไร? ทำโอทีเหรอ? แต่ถึงยังไงก็ต้องกินข้าวนะ...”“ฉันจะไปกินข้าวกับจี้อวี้หยวน” ซังหนี่พูดตัดบทเขาทันทีเสียงของฟู่เซียวหานเงียบไปทันทีเธอรับรู้ได้ถึงความนิ่งและเงียบงันจากเขา อารมณ์ขุ่นมัวที่สะสมมาทั้งวันก็กลับดีขึ้นมาทันทีเธอไม่ได้พูดอะไรต่อ กดวางสายไปเลยจริง ๆ แล้วซังหนี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แต่เธอมีนัดกินข้าวกับจี้อวี้หยวนอยู่แล้วคืนนี้เมื่อคืนพวกเขาเพิ่งคุยโทรศัพท์กัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหล
ซังหนี่กลับมาถึงบ้านพักซิงเหอย่วน ข้างในมืดสนิทเธอก็คิดว่าฟู่เซียวหานคงกลับไปแล้วแน่ ๆแต่พอเธอยกมือจะเปิดไฟ จู่ ๆ เสียงเขาก็ดังขึ้นมา”คุณกลับมาแล้วเหรอ?”ซังหนี่สะดุ้งเฮือกจนตัวสั่นเล็กน้อย แต่มือก็กดสวิตช์เปิดไฟทันทีแสงสว่างสาดไปทั่วห้องรับแขก เธอเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างชัดเจน รวมทั้งแววตาที่ลึกซึ้งจ้องมองมา คิ้วของซังหนี่ขมวดขึ้นทันที“เย็นนี้ไปไหนมา? สนุกไหม?” เขาถามต่อซังหนี่ไม่ตอบเขา กลับย้อนถามขึ้น”ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?”“ผมขนของมาแล้วนะ” ฟู่เซียวหานตอบ “คุณจะให้ผมไปไหนล่ะ?”พอเขาพูดแบบนี้ ซังหนี่ถึงสังเกตเห็นกระเป๋าเดินทางสองใบวางอยู่ข้างหน้า“ใครอนุญาตให้คุณย้ายมา?” เธอถามขึ้นฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบไม่รู้ทำไม ซังหนี่มองท่าทางเขาในตอนนี้ กลับรู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะ...น้อยใจอยู่หน่อย ๆ ?แต่ว่าความคิดนี้เพิ่งโผล่ขึ้นมาได้แวบเดียวซังหนี่ก็ตัดมันทิ้งไปทันทีเธอคงบ้าไปแล้วจริง ๆ ไม่งั้นจะคิดได้ไงว่าฟู่เซียวหานน้อยใจอยู่?แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์จะเถียงอะไรกับเขา เลยแค่ชี้ไปที่ห้องรับแขก “เอาของคุณไปเก็บไว้ตรงนั้น”ซังหนี่พูดจบก็หมุนตัวเดินไปทางห้องนอน แต่ฟู่เซ
ฟู่เซียวหานยังถือผ้าเช็ดตัวผืนนั้นอยู่ในมือ สัมผัสที่นุ่มนวล บนผ้ายังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดอยู่พอนึกถึงท่าทีโกรธเคืองเมื่อครู่ของเธอ ฟู่เซียวหานก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะถือผ้าเช็ดตัวเดินออกไปโดนฟู่เซียวหานเข้ามาก่อกวนแบบนี้ ซังหนี่ก็หมดอารมณ์จะอาบน้ำต่อ ล้างตัวอย่างลวก ๆ สองสามที แล้วเธอก็สวมเสื้อคลุมเดินออกมาจากนั้น เธอก็เห็นว่าฟู่เซียวหานยังอยู่ที่นี่ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบของเขายังวางเด่นอยู่ข้างเท้าอีกด้วยสีหน้าของซังหนี่บึ้งตึงขึ้นมาทันทีแต่ว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานก็พูดขึ้นว่า “ตรงนั้นมีของอยู่ วางไม่ได้”ซังหนี่ขมวดคิ้วแต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่า จี้อวี้หยวนเคยพักอยู่ที่นี่จริง ๆ และตอนที่ย้ายออกไป เขาก็เหมือนจะทิ้งของใช้ส่วนตัวบางอย่างไว้ซังหนี่เลยทำได้แค่เดินไปหยิบเสื้อผ้าของเขาออกมา อุ้มไว้ในมือแล้วเตรียมจะกลับไปที่ห้องนอนใหญ่ของตัวเองแต่ฟู่เซียวหานก็ขวางเธออีกครั้ง “คุณจะเอาของพวกนี้ไปวางไว้ที่ไหน?”“ถามมาได้ ก็ต้องเป็นห้องฉันสิ”“ไม่ได้” ฟู่เซียวหานตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดซังหนี่หรี่ตามอง“ของผมไม่เยอะ ไม่งั้นเอาของผมกับของคุณวาง...”ซังหนี่รู้ทันท
หม้อบะหมี่หม้อใหญ่นั้นไม่ใช่แค่เยอะ แต่รสชาติยังแย่มากอีกด้วยตั้งแต่จำความได้ ซังหนี่ไม่เคยกินอะไรที่ไม่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยสุดท้าย เธอก็ทนไม่ไหวต้องเปิดเตาใหม่ แล้วต้มให้เขาอีกชามหนึ่งฟู่เซียวหานก็ยืนดูเธออยู่ข้าง ๆ โดยตลอดซังหนี่หันไปกำลังจะบอกให้เขาออกไป แต่ฟู่เซียวหานเหมือนจะรู้ทันสิ่งที่เธอคิดอยู่ เขาพูดขึ้นตรง ๆ ว่า “ผมอยากดูไว้ ครั้งหน้าจะได้รู้ว่าต้องต้มยังไง”“ประธานฟู่ นี่มันไม่สมกับฐานะของคุณหรอกค่ะ” ซังหนี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าคุณต้องการ มีผู้หญิงอีกมากมายเต็มใจทำให้คุณอยู่แล้ว”“ผมรู้”ฟู่เซียวหานตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเลแต่คำตอบนี้ เหมือนจะแฝงความหมายอย่างอื่นด้วยซังหนี่เงียบไปเธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่วางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะ แล้วหมุนตัวจะเดินออกไป“คืนนี้คุณได้บอกจี้อวี้หยวนแล้วหรือยัง?” ฟู่เซียวหานถามขึ้นมากะทันหัน “เรื่องความสัมพันธ์ของเรา”“อืม”“เขาตกลงแล้วเหรอ?”“ใช่”คำตอบของซังหนี่เรียบง่าย แต่ฟังดูเหมือนพูดขอไปทีฟู่เซียวหานกลับไม่ได้พูดอะไรอีกไม่นาน ประตูห้องของเธอก็ถูกปิดลงอีกครั้งมุมปากของฟู่เซียวหานเม้มแน่นโดยไม่รู้ต
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็