หม้อบะหมี่หม้อใหญ่นั้นไม่ใช่แค่เยอะ แต่รสชาติยังแย่มากอีกด้วยตั้งแต่จำความได้ ซังหนี่ไม่เคยกินอะไรที่ไม่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยสุดท้าย เธอก็ทนไม่ไหวต้องเปิดเตาใหม่ แล้วต้มให้เขาอีกชามหนึ่งฟู่เซียวหานก็ยืนดูเธออยู่ข้าง ๆ โดยตลอดซังหนี่หันไปกำลังจะบอกให้เขาออกไป แต่ฟู่เซียวหานเหมือนจะรู้ทันสิ่งที่เธอคิดอยู่ เขาพูดขึ้นตรง ๆ ว่า “ผมอยากดูไว้ ครั้งหน้าจะได้รู้ว่าต้องต้มยังไง”“ประธานฟู่ นี่มันไม่สมกับฐานะของคุณหรอกค่ะ” ซังหนี่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าคุณต้องการ มีผู้หญิงอีกมากมายเต็มใจทำให้คุณอยู่แล้ว”“ผมรู้”ฟู่เซียวหานตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเลแต่คำตอบนี้ เหมือนจะแฝงความหมายอย่างอื่นด้วยซังหนี่เงียบไปเธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่วางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะ แล้วหมุนตัวจะเดินออกไป“คืนนี้คุณได้บอกจี้อวี้หยวนแล้วหรือยัง?” ฟู่เซียวหานถามขึ้นมากะทันหัน “เรื่องความสัมพันธ์ของเรา”“อืม”“เขาตกลงแล้วเหรอ?”“ใช่”คำตอบของซังหนี่เรียบง่าย แต่ฟังดูเหมือนพูดขอไปทีฟู่เซียวหานกลับไม่ได้พูดอะไรอีกไม่นาน ประตูห้องของเธอก็ถูกปิดลงอีกครั้งมุมปากของฟู่เซียวหานเม้มแน่นโดยไม่รู้ต
“ประธานเสี่ยวซัง?”เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน เจิ้งชวนที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนขึ้นมาซังหนี่ได้สติกลับมา พลางส่งยิ้มตามแบบฉบับมืออาชีพ “ได้เลยค่ะ ขอบคุณประธานฟู่ที่ช่วยเป็นธุระให้นะคะ”“พวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วครับ”พูดจบ ฟู่เซียวหานก็ลุกขึ้น ยื่นมือไปทางเธอในห้องประชุมยังมีคนอื่นอยู่ และในสายตาพวกเขา ฟู่เซียวหานยังคงเป็นประธานฟู่ผู้ทรงอิทธิพลที่ทุกคนให้ความสนใจซังหนี่จึงทำได้เพียงยื่นมือไปจับตามมารยาทแต่พอจับมือกับฟู่เซียวหาน เธอกลับอดไม่ได้ใช้นิ้วจิกลงไปตรงกลางฝ่ามือเขาเบา ๆถึงเล็บของเธอจะไม่ยาวนัก แต่แรงกดนั้น ทำให้ฟู่เซียวหานต้องรู้สึกเจ็บแน่นอนซังหนี่เห็นคิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อยทันทีแต่เธอไม่รอช้า รีบกล่าวลา แล้วหันหลังเดินจากไปทันทีผู้จัดการธนาคารโจวที่ฟู่เซียวหานพูดถึงนั้น ถือเป็นคนใหญ่คนโตของธนาคารเมืองอิ๋น ถ้าเป็นซังหนี่ ต่อให้ติดต่อเรื่องงานกับธนาคารก็ไม่มีทางได้เจอตัวเขาโดยตรงแน่นอนแต่ฟู่เซียวหานไม่เหมือนกันซังหนี่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟู่เซียวหานทำธุรกิจกับเขา ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งคู่คงดีไม่น้อย และครั้งนี้
ซังหนี่พูดจบ ฟู่เซียวหานถึงกลับชะงักไปทั้งตัว——คำพูดที่บาดลึกถึงใจถ้าเขาให้ความสำคัญกับเธอจริง ๆ อย่างที่แสดงออกมา ซังหนี่คิดว่าเพียงประโยคเดียวนี้ ก็คงทำให้เขานอนไม่หลับไปทั้งคืนแค่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่า คำพูดที่ทำร้ายความรู้สึกก็เหมือนดาบสองคม ที่ขณะปักลงกลางอกเขา ฝ่ามือของเธอเองก็ต้องเจ็บและเปื้อนเลือดไปด้วยเช่นกัน?แต่ตอนนี้ซังหนี่ขอแค่ให้เขาเจ็บมากกว่าตัวเองก็พอซังหนี่ไม่ได้มองเขาอีก หันหลังเดินออกไปทันทีเดินบนถนนที่ปูด้วยหินกรวดมันไม่ง่ายเลยซังหนี่รู้ดีว่าส้นเท้าของเธอถลอกจนเลือดออก แต่เธอไม่สนใจ ก้าวส้นสูงเข้าไปในร้านอาหาร ฟู่เซียวหานก็เดินตามหลังมาเงียบ ๆถึงจะบอกว่าเป็นร้านอาหารบ้าน ๆ แต่การตกแต่งของที่นี่ไม่ธรรมดาเลย พอซังหนี่เดินเข้ามาในโถงก็สะดุดตากับภาพวาดสองภาพที่แขวนอยู่ข้าง ๆ เธอคุ้นเคยตราประทับบนภาพนั้นเป็นอย่างดี——เป็นผลงานของคุณเยว่ระหว่างที่พนักงานพาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวก็ถือโอกาสแนะนำร้านอาหารนี้ไปด้วยเขาบอกว่าวัตถุดิบทั้งหมดมาจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลังภูเขา ไม่ว่าจะเป็นปลา หรือสัตว์ปีก ทุกอย่างถูกเชือดและ
“คุณก็คิดว่ามันไม่เลวเลยใช่ไหม? ต้องบอกว่าทิวทัศน์ในเมืองอิ๋นสวยงามมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นเมืองถงก็คงทำไม่ได้ขนาดนี้ คุณลองชิมซุปไก่ดูสิ ร้านข้างนอกพวกนั้นเทียบไม่ติดเลย ตอนนี้ร้านยังอยู่ในช่วงทดลองเปิด ผ่านไปสักพักต้องเป็นที่รู้จักในแวดวงอย่างแน่นอน...”ผู้จัดการธนาคารโจวเริ่มพูดไม่หยุดภายหลังซังหนี่ถึงได้รู้ว่า ร้านอาหารแห่งนี้...เขาก็มีหุ้นอยู่ด้วยแบบนี้ก็ไม่แปลกใจเลยซังหนี่นั่งอยู่ตรงนั้น ฟังอีกฝ่ายพูดเกี่ยวกับแผนการของร้านอาหารอยู่นาน ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน“ขอโทษนะคะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่”ผู้จัดการธนาคารโจวมองเธอครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ตอบอะไร และยังคงคุยกับฟู่เซียวหานต่อไปซังหนี่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกไปร้านอาหารขนาดใหญ่ เวลานี้ดูเหมือนว่าจะมีแค่พวกเขาในห้องอาหารส่วนตัวเท่านั้น ซังหนี่เดินวนไปตามทางเดินอยู่พักหนึ่ง ถึงได้หาห้องน้ำเจอต้องยอมรับเลยว่า ที่นี่ตกแต่งได้ประณีตมาก แม้แต่ในห้องน้ำยังติดโคมไฟระย้า และกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นหลายเมตรนั้นทำให้รู้สึกไม่เหมือนกับอยู่ในห้องน้ำ แต่เป็นอยู่ในฟิตเนสมากกว่าซังหนี่จัดเสื้อผ้
หลังจากมื้อค่ำจบลง เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่มแล้วผู้จัดการธนาคารโจวดูเหมือนจะพอใจกับการเจรจาในคืนนี้มาก ก่อนจะแยกกันไปเขายังบอกกับซังหนี่ว่า อยากดูข้อเสนอของเธอก่อน ซึ่งท่าทีนั้นดูเป็นกันเองขึ้นมาก ซังหนี่จึงรีบตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใสส่วนซังฉิงที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในคืนนี้ ดูเหมือนจะเป็นเพียงเงาที่ไร้ตัวตนตลอดการพูดคุย นอกจากตอนที่เธอขึ้นรถ และสายตานั้นของเธอที่มองฟู่เซียวหานสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความเศร้า และความหวังฟู่เซียวหานตอบกลับเธอยังไงซํงหนี่เองก็ไม่ทันได้เห็น เพราะในวินาทีถัดมาซังฉิงก็ขึ้นรถไปแล้ว จากนั้นรถเบนท์ลีย์สีดำคันนั้นของผู้จัดการธนาคารโจว ก็แล่นหายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็วจากนั้นรอยยิ้มที่ซังงหนี่พยายามฝืนไว้บนใบหน้าก็จางหายไปในทันทีเธอไม่แม้แต่จะมองคนข้างๆ เพียงแค่หันหลังแล้วเดินตรงไปที่รถของตัวเองแต่ฟู่เซียวหานกลับคว้าแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว“จะทำอะไร?”ซังหนี่สะบัดมือของเขาออกทันที “เมื่อเช้าที่ฉันพูดกับคุณ ประธานฟู่ลืมไปแล้วหรือไง?”ฟู่เซียวหานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่ได้ลืม แต่คุณดื่มเหล้า จะขับรถไม่ได้”แน่นอนว่าซังหนี่เ
พอเธอได้สติอีกที ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงบนริมฝีปากของเธอแล้วพวกเขาผ่านประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกันมามากมายต่างก็รู้จักร่างกายของอีกฝ่ายดียิ่งกว่าของตัวเองอีกแต่จนกระทั่งวันนี้…พวกเขาเพิ่งได้แลกจูบที่เหมือนเป็นของคู่รักกันจริง ๆ——ปราศจากความใคร่การเคลื่อนไหวของฟู่เซียวหานอ่อนโยนมาก เขาจูบลงบนริมฝีปากของเธอเบาๆ และเลียด้วยปลายลิ้น ท่าทางนั้น ราวกับกำลังสัมผัสกับสมบัติล้ำค่าที่เปราะบาง อย่างระมัดระวังจู่ๆ ในหัวของซังหนี่ก็รู้สึกหนักขึ้นมาไม่รู้ว่ามือของเธอจับคอเสื้อของเขาไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียงใสกังวานนั้น เหมือนกับมือที่มองไม่เห็น ดึงซังหนี่ออกมาจากห้วงของความอ่อนโยนที่เลือนลางนั้น!ร่างกายของฟู่เซียวหานสั่นสะท้าน แต่ซังหนี่กลับตอบสนองโดยผลักเขาออกไปทันทีพร้อมกับดึงเท้าที่ถูกเขาจับไว้กลับมา“ฮัลโหล” เธอรับโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย แต่ความรู้สึกกลับคืนสู่ความสงบแล้ว“อืมใช่ ผมเห็นคุณแล้ว คุณอยู่ในรถ”สายโทรศัพท์มาจากคนขับรถรับจ้าง ซังหนี่ลดกระจกรถลง ยืนยันข้อมูลกับอีกฝ่าย ก่อนจะให้เขาขึ้นรถเมื่อมีบุคคลที่สามมาถึง บรร
ซังหนี่ถูกฟู่เซียวหานอุ้มไว้บนหลัง แต่เมื่อเธอเห็นว่าประตูลิฟต์ปิด เธอก็พูดตรงๆ ว่า “ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ”น้ำเสียงของเธอดูสงบนิ่ง น้ำเสียงออดอ้อนบ่นกับฟู่เซียวหานว่าเจ็บเท้าเมื่อครู่ไปไหนแล้ว?ฟู่เซียวหานเพิ่งดูออกว่าเธอแกล้งทำแต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผย และยังทำตามความตั้งใจของเธอ และแสดงบทบาทที่เธอให้เขาต่อไปเวลานี้เสียงของซังหนี่ขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงตั้งใจที่จะปล่อยมือหลังจากซังหนี่รออยู่สักพัก และรู้สึกหมดความอดทน “ฟู่เซียวหาน ปล่อยมือเถอะ”“เจ็บเท้าไม่ใช่เหรอ?” ฟู่เซียวหานกล่าว “ใกล้จะถึงแล้ว”“เมื่อกี้คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?” ซังหนี่ไม่ปล่อยให้เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง และพูดออกมาตรงๆ ว่า “ซังฉิงแอบอยู่ที่ลานจอดรถ”“อืม เห็นแล้ว”“เพราะแบบนั้นฉันถึงให้คุณแบกฉัน”“อืม ผมรู้”ซังหนี่พูดความตั้งใจของตัวเองออกมาตรงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฟู่เซียวหานก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากนั้น เธอจึงกัดริมฝีปากแน่น “เพราะงั้นเข้าใจหรือยัง? ว่าฉันแค่หลอกใช้คุณอยู่อยู่”“เข้าใจแล้ว แต่ผมไม่สนใจ”ฟู่เซียวหานตอบกลับอย่างไม่ลังเลแม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่าเขาน่าจะเดาอะไรบางอย่างได้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินเขายอมรับต
“ช่วยเขา? คุณหมายถึงให้เธอไปเอาใจโจวหลิงเหรอ?”“จะใช่หรือไม่ใช่ ผมไม่แน่ใจ และมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”“คุณเห็นซังฉิงเป็นเหมือนน้องสาวไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้น้องสาวคุณตกต่ำถึงขนาดนี้แล้ว คุณไม่เป็นห่วงเลยเหรอ?”พอซังหนี่พูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมาจากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ตอนแรกผมยังคิดว่าผมเป็นฝ่ายหึงกับเรื่องไม่จำเป็นซะอีก ที่แท้คนที่กำลังหึงอยู่กลับเป็นคนอื่น”“คุณพูดถึงใคร?”ซังหนี่ถามกลับ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ราวกับเรื่องที่ตัวเองกับฟู่เซียวหานเพิ่งพูดเมื่อครู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลยแต่ฟู่เซียวหานก็ไม่ได้แซวต่อ เพียงแค่พูดว่า “สิ่งที่คุณกังวล น่าจะเป็นกลัวซังฉิงจะไปแทรกแซงแผนการของโจวหลิงมากกว่าหรือเปล่า?”ซังหนี่ไม่พูดอะไร และเห็นด้วยกับคำพูดของฟู่เซียวหานฟู่เซียวหานทิ้งสำลีในมือ แล้วพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”ซังหนี่เม้มริมฝีปาก “แต่ดูจากท่าทีของโจวหลิงที่มีต่อเธอในคืนนี้ เขาไม่น่าจะฟังเธอใช่ไหม”“เขาพาเธอมาด้วย ก็เป็นท่าทีอย่างหนึ่ง”ซังหนี่ไม่พูดอะไรถ้าเป็นอย่างนั้น แบบนี้สถานการณ์ก็ไม่ดีกับเธอแน่แม้ว่าเมืองอิ๋นจะมีธนาคารเพียงแห่งเดียวในเมือ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็