คำพูดที่ป้าคังกล่าวออกมาดูเหมือนจะไม่สามารถบรรเทาความโกรธของเธอลงได้ เธอจึงก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะผลักซังหนี่เต็มแรงด้วยมือคู่นั้นของเธอ!“ฉันบอกให้เธอออกไป! ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”ซังหนี่ขมวดคิ้วแน่น และในที่สุดขณะที่ป้าคังคิดจะผลักเธอเป็นครั้งที่สอง ก็พลันจับมือของเธอไว้ทันที!“เธอคิดจะทำอะไร? ปล่อยมือ! นังแพศยา!”เสียงของป้าคังเริ่มหวีดแหลมมากขึ้นเป็นเท่าทวี ขณะที่ซังหนี่เห็นว่าวิธีการนี้น่าจะดึงดูดคนเข้ามายิ่งกว่าเดิม ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือป้าคังออกและหันหลังกลับทันทีอย่างไม่คิดรีรอ“ไปให้พ้น! คุณนายไม่คิดอยากจะเจอเธอหรอก! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ! นังแพศยาไร้ยางอาย!”“คุณก็ด้วย ฉันบอกคุณไปกี่รอบแล้วว่าอย่าให้คนอื่นเข้ามาตามอำเภอใจ คุณรับเงินเดือนจากคุณชายแต่กลับทำงานเช่นนี้หรือ? ถ้ามีครั้งหน้าอีกฉันจะให้คุณชาย…”ป้าคังยังพูดอะไรอื่นต่อจากนี้นั้นซังหนี่ไม่ได้ยินอีกเพราะเวลานี้ คนที่เดินออกมาจากลิฟต์จู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาจับมือเธอเอาไว้ และดึงเธอให้เดินไปข้างหน้าการกระทำของเขาเด็ดขาดและตรงไปตรงมามากเสียจนซังหนี่แทบไม่มีโอกาสได้ทั้งตัวเลยสักนิดเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกที เขาก็ลากเธอกลับม
“อย่านะคะคุณชาย! ป้าอายุมากขนาดนี้แล้ว หากออกจากตระกูลฟู่ไปป้าจะยังไปที่ไหนได้อีก? ยังมีพวกลูกชาย…”ป้าคังอยากจะเอ่ยเสริม แต่ฟู่เซียวหานกลับมองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาของความหมดความอดทนทันทีที่ได้รับสัญญาณ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบก้าวเข้ามาและนำตัวเธอออกไปทันทีเดิมทีป้าคังคิดอยากจะก่อกวนสร้างความวุ่นวายอีกสักยก ทว่าเมื่อโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวไปก็พูดอะไรไม่ออกอีกท้ายที่สุด เธอได้แต่มองมายังซังหนี่ด้วยสายตาวิงวอนใบหน้าของอีกฝ่ายไม่แสดงอารมณ์ใดออกมามากนักในวินาทีที่เพิ่งเห็นฟู่เซียวหานเธอเองก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วรวมถึงฉากการที่เพิ่งแสดงต่อหน้าเธอเมื่อกี้ด้วย เธอราวกับเป็นเพียงผู้ชมที่มองอย่างเงียบ ๆ เท่านั้นผู้คนที่รายล้อมจากห้องพักผู้ป่วยล้วนถูกทำให้แยกย้ายกันไปนางพยาบาลที่เป็นคนอยู่ในห้องตั้งแต่แรกเองก็เหลือบมองฟู่เซียวหานด้วยความหวาดกลัว พร้อมอ้างว่าเธอนั้นจะไปซื้ออาหารกลางวัน และหมุนตัวเดินจากไปก่อนจะเดินจากไป เธอก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้สนิทด้วยเมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น ซังหนี่ถึงจะเอ่ยว่า “ประธานฟู่ ปล่อยมือได้หรื
คฤหาสน์ของตระกูลจี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของเมืองถงเบื้องหลังเป็นภูเขาใหญ่โต เมื่อมองลงมาจากชั้นบนของคฤหาสน์ก็สามารถมองเห็นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบและอากาศล้วนดีเป็นอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งที่สองที่ซังหนี่มาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมเยือน เธอถึงกับตั้งใจไปหาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเป็นพิเศษของนายท่านจี้เป็นของบำรุงร่างกาย ส่วนของคุณนายจี้เป็นชุดเครื่องสำอางและผ้าพันคอผืนหนึ่งซังหนี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้จี้อวี้หยวนพูดอะไรกับพวกเขาบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้เธอเข้าคฤหาสน์มา ท่าทีของคุณนายจี้ที่มีต่อเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยตอนที่ซังหนี่กล่าวทักทายเธอ เธอก็พยักหน้าน้อย ๆ ราวกับกำลังตอบรับแต่สิ่งที่จี้อวี้หยวนต้องการเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำพูดเป็นพิธีรีตองในหน้างานเท่านั้นหลังจากที่กล่าวทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งสองฝ่ายก็เดินไปยังห้องอาหารนายท่านจี้เคยสอนในรั้วมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่สำหรับเรื่องแวดวงธุรกิจเองก็นับว่ารู้อยู่ไม่น้อย เมื่อนั่งลงแล้ว เขาจึงถามซังหนี่เกี่ยวกับโครงการรู่โจวทันที“ดำเนินการไปอย่างราบรื่นค่ะ” ซังหนี่ตอบ “รอฉันกลับไปก็จะเตรียมตรวจ
ซังหนี่เพียงแค่ยิ้ม “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ แต่ฉันเองก็เพิ่งผ่านชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวมาได้ไม่นาน ตอนนี้จึงไม่มีความคิดที่จะก้าวขาเข้าไปในชีวิตแต่งงานใหม่อีกครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีลูกเลยค่ะ”“ฉันก็บอกแล้วว่าเธอก็แค่คลอดลูกมาก็พอ ฉันจะช่วยเธอเลี้ยงและสั่งสอนลูกเอง”ซังหนี่วางตะเกียบลง ก่อนจะยิ้มออกมาเบา ๆ “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ค่ะ ฉันไม่อยากทำเรื่องที่ไม่รับผิดชอบต่อลูกของฉันด้วย”“แล้วเธอรับผิดชอบกับอวี้หยวนแล้วหรือ? ปีนี้เขาก็อายุ 34 ปีแล้ว ถ้ายังไม่แต่งงานมีลูก…”“นั่นเป็นเรื่องของเขาค่ะ”“เธอพูดว่าอะไรนะ!?”สีหน้าของคุณนายจี้เปลี่ยนไปโดยพลัน พร้อมผุดลุกยืนขึ้นมาทันที!จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองจี้อวี้หยวน “ลูกเห็นหรือยัง? ลูกยังมาพูดว่าแม่ไม่มีความอดทนต่อผู้อื่น ดูสิว่าเธอมีท่าทีกับแม่อย่างไร!? แม่เลี้ยงลูกมานานหลายปีก็เพราะเพื่อให้วันนี้ลูกพาผู้หญิงคนนี้มาทำให้แม่โกรธจนตายไปงั้นหรือ!?”“พอแล้ว คุณเองก็อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป”ในที่สุดนายท่านจี้ก็เอ่ยปากออกมา แต่ทันทีที่เขาอ้าปากพูด คุณนายจี้ก็เอ่ยขัดคอเขาทันที “คุณมาเสแสร้งเป็นคนดีอะไรตรงนี้? อย่ามาเส
ในฐานะเมืองระดับแนวหน้า แม้จะเป็นในช่วงเช้าตรู่ ก็ยังมีผู้คนขวักไขว่สัญจรไปมาในสนามบินเมืองถงทันทีที่ขึ้นเครื่องบิน ซังหนี่ก็ขอผ้าห่มจากแอร์โฮสเตสก่อนจะหลับตาลงนอนอีกครั้งจนกระทั่งมีคนเข้ามานั่งยังที่นั่งข้างเธอ ก่อนจะยื่นมือออกมาช่วยเธอขยับผ้าห่มให้ดีอย่างกะทันหันซังหนี่ตื่นขึ้นมาทันที พร้อมดวงตาเบิกกว้างที่สบเข้ากับคนที่นั่งข้างกายเมื่อกี้เธอตกอยู่ในห้วงความฝันอันแสนสั้นในความฝันนั้นก็มีใบหน้านี้อยู่ด้วยเช่นกัน เป็นเขาที่สวมชุดสูทสีดำ ค่อย ๆ สวมแหวนแต่งงานลงบนนิ้วของเธอ ก่อนจะก้มศีรษะลงมาจุมพิตเธอแต่เธอก็ถูกคนด้านข้างทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วในเวลานี้ภาพคนตรงหน้าและคนในความฝันทับซ้อนกัน จนทำให้ซังหนี่ไม่สามารถบอกได้เลยว่าตนนั้นกำลังฝันอยู่หรืออยู่ในความจริงกันแน่จนกระทั่งเขายกมือขึ้นอีกครั้ง และช่วยจัดการปอยเส้นผมบนหน้าผากของเธอให้เรียบร้อยปลายนิ้วเย็นไล้ผ่านผิวหนังของซังหนี่ ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมา และปัดมือเขาออกไป“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”เธอเพิ่งตื่น ทำให้เสียงเจือไปด้วยความแหบแห้ง แต่สายตาที่มองตรงมายังเขากลับเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวังอย่างเห็นได้ชัด!
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด”“ในเมื่อมันเป็นทางเลือกที่พลาดพลั้งไป ผมก็ควรที่จะคิดว่าวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดครั้งนี้ให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้”“พูดตามตรง เดิมทีผมคิดว่าคนที่ถูกอารมณ์ควบคุมล้วนเป็นพวกโง่เง่า แต่เมื่อเกิดเข้ากับตัวจริง ๆ ผมถึงรู้ว่า จริง ๆ ความรู้สึกนี้…ก็ไม่ได้นับว่าแย่เลย สำหรับผมผลประโยชน์ในแวดวงธุรกิจเป็นเพียงตัวเลขที่ไร้ซึ่งความหมายไปแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถมาแทนที่ตัวเลขพวกนี้ได้ ผมคงจะมีความสุขมาก”เครื่องบินได้ยกตัวบินออกจากท่าอากาศยานแล้วฟู่เซียวหานปิดเครื่องแท็บเล็ตในมือ พร้อมจ้องมองตรงไปยังซังหนี่ความรักอันเร่าร้อนโหมกระพือในดวงตาที่แสนลึกล้ำคู่นั้นซังหนี่มองเขา และจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา“พูดตามตรง หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงดีใจมากที่ได้ยินคำพูดพวกนี้”ฟู่เซียวหานถาม “แล้วตอนนี้ล่ะ?”“มันสายเกินไปแล้วค่ะ”น้ำเสียงของซังหนี่เรียบนิ่งนัยน์ตาของฟู่เซียวหานหดเล็กลงเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยว่า “คุณคิดจะพูดว่าคุณมีแฟนแล้วใช่ไหม? ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณกับจี้อวี้หยวนเป็นแค่คู่รักปลอม ๆ ไม่มีความรู้สึกที่แท้จริงให้กันเ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้ ระหว่างเราก็มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าฉันจะใช้เวลาคิดนานหน่อย คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”นี่เป็นคำตอบสุดท้ายที่ซังหนี่ทิ้งไว้ให้กับฟู่เซียวหานเป็นดั่งที่เธอกล่าว ระหว่างพวกเขานั้นมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากเกินไป การจะต้องการใช้เวลามากหน่อยมาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องสมควรแล้วเดิมทีฟู่เซียวหานคิดว่าตนนั้นเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนมากคนหนึ่งตัวอย่างเช่นในเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป เขาได้ปูพื้นวางรากฐานมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลที่ได้รับดังนั้นเขาจึงคิดอยู่เสมอว่าเขานั้นนับได้ว่าเป็นนักล่าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เขากลับพบว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนมากอย่างที่คิดหากคิดดี ๆ แท้จริงแล้วเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซังหนี่ เขาได้ทำเรื่องที่ผิดแผกไปจากเดิมมามากนับไม่ถ้วนทว่าทุกครั้งที่เขาต้องการจะติดต่อเธอ ก็นึกได้ถึงท่าทางของเธอที่ดูจริงจังอย่างมากในวันนั้น—— หากผลลัพธ์ออกมาดี เช่นนั้นการจะรอต่ออีกสักสองสามวันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะยอมรับฟู่เซียวหานคิดเช่นนั้น
ฟู่เซียวหานเข้าใจความหมายที่เธอพูด “ความหมายของคุณคือ…ให้ผมเป็นคนที่ไม่มีสถานะคนนั้นใช่ไหม”“นับว่าใช่ก็แล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้พวกเรายังมีความร่วมมือร่วมกันอีก การจะเปิดเผยมากเกินไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี แบบนี้คนอื่นจะมองคุณอย่างไรใช่ไหมล่ะคะ? ดังนั้นฉันคิดว่าแบบนี้…”ก่อนที่ซังหนี่จะพูดจบ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมยื่นหมัดไปทุบลงด้านข้างของซังหนี่!การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ตกใจเป็นอย่างมาก จนทำให้สิ่งที่เธอต้องการจะพูดในตอนแรกเลือนหายไป“ซังหนี่ คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับผม? เธอคิดว่าผมเป็นใคร?! ในสายตาเธอ ผมเป็นคนน่ารังเกียจไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้นเชียวหรือ?!”——ช่างน่าขันฟู่เซียวหานคิดว่าเรื่องนี้มันช่างน่าขันมากเสียจริงวันหนึ่งเขา ฟู่เซียวหานคนนี้ถึงกับโดนขอให้เป็นคนรักที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้!?ทำไมเขาต้องปล่อยให้เธอย่ำยีดูแคลนเขาเช่นนี้?เธอละเลยเขาเช่นนี้ได้อย่างไร!?ฟันของฟู่เซียวหานขบกันแน่น เส้นเลือดที่ท่อนแขนและหน้าผากของเขาปูดโปน ในเวลาเส้นเลือดเหล่านั้นยังคงกระตุกเต้นอยู่ เขาโน้มตัวลงไปมองคนตรงหน้า ในวินาทีนี้เขาอยากจะก้มลงไปกัดเธอมากกว่าสิ่งใ
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย