“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด”“ในเมื่อมันเป็นทางเลือกที่พลาดพลั้งไป ผมก็ควรที่จะคิดว่าวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดครั้งนี้ให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้”“พูดตามตรง เดิมทีผมคิดว่าคนที่ถูกอารมณ์ควบคุมล้วนเป็นพวกโง่เง่า แต่เมื่อเกิดเข้ากับตัวจริง ๆ ผมถึงรู้ว่า จริง ๆ ความรู้สึกนี้…ก็ไม่ได้นับว่าแย่เลย สำหรับผมผลประโยชน์ในแวดวงธุรกิจเป็นเพียงตัวเลขที่ไร้ซึ่งความหมายไปแล้ว แต่ถ้าคุณสามารถมาแทนที่ตัวเลขพวกนี้ได้ ผมคงจะมีความสุขมาก”เครื่องบินได้ยกตัวบินออกจากท่าอากาศยานแล้วฟู่เซียวหานปิดเครื่องแท็บเล็ตในมือ พร้อมจ้องมองตรงไปยังซังหนี่ความรักอันเร่าร้อนโหมกระพือในดวงตาที่แสนลึกล้ำคู่นั้นซังหนี่มองเขา และจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา“พูดตามตรง หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงดีใจมากที่ได้ยินคำพูดพวกนี้”ฟู่เซียวหานถาม “แล้วตอนนี้ล่ะ?”“มันสายเกินไปแล้วค่ะ”น้ำเสียงของซังหนี่เรียบนิ่งนัยน์ตาของฟู่เซียวหานหดเล็กลงเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ แต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยว่า “คุณคิดจะพูดว่าคุณมีแฟนแล้วใช่ไหม? ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณกับจี้อวี้หยวนเป็นแค่คู่รักปลอม ๆ ไม่มีความรู้สึกที่แท้จริงให้กันเ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้ ระหว่างเราก็มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าฉันจะใช้เวลาคิดนานหน่อย คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?”นี่เป็นคำตอบสุดท้ายที่ซังหนี่ทิ้งไว้ให้กับฟู่เซียวหานเป็นดั่งที่เธอกล่าว ระหว่างพวกเขานั้นมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากเกินไป การจะต้องการใช้เวลามากหน่อยมาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องสมควรแล้วเดิมทีฟู่เซียวหานคิดว่าตนนั้นเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนมากคนหนึ่งตัวอย่างเช่นในเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป เขาได้ปูพื้นวางรากฐานมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลที่ได้รับดังนั้นเขาจึงคิดอยู่เสมอว่าเขานั้นนับได้ว่าเป็นนักล่าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เขากลับพบว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนมากอย่างที่คิดหากคิดดี ๆ แท้จริงแล้วเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับซังหนี่ เขาได้ทำเรื่องที่ผิดแผกไปจากเดิมมามากนับไม่ถ้วนทว่าทุกครั้งที่เขาต้องการจะติดต่อเธอ ก็นึกได้ถึงท่าทางของเธอที่ดูจริงจังอย่างมากในวันนั้น—— หากผลลัพธ์ออกมาดี เช่นนั้นการจะรอต่ออีกสักสองสามวันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะยอมรับฟู่เซียวหานคิดเช่นนั้น
ฟู่เซียวหานเข้าใจความหมายที่เธอพูด “ความหมายของคุณคือ…ให้ผมเป็นคนที่ไม่มีสถานะคนนั้นใช่ไหม”“นับว่าใช่ก็แล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้พวกเรายังมีความร่วมมือร่วมกันอีก การจะเปิดเผยมากเกินไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี แบบนี้คนอื่นจะมองคุณอย่างไรใช่ไหมล่ะคะ? ดังนั้นฉันคิดว่าแบบนี้…”ก่อนที่ซังหนี่จะพูดจบ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมยื่นหมัดไปทุบลงด้านข้างของซังหนี่!การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ตกใจเป็นอย่างมาก จนทำให้สิ่งที่เธอต้องการจะพูดในตอนแรกเลือนหายไป“ซังหนี่ คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับผม? เธอคิดว่าผมเป็นใคร?! ในสายตาเธอ ผมเป็นคนน่ารังเกียจไร้ศักดิ์ศรีขนาดนั้นเชียวหรือ?!”——ช่างน่าขันฟู่เซียวหานคิดว่าเรื่องนี้มันช่างน่าขันมากเสียจริงวันหนึ่งเขา ฟู่เซียวหานคนนี้ถึงกับโดนขอให้เป็นคนรักที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้!?ทำไมเขาต้องปล่อยให้เธอย่ำยีดูแคลนเขาเช่นนี้?เธอละเลยเขาเช่นนี้ได้อย่างไร!?ฟันของฟู่เซียวหานขบกันแน่น เส้นเลือดที่ท่อนแขนและหน้าผากของเขาปูดโปน ในเวลาเส้นเลือดเหล่านั้นยังคงกระตุกเต้นอยู่ เขาโน้มตัวลงไปมองคนตรงหน้า ในวินาทีนี้เขาอยากจะก้มลงไปกัดเธอมากกว่าสิ่งใ
“คุณไม่กลัวว่าเขาจะแก้แค้นคุณหรือ?”เสียงเจือด้วยความระอาใจของจี้อวี้หยวนดังมาจากโทรศัพท์“ไม่หรอก” ซังหนี่กลับตอบไปด้วยความเด็ดขาด“คุณอย่าลืมไปล่ะว่าทำไมครั้งที่แล้วคุณถึงได้เข้าโรงพยาบาล” เขาเตือนแน่นอนว่าซังหนี่ไม่ได้ลืม แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่มั่นใจมาก ๆ อย่างอธิบายไม่ถูกอีกอย่างคนอย่างฟู่เซียวหานที่ทระนงตนขนาดนั้น เขาจะไม่ปล่อยให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้แน่นอน บางที…ในอนาคตเขาอาจจะไม่อยากเจอเธออีกก็ได้“อันที่จริงคุณตอบตกลงกับเขาได้นะ”จี้อวี้หยวนกล่าวเสริม “ผมจะไปอธิบายกับทางคุณพ่อคุณแม่ผมเอง”“ช่างมันเถอะค่ะ” ซังหนี่ตอบ “อีกอย่างคุณก็เป็นเพียงข้ออ้างของฉันเท่านั้น ฉันไม่คิดอยากจะตอบตกลงเขาไปเลยสักนิด”“ทำไมล่ะ? คุณไม่…รู้สึกกับเขาแล้วหรือ?”“อารมณ์ที่ใช้ความเจ็บปวดเป็นอาหาร นับไหมคะ?” ซังหนี่เทไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ครั้งหนึ่งคุณเองก็เคยชอบใครบางคน และเคยถูกมันทำร้ายมา ดังนั้นคุณก็น่าจะรู้ดีว่าจำนวนครั้งที่คนเราสามารถรับความเจ็บปวดได้นั้น…มีจำกัด”“ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อเขาอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”อาจเป็นเพราะโดนพูดถึงตนเอง เสียงของจี่อวี้หย
ตอนนี้ในหัวของซังหนี่มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นด้วยเงื่อนไขแบบนี้ คนปกติที่ไหนจะยอมตอบตกลงยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นฟู่เซียวหานเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ เป็นคนที่ยืนอยู่บนสุดของพีระมิด!เพราะตกใจเกินไป ซังหนี่ถึงกับพูดไม่ออกในตอนนั้นผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงได้เรียกสติกลับมาได้ “ฟู่เซียวหาน คุณรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่?”“รู้”“คุณเมาแล้ว”ซังหนี่ได้สติเต็มที่แล้ว จึงผลักเขาออกไปเต็มแรง “ผมไม่ได้เมา” ฟู่เซียวหานตอบซังหนี่ยิ้มมุมปาก”กลิ่นเหล้าบนตัวคุณใครจะไปเชื่อว่าคุณไม่เมา”“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เมา ตอนนี้ผมมีสติครบถ้วน”ขณะที่ฟู่เซียวหานพูด เขาก็ก้าวเข้าไปใกล้เธออีกสองก้าว “ผมรู้ดีว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”“แล้วคุณรู้ไหมว่าฉันทำแบบนี้เพื่ออะไร?” ซังหนี่ถามกลับฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว“ฉันแค่อยากให้คุณอยู่ห่าง ๆ ต่อให้คุณยอมรับเงื่อนไขแบบนี้...ฉันก็จะไม่มีวันชอบคุณอีก แถมอาจจะใช้คุณจนหมดประโยชน์ แล้วก็เขี่ยทิ้งไป คุณยังจะยอมอีกเหรอ?”น้ำเสียงของซังหนี่เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆฟู่เซียวหานจ้องหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม แล้วตอบว่า “ตกลง”คำตอบที่เรียบง่าย
ฟู่เซียวหานดื่มเหล้าไปไม่น้อยจริง ๆหลังจากออกมาจากซังหนี่มา เขาก็มุ่งตรงไปที่บาร์ทันที ดื่มไปเท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้แต่พอหลูเยียนปรากฏตัวต่อหน้าเขา อยู่ดี ๆ เขากลับรู้สึกได้สติขึ้นมาในทันทีเขาจึงโทรหาสวีเหยียน สั่งให้จัดการเรื่องของเขากับหลูเยียนให้เรียบร้อย——เรื่องของจื้อเหอเขาสะสางใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หลูเยียนมาคอยบังหน้าอีกแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่สบตากับหลูเยียน เขากลับรู้ชัดขึ้นมาในทันทีว่า เธอไม่ใช่ซังหนี่ และไม่อาจแทนที่ซังหนี่ได้เพราะแบบนั้น เขาจึงกลับมาซังหนี่บอกว่าเขาบ้าไปแล้วจริง ๆ แล้วฟู่เซียวหานก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันถ้าไม่บ้าจริง ๆ เขาจะยอมรับรับเงื่อนไขแบบนั้นได้ยังไง?ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังทำลายตัวเองแต่ในตอนนั้น ฟู่เซียวหานกลับคิดขึ้นมาว่า หรือว่าเธอแค่อยากใช้วิธีนี้บีบให้เขาถอยห่างไปกันแน่?แล้วทำไมเธอถึงต้องทำแบบนั้นล่ะ?บางทีอาจเป็นเพราะเธอยังมีใจให้เขาอยู่ เลยไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะกลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว?พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา แม้แต่ฟู่เซียวหานเองยังรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระและน่าขันสิ้นดีแต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขามีส
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ เธอคงไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหรอกแม้จะมาถึงวันนี้ได้ เธอก็ยังดูเหมือนไม่มีความสุขอยู่ดีแต่เธอคิดว่าเป็นเพราะตัวเองยังพยายามไม่มากพอบางทีสักวันหนึ่งตัวเองได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เธออาจจะมีความสุขก็ได้?ซังหนี่เองก็ไม่แน่ใจ และไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ ดังนั้น เธอจึงทำได้แค่เดินต่อไปข้างหน้า“เลิกสูบบุหรี่เถอะ”ฟู่เซียวหานเหมือนฟังไม่เข้าใจสิ่งอื่นที่เธอพูด สนใจแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวซังหนี่อดขำไม่ได้ “แล้วทำไมคุณไม่เลิกเองล่ะ?”“ได้ ผมจะเลิกมันพร้อมกับคุณ” เขาตอบทันทีคำตอบที่เด็ดขาดนั้น ทำให้ซังหนี่อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้แต่ฟู่เซียวหานไม่พูดพร่ำทำเพลง——เขาหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กของซังหนี่โยนลงถังขยะทันทีจากนั้น เขาก็เก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ในห้องรับแขกตั้งแต่เมื่อคืน หยิบซองบุหรี่ในนั้นของเขาโยนทิ้งไปด้วยเหลือแค่ไฟแช็กที่ยังอยู่ในมือเขา“อันนี้เก็บไว้เถอะ” เขาพูดขึ้น “คุณเป็นคนให้ผม”แน่นอนซังหนี่จำได้ดีแต่ตอนนี้เธอกลับมองไฟแช็กอันนั้นอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะเหลือบตามองฟู่เซียวหานเหมือนเขาเป็นคนบ้า แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องนอนไปฟู่เซียวหานเดินตา
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าตอนนั้นฟู่เซียวหานตอบเธอว่าอะไรแต่สิ่งที่เธอจำได้ชัดเจนก็คือสุดท้ายฟู่เซียวหานก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ แล้วทั้งคู่ก็สลับตำแหน่งกัน การประชุมตอนเช้า...เธอพลาดเวลาไปจริง ๆแต่พอเธอมาถึงบริษัท เจิ้งชวนก็บอกเธอว่า การประชุมถูกเลื่อนออกไปแล้วซังหนี่ไม่แปลกใจเลยสักนิดเจิ้งชวนเริ่มพูดถึงตารางงานอื่น ๆ แต่สายตากลับจ้องมองไปที่ซังหนี่อยู่ตลอดเวลาคิ้วของซังหนี่ก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัวจังหวะที่เธอกำลังจะระเบิดอารมณ์ เจิ้งชวนทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นว่า “คุณต้องการคอนซีลเลอร์ไหมครับ?”ซังหนี่ชะงักนิ่งไป ก่อนจะสังเกตเห็นรอยใต้ปกเสื้อตัวเองมือของเธอรีบดึงคอเสื้อแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณเป็นหมาหรือไง?”เดิมทีซังหนี่พิมพ์ข้อความนี้เสร็จแล้ว แต่หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลบมันออกอย่างไร้อารมณ์ วางโทรศัพท์ลง แล้วดึงคอเสื้อให้สูงขึ้นอีกหน่อยเจิ้งชวนเดินออกไปแล้ว พอกลับมาก็ยื่นคอนซีลเลอร์ให้เธออย่างใส่ใจ“ไม่ต้องห่วง ผมถามแฟนมาแล้ว เธอบอกว่าอันนี้ใช้ดีมาก” เจิ้งชวนพูดซังหนี่กลอกตามอง แต่มือก็ยื่นไปรับของนั้นมาอยู่ดี“เมื่อกี้ผมได้ยินข่าวซุบซิบมาด้วยนะครับ” เจิ้งชวนพูด
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็