——พวกเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงเดียวกันมาก่อนไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะทำให้เธอเหนื่อยล้าแค่ไหน เธอก็ยังจำได้ว่าต้องกลับไปที่ห้องของตัวเองเสมอดังนั้น จริง ๆ แล้วซังหนี่รู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนสามีภรรยา แต่เหมือน...คู่หูกันมากกว่าคู่หูบนเตียง คู่หูในชีวิตประจำวันสำหรับซังหนี่แล้ว การนอนร่วมเตียงเดียวกันโดยไม่ทำอะไรเลย กลับเป็นความใกล้ชิดยิ่งกว่าการมีอะไรกันเสียอีกเพราะว่ามีแค่...คนที่รักกันจริง ๆ เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้เธอกับฟู่เซียวหาน ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนในตอนนี้ ซังหนี่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างเตียงมองใบหน้าของฟู่เซียวหานขณะหลับใบหน้านี้ของเขา เธอเคยมองมาหลายครั้งแล้วทุกวันนี้ เพียงแค่หลับตาลง เธอก็สามารถวาดภาพโครงหน้าที่มีมุมเหลี่ยมคมชัดของเขาได้อย่างชัดเจน—เพราะในตอนเด็ก เธอเคยวาดมันมาหลายครั้งแล้วในตอนนั้น ฟู่เซียวหานสวมชุดนักเรียนสีขาว โดดเด่นและเป็นที่จับตามองที่สุดในโรงเรียนต่อมา เมื่อเขาโตขึ้นใบหน้าของเขายิ่งดูหล่อเหลาและสุขุมขึ้นตามกาลเวลา อีกทั้งยังแผ่ออร่าความสูงส่งและเยือกเย็นอย่างชัดเจน แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ซังหนี่กลับรู้สึกว่าเขา...ยังคงห่างไกลเหลือเ
ในที่สุดฟู่เซียวหานก็ไปตามนัดเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่แปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น“สวัสดีค่ะประธานฟู่”คนตรงข้ามยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่สดใสและเปล่งประกาย “ฉันคิดว่าคุณคงพอจำฉันได้ใช่ไหมคะ?”“ถังเหยา” ฟู่เซียวหานยังไม่ทันจะตอบ เธอก็ยื่นมือออกมาแล้วบอกคำตอบ “วันนั้นในงานเต้นรำหน้ากาก เราเคยเต้นด้วยกัน”“คุณถัง ยินดีที่ได้พบครับ”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเต้นรำนั้นต่อ แค่จับมือกับเธอเบา ๆ“หลังจากนั้นทำไมคุณถึงหายไปเลยล่ะ?” ถังเหยาเอ่ยถาม“มีธุระด่วนครับ”“จริงเหรอคะ?”ถังเหยายิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างฟู่เซียวหานกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจความไม่สบายใจนี้ไม่ได้มาจากความกลัวที่คำโกหกของเขาจะถูกเปิดเผย แต่เป็นความรู้สึกที่เธอทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจฟู่เซียวหานไม่กลัวที่จะพูดคุยกับคนที่ฉลาด แต่เขากลับเกลียดคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดเกินไปถังเหยาก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นต่อ เธอเปลี่ยนหัวข้อและเริ่มคุยเรื่องอื่นกับฟู่เซียวหานเธอกับฟู่เซียวหานเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตระกูลถังและตระกูลฟู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ต้องกลัวว่าจ
มือที่อยู่ข้างกายกำแน่นขึ้นช้า ๆ “นี่…ทำไมฉันไม่เคยได้ยินว่าพวกคุณคบกันแล้ว?”“ข่าวของคุณคงไม่ทันสมัยพอมั้งคะ” ถังเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆคำพูดนี้ทำให้ซังฉิงไม่รู้จะตอบโต้ยังไงต่อดีเธอทำได้เพียงหันไปมองฟู่เซียวหานฟู่เซียวหานที่กำลังมองไปที่ไหนสักแห่งอยู่ไกล ๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่“พี่เซียวหาน?”ซังฉิงเรียกเขา ฟู่เซียวหานถึงได้สติขึ้นมา จึงหันไปมองเธอ“เมื่อกี้บอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ? คุณไปก่อนเถอะ?”ถังเหยากลับพูดขึ้นก่อนคำพูดของซังฉิงโดนแย่งพูดไป สายตามองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ แต่ถังเหยากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มและสบตากับเธออย่างสบาย ๆ“งั้นผมไปก่อนนะ”พอพูดจบ ฟู่เซียวหานก็หันหลังและเดินจากไปซังฉิงเดิมทีอยากจะตามไปด้วย แต่ถังเหยาเดินมาขวางหน้าเอาไว้ “คุณหนูรอง มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“ฉันจะไปหาพี่เซียวหาน คุณมาขวางฉันทำไม?”“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณหนูรองเลยนะ ได้ยินมาว่าคุณจะหมั้นกับคุณฉินม่อ? ยินดีด้วยนะคะ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซังฉิงก็ขบฟันแน่นขึ้นทันที สายตาของเธอมองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ ราวกับจะพ่นไฟออกมาเลยทีเดียวถังเหยายังคงย
ซังหนี่มองคนตรงหน้าพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ คุณน่าจะรู้สถานะของฉันดีอยู่แล้ว”“รู้สิครับ ก่อนหน้านี้เราคงเคยเจอกันในงานเลี้ยงบางงานใช่ไหม?”“ฉันเพิ่งหย่ากับฟู่เซียวหาน” ซังหนี่พูดต่อ“อืม ได้ยินมาแล้ว การที่คุณตัดสินใจหย่ากับฟู่เซียวหานได้อย่างเด็ดขาด น่านับถือจริง ๆ ครับ”สำหรับคำพูดของซังหนี่ เย่จื่อหลานตอบรับด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง ซึ่งทำให้ซังหนี่รู้สึกเหมือนหมดแรงที่จะพูดต่อไปชั่วขณะสุดท้าย เธอพูดเพียงแค่ว่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากคิดเรื่องความรักค่ะ”“งั้นเหรอครับ? งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องความรักก็ได้” เย่จื่อหลานยิ้มแล้วพูดตอบ “เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ได้”ซังหนี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ“แบบนี้ถือว่าคุณยอมรับแล้วใช่ไหม? งั้นไปกันเถอะ”พูดพลางเขาก็ยื่นมือออกมาจะจับมือเธอ ซังหนี่ตกใจกับการกระทำของเขา รีบถอยหลังไปสองก้าวทันทีเขามองเธออย่างสงสัย “เป็นอะไรครับ? มือของผมมีพิษเหรอ?”“เปล่าค่ะ แค่นึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีธุระ คงไปไม่ได้แล้ว”“โอ้? ธุระอะไรเหรอครับ?”“เรื่องงานค่ะ”“คุณยังมีงานอีกเหรอครับ? งานอะไร? หรือคุณแค่หาข้ออ้างมาปฏิเสธผม?” ซังหนี่เพียงแค่ยิ้มบา
เมื่อซังหนี่มองไปที่เขา เย่จื่อหลานก็เห็นเธอเช่นกัน พร้อมกับยิ้มมุมปาก “อยู่ตรงนี้ไง!”......บ้านพักป๋อซีหยวน ฟู่เซียวหานนั่งอยู่ในห้องหนังสือ สายตาจับจ้องไปที่อีเมลบนหน้าจอ แต่ปลายนิ้วกลับกดหน้าจอโทรศัพท์ข้าง ๆ อยู่เป็นระยะแอปโซเชียลส่งข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา แต่ฟู่เซียวหานเพียงแค่เหลือบมองเล็กน้อย โดยไม่สนใจอะไรต่อพอเลยเวลาห้าทุ่ม ก็มีเสียงจากประตูด้านนอกดังขึ้นในที่สุดนิ้วมือของฟู่เซียวหานชะงักไปชั่วครู่ แต่ยังไม่ลุกขึ้น เขาปิดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยซังหนี่เดินเข้ามาอย่างเบา ๆเธอไปที่ห้องนอนของเขาก่อน แต่ไม่พบใคร จากนั้นจึงเปลี่ยนไปที่ห้องหนังสือประตูของห้องหนังสือถูกเขาปิดไว้ซังหนี่มาถึงหน้าประตู แต่กลับไม่ส่งเสียงใด ๆฟู่เซียวหานยังคงไม่สนใจเธอ เพียงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์เวลาที่มุมล่างขวาขยับไปอีกสองนาที ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นฟู่เซียวหานยังคงนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆซังหนี่รออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป“คุณ...ยังทำงานอยู่อีกเหรอ?” เธอยืนมองเขาอยู่หน้าประตู เสียงของเธอแผ่วเบาและลังเลในที่สุดฟู่เซียวหาน
ฟู่เซียวหานไม่ได้ซักถามเรื่องราวของคืนวันนั้นจากซังหนี่อีกซังหนี่เองก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยผ่านไปสองวัน เย่จื่อหลานชวนเธออีกครั้ง บอกว่าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำ ซังหนี่เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่า การชวนคนออกไปข้างนอกสามารถตรงไปตรงมาได้ถึงขนาดนี้เย่จื่อหลานเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆเขารักสนุกและรู้วิธีเล่นให้สนุกเขาเติบโตในเมืองถงตั้งแต่เด็ก คนในวงการรู้จักเขาเกือบทั้งหมด แต่เขากลับไม่ชอบสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสี ทุกครั้งเขาจะพาซังหนี่ไปตามตรอกซอยเก่า ๆบางครั้งก็เพื่อชิมอาหารอร่อยสักจาน บางครั้งก็เพื่อหาซื้อของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกันแล้ว ฟู่เซียวหานก็เติบโตในเมืองถงเช่นกัน แต่กลับไม่เคยพาซังหนี่ไปสถานที่แบบนี้ การออกไปกินข้าวตามลำพังไม่กี่ครั้งของพวกเขา ล้วนเป็นร้านอาหารที่หรูหราและดูดีทั้งนั้นครั้งเดียวที่เป็นข้อยกเว้นก็คือ ครั้งที่ซังหนี่พาเขาไปกินหม้อไฟแน่นอนว่าหม้อไฟครั้งนั้น พวกเขาก็ไม่ได้กินจนอิ่มเย่จื่อหลานกลับแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงในตัวเขา ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งแบบคนในแวดวงสังคมแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้เขาพูดกับซังหนี่อย่างตรงไปตรงมา ——เธออย
ซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไร แค่ค่อย ๆ รับตุ๊กตาตัวนั้นมาเย่จื่อหลานรับรู้ถึงอารมณ์ผิดปกติของเธอได้ทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แค่ก้มหน้าลง “ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราไปกันเถอะ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เย่จื่อหลานร้อนใจทันที มือจับแขนเธอแน่น “พูดมาเถอะครับ!”“เมื่อกี้มีคนชนฉันน่ะ” ซังหนี่หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดออกมาเย่จื่อหลานอึ้งไปก่อนจากนั้น เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที “คนไหน?”“อะไรนะ?”“ผมถามว่าคนไหน!?”เย่จื่อหลานพูดพร้อมกับหันไปมองพอดี คนที่เพิ่งชนซังหนี่เมื่อกี้ก็ไปชนหญิงสาวคนอื่นอีก ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และได้ใจ“คนนั้นใช่ไหม?”เย่จื่อหลานถามซังหนี่แต่ว่าซังหนี่ยังไม่ทันจะตอบ เย่จื่อหลานก็วิ่งไปข้างหน้า แล้วชกไปที่จมูกของผู้ชายคนนั้นอย่างแรง“ไปตายซะไอ้สารเลว”......“ประธานฟู่ รูปส่งมาแล้วครับ นี่คือใบตรวจรับครับ”สวีเหยียนยื่นเอกสารในมือให้ฟู่เซียวหาน แล้วพูดบอกฟู่เซียวหานแค่พยักหน้ารับสวีเหยียนลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “เมื่อกี้คุณนายโทรมาครับ เธอเหมือนจะรู้เรื่องที่ท่านประมูลผลงานของค
ซังหนี่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ที่นั่นเธอคลุมเสื้อโค้ตของเย่จื่อหลาน และถือแก้วชาร้อนที่คนตรงข้ามเพิ่งรินให้เธอแต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายของเธอก็ยังสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เย่จื่อหลานก็โดนทำร้ายไม่น้อยฝ่ายตรงข้ามมีคนมาก ตอนเริ่มต้นเขาได้เปรียบ แต่เมื่อคนของฝ่ายนั้นล้อมเข้ามา เขาก็เสียเปรียบทันทีซังหนี่อยากจะเดินขึ้นไปข้างหน้า แต่เขาก็ขวางเธอไว้ให้อยู่ข้างหลังถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ของศูนย์เกมเข้ามาระงับเหตุการณ์ไว้ได้เร็ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็ไม่มีใครบอกได้“คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่เป็นไร”เย่จื่อหลานยังอยู่ในนั้นกำลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นสภาพของซังหนี่ เขาก็รีบยื่นมือไปจับมือของเธอซังหนี่ถึงได้เงยหน้าขึ้นเดิมทีเธออยากจะพูดอะไรกับเย่จื่อหลาน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นในตอนนี้ เธอเหมือนเห็นภาพที่น่ากลัวมาก ๆ ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับขาวขึ้นไปอีก และปลายนิ้วของเธอก็เย็นเฉียบไปหมด!เย่จื่อหลานรู้สึกแปลกใจ กำลังจะหันไปมอง แต่ก็มีมือหนัก ๆ วางบนไหล่ของซังหนี่“สวัสดีครับ ผมมาที่นี่เพื่อประกันตัวเธอ”น้ำเสียงของผู้ชายทุ้มเย็น ใบหน้าที่หล่อเหลาแฝงไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ด
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล