มือที่อยู่ข้างกายกำแน่นขึ้นช้า ๆ “นี่…ทำไมฉันไม่เคยได้ยินว่าพวกคุณคบกันแล้ว?”“ข่าวของคุณคงไม่ทันสมัยพอมั้งคะ” ถังเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆคำพูดนี้ทำให้ซังฉิงไม่รู้จะตอบโต้ยังไงต่อดีเธอทำได้เพียงหันไปมองฟู่เซียวหานฟู่เซียวหานที่กำลังมองไปที่ไหนสักแห่งอยู่ไกล ๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่“พี่เซียวหาน?”ซังฉิงเรียกเขา ฟู่เซียวหานถึงได้สติขึ้นมา จึงหันไปมองเธอ“เมื่อกี้บอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ? คุณไปก่อนเถอะ?”ถังเหยากลับพูดขึ้นก่อนคำพูดของซังฉิงโดนแย่งพูดไป สายตามองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ แต่ถังเหยากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มและสบตากับเธออย่างสบาย ๆ“งั้นผมไปก่อนนะ”พอพูดจบ ฟู่เซียวหานก็หันหลังและเดินจากไปซังฉิงเดิมทีอยากจะตามไปด้วย แต่ถังเหยาเดินมาขวางหน้าเอาไว้ “คุณหนูรอง มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“ฉันจะไปหาพี่เซียวหาน คุณมาขวางฉันทำไม?”“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณหนูรองเลยนะ ได้ยินมาว่าคุณจะหมั้นกับคุณฉินม่อ? ยินดีด้วยนะคะ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซังฉิงก็ขบฟันแน่นขึ้นทันที สายตาของเธอมองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ ราวกับจะพ่นไฟออกมาเลยทีเดียวถังเหยายังคงย
ซังหนี่มองคนตรงหน้าพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ คุณน่าจะรู้สถานะของฉันดีอยู่แล้ว”“รู้สิครับ ก่อนหน้านี้เราคงเคยเจอกันในงานเลี้ยงบางงานใช่ไหม?”“ฉันเพิ่งหย่ากับฟู่เซียวหาน” ซังหนี่พูดต่อ“อืม ได้ยินมาแล้ว การที่คุณตัดสินใจหย่ากับฟู่เซียวหานได้อย่างเด็ดขาด น่านับถือจริง ๆ ครับ”สำหรับคำพูดของซังหนี่ เย่จื่อหลานตอบรับด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง ซึ่งทำให้ซังหนี่รู้สึกเหมือนหมดแรงที่จะพูดต่อไปชั่วขณะสุดท้าย เธอพูดเพียงแค่ว่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากคิดเรื่องความรักค่ะ”“งั้นเหรอครับ? งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องความรักก็ได้” เย่จื่อหลานยิ้มแล้วพูดตอบ “เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ได้”ซังหนี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ“แบบนี้ถือว่าคุณยอมรับแล้วใช่ไหม? งั้นไปกันเถอะ”พูดพลางเขาก็ยื่นมือออกมาจะจับมือเธอ ซังหนี่ตกใจกับการกระทำของเขา รีบถอยหลังไปสองก้าวทันทีเขามองเธออย่างสงสัย “เป็นอะไรครับ? มือของผมมีพิษเหรอ?”“เปล่าค่ะ แค่นึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีธุระ คงไปไม่ได้แล้ว”“โอ้? ธุระอะไรเหรอครับ?”“เรื่องงานค่ะ”“คุณยังมีงานอีกเหรอครับ? งานอะไร? หรือคุณแค่หาข้ออ้างมาปฏิเสธผม?” ซังหนี่เพียงแค่ยิ้มบา
เมื่อซังหนี่มองไปที่เขา เย่จื่อหลานก็เห็นเธอเช่นกัน พร้อมกับยิ้มมุมปาก “อยู่ตรงนี้ไง!”......บ้านพักป๋อซีหยวน ฟู่เซียวหานนั่งอยู่ในห้องหนังสือ สายตาจับจ้องไปที่อีเมลบนหน้าจอ แต่ปลายนิ้วกลับกดหน้าจอโทรศัพท์ข้าง ๆ อยู่เป็นระยะแอปโซเชียลส่งข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา แต่ฟู่เซียวหานเพียงแค่เหลือบมองเล็กน้อย โดยไม่สนใจอะไรต่อพอเลยเวลาห้าทุ่ม ก็มีเสียงจากประตูด้านนอกดังขึ้นในที่สุดนิ้วมือของฟู่เซียวหานชะงักไปชั่วครู่ แต่ยังไม่ลุกขึ้น เขาปิดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยซังหนี่เดินเข้ามาอย่างเบา ๆเธอไปที่ห้องนอนของเขาก่อน แต่ไม่พบใคร จากนั้นจึงเปลี่ยนไปที่ห้องหนังสือประตูของห้องหนังสือถูกเขาปิดไว้ซังหนี่มาถึงหน้าประตู แต่กลับไม่ส่งเสียงใด ๆฟู่เซียวหานยังคงไม่สนใจเธอ เพียงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์เวลาที่มุมล่างขวาขยับไปอีกสองนาที ในที่สุดเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นฟู่เซียวหานยังคงนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆซังหนี่รออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป“คุณ...ยังทำงานอยู่อีกเหรอ?” เธอยืนมองเขาอยู่หน้าประตู เสียงของเธอแผ่วเบาและลังเลในที่สุดฟู่เซียวหาน
ฟู่เซียวหานไม่ได้ซักถามเรื่องราวของคืนวันนั้นจากซังหนี่อีกซังหนี่เองก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยผ่านไปสองวัน เย่จื่อหลานชวนเธออีกครั้ง บอกว่าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำ ซังหนี่เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่า การชวนคนออกไปข้างนอกสามารถตรงไปตรงมาได้ถึงขนาดนี้เย่จื่อหลานเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆเขารักสนุกและรู้วิธีเล่นให้สนุกเขาเติบโตในเมืองถงตั้งแต่เด็ก คนในวงการรู้จักเขาเกือบทั้งหมด แต่เขากลับไม่ชอบสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสี ทุกครั้งเขาจะพาซังหนี่ไปตามตรอกซอยเก่า ๆบางครั้งก็เพื่อชิมอาหารอร่อยสักจาน บางครั้งก็เพื่อหาซื้อของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกันแล้ว ฟู่เซียวหานก็เติบโตในเมืองถงเช่นกัน แต่กลับไม่เคยพาซังหนี่ไปสถานที่แบบนี้ การออกไปกินข้าวตามลำพังไม่กี่ครั้งของพวกเขา ล้วนเป็นร้านอาหารที่หรูหราและดูดีทั้งนั้นครั้งเดียวที่เป็นข้อยกเว้นก็คือ ครั้งที่ซังหนี่พาเขาไปกินหม้อไฟแน่นอนว่าหม้อไฟครั้งนั้น พวกเขาก็ไม่ได้กินจนอิ่มเย่จื่อหลานกลับแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงในตัวเขา ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งแบบคนในแวดวงสังคมแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้เขาพูดกับซังหนี่อย่างตรงไปตรงมา ——เธออย
ซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไร แค่ค่อย ๆ รับตุ๊กตาตัวนั้นมาเย่จื่อหลานรับรู้ถึงอารมณ์ผิดปกติของเธอได้ทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แค่ก้มหน้าลง “ไม่มีอะไรค่ะ พวกเราไปกันเถอะ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เย่จื่อหลานร้อนใจทันที มือจับแขนเธอแน่น “พูดมาเถอะครับ!”“เมื่อกี้มีคนชนฉันน่ะ” ซังหนี่หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดออกมาเย่จื่อหลานอึ้งไปก่อนจากนั้น เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที “คนไหน?”“อะไรนะ?”“ผมถามว่าคนไหน!?”เย่จื่อหลานพูดพร้อมกับหันไปมองพอดี คนที่เพิ่งชนซังหนี่เมื่อกี้ก็ไปชนหญิงสาวคนอื่นอีก ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และได้ใจ“คนนั้นใช่ไหม?”เย่จื่อหลานถามซังหนี่แต่ว่าซังหนี่ยังไม่ทันจะตอบ เย่จื่อหลานก็วิ่งไปข้างหน้า แล้วชกไปที่จมูกของผู้ชายคนนั้นอย่างแรง“ไปตายซะไอ้สารเลว”......“ประธานฟู่ รูปส่งมาแล้วครับ นี่คือใบตรวจรับครับ”สวีเหยียนยื่นเอกสารในมือให้ฟู่เซียวหาน แล้วพูดบอกฟู่เซียวหานแค่พยักหน้ารับสวีเหยียนลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “เมื่อกี้คุณนายโทรมาครับ เธอเหมือนจะรู้เรื่องที่ท่านประมูลผลงานของค
ซังหนี่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ที่นั่นเธอคลุมเสื้อโค้ตของเย่จื่อหลาน และถือแก้วชาร้อนที่คนตรงข้ามเพิ่งรินให้เธอแต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายของเธอก็ยังสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เย่จื่อหลานก็โดนทำร้ายไม่น้อยฝ่ายตรงข้ามมีคนมาก ตอนเริ่มต้นเขาได้เปรียบ แต่เมื่อคนของฝ่ายนั้นล้อมเข้ามา เขาก็เสียเปรียบทันทีซังหนี่อยากจะเดินขึ้นไปข้างหน้า แต่เขาก็ขวางเธอไว้ให้อยู่ข้างหลังถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ของศูนย์เกมเข้ามาระงับเหตุการณ์ไว้ได้เร็ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก็ไม่มีใครบอกได้“คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่เป็นไร”เย่จื่อหลานยังอยู่ในนั้นกำลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นสภาพของซังหนี่ เขาก็รีบยื่นมือไปจับมือของเธอซังหนี่ถึงได้เงยหน้าขึ้นเดิมทีเธออยากจะพูดอะไรกับเย่จื่อหลาน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นในตอนนี้ เธอเหมือนเห็นภาพที่น่ากลัวมาก ๆ ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับขาวขึ้นไปอีก และปลายนิ้วของเธอก็เย็นเฉียบไปหมด!เย่จื่อหลานรู้สึกแปลกใจ กำลังจะหันไปมอง แต่ก็มีมือหนัก ๆ วางบนไหล่ของซังหนี่“สวัสดีครับ ผมมาที่นี่เพื่อประกันตัวเธอ”น้ำเสียงของผู้ชายทุ้มเย็น ใบหน้าที่หล่อเหลาแฝงไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ด
ประกอบกับซังหนี่ที่อยู่ข้างๆสวีเหยียนคิดว่าตัวเองเหมือนจะรู้ความลับสำคัญอะไรบางอย่างแล้วในใจเต็มไปด้วยความคิดมากมาย แต่สวีเหยียนก็ต้องกัดฟันและเดินหน้าเข้าไป “ประธานฟู่...” ฟู่เซียวหานเหลือบมองเข้าไปข้างในสวีเหยียนเข้าใจในทันที “คุณวางใจได้ ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” ฟู่เซียวหานไม่พูดอะไรอีก แล้วดันซังหนี่เข้าไปข้างในรถก่อน จากนั้นยกมือขึ้นและโยนตุ๊กตาตัวนั้นทิ้งลงในถังขยะที่อยู่ข้างๆซังหนี่อยู่บนรถ เห็นการกระทำทุกอย่างของเขาอย่างชัดเจนเธออ้าปากราวกับอยากที่จะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรฟู่เซียวหานรีบขึ้นรถทันทีความเร็วที่เร็วมากของรถทำให้หัวใจของซังหนี่เต้นแรงขึ้นมาทันที แล้วเธอก็รีบหันไปรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วฟู่เซียวหานไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำภาพบรรยากาศบนถนนกำลังเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง และก็เริ่มไม่คุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆซังหนี่ขมวดคิ้วและกำลังจะถามเขาว่าที่นี่คือที่ไหน แต่จู่ ๆ ฟู่เซียวหานกลับเหยียบเบรกรถแรงเฉื่อยที่รุนแรงเกือบจะทำให้ซังหนี่กระเด็นออกไป โชคดีที่เข็มขัดนิรภัยสามารถดึงตัวเธอกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ท้ายทอยของเธอกระแทกกับเบาะที่นั่งด้านหลั
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน ฉันแค่...ไม่อยากให้คุณพูดให้เขาเสียหาย” ซังหนี่กัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “และคืนนี้เขาก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน ฉัน...” “ฮ่าฮ่า”ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมาทันทีรอยยิ้มเย็นชานั้นราวกับมีดกรีดลงบนใบหน้าของซังหนี่ “ซังหนี่ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้เราทำข้อตกลงอะไรกันไว้”“ฉันก็บอกแล้วไงว่า ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ฉัน...”“ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ”น้ำเสียงของฟู่เซียวหานกลับยิ่งเย็นชามากขึ้น และจ้องมองมาที่เธอซังหนี่อยากพูดว่าเธอไม่ได้โกหกแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ฟู่เซียวหานก็พูดตัดบทว่า “เมื่อสัปดาห์ก่อน คืนนั้นที่คุณมาสายเพราะคุณอยู่กับเขาสินะ?”ทันใดนั้นเสียงของซังหนี่ก็หายไปฟู่เซียวหานหันไปมองที่เธอ “ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนนั้นคุณยังอาบน้ำก่อนที่จะไปบ้านพักป๋อซีหยวนด้วย”“พวกคุณทำอะไรกันถึงต้องอาบน้ำ”“พวกเราแค่เดินเที่ยวตลาดกลางคืนเท่านั้น!”“อ่อ ที่แท้ก็อยู่กับเขาจริง ๆ ด้วย” ฟู่เซียวหานยิ้มเยาะออกมาอีกครั้งเสียงของซังหนี่ขาดหายไปชั่วขณะ!ฟู่เซียวหานเห็นปฏิกิริยาของเธอ รอยยิ้มมุมปากเย็นชามากขึ้นทันทีจากนั้นเขาก็ห
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็