“แล้วคุณทำได้ไหม”“ครั้งก่อนที่งานเต้นรำยังไม่สนุกพออีกเหรอ? ตลาดกลางคืน? ร้านเกม? ยังมีสิทธิทางสังคมอะไรอีก?”ฟู่เซียวหานพูด พร้อมกับยิ้มเยาะขึ้นมา “ซังหนี่ คุณคิดจริงๆ เหรอว่าไม่มีใครแทนที่คุณได้?” หลังจากที่รู้จักกันมาตั้งนาน นี่เหมือนว่าจะเป็นคำพูดที่เธอได้ยินเขาพูดบ่อยที่สุดแต่ทุกคำที่พูดราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงไปที่กลางใจของซังหนี่ซังหนี่รู้มาตลอดว่าเขาเป็นคนสูงศักดิ์และเย่อหยิ่งแต่เมื่อก่อนเขายังซ่อนมันไว้ได้บ้างแต่ตอนนี้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้พวกนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้วสายตาเหยียดหยามและ...รังเกียจของเขา ทุกอย่างช่วยเตือนซังหนี่ว่า ระหว่างพวกเราสองคน...ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ดังนั้นเธอไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะคบเพื่อนเธอเป็นเพียงแค่สิ่งของของเขาเท่านั้นตอนนี้สิ่งของนั้นถูกทำให้ “สกปรก” แล้ว เขาจะไม่ต้องการอีกต่อไปก็เป็นเรื่องธรรมดา “ลงรถ ไม่ต้องให้ผมพูดเป็นครั้งที่สี่”ฟู่เซียวหานพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากซังหนี่จ้องตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา แล้วพยักหน้า“อืม ก็ใช่”“ขอบคุณประธานฟู่ที่เตือนฉันเรื่องนี้ ก็นับ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซังหนี่เห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้จะว่าไปแล้ว ท่าทางของเขาในตอนนี้ กลับดูสดใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขานิ่งเงียบมากและในตอนนี้เอง ซังหนี่ถึงพบว่า ที่แท้ที่อารมณ์ของเขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเป็นเพราะเธอสดใสมากแต่ก็จริงอยู่ที่คำพูดของเธอเมื่อครู่ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นได้ยินก็อาจจะโมโหแต่ในทางกลับกัน ตอนนี้อารมณ์ของซังหนี่นิ่งสงบมากหลังจากเธอสบตากับเขาสักพัก ก็ถามกลับว่า “เมื่อกี้ที่ฉันพูดยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ? ฉันบอกว่า...”เธอยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นฟู่เซียวหานก็ยกมือขึ้นมา!ท่าทางนั้น ซังหนี่คุ้นเคยดีเพราะตั้งแต่เล็กจนโต เธอเคยมีประสบการณ์มาหลายครั้งแล้วดวงตาของเธอหลับลงโดยไม่รู้ตัว เพื่อรอให้เขาตบลงมาแต่ความเจ็บปวดอย่างที่คาดหวังกลับไม่เกิดขึ้นซังหนี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาฝ่ามือของฟู่เซียวหานยังคงนิ่งอยู่ในอากาศไม่ขยับแต่คิ้วของเขายังขมวดแน่น จนมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผาก ขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมอง เส้นเลือดนั้นยังคงเต้นอย่างเบาๆ ซังหนี่จ้องมองเขา แล้วยิ้มเยาะออกมา “ตบสิ คุณทำไมไม่ตบ?”ผู้ชายคนหนึ่ง คิดจะตบผู้หญิง กับคนที่ตบผู้หญิงไปแล้วมันแ
เดิมทีฟู่เซียวหานเองก็ไม่ถนัดใช้วิธีแบบนี้ยิ่งไปว่านั้นสำหรับซังหนี่...เธอไม่สมควรได้รับมันแต่ตอนนี้เขามองดูปฏิกิริยาของเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากเธอกับเย่จื่อหลานเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานถ้าข้อมูลของเขาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาน่าจะเจอกันครั้งแรกที่งานเต้นรำครั้งก่อนความรู้สึกลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ?เมื่อกี้เธอยังพูดอะไรอีกนะ?เย่จื่อหลานเอาใจใส่และใส่ใจมากกว่าเขางั้นเหรอ?ช่าง...น่าขำสิ้นดีฟู่เซียวหานไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ของตัวเอง จะมีคนเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนี้เย่จื่อหลานงั้นเหรอ?บอกตามตรง เมื่อกี้ฟู่เซียวหานแม้แต่จะมองเขาก็รู้สึกขยาดสายตาแต่ตอนนี้ ซังหนี่กลับบอกว่าเขาเทียบไม่ได้กับเย่จื่อหลานงั้นเหรอ?ท่าทางของซังหนี่ในตอนนี้ เหมือนกับกระต่ายร้อนรนตัวหนึ่ง ที่พร้อมจะกัดบนตัวเขาได้ทุกเมื่อและคนที่เธอกำลังปกป้องอยู่นั้น...คือเย่จื่อหลานฟู่เซียวหานยิ่งคิดยิ่งรู้สึกน่าขำขณะนั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของซังหนี่ก็ดังขึ้นมาทั้งสองคนหันกลับไปมองพร้อมกันเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ท่าทีของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปซังหนี่รีบเอื้อมมือออกไปเพื่อกดตัดสาย แต่
“ต้องขอโทษด้วยนะคุณเย่ ตอนนี้เธอไม่มีเวลารับโทรศัพท์ของคุณ” ฟู่เซียวหานออกมาจากใต้กระโปรงของเธอขณะที่เขากำลังปลดเข็มขัดด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์แล้วพูดกับคนในสายว่า “แต่คุณสบายใจได้ ตอนนี้เธอ...สบายดีมาก” ในขณะที่พูด สายตาของฟู่เซียวหานก็จ้องไปที่ซังหนี่หลังจากเสียงนั้น เธอดูเหมือนจะยอมจำนน และจ้องไปที่หลังคารถอย่างเหม่อลอยสำหรับสายตาของฟู่เซียวหาน เธอก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใดเย่จื่อหลานตอบกลับมาว่าอะไร เธอก็ไม่ได้ยินแล้วเมื่อพูดประโยคนั้นจบ ฟู่เซียวหานก็กดตัดสายโทรศัพท์ และโน้มตัวลงมาทับซังหนี่อย่างไม่ลังเลรูปร่างที่เหมาะสม จนถึงตอนนี้ก็ยังเข้ากันได้อย่างลงตัวแม้ว่าสายตาขอวฟู่เซียวหานเมื่อครู่จะหม่นหมอง แต่ตอนนี้กลับเผยให้เห็นถึงความสุขอยู่บ้าง ขอบดวงตาแดงระเรื่อแฝงไปด้วยความเร่าร้อนอย่างเหลือล้นซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป เดิมทีมือที่ถูกฟู่เซียวหานจับไว้ก็ค่อยๆ คลายลงเวลานี้ฟู่เซียวหานเอนตัวเข้ามา เตรียมที่จะจูบริมฝีปากของเธอแต่ซังหนี่กลับหันหน้าหนีอย่างรวดเร็วการกระทำนั้นทำให้ฟู่เซียวหานหยุดชะงักไปชั่วขณะแต่เขารีบจับคางของเขาไว้แล้วจูบเธอ
คืนนี้เอง เขาได้สูญเสียความอดทนและการควบคุมตัวเองไปจนหมดสิ้นส่วนซังหนี่ก็ไม่อยู่แล้วเช่นกันเธอไม่แม้แต่จะจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง และกอดอกเดินลงไปอย่างนั้นประตูรถปิดลง ฟู่เซียวหานก็เหยียบคันเร่งทันทีรถยนต์มาเซราติสีดำคันนั้นหายไปอย่างรวดเร็วในความมืด และซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่อาจจะเป็น...การพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา ……ฟู่เซียวหานกลับไปที่เถาหรานจวีเขาไม่ได้กลับมาพักที่นี่นานมากแล้วช่วงเวลาสองเดือนนี้ แม้ว่าซังหนี่จะไม่ได้ไปที่นั่น แต่เขาก็เคยชินกับการไปพักที่บ้านพักป๋อซีหยวนแล้วตอนนี้จู่ๆ เขาก็กลับมา แน่นอนว่าป้าคังต้องดีใจเป็นธรรมดา“คุณกินข้าวมาหรือยังคะ? ต้องการให้ป้าช่วย...” “ไม่ต้อง” ฟู่เซียวหานตอบตัดบท พร้อมกับเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นมาถึงชั้นบน กลับพบว่าประตูห้องที่อยู่ตรงสุดทางเดินถูกเปิดไว้นั่นเป็นห้องเดิมของซังหนี่ตอนที่เธอหย่า เธอเอาไปเพียงแค่สิ่งของของตัวเอง ส่วนเครื่องประดับและเสื้อผ้าส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่นั่นฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ให้ใครทำความสะอาด เพียงแค่ล็อกประตูไว้เท่านั้นแต่วันนี้...ป้าคังเดินตามเขามาด้านหลัง และเมื่
“ครับ”“ฉันได้เตรียมของขวัญไว้ให้เธอแล้ว ถึงตอนนั้นหลานไปด้วยกันสิ” คุณนายใหญ่กล่าว “เด็กหนุ่มตระกูลฉินคนนั้น...สถานะของเขายังไม่ดีนัก แต่มันก็เป็นเรื่องของตระกูลซัง หวังว่าทั้งสองคนจะมีความสุขนะ"คุณนายใหญ่พูดพร้อมกับจ้องไปที่ฟู่เซียวหานตลอด เพื่อรอดูปฏิกิริยาของเขาแต่ฟู่เซียวหานกลับยังคงนิ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเธอ เขาเพียงแค่ตอบ อืม เบาๆ เท่านั้น เพื่อบอกว่าตัวเองรับทราบแล้ว“คืนงานหมั้น ซังหนี่ก็น่าจะอยู่ด้วย?” คุณนายฟู่ที่เงียบมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้นชื่อนี้ไม่ค่อยถูกพูดถึงในตระกูลฟู่แล้วแต่พอคุณนายฟู่พูดขึ้น อีกสองคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา“เธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซังแล้วไม่ใช่เหรอ?” คุณนายใหญ่กล่าว และเหลือบมองไปที่ฟู่เซียวหานคนด้านหลังยังกินอาหารอย่างใจเย็น แม้แต่คิ้วก็ยังผ่อนคลาย ราวกับว่าเวลานี้เป็นเพียงภาพลวงตาของคนอื่นคุณนายฟู่ตอบกลับ “น่าจะมีสื่อมวลชนจำนวนมากมาร่วมงาน ไม่ว่าตระกูลซังจะเป็นอย่างไร ยังไงก็ต้องรักษาหน้าตาเอาไว้” “อืม ก็จริง” “ดังนั้นฉันคิดว่าเซียวหานไม่ต้องไปหรอก” คุณนายฟู่กล่าว “ของขวัญไว้ฉันจะไปส่งเอง” เธอพูดพร้อมกับหันไปมองที่ฟู่เซียวหาน
แต่เวลานี้ฟู่เซียวหานกลับยังไม่มองเธอสายตาของเขาสำรวจไปรอบๆ งาน พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย“พี่เซียวหาน” ซังฉิงอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาด้วยท่าทีน้อยใจฟู่เซียวหานถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง เขามองไปที่เธอพร้อมกับยื่นของขวัญมอบให้ “ยินดีด้วย”——ยินดีด้วยซังฉิงไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นเพียงเสียงอันแผ่วเบาเธอกำมือแน่นทันที หลังจากผ่านไปสักพัก เธอดูเหมือนว่าได้สติกลับมา จากนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกมารับไว้ “ขอบคุณค่ะ” กล่องผ้าไหมสีแดงถูกแลกเปลี่ยนกันบนมือของทั้งสองคน ซังฉิงบังเอิญสัมผัสกับปลายนิ้วของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจด้านบนเป็น...ช่างเย็นชาซังฉิงเงยหน้ามอง กลับพบว่าสีหน้าของฟู่เซียวหานไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เพียงแค่ดึงมือกลับไปนิ่งๆ เท่านั้นในตอนนั้นเอง ฉินม่อก็เดินตามมา“ประธานฟู่ ยินดีต้อนรับครับ” เขายื่นมือออกมาจับมือทักทายกับฟู่เซียวหาน“วันนี้เป็นวันสำคัญ ทำไมถึงไม่เห็นประธานฉินเลย”จู่ๆ ถังเหยาก็พูดขึ้นมา“เขาไปทำงานต่างเมือง” ฉินม่อยิ้มพร้อมกับพูดอธิบาย “บริษัทมีโครงการใหญ่ที่กำลังจะเริ่มเปิดกล้องอยู่เมืองS เขาเลยไปดูด้วย” ถังเหยาหรี่ตาเล็กน้อย “โครง
ระหว่างทางไปถนนหมินเหอ ฟู่เซียวหานเห็นฉินเหยาโพสต์ลงบนโมเมนต์ไลน์สถานที่คือเมืองS แต่เขาไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียวที่มุมของภาพถ่าย คนที่สวมเสื้อกันลมสีขาวคนนั้น ถ้าไม่ใช่ซังหนี่แล้วจะเป็นใคร?ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วทันที พร้อมกับพูดว่า “จอดรถ” คนขับรถมองเขาด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ฟู่เซียวหานก็กดปิดโทรศัพท์ “กลับรถ ไปตึกจื้อเหอ” รถเป็นคิดราคาด้วยระบบมิเตอร์ ดังนั้นคนขับรถจึงไม่พูดอะไรมาก หลังจากพึมพำเล็กน้อย เขาก็ค่อยๆ กลับรถฟู่เซียวหานนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกหลังจากนิ้วมือเรียวยาวของเขาแตะไปบนหน้าจอไม่กี่ครั้ง สุดท้ายเขาก็โทรเบอร์ของผู้ช่วย“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองSให้ผมหนึ่งใบ” ……ตอนนี้ซังหนี่อยู่ที่เมืองSภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากผลงานเขียนของเธอ แต่ส่วนแบ่งในการเขียนบทภาพยนตร์ของซังหนี่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ และการเดินทางมาครั้งนี้ของเธอก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมาให้ได้แต่บังเอิญ สองวันนี้มันตรงกับงานหมั้นของซังฉิงพอดีเธอจึงตัดสินใจมาโดยไม่ลังเลแต่เธอคิดไม่ถึงว่า ฉินเหยาก็มาด้วยเช่นกัน“ผมก็ไม่อยากไปงานหมั้นนั้น”ฉินเหยาบอกกับเธอใ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็