“แล้วคุณทำได้ไหม”“ครั้งก่อนที่งานเต้นรำยังไม่สนุกพออีกเหรอ? ตลาดกลางคืน? ร้านเกม? ยังมีสิทธิทางสังคมอะไรอีก?”ฟู่เซียวหานพูด พร้อมกับยิ้มเยาะขึ้นมา “ซังหนี่ คุณคิดจริงๆ เหรอว่าไม่มีใครแทนที่คุณได้?” หลังจากที่รู้จักกันมาตั้งนาน นี่เหมือนว่าจะเป็นคำพูดที่เธอได้ยินเขาพูดบ่อยที่สุดแต่ทุกคำที่พูดราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงไปที่กลางใจของซังหนี่ซังหนี่รู้มาตลอดว่าเขาเป็นคนสูงศักดิ์และเย่อหยิ่งแต่เมื่อก่อนเขายังซ่อนมันไว้ได้บ้างแต่ตอนนี้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้พวกนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาหมดแล้วสายตาเหยียดหยามและ...รังเกียจของเขา ทุกอย่างช่วยเตือนซังหนี่ว่า ระหว่างพวกเราสองคน...ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ดังนั้นเธอไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะคบเพื่อนเธอเป็นเพียงแค่สิ่งของของเขาเท่านั้นตอนนี้สิ่งของนั้นถูกทำให้ “สกปรก” แล้ว เขาจะไม่ต้องการอีกต่อไปก็เป็นเรื่องธรรมดา “ลงรถ ไม่ต้องให้ผมพูดเป็นครั้งที่สี่”ฟู่เซียวหานพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากซังหนี่จ้องตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา แล้วพยักหน้า“อืม ก็ใช่”“ขอบคุณประธานฟู่ที่เตือนฉันเรื่องนี้ ก็นับ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซังหนี่เห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้จะว่าไปแล้ว ท่าทางของเขาในตอนนี้ กลับดูสดใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขานิ่งเงียบมากและในตอนนี้เอง ซังหนี่ถึงพบว่า ที่แท้ที่อารมณ์ของเขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเป็นเพราะเธอสดใสมากแต่ก็จริงอยู่ที่คำพูดของเธอเมื่อครู่ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นได้ยินก็อาจจะโมโหแต่ในทางกลับกัน ตอนนี้อารมณ์ของซังหนี่นิ่งสงบมากหลังจากเธอสบตากับเขาสักพัก ก็ถามกลับว่า “เมื่อกี้ที่ฉันพูดยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ? ฉันบอกว่า...”เธอยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นฟู่เซียวหานก็ยกมือขึ้นมา!ท่าทางนั้น ซังหนี่คุ้นเคยดีเพราะตั้งแต่เล็กจนโต เธอเคยมีประสบการณ์มาหลายครั้งแล้วดวงตาของเธอหลับลงโดยไม่รู้ตัว เพื่อรอให้เขาตบลงมาแต่ความเจ็บปวดอย่างที่คาดหวังกลับไม่เกิดขึ้นซังหนี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาฝ่ามือของฟู่เซียวหานยังคงนิ่งอยู่ในอากาศไม่ขยับแต่คิ้วของเขายังขมวดแน่น จนมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหน้าผาก ขณะที่ซังหนี่กำลังจ้องมอง เส้นเลือดนั้นยังคงเต้นอย่างเบาๆ ซังหนี่จ้องมองเขา แล้วยิ้มเยาะออกมา “ตบสิ คุณทำไมไม่ตบ?”ผู้ชายคนหนึ่ง คิดจะตบผู้หญิง กับคนที่ตบผู้หญิงไปแล้วมันแ
เดิมทีฟู่เซียวหานเองก็ไม่ถนัดใช้วิธีแบบนี้ยิ่งไปว่านั้นสำหรับซังหนี่...เธอไม่สมควรได้รับมันแต่ตอนนี้เขามองดูปฏิกิริยาของเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากเธอกับเย่จื่อหลานเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานถ้าข้อมูลของเขาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาน่าจะเจอกันครั้งแรกที่งานเต้นรำครั้งก่อนความรู้สึกลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ?เมื่อกี้เธอยังพูดอะไรอีกนะ?เย่จื่อหลานเอาใจใส่และใส่ใจมากกว่าเขางั้นเหรอ?ช่าง...น่าขำสิ้นดีฟู่เซียวหานไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ของตัวเอง จะมีคนเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนี้เย่จื่อหลานงั้นเหรอ?บอกตามตรง เมื่อกี้ฟู่เซียวหานแม้แต่จะมองเขาก็รู้สึกขยาดสายตาแต่ตอนนี้ ซังหนี่กลับบอกว่าเขาเทียบไม่ได้กับเย่จื่อหลานงั้นเหรอ?ท่าทางของซังหนี่ในตอนนี้ เหมือนกับกระต่ายร้อนรนตัวหนึ่ง ที่พร้อมจะกัดบนตัวเขาได้ทุกเมื่อและคนที่เธอกำลังปกป้องอยู่นั้น...คือเย่จื่อหลานฟู่เซียวหานยิ่งคิดยิ่งรู้สึกน่าขำขณะนั้น จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของซังหนี่ก็ดังขึ้นมาทั้งสองคนหันกลับไปมองพร้อมกันเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ท่าทีของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปซังหนี่รีบเอื้อมมือออกไปเพื่อกดตัดสาย แต่
“ต้องขอโทษด้วยนะคุณเย่ ตอนนี้เธอไม่มีเวลารับโทรศัพท์ของคุณ” ฟู่เซียวหานออกมาจากใต้กระโปรงของเธอขณะที่เขากำลังปลดเข็มขัดด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์แล้วพูดกับคนในสายว่า “แต่คุณสบายใจได้ ตอนนี้เธอ...สบายดีมาก” ในขณะที่พูด สายตาของฟู่เซียวหานก็จ้องไปที่ซังหนี่หลังจากเสียงนั้น เธอดูเหมือนจะยอมจำนน และจ้องไปที่หลังคารถอย่างเหม่อลอยสำหรับสายตาของฟู่เซียวหาน เธอก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใดเย่จื่อหลานตอบกลับมาว่าอะไร เธอก็ไม่ได้ยินแล้วเมื่อพูดประโยคนั้นจบ ฟู่เซียวหานก็กดตัดสายโทรศัพท์ และโน้มตัวลงมาทับซังหนี่อย่างไม่ลังเลรูปร่างที่เหมาะสม จนถึงตอนนี้ก็ยังเข้ากันได้อย่างลงตัวแม้ว่าสายตาขอวฟู่เซียวหานเมื่อครู่จะหม่นหมอง แต่ตอนนี้กลับเผยให้เห็นถึงความสุขอยู่บ้าง ขอบดวงตาแดงระเรื่อแฝงไปด้วยความเร่าร้อนอย่างเหลือล้นซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป เดิมทีมือที่ถูกฟู่เซียวหานจับไว้ก็ค่อยๆ คลายลงเวลานี้ฟู่เซียวหานเอนตัวเข้ามา เตรียมที่จะจูบริมฝีปากของเธอแต่ซังหนี่กลับหันหน้าหนีอย่างรวดเร็วการกระทำนั้นทำให้ฟู่เซียวหานหยุดชะงักไปชั่วขณะแต่เขารีบจับคางของเขาไว้แล้วจูบเธอ
คืนนี้เอง เขาได้สูญเสียความอดทนและการควบคุมตัวเองไปจนหมดสิ้นส่วนซังหนี่ก็ไม่อยู่แล้วเช่นกันเธอไม่แม้แต่จะจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง และกอดอกเดินลงไปอย่างนั้นประตูรถปิดลง ฟู่เซียวหานก็เหยียบคันเร่งทันทีรถยนต์มาเซราติสีดำคันนั้นหายไปอย่างรวดเร็วในความมืด และซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่อาจจะเป็น...การพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา ……ฟู่เซียวหานกลับไปที่เถาหรานจวีเขาไม่ได้กลับมาพักที่นี่นานมากแล้วช่วงเวลาสองเดือนนี้ แม้ว่าซังหนี่จะไม่ได้ไปที่นั่น แต่เขาก็เคยชินกับการไปพักที่บ้านพักป๋อซีหยวนแล้วตอนนี้จู่ๆ เขาก็กลับมา แน่นอนว่าป้าคังต้องดีใจเป็นธรรมดา“คุณกินข้าวมาหรือยังคะ? ต้องการให้ป้าช่วย...” “ไม่ต้อง” ฟู่เซียวหานตอบตัดบท พร้อมกับเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นมาถึงชั้นบน กลับพบว่าประตูห้องที่อยู่ตรงสุดทางเดินถูกเปิดไว้นั่นเป็นห้องเดิมของซังหนี่ตอนที่เธอหย่า เธอเอาไปเพียงแค่สิ่งของของตัวเอง ส่วนเครื่องประดับและเสื้อผ้าส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่นั่นฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ให้ใครทำความสะอาด เพียงแค่ล็อกประตูไว้เท่านั้นแต่วันนี้...ป้าคังเดินตามเขามาด้านหลัง และเมื่
“ครับ”“ฉันได้เตรียมของขวัญไว้ให้เธอแล้ว ถึงตอนนั้นหลานไปด้วยกันสิ” คุณนายใหญ่กล่าว “เด็กหนุ่มตระกูลฉินคนนั้น...สถานะของเขายังไม่ดีนัก แต่มันก็เป็นเรื่องของตระกูลซัง หวังว่าทั้งสองคนจะมีความสุขนะ"คุณนายใหญ่พูดพร้อมกับจ้องไปที่ฟู่เซียวหานตลอด เพื่อรอดูปฏิกิริยาของเขาแต่ฟู่เซียวหานกลับยังคงนิ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเธอ เขาเพียงแค่ตอบ อืม เบาๆ เท่านั้น เพื่อบอกว่าตัวเองรับทราบแล้ว“คืนงานหมั้น ซังหนี่ก็น่าจะอยู่ด้วย?” คุณนายฟู่ที่เงียบมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้นชื่อนี้ไม่ค่อยถูกพูดถึงในตระกูลฟู่แล้วแต่พอคุณนายฟู่พูดขึ้น อีกสองคนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา“เธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซังแล้วไม่ใช่เหรอ?” คุณนายใหญ่กล่าว และเหลือบมองไปที่ฟู่เซียวหานคนด้านหลังยังกินอาหารอย่างใจเย็น แม้แต่คิ้วก็ยังผ่อนคลาย ราวกับว่าเวลานี้เป็นเพียงภาพลวงตาของคนอื่นคุณนายฟู่ตอบกลับ “น่าจะมีสื่อมวลชนจำนวนมากมาร่วมงาน ไม่ว่าตระกูลซังจะเป็นอย่างไร ยังไงก็ต้องรักษาหน้าตาเอาไว้” “อืม ก็จริง” “ดังนั้นฉันคิดว่าเซียวหานไม่ต้องไปหรอก” คุณนายฟู่กล่าว “ของขวัญไว้ฉันจะไปส่งเอง” เธอพูดพร้อมกับหันไปมองที่ฟู่เซียวหาน
แต่เวลานี้ฟู่เซียวหานกลับยังไม่มองเธอสายตาของเขาสำรวจไปรอบๆ งาน พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย“พี่เซียวหาน” ซังฉิงอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาด้วยท่าทีน้อยใจฟู่เซียวหานถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง เขามองไปที่เธอพร้อมกับยื่นของขวัญมอบให้ “ยินดีด้วย”——ยินดีด้วยซังฉิงไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นเพียงเสียงอันแผ่วเบาเธอกำมือแน่นทันที หลังจากผ่านไปสักพัก เธอดูเหมือนว่าได้สติกลับมา จากนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกมารับไว้ “ขอบคุณค่ะ” กล่องผ้าไหมสีแดงถูกแลกเปลี่ยนกันบนมือของทั้งสองคน ซังฉิงบังเอิญสัมผัสกับปลายนิ้วของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจด้านบนเป็น...ช่างเย็นชาซังฉิงเงยหน้ามอง กลับพบว่าสีหน้าของฟู่เซียวหานไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เพียงแค่ดึงมือกลับไปนิ่งๆ เท่านั้นในตอนนั้นเอง ฉินม่อก็เดินตามมา“ประธานฟู่ ยินดีต้อนรับครับ” เขายื่นมือออกมาจับมือทักทายกับฟู่เซียวหาน“วันนี้เป็นวันสำคัญ ทำไมถึงไม่เห็นประธานฉินเลย”จู่ๆ ถังเหยาก็พูดขึ้นมา“เขาไปทำงานต่างเมือง” ฉินม่อยิ้มพร้อมกับพูดอธิบาย “บริษัทมีโครงการใหญ่ที่กำลังจะเริ่มเปิดกล้องอยู่เมืองS เขาเลยไปดูด้วย” ถังเหยาหรี่ตาเล็กน้อย “โครง
ระหว่างทางไปถนนหมินเหอ ฟู่เซียวหานเห็นฉินเหยาโพสต์ลงบนโมเมนต์ไลน์สถานที่คือเมืองS แต่เขาไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียวที่มุมของภาพถ่าย คนที่สวมเสื้อกันลมสีขาวคนนั้น ถ้าไม่ใช่ซังหนี่แล้วจะเป็นใคร?ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วทันที พร้อมกับพูดว่า “จอดรถ” คนขับรถมองเขาด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ฟู่เซียวหานก็กดปิดโทรศัพท์ “กลับรถ ไปตึกจื้อเหอ” รถเป็นคิดราคาด้วยระบบมิเตอร์ ดังนั้นคนขับรถจึงไม่พูดอะไรมาก หลังจากพึมพำเล็กน้อย เขาก็ค่อยๆ กลับรถฟู่เซียวหานนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกหลังจากนิ้วมือเรียวยาวของเขาแตะไปบนหน้าจอไม่กี่ครั้ง สุดท้ายเขาก็โทรเบอร์ของผู้ช่วย“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองSให้ผมหนึ่งใบ” ……ตอนนี้ซังหนี่อยู่ที่เมืองSภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากผลงานเขียนของเธอ แต่ส่วนแบ่งในการเขียนบทภาพยนตร์ของซังหนี่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ และการเดินทางมาครั้งนี้ของเธอก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมาให้ได้แต่บังเอิญ สองวันนี้มันตรงกับงานหมั้นของซังฉิงพอดีเธอจึงตัดสินใจมาโดยไม่ลังเลแต่เธอคิดไม่ถึงว่า ฉินเหยาก็มาด้วยเช่นกัน“ผมก็ไม่อยากไปงานหมั้นนั้น”ฉินเหยาบอกกับเธอใ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก”ฟู่เซียวหานพยักหน้าอย่างพอใจ “ไหน ๆ ครั้งที่แล้วก็ตัดขาดกันไปแล้ว ตอนนี้จะมาทำเป็นเสแสร้งทักทายไปทำไม?”พูดจบ เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมา “ตอนนี้คุณ คงอยากให้ผมตายเต็มทีแล้วล่ะสิ?”เสียงของฟู่เซียวหานสงบนิ่ง แถมที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้คนสะอึกจนพูดไม่ออกซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยแต่เธอก็หัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ ที่แท้คุณก็รู้สินะ”“อืม แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมยังสบายดีและนั่งอยู่ตรงนี้ “ฟู่เซียวหานไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่เงยหน้ามาสบตาเธอ “แล้วถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่คิดสั้นก่อน คงไม่ใช่ผมแน่”ซังหนี่ตอบไม่ได้ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฟู่เซียวหานจะเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน——บนโต๊ะเหล้าที่เมืองอิ๋น รสชาติของเหล้าแต่ละแก้ว เธอยังจำได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาของฟู่เซียวหาน คือความเย็นชาที่ไร้จุดสิ้นสุดเสียงของซังหนี่แหบพร่าขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ประธานฟู่ยังมาที่นี่ทำไม? หรือแค่อยากตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันแน่?”“ตอนนี้คุณยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฟู่เซียวหานกล่าวซังหนี่เข้าใจคำพูดของเขาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินคำพูดของเลขาแล้ว ซังหนี่ก็เผลอหันไปมองคนในห้องผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว——จี้อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆมองเขาแล้ว จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงอ้อมกอดที่เขาให้เธอเมื่อเช้าเดิมทีซังหนี่กับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบสัญญา รวมทั้งการแต่งงานก็เช่นกันแต่ตอนนั้น ในหัวของเธอกลับมีเพียงความคิดเดียว แค่อยากได้อ้อมกอดอีกสักครั้งซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่มันเกินขอบเขตของสัญญาที่พวกเขาทำไว้แล้วแต่จี้อวี้หยวนไม่พูดถึง เธอเองก็เช่นกันอาจเป็นเพราะซังหนี่มองเขานานเกินไป จี้อวี้หยวนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองทันทีซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บริษัท เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาดูแลแทน ที่นี่...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ” จี้อวี้หยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว”“แต่ว่า...”“คุณลืมไปแล้วเหรอ? เรากำลังจะแต่งงานกันนะ พ่อของคุณก็คือพ่อตาของผม การที่ผมดูแลเขามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอ?”คำพูดของจี้อวี้หยวนกลับทำให้ซังหนี่ไม่รู้จะตอบอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่เหมาะ เธอจึงพูดเพียงว่า “ถ้ามีอะไร โทรหาฉันน
“พี่คะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ๆ เอง จะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง?” ซังฉิงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ถ้าพี่อยากนัดผู้จัดการธนาคารโจว ทำไมไม่ให้พี่เขย…”จี้อวี้หยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินซังฉิงพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นมามองแต่ซังหนี่กลับไม่สนใจเขา เธอเพียงคว้ามือซังฉิง แล้วลากเธอออกไป“ทำอะไรน่ะพี่! พี่ทำฉันเจ็บ!”ระหว่างทางซังฉิงยังคงทำเสียงออดอ้อน แต่พอซังหนี่ลากเธอมาถึงที่ที่ไม่มีใคร เธอก็ดึงมือออกทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ต้องการอะไร?”“ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามเธอมากกว่านะ” ซังหนี่ตอบ “สถานการณ์ของตระกูลซังในตอนนี้ เธอก็น่าจะรู้ดี ถ้าฉันติดต่อโจวหลิงได้เองก็คงดี แต่ปัญหาคือตอนนี้…”“ตอนนี้เป็นอะไรล่ะ? ซังหนี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพี่จะต้องมาขอร้องฉัน”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา พลางเชิดหน้ามองเธอ “งั้นลองขอร้องให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าถูกใจ ฉันอาจจะช่วยพี่ก็ได้นะ”สีหน้าของซังหนี่งเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าตระกูลซังสำคัญกับเธอมาก? ถ้าซังอวี๋ล้มละลายจริง ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเธอล่ะ?”“เหอะ ๆ…”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา “น่าตลกจริง ๆ นี่พี
ซังหนี่มองจี้อวี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อยู่เป็นเพื่อนฉันแบบนี้...ก็พอแล้ว”พอเธอพูดจบ จี้อวี้หยวนก็ยื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแรงกอดของเขาไม่แน่นนัก แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเขากลับอบอวลเข้าสู่ปลายจมูกของซังหนี่ในทันทีซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป โอบรอบเอวของเขาไว้“อาการของคุณอาเป็นยังไงบ้าง?” จี้อวี้หยวนเอ่ยถาม“เส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน” ซังหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ช่วยไว้ได้ทัน หมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”“อืม งั้นคุณกลับไปพักก่อนดีไหม? ผมจะเป็นคนเฝ้าให้เอง”“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี คุณไม่เห็นเหรอว่าโทรศัพท์ฉันไม่หยุดดังเลย?”จี้อวี้หยวนไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรือเปล่า เลยพูดขึ้นมาก่อนว่า “งานแต่งไม่ต้องเลื่อนนะ คุณตาของคุณรอวันนี้มานานมากแล้ว จะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้”“แต่ว่า…”“ไม่ต้องห่วง แค่วันเดียวฉันยังพอจัดการได้ อีกอย่างตอนนี้ซังอวี๋อยู่ในช่วงสำคัญ ถ้าคุณเลื่อนงานแต่งออกไป คนอื่นอาจคิดว่าคุณเตรียมตัวหนีแล้วก็ได้”พูดจบ ซ
ดังนั้นเมื่อก่อนเขามักเป็นฝ่ายออกคำสั่งต่อหน้าซังหนี่เสมอเขาไม่จำเป็นต้องปรึกษาซังหนี่ และไม่มีวันยอมให้เธอขัดขืนแต่ตอนนี้ เขากลับดูเหมือนเด็กคนหนึ่งที่สับสนหมดหนทาง เอ่ยถามซังหนี่ ว่าควรทำอย่างไร?ซังหนี่หลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ตอนนี้มีใครรู้เรื่องนี้อีก?”พูดจบ เธอก็รู้ตัวทันทีว่าถ้อยคำของตัวเองผิดไป จึงรีบแก้ว่า “ไม่ว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้หรือไม่ ต้องปิดข่าวทันที! ถ้าพรุ่งนี้ตลาดหุ้นเปิดเมื่อไหร่ ซังอวี๋คงได้จบสิ้นกันจริง ๆ!’ซังหลินไม่พูดอะไร นั่งนิ่งอย่างเหม่อลอย“ครอบครัวของเกาต๋าล่ะคะ? พวกเขายังอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ตอนนี้คุณให้คนไปติดต่อพวกเขาทันที! ถ้าเกาต๋าติดต่อกลับมา แจ้งตำรวจเดี๋ยวนั้นเลย! คุณได้ยินไหม?!”คำพูดสุดท้ายของซังหนี่ ทำให้ซังหลินได้สติกลับมา เขาค่อย ๆ เอื้อมมือที่สั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซังหนี่ไม่มองเขาอีก หันหลังเดินออกไปทันทีแต่ด้านหลังกลับเงียบสนิทเมื่อซังหนี่รู้สึกแปลกใจและหันกลับไปมอง เธอเห็นโทรศัพท์ของซังหลินตกอยู่บนพื้น ส่วนตัวเขากลับฟุบลงไปกับเก้าอี้และหมดสติไปแล้ว……ซังหนี่รีบติดต่อสำนักข่าวใหญ่ เพื่อปิดข่าวเกี่ยวกับซังหลินไว้แต่ในย
คำพูดของซังหนี่ก็กลายเป็นจริงอย่างรวดเร็วเพียงแค่วันรุ่งขึ้นหลังจากที่โครงการถูกส่งมอบให้เกาต๋า ทางจื้อเหอก็แจ้งให้เริ่มงานใหม่ทันทีแม้ว่างานของซังหนี่จะถูกส่งต่อให้เกาต๋าแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทลูก บางกระบวนการยังต้องผ่านเธออยู่ดีสองวันผ่านไป เกาต๋าบอกว่ามีงานที่ส่งต่อบางเรื่องยังไม่ชัดเจน พอดีว่าช่วงนี้ซังหนี่ลาพักเพื่อเตรียมงานแต่ง เขาจึงขอให้เจิ้งชวนไปช่วยงานแทนซังหนี่ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นโครงการของบริษัท ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เธอเองก็ต้องรับผิดชอบไปด้วยเจิ้งชวนถูกเรียกตัวไปช่วยงานทันทีผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เหลือเวลาอีกเพียงสองวันก่อนถึงวันแต่งงานของซังหนี่กับจี้อวี้หยวน ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด โทรศัพท์ของซังหนี่ดังขึ้น ปลายสายคือเจิ้งชวน“แย่แล้วครับประธานเสี่ยวซัง ติดต่อประธานเกาไม่ได้เลย!”ซังหนี่สะดุ้งตื่นจากความฝันอย่างฉับพลัน สมองยังมึนงงเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”“ประธานเกาหายตัวไปครับ!” เจิ้งชวนพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย พวกเราลองไปที่บ้านเขาแล้ว แต่ครอบครัวเขาก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เช่นกัน”
“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินคำตอบ ฟู่เซียวหานจึงกดวางสายไป ก่อนจะหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างในเงาสะท้อนของกระจกรถ เขากลับมองเห็นแก้มที่แดงก่ำของตัวเองอย่างชัดเจนเขายกมือขึ้นเช็ดเบา ๆมันก็เจ็บอยู่บ้าง แต่เขาผ่านเรื่องที่เจ็บกว่านี้มาแล้ว แผลเล็กแค่นี้ ไม่เป็นอะไรเลยสักนิดคิดได้ดังนั้น เขามองรอยฝ่ามือบนแก้ม แล้วกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ……จื้อเหอและซังอวี๋ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เรื่องที่เกาต๋าเข้ามารับช่วงต่อโครงการรู่โจวก็ถูกประกาศภายในบริษัทในเวลาไม่นานทันทีที่ข่าวนี้เผยออกมา ทุกคนต่างประหลาดใจไม่น้อยแม้ว่าตอนนี้ซังหนี่ยังคงเป็นผู้จัดการบริษัทสาขาเมืองอิ๋น แต่ถ้าเกาต๋าถูกย้ายกลับไป คนที่นั่นทั้งหมดก็เป็นลูกน้องเก่าของเขาอยู่ดี แบบนี้ซังหนี่จะต่างอะไรกับผู้นำที่ไร้อำนาจกันล่ะ?แน่นอนว่าซังหนี่ไม่มีทางยอมมอบผลงานของตัวเองให้ใครง่าย ๆแต่ฟู่เซียวหานตั้งใจจะทำให้เธอเสียหน้า และเหมือนที่ซังหลินพูดไว้ เขาเป็นฝ่ายว่าจ้าง โครงการใหญ่อย่างรู่โจว เขาแค่ขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบเท่านั้น ซังอวี๋ที่เป็นฝ่ายถูกเลือกทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องยอมตามดังนั้น เอกสารที่ซังหนี่ตรวจทานซ้ำแล้วซ้ำเ
ฟู่เซียวหานถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตาที่มองซังหนี่กลับไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆมีเพียงแค่...ความเย็นชาเท่านั้นมันเป็นสายตาของนักล่าที่จ้องมองเหยื่อ และยิ่งไปกว่านั้น มันคือสายตาของผู้ที่อยู่เหนือกว่ามองคนเบื้องล่างด้วยความเหยียดหยามร่างกายของซังหนี่สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว!เขาแสร้งทำต่อหน้าเธอมานานเกินไปแล้วจนถึงตอนนี้ ซังหนี่เพิ่งนึกขึ้นได้——เขาไม่ใช่สุนัขที่เชื่อง แต่เป็นหมาป่าที่กระหายเลือดและเนื้อ!แต่ซังหนี่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ฟู่เซียวหาน คุณเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของจื้อเหอ แต่กลับใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรือไง!?”“ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีใครคานอำนาจผมได้แล้ว” ฟู่เซียวหานพูดช้า ๆ “อีกอย่าง โครงการรู่โจวใหญ่ขนาดนี้ จะให้คุณรับผิดชอบมันไม่ปลอดภัย ผมมีเหตุผลมากพอที่จะทำให้พวกเขาเชื่อ”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่มือที่วางอยู่บนเข่ากลับค่อย ๆ กำแน่นขึ้น“แล้วไงต่อล่ะ?”ในที่สุด เธอก็เปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง ถามว่า “คุณคิดว่าคำสั่งนี้จะหยุดฉันไม่ให้แต่งงานกับจี้อวี้หยวนได้เหรอ?”“ฉันบอกไว้เลยว่า ไม่มีทาง ตอนนี้ฉันยิ่งต้องแต่งงา