แต่เวลานี้ฟู่เซียวหานกลับยังไม่มองเธอสายตาของเขาสำรวจไปรอบๆ งาน พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย“พี่เซียวหาน” ซังฉิงอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาด้วยท่าทีน้อยใจฟู่เซียวหานถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง เขามองไปที่เธอพร้อมกับยื่นของขวัญมอบให้ “ยินดีด้วย”——ยินดีด้วยซังฉิงไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นเพียงเสียงอันแผ่วเบาเธอกำมือแน่นทันที หลังจากผ่านไปสักพัก เธอดูเหมือนว่าได้สติกลับมา จากนั้นค่อยๆ ยื่นมือออกมารับไว้ “ขอบคุณค่ะ” กล่องผ้าไหมสีแดงถูกแลกเปลี่ยนกันบนมือของทั้งสองคน ซังฉิงบังเอิญสัมผัสกับปลายนิ้วของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจด้านบนเป็น...ช่างเย็นชาซังฉิงเงยหน้ามอง กลับพบว่าสีหน้าของฟู่เซียวหานไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เพียงแค่ดึงมือกลับไปนิ่งๆ เท่านั้นในตอนนั้นเอง ฉินม่อก็เดินตามมา“ประธานฟู่ ยินดีต้อนรับครับ” เขายื่นมือออกมาจับมือทักทายกับฟู่เซียวหาน“วันนี้เป็นวันสำคัญ ทำไมถึงไม่เห็นประธานฉินเลย”จู่ๆ ถังเหยาก็พูดขึ้นมา“เขาไปทำงานต่างเมือง” ฉินม่อยิ้มพร้อมกับพูดอธิบาย “บริษัทมีโครงการใหญ่ที่กำลังจะเริ่มเปิดกล้องอยู่เมืองS เขาเลยไปดูด้วย” ถังเหยาหรี่ตาเล็กน้อย “โครง
ระหว่างทางไปถนนหมินเหอ ฟู่เซียวหานเห็นฉินเหยาโพสต์ลงบนโมเมนต์ไลน์สถานที่คือเมืองS แต่เขาไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียวที่มุมของภาพถ่าย คนที่สวมเสื้อกันลมสีขาวคนนั้น ถ้าไม่ใช่ซังหนี่แล้วจะเป็นใคร?ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วทันที พร้อมกับพูดว่า “จอดรถ” คนขับรถมองเขาด้วยความประหลาดใจ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ฟู่เซียวหานก็กดปิดโทรศัพท์ “กลับรถ ไปตึกจื้อเหอ” รถเป็นคิดราคาด้วยระบบมิเตอร์ ดังนั้นคนขับรถจึงไม่พูดอะไรมาก หลังจากพึมพำเล็กน้อย เขาก็ค่อยๆ กลับรถฟู่เซียวหานนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกหลังจากนิ้วมือเรียวยาวของเขาแตะไปบนหน้าจอไม่กี่ครั้ง สุดท้ายเขาก็โทรเบอร์ของผู้ช่วย“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองSให้ผมหนึ่งใบ” ……ตอนนี้ซังหนี่อยู่ที่เมืองSภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากผลงานเขียนของเธอ แต่ส่วนแบ่งในการเขียนบทภาพยนตร์ของซังหนี่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ และการเดินทางมาครั้งนี้ของเธอก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมาให้ได้แต่บังเอิญ สองวันนี้มันตรงกับงานหมั้นของซังฉิงพอดีเธอจึงตัดสินใจมาโดยไม่ลังเลแต่เธอคิดไม่ถึงว่า ฉินเหยาก็มาด้วยเช่นกัน“ผมก็ไม่อยากไปงานหมั้นนั้น”ฉินเหยาบอกกับเธอใ
ซังหนี่เป็นฝ่ายเดินออกไปก่อนฉินเหยาเดินตามแผ่นหลังของเธอไปโดยที่ยังมีรอยยิ้มอันอ่อนโยนอยู่บนใบหน้า “ถ้าอย่างนั้นประธานฟู่….ไว้เจอกันใหม่นะครับ”ฟู่เซียวหานเพียงผงกศีรษะด้วยสีหน้าเรียบเฉยจากนั้นประตูลิฟต์จึงปิดลงบานประตูสะท้อนให้เห็นถึงสีหน้าของเขาในชั่วขณะนั้น —— คิ้วขมวดพร้อมริมฝีปากที่เม้มแน่นอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ซังหนี่กำลังจะเข้าห้อง จู่ ๆ คนที่อยู่ด้านข้างก็เรียกเธอเอาไว้ซังหนี่หันศีรษะกลับไปอย่างรวดเร็ว“พรุ่งนี้คุณยังจะไปที่กองถ่ายอยู่ไหมครับ?” ฉินเหยาถามเธอซังหนี่ถามกลับไป “ทำไมจะไม่ไปล่ะคะ?”ฉินเหยายิ้ม “ไม่มีอะไรครับ แค่อยากยืนยันกับคุณอีกครั้งเท่านั้น ผมเกรงว่าคุณจะมีแผนงานอย่างอื่นน่ะครับ”ซังหนี่เข้าใจในทันทีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่มีค่ะ”“อืม ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ ราตรีสวัสดิ์”ก่อนจะกลับเข้าห้องของตน ฉินเหยาก็ส่งยิ้มให้เธออีกครั้งรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความหมายนั้นทำให้ซังหนี่รู้สึกอึดอัดแต่ก่อนที่เธอจะทันได้กล่าวอะไร ฉินเหยาก็เข้าห้องของเขาไปเสียแล้วหลังจากที่ซังหนี่ยืนอยู่หน้าห้องอยู่ครู่ใหญ่
หลังออกมาจากห้องส่วนตัว ซังหนี่ถึงจะถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความโล่งอกเธอไม่รู้ว่าตนเองสามารถไปที่ไหนได้บ้าง จึงทำได้เพียงแค่ยืนเหม่ออยู่บนทางเดินเท่านั้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จู่ ๆ ก็มีเสียงจุดไฟแช็กดังขึ้นมาจากข้างหลังเธอเสียง ‘แช๊ะ’ ดังขึ้นด้วยความคมชัดมากเป็นพิเศษซังหนี่หันศีรษะไปมองทันทีอาจเป็นเพราะพวกเขาเพิ่งพบหน้ากันเมื่อคืน เมื่อซังหนี่พบเขาอีกครั้งในเวลานี้ก็ไม่ได้มีความประหลาดใจอีกต่อไป แต่มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวก็อดไม่ได้ที่จะกำเอาไว้แน่นแต่ฟู่เซียวหานกลับไม่ได้เหลือบมองเธอเลยมือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ และอีกมือก็ถือโทรศัพท์เพื่อดูข้อความทางเดินที่แสนกว้างขวาง มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะนับว่าเป็นคนแปลกหน้ากันแล้ว แต่ซังหนี่ก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินอยู่ดีดังนั้นหลังจากลังเลอยู่สองวินาที เธอก็ตัดสินใจกลับไปยังห้องส่วนตัวทว่าทันทีที่เธอหันหลังกลับไป พลันมีอีกร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอทันทีร่างนั้นซวนเซจนแทบจะชนกับเธอเข้าโดยตรงสิ่งแรกที่ซังหนี่ได้กลิ่นคือกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แสนรุนแรงบนร่างของอีกฝ่ายวันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้ทานอะไร
หากนับดูแล้ว ประจำเดือนของเธอในเดือนนี้เองก็ล่าช้าไปหลายวันแล้วเช่นกันเมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอก็ลืมนึกถึงเรื่องการพินิจพิจารณาไปเสียสิ้น เมื่อฟู่เซียวหานจับมือของเธอ เธอก็ไม่ได้ขัดขืน และเดินตามเขาไปข้างหน้าด้วยความมึนงงเมื่อฉินเหยาเดินออกมาจากห้องส่วนตัว เขาก็เห็นฉากนี้เข้าพอดีเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นทันที และคิดอยากจะก้าวเดินเข้าไปรั้งซังหนี่ไว้โดยไม่รู้ตัวแต่ฟู่เซียวหานก็พลันเหลือบตามองเขา “นี่เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ประธานฉินอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”น้ำเสียงของฟู่เซียวหานไม่ได้เจือด้วยอารมณ์ใด ๆ แต่คำเตือนที่แฝงอยู่นั้นกลับชัดเจนฉินเหยาหยุดการกระทำของตนลง ก่อนจะมองซังหนี่อีกครั้ง“ฉัน…ไม่เป็นไรค่ะ”ซังหนี่เอ่ยกับเขาอย่างรวดเร็วเพียงแต่ก่อนที่ฉินเหยาจะกล่าวอะไรอีก ฟู่เซียวหานก็ลากเธอออกจากร้านอาหารไปแล้วก่อนที่จะกลับเข้าโรงแรม ฟู่เซียวหานแวะเข้าร้านขายยาเสียก่อนขณะที่เขายัดสิ่งของบางอย่างใส่มือของซังหนี่ อีกฝ่ายดูราวกับตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะกัดฟันเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าควรไปโรงพยาบาลหรือคะ?”“เวลานี้โรงพยาบาลเหลือแค่แผนกฉุกเฉินที่เปิดอยู่ หรือคุณอยากให้ผมโทรไปให้คนจัดกา
“ซังหนี่”ฟู่เซียวหานเดินไปเคาะประตูซังหนี่ไม่ได้ตอบกลับมาคิ้วของฟู่เซียวหานขมวดแน่นในทันที เมื่อเขาเคาะประตูอีกครั้งและยังไม่มีการตอบกลับมา จึงเริ่มที่จะหมดความอดทน ก่อนจะยกเท้าขึ้นเตรียมจะถีบประตูเข้าไป! แต่วินาทีต่อมา ซังหนี่ก็พลันเปิดประตูฟู่เซียวหานเก็บท่าทางการเคลื่อนไหวของตนไปอย่างรวดเร็ว และจ้องมองเธอเขม็งสีหน้าของเธอกลับคืนสู่ความเรียบนิ่ง “ไม่มีค่ะ”ฟู่เซียวหานหรี่ตาซังหนี่ยื่นแท่งตรวจครรภ์ในมือให้เขาดู “ประธานฟู่วางใจได้แล้วสินะคะ”ฟู่เซียวหานก้มลงมองแวบหนึ่ง บนแท่งตรวจครรภ์มีขีดแดงแค่ขีดเดียวเท่านั้น“พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลสักรอบเถอะ” เขากล่าวต่อว่า “อันนี้อาจจะไม่แม่นยำเท่าไหร่”“ฉันไม่ไปค่ะ”ซังหนี่กล่าวฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว“นี่มันก็คือผลลัพธ์แล้วค่ะ” ซังหนี่กล่าว “อีกอย่างฉันก็แค่ปวดกระเพาะเท่านั้น ครั้งก่อน…คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกค่ะ”“พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ผมจะมารับคุณ”ฟู่เซียวหานกล่าวราวกับไม่อยากพูดอะไรให้มากความกับเธออีกต่อไป เมื่อกล่าวประโยคนี้จบเขาก็หันหลังไปทันที“งั้นฉันจะไปเองค่ะ” ซังหนี่กล่าวฟู่เซียวหานหยุดฝีเท้าลงพร้อมมองเธอ“ถ้ามีผลอะ
ฟู่เซียวหานให้เบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งกับเธอโดยตรง “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าไปหาเธอที่ชั้นล่าง ห้อง1613 แล้วพาเธอไปโรงพยาบาล”คำสั่งนี้ของเขาทำให้เจนนิเฟอร์ตกตะลึง สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้ามีข้อมูลรั่วไหลออกไป เธอรู้ผลที่ตามมาดีใช่ไหม?”สีหน้าของฟู่เซียวหานไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่นัยน์ตานั้นยิ่งทวีความเฉียบคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เจนนิเฟอร์ถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้ตนเข้าใจผิดไป ในเวลานี้จึงรีบพยักหน้าด้วยความรวดเร็ว “เข้าใจแล้วค่ะ”“ออกไป”ฟู่เซียวหานไม่มองเธออีกต่อไปเจนนิเฟอร์รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และสภาพแวดล้อมโดยรอบก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกแต่ช่วงเวลานอนหลับในค่ำคืนนั้น จู่ ๆ เขาก็ฝันเขาฝันเห็น…เด็กคนหนึ่งฟู่เซียวหานไม่มีความรู้สึกใดต่อลูกเลยตั้งแต่เด็กเขาค่อนข้างไม่สนใจแยแสกับเรื่องราวของความสัมพันธ์ เขาไม่ได้พึ่งพาคุณแม่มาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อเติบโตครอบครัวก็ไม่สามารถนับได้ว่าสมัครสมานกันนักแต่เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจกีดกันลูกด้วยเหมือนกันบางทีอาจเป็นเพราะความเชื่อที่
ซังหนี่เจาะเลือดเสร็จเรียบร้อยแล้วขณะนี้เธอกำลังนั่งรอผลอยู่บนเก้าอี้แม้จะผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว แต่สมองของเธอยังคงว่างเปล่าอยู่บ้างเธอไม่รู้ว่าในใจของเธอนั้นเป็นความคาดหวังหรือหวาดกลัวกันแน่แน่นอนว่าเธออยากมีลูกเพราะนั่นคือการดำรงอยู่ของคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอณ วันนี้เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่าเธออาศัยอยู่บนโลกใบนี้เพียงตัวคนเดียว หากมีลูก ถ้าอย่างนั้นเธอก็…มีครอบครัวแล้วนี่เป็นสิ่งที่ซังหนี่ต้องการมากที่สุดตั้งแต่เธอยังเด็กแต่เธอเองก็หวาดกลัวเช่นกันเธอกลัวว่าตนจะไม่มีแรงกำลังมากพอที่จะปกป้องเขาได้แม้ว่าเธอจะสามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลฟู่จะมาแย่งเขาไปหรือเปล่า?หากดูจากท่าทีของฟู่เซียวหานแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เขาจะให้ลูกอยู่กับเธอเมื่อถึงเวลานั้น แล้วเธอจะใช้สิ่งใดไปแย่งชิงกับฟู่เซียวหานได้กัน?นั่นคือจุดที่เธอคิดได้เมื่อคืนนี้ ดังนั้นซังหนี่จึงใช้น้ำเปล่าในการตรวจกับแท่งตั้งครรภ์เดิมทีเธอคิดว่าฟู่เซียวหานจะล้มเลิกความกังวลนี้ไปแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขายังคงยืนกรานจะพาเธอไปโรงพยาบาลดังนั้น เธอจึงทำได้แค่หลบหนีมาไม
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล