ฟู่เซียวหานให้เบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งกับเธอโดยตรง “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าไปหาเธอที่ชั้นล่าง ห้อง1613 แล้วพาเธอไปโรงพยาบาล”คำสั่งนี้ของเขาทำให้เจนนิเฟอร์ตกตะลึง สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ“ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ถ้ามีข้อมูลรั่วไหลออกไป เธอรู้ผลที่ตามมาดีใช่ไหม?”สีหน้าของฟู่เซียวหานไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แต่นัยน์ตานั้นยิ่งทวีความเฉียบคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เจนนิเฟอร์ถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้ตนเข้าใจผิดไป ในเวลานี้จึงรีบพยักหน้าด้วยความรวดเร็ว “เข้าใจแล้วค่ะ”“ออกไป”ฟู่เซียวหานไม่มองเธออีกต่อไปเจนนิเฟอร์รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว และสภาพแวดล้อมโดยรอบก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกแต่ช่วงเวลานอนหลับในค่ำคืนนั้น จู่ ๆ เขาก็ฝันเขาฝันเห็น…เด็กคนหนึ่งฟู่เซียวหานไม่มีความรู้สึกใดต่อลูกเลยตั้งแต่เด็กเขาค่อนข้างไม่สนใจแยแสกับเรื่องราวของความสัมพันธ์ เขาไม่ได้พึ่งพาคุณแม่มาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อเติบโตครอบครัวก็ไม่สามารถนับได้ว่าสมัครสมานกันนักแต่เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจกีดกันลูกด้วยเหมือนกันบางทีอาจเป็นเพราะความเชื่อที่
ซังหนี่เจาะเลือดเสร็จเรียบร้อยแล้วขณะนี้เธอกำลังนั่งรอผลอยู่บนเก้าอี้แม้จะผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว แต่สมองของเธอยังคงว่างเปล่าอยู่บ้างเธอไม่รู้ว่าในใจของเธอนั้นเป็นความคาดหวังหรือหวาดกลัวกันแน่แน่นอนว่าเธออยากมีลูกเพราะนั่นคือการดำรงอยู่ของคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอณ วันนี้เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่าเธออาศัยอยู่บนโลกใบนี้เพียงตัวคนเดียว หากมีลูก ถ้าอย่างนั้นเธอก็…มีครอบครัวแล้วนี่เป็นสิ่งที่ซังหนี่ต้องการมากที่สุดตั้งแต่เธอยังเด็กแต่เธอเองก็หวาดกลัวเช่นกันเธอกลัวว่าตนจะไม่มีแรงกำลังมากพอที่จะปกป้องเขาได้แม้ว่าเธอจะสามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลฟู่จะมาแย่งเขาไปหรือเปล่า?หากดูจากท่าทีของฟู่เซียวหานแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เขาจะให้ลูกอยู่กับเธอเมื่อถึงเวลานั้น แล้วเธอจะใช้สิ่งใดไปแย่งชิงกับฟู่เซียวหานได้กัน?นั่นคือจุดที่เธอคิดได้เมื่อคืนนี้ ดังนั้นซังหนี่จึงใช้น้ำเปล่าในการตรวจกับแท่งตั้งครรภ์เดิมทีเธอคิดว่าฟู่เซียวหานจะล้มเลิกความกังวลนี้ไปแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขายังคงยืนกรานจะพาเธอไปโรงพยาบาลดังนั้น เธอจึงทำได้แค่หลบหนีมาไม
ซังหนี่มองเขาด้วยความแปลกใจแต่ฟู่เซียวหานกลับไม่กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงถอดเสื้อคลุมของตนออกก่อนจะนำไปพันรอบเอวของเธอไว้การกระทำที่เข้ามาอย่างกะทันหันนี้ทำให้ซังหนี่ตกใจ“คุณทำ…”ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยถาม จู่ ๆ คลื่นความอุ่นร้อนบางอย่างก็ไหลพุ่งออกมาจากในตัวของเธอความรู้สึกนั้นคืออะไร…แน่นอนว่าเธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนเธอหันขวับไปมองฟู่เซียวหาน นัยน์ตาแฝงไปด้วยความตกตะลึง……“ไม่ได้ตั้งครรภ์นะครับ”แพทย์กล่าวกับเธอ “การที่ประจำเดือนมาล่าช้าอาจเป็นเพราะความกดดันในชีวิตคุณที่มีมากเกินไป หากคุณยังไม่วางใจก็สามารถมาตรวจอัลตราซาวด์สี่มิติหลังจากที่หมดประจำเดือนแล้วได้นะครับ”แม้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้จะทำให้ซังหนี่จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินข้อมูลที่แน่นอนจากปากแพทย์โดยตรง เธอก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น“คุณกำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์อยู่หรือเปล่าครับ?” แพทย์ถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเธอ“เปล่า…เปล่าค่ะ”แพทย์เมินคำพูดของเธอไปพร้อมกล่าวว่า “เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้หรอกนะ ยิ่งคุณกังวลมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งล้มเหลวได้ง่ายเท่านั้น ต้องผ่อนคลาย…”ซังหนี่จำไม่ได้อีกว่าเขาพู
เมื่อซังหนี่เดินออกมาจากห้องน้ำ ฟู่เซียวหานยังคงยืนอยู่ที่นั่นเสื้อคลุมของเขาอยู่ที่ซังหนี่ ทำให้บนตัวของเขามีเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นกระดูกข้อมือถูกคลายออกพร้อมพับทบขึ้นไป เผยให้เห็นท่อนแขนขาวเนียนแต่แฝงไปด้วยพละกำลังเมื่อประกอบกับท่าทีที่ดูสูงส่งและองค์ประกอบของใบหน้าที่แสนโดดเด่นแล้วก็ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในบริเวณนั้นอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเขาแต่เขาดูเหมือนคุ้นเคยกับการเป็นจุดรวมสายตาเช่นนี้ จึงเพียงแค่ก้มมองลงดูโทรศัพท์ของตนโดยไม่แม้แต่จะช้อนตาขึ้นมองเลยด้วยซ้ำซังหนี่มองดูเขา ฝีเท้าที่แต่เดิมคิดจะก้าวไปข้างหน้ากลับหยุดนิ่งอยู่จุดเดิมฟู่เซียวหานยังคงก้มศีรษะเดิมทีเขาไม่รู้สึกอะไรต่อการจ้องมองของผู้คนที่เดินผ่านไปมา แต่เมื่อซังหนี่มองเขา เขาก็รับรู้ถึงบางสิ่งได้โดยพลันและเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วซังหนี่เม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ ก่อนจะก้าวไปหาเขา“เสื้อของคุณ…มันเปื้อนไปแล้วค่ะ”ซังหนี่กล่าวเสียงแผ่ว “ฉันจะเอากลับไปทำความสะอาดแล้วจะคืนให้คุณนะคะ”เดิมทีเขาคิดจะกล่าวว่าไม่เป็นไรแต่หลังจากมองเธอแวบหนึ่ง เขาก็เปลี่ยนใจกะทันหันและเพียงส่งเสียงตอบรับเบา ๆ ความเงียบง
คำถามของฟู่เซียวหานที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้ซังหนี่สะอึกทันใดนั้นเขาเองก็เหลือบมองเธอเช่นกันสายตานั้นทำให้ร่างกายของซังหนี่แข็งเกร็งขึ้นมาในทันที ราวกับเธอกำลังอดทนรอไม่ไหวที่จะ…มีสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเขาซังหนี่กัดริมฝีปาก และขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดออกไป ฟู่เซียวหานก็เอ่ยว่า “ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณสนิทกับฉินเหยามากเกินไป”“ตอนนี้ซังฉิงเองก็หมั้นหมายกับฉินม่อแล้ว ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือในการหารือเรื่องทรัพยากรและการสร้างกระแสของตระกูลพวกเขา คุณเข้าใจไหม?”การวิเคราะห์ของเขายังคงเปี่ยมด้วยความใจเย็นเช่นเดิมซังหนี่ยังคิดจะพูดอย่างอื่น แต่ฟู่เซียวหานกลับตัดสินใจแทนเธอไปแล้ว “เอาตามนี้แล้วกัน คุณเก็บนามบัตรใบนี้เอาไว้ หากที่นี่คุณมีเรื่องอะไรก็ติดต่อเธอได้โดยตรง”“ซังหนี่ ตอนนี้ผมมีเพียงคำขอเดียวสำหรับคุณ อย่าสร้างปัญหาให้ผม เข้าใจที่พูดไหม?”……ตอนที่เจนนิเฟอร์โทรมา ซังหนี่กำลังอยู่บนเตียงในโรงแรม“สวัสดีค่ะ คุณหนูซัง”เสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยเสน่ห์เปี่ยมล้น “ฉันคือเจนนิเฟอร์ค่ะ เป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวที่ประธานฟู่จัดหาให้คุณ ไม่ทราบว่าคืนนี้คุณมีแผนอะไรไหมคะ? ถ้าไม่มีแล้
สองสามวันหลังจากนั้น ซังหนี่ก็ไม่ได้เจอฟู่เซียวหานอีกเลยเจนนิเฟอร์นับว่าเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวที่มีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก เพียงเวลาแค่ไม่กี่วัน เธอก็พาซังหนี่ไปท่องเที่ยวยังสถานที่มากมายในเมือง Sสถานที่เหล่านั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในอินเทอร์เน็ต อีกอย่างคือเธอสามารถจัดการวางแผนการเดินทางได้อย่างสมเหตุสมผล ทั้งสองเดินทางและหยุดพักผ่อนโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด“ตอนกลางคืนทางฝั่งนี้จะมีการแสดงพลุดอกไม้ไฟด้วยค่ะ”เจนนิเฟอร์บอกซังหนี่ในขณะที่กำลังทานอาหาร “การแสดงนี้ไม่ได้มีทุกวันนะคะ วันนี้เป็นวันเหมายันไม่ใช่หรือคะ? ในเมือง S นี่เป็นการแสดงที่จะจัดขึ้นในวันเหมายันเท่านั้นค่ะ ฉันจองที่นั่งชั้นบนไว้ให้คุณแล้ว ที่ตรงนั้นเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมที่มีชื่อเสียงซึ่งสามารถชมการแสดงได้จนจบเลยนะคะ เดี๋ยวหลังจากทานอาหารกันเสร็จ คุณขึ้นไปดูได้นะคะ เป็นการแสดงที่อลังการมากจริง ๆ”“คุณไม่ไปดูกับฉันหรือคะ?”เจนนิเฟอร์ยิ้ม “คุณหนูซัง ฉันเองก็มีแฟนกับเขาเหมือนกันนะคะ ฉันไม่ได้สนใจเขามาหลายวันแล้ว คืนนี้ถ้าไม่กลับไปอีก เขาต้องโกรธแน่เลยค่ะ”“ขอโทษค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณ…”“
บนดาดฟ้าผู้คนยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับเสียงดอกไม้ไฟที่ระเบิดขึ้น รอบข้างจึงเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างที่สุดแต่ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ ซังหนี่กลับรู้สึกว่ารอบตัว...เงียบสงบมากราวกับในโลกใบนี้ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้น หรือแม้กระทั่งดอกไม้ไฟที่อยู่เหนือหัว ก็เหมือนไม่มีตัวตนอีกต่อไปหลังจากนั้น คำพูดที่เจนนิเฟอร์พูดกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ ก็เริ่มดังขึ้นในหูของซังหนี่ในตอนนั้นซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเจนนิเฟอร์กลับไปมองผิวเผิน เธอเองยังคิดว่าเจนนิเฟอร์กำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่เพราะฟู่เซียวหานดูอย่างไร……ก็ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ถึงแม้เขาจะทำ แต่ก็คงไม่ใช่กับตัวเธอแต่คำพูดเหล่านั้นกลับเหมือนก้อนหิน ที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่สงบเงียบของซังหนี่ไม่ได้เกิดคลื่นที่รุนแรง แต่กลับทิ้งไว้เพียงระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปเรื่อย ๆจนถึงคืนนี้ระลอกคลื่นนั้นยังคงไม่จางหายไปและในขณะนั้นเอง เธอเห็นฟู่เซียวหานดูเหมือนจะก้าวไปข้างหน้า...อีกหนึ่งก้าวก้าวนั้นเปรียบเสมือนเข็มฉีดยาที่กระตุ้นหัวใจ ถูกฉีดเข้าไปในหัวใจของซังหนี่โดยตรงร่างกายของเธอสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้น
หิมะนอกหน้าต่างยังคงโปรยปรายลงมาภายในห้องเปิดเครื่องทำความร้อนจนอบอุ่น ทำให้ซังหนี่ไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อยเธอถึงขนาดรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องอาจจะสูงเกินไปด้วยซ้ำจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่เพียงแค่เธอ ฟู่เซียวหานเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันทั้งที่เมื่อเดือนก่อนพวกเขายังคงทะเลาะกันอยู่เลย ซังหนี่ถึงขั้นเตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่พบเขาอีกในชีวิตนี้แต่เธอก็มักจะให้อภัยเขาอย่างง่ายดายเสมอเขาเหมือนกับโรคร้ายที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเธอเธอพยายามรักษามันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งมันกลับฟื้นคืนมาอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในตอนนั้นบนดาดฟ้า เพียงแค่ก้าวเดียวที่เขาเดินมาหาเธอ ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มความกล้าให้เธออย่างนับไม่ถ้วนเพราะเขาคือคนที่เธอชอบมานานหลายปีไม่มีใครที่ไม่เคยฝันถึงการได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักสิ่งที่ไม่อาจครอบครองได้...จะกลายเป็นความเสียใจตลอดไปไม่มีใครอยากเสียใจซังหนี่หันไปมอง เห็นหิมะที่โปรบปรายอย่างแผ่วเบาอยู่ข้างนอก พร้อมกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมือง S ทุกอย่างงดงามราวกับภาพลวงตาเหมือนจะอยู่ตรงหน้า แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงภาพลวงตาซังหนี่มองดู ดวงตาของเธอพลันแดงข
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็