“แม่นางเถียน... เจ้าไม่สบายหรอกหรือ”
ถึงอี้ฟานจะเป็นชายนิสัยแย่ อารมณ์ร้าย ทว่าพอเห็นไป๋ลู่เถียนแสดงสมบทบาทว่าไร้เรี่ยวแรง เขาจึงไม่อาจเพิกเฉย ซึ่งอีกฝ่ายเป็นชายสูงเพรียว ไม่ล่ำสัน แต่มีกล้ามเนื้อสมตัว และที่สำคัญแม้เขาจะเป็นตัวร้าย หากเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดในนิยายเรื่องนี้!
“ที่นี่แดดแรง พักข้างในกันเถิด” นางเชิญชวนเขา พร้อมบีบท่อนแขนกำยำ บีบแล้วปล่อย แสดงอย่างแนบเนียนเหมือนคนกำลังเพ้อ และต้องการความช่วยเหลือจากบุรุษผู้นี้
“ชายหญิงไฉนจะอยู่กันเพียงลำพังได้” เขาถามน้ำเสียงแจ้งชัดว่ากำลังประหม่า ทั้งออกตัวว่าไม่อยากใกล้ชิดนางจนเกินไป
ซึ่งนางอยากหัวร่อนัก ยามนี้อี้ฟานยังคิดว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษอีกหรือ อีกอย่าง เขาแค่มองนางที่เปลือกนอก นั่นเป็นเพราะนางมีผิวด่างขาว หากเป็นหญิงงามและสกุลสูงศักดิ์ อี้ฟานย่อมต้องรวบหัวรวบหางนางโดยเร็ว นอกจากนั้นการที่เขาหายไปในวันนัดพบกันที่หอเซียนเมารักนางรู้ว่า เขาได้จ้างสำนักข่าวสืบข้อมูลของไป๋ลู่เถียน กระทั่งมั่นใจว่านางมิใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า อีกทั้งมีทรัพย์สมบัติมากพอจะทำให้อี้ฟานพลิกชะตาชีวิตอันบัดซบในยามนี้ของตนได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เหอชิงนัดนางมายังสถานที่ห่างไกลผู้คน หนึ่งก็เพื่อตกลงเรื่องสำคัญ สองคือกักตัวนางไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ผู้ใดพบและไม่ให้นางส่งข่าวถึงเจิ้งเสี่ยวหยวน เพราะเขาล่วงรู้ว่านางมาเมืองหลวงเพื่อทวงสัญญาหมั้นหมายกับบุรุษผู้นั้น
“ขะ… ข้า เหมือนจะเป็นลมจริง ๆ หน้ามืด แล้วยังอ่อนเพลีย” หญิงสาวย้ำอีกหน
อี้ฟานถอนหายใจแรง ๆ ท่าทางเขาแปลก รังเกียจนางหรือ อาจเป็นไปได้ ทว่าหากคิดอีกมุม ดูเหมือนเขากำลังหักห้ามใจตน ด้วยอี้ฟานในชาติภพก่อน คือชายที่ลุ่มหลงนางร้ายอย่างไป๋ลู่เถียน และแย่งชิงนางมาจากเจิ้งเสี่ยวหยวน แล้วย่ำยีนาง ทำร้ายจิตใจจนเหมือนคนตายทั้งเป็น!
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้ข้าเป็นลมแดดอยู่เช่นนี้เถิด แล้วท่านจะไม่ได้รับสิ่งใดจากข้าเลย” นางเอ่ยน้ำเสียงสะบัด
อี้ฟานฉุนเล็กน้อย กระนั้นก็แข็งใจยอมอุ้มนางแนบอก พาเข้าไปในเรือนหลังเล็ก
ยามนั้นเสมือนสวรรค์เป็นใจเหลือเกิน เมื่อเข้ามาด้านในได้ เกิดเสียงลมกระโชกก่อนจะตามด้วยเสียงฟ้าร้อง
มินานสายฝนก็โปรยปรายลงมา อากาศข้างนอกชื้น ส่วนด้านในค่อนข้างเย็น อี้ฟานจึงจุดเทียนไข ก่อไฟกลางห้องโถงแล้วต้มน้ำอุ่นเตรียมชงชาให้หญิงสาว
ภาพที่อี้ฟานขยับร่างกาย ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่คล่องแคล่ว กลับทำให้หัวใจของไป๋ลู่เถียนสั่นคลอน
ด้วยความทรงจำเก่าก่อน เขาคือผีพนัน คนใจทราม และมักจะระบายอารมณ์กับนางอย่างหยาบคาย ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยให้นางต้องรับมือฮูหยินหม้ายปัน รวมถึงอนุของเขาที่ผู้ใหญ่ส่งมารับใช้ ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็เป็นสตรีที่หัวใจแหลกสลาย ด้วยนางโง่งม รักปักใจต่อเจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เปลี่ยน...จวบจนสุดท้ายที่สิ้นลมหายใจในชาติภพก่อน
“หากไม่ไหวก็อย่าฝืน นั่งพักสักหน่อย...”
น้ำเสียงอี้ฟานปรับให้นุ่มน่าฟังและคอยชำเลืองมองนางเป็นระยะ ซึ่งไม่รู้ด้วยเหตุใด ภายในห้องที่ดูเหมือนจะเย็นกลับค่อย ๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือเป็นได้ว่า สายตาคม ๆ ทอแสงอ่อนโยนถึงนาง รวมถึงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากบางสีสด
อี้ฟานถอดแบบมาจากปันเส้าเฟิงหลายส่วน ผู้เป็นบิดาสง่างามดุดัน ผิวสีน้ำตาลอ่อน ร่างกายหลายแห่งมีบาดแผลดูสมชายชาตรี แต่คนที่อยู่เบื้องหน้านางยามนี้ เป็นบุรุษที่อายุเพิ่งยี่สิบปี ใบหน้าละอ่อน ทั้งมีเค้าความเป็นเด็กน้อยเจืออยู่
“ดูเหมือนแม่นางเถียน ล่วงรู้ความต้องการของข้าบ้างแล้ว”
อี้ฟานเป็นชายฉลาด เขาจึงเลือกถามอย่างตรงไปตรงมา
คิ้วเรียวของไป๋ลู่เถียนเลิกสูง ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากเจือความเย้ายวนกึ่งทีเล่นทีจริง
“ความต้องการคุณชายฟาน หมายถึงเรื่องที่ดินของข้าในเมืองเจ้อตง หรือว่าเป็นร่างกายนี้...” เมื่อเอ่ยจบนางจึงดึงสายรัดเอวออก และขยับตัวสองสามหนจนสาบเสื้อแบะอ้า เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มันคือบังทรง (เอี๊ยม) ที่ปกปิดหน้าอกอวบสวยซึ่งสองมือของชายหนุ่มแทบจะกอบกุมไม่มิด!
ไป๋ลู่เถียนยังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคนเกียจคร้านอีกเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงแห่บพร่าค่อนข้างเบาเพื่อให้เขาสนใจนาง
“คุณชายฟาน ชะ... ช่วย ข้าได้หรือไม่ หยิบถุงหอมให้สักหน่อยเถิด”
นางหมายถึงถุงหอมที่นำติดตัวมาด้วย มันอยู่ในถุงผ้าปักลายดอกท้อ ข้างในมีหลายสิ่งที่เตรียมไว้ใช้กับอี้ฟาน
บ่อน้ำพุร้อนภายในอารามนอกเมือง ก่อนหน้านั้น เจิ้งเสี่ยวหยวนได้พบกับปันเส้าเฟิง อีกฝ่ายนับว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ ที่ทำให้เขาไม่ก้าวหน้าในราชสำนักมาเป็นเวลาเกือบสามปี นับแต่ศึกษาทั้งเรื่องแผนที่ ฝึกตนในค่ายสกุลเจิ้ง รวมถึงเข้าสอบที่ศาลเมืองหลวง แรกเริ่มตั้งใจเป็นหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเป็นปันเส้าเฟิงที่บอกแก่ฮองเต้ว่า เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เหมาะกับฝ่ายใน! กระนั้น ด้วยชายหนุ่มแซ่เจิ้งมีเจิ้งคังซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ทั้งเป็นสหายของปันเส้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดขัดใจปันเส้าเฟิงได้ ต่อเมื่อรัชทายาทเห็นความสามารถเจิ้งเสี่ยวหยวน จึงเรียกตัวมารับใช้ด้านการวางแผน พร้อมดูแลศาลหลักเมืองหรูฉาง แต่อย่างที่กล่าวเมื่อครู่ ปันเส้าเฟิง คือผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจได้ยามนี้ เสียงของเขาแม้แต่มังกรแห่งแคว้นต้าโจวยังต้องหยุดฟัง ดังนั้นใครที่ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ย่อมไม่พ้นหูพ้นตาของปันเส้าเฟิงผู้นี้ การพบหน้าปันเส้าเฟิงจึงคล้ายกับมีหลายสิ่งที่ทำให้เจิ้งเสี่ยวหยวน ร้อน ๆ หนาว ๆ ประหนึ่งว่า ปันเส้าเฟิงรู้ความลับในอดีตของเจิ้งเสี่ยวหยวน และสิ่งนั้นก็คือชาติกำเนิดที่แท้จริง ด้
ซึ่งหากจะกล่าวไปแล้ว รูปภาพที่ฝ่ายนั้นนำมาให้เขาดูนั้นละม้ายไป๋ลู่เถียนหลายส่วน ปาก คิ้ว คาง โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่คล้ายมีน้ำใสกลอกกลิ้งด้านใน ผิดแต่รูปนั้นวาดสีหน้าจัดและรูปภาพเติมแต่งให้หญิงในภาพคล้ายคณิกาหรือนางรำจากเปอร์เซีย “ข้ารู้สึกผิดต่อแม่นางเถียนที่ไม่ได้ไปตามนัด” เขาเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าวและมองนางอย่างประเมิน สายตากับท่าทาง ดูเหมือนมีความนัยซ่อนเอาไว้ หากแต่ไป๋ลู่เถียนมิใช่นางร้ายตัวตลกแสนโง่งมคนเดิมแล้ว “ใช่ ด้วยเรื่องดังกล่าว ทำให้ข้าต้องพบความบัดซบอย่างแสนสาหัส! มันคือตราบาปที่ผู้หญิงคนหนึ่งมิอาจตื่นจากฝันร้ายที่หลอกหลอนได้” อี้ฟานจับต้นชนปลายในสิ่งที่นางกล่าวไม่ได้สักเท่าไหร่ จึงถามกลับ “แม่นางเถียน ต้องการบอกสิ่งใดแก่ข้ากันแน่” “คืนนั้น คือความผิดพลาด...ที่คุณชายฟานต้องรับผิดชอบข้า!” ไป๋ลู่เถียนบอกอีกฝ่าย และบังทรงที่ปกปิดถันอวบอัดของนางก็หลุดลง อกอวบคู่งามประจักษ์ต่อสายตาของชายหนุ่ม งดงาม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทว่าจุดที่ทำให้สายตาเขาต้องมองด้วยความเครียดจัดก็คือ รอ
เกือบห้าวันแล้วที่พ่อบ้านเหลียงและคนสนิทของปันเส้าเฟิง ต้องทำหน้าที่อย่างหนัก นั่นเป็นเพราะว่า ป้ายประกาศตามหาตัวสตรีปริศนา อีกทั้งการเล่าเรื่องข่าวของนักเล่านิทานได้ส่งผลให้มีสตรีมากหน้ามาแสดงตน พวกนางพยายามหาเสื้อผ้า สวมชุดอย่างเช่นในภาพวาด อีกทั้งสีหน้าสีตาแต่งแต้มอย่างดงามหยดย้อย บางคนทั้งที่เป็นลูกสาวขุนนาง แต่อ้างว่าตนดื่มสุราจนเมามาย และสุดท้ายก็ยอมทำเรื่องขายหน้าด้วยการทำเรื่องขวัญกล้าเทียมฟ้า ลักลอบเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ถึงห้องรับรองในหอเซียนเมารัก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันสั่นสะเทือนไปถึงวังหลวง แต่ฮ่องเต้เห็นว่าเป็นข่าวรื่นเริง ผิดแต่สตรีที่มีใจให้แก่ปันเส้าเฟิงมานานอย่างตงเร่อ ผู้เป็นถึงญาติของฮ่องเต้กลับไม่อาจอยู่นิ่งเฉย นอกจากส่งคนมาสังเกตความเป็นไปแล้ว นางยังทำสิ่งที่เสี่ยงภัยสักหน่อย แต่ที่ทำไปเพราะเป็นคำแนะนำของพระชายารัชทายาทและเฉินมี่ ซึ่งในยามนั้นเป็นสตรีที่รอบรู้และสนิทสนมกับตงเร่อ ดังนั้นท่านหญิงที่ทั้งหูเบาและหึงหวงปันเส้าเฟิง จึงได้ก่อเรื่องขึ้น ซึ่งในภายภาคหน้า ทั้งตัวนางและผู้สมคบคิด ย่อมไม่อาจหลุดพ้นจากความผิ
ขณะเดียวกันด้านนอกยังมีสตรีอีกมิน้อยที่มาพร้อมความหวังว่าจะได้เป็นคนข้างกายปันเส้าเฟิง ยามนั้นเจิ้งคังยกสุราดื่มไปหนึ่งจอก และเตรียมคีบขาหมูเย็นเข้าปาก แต่เกิดความสงสัยต่อบางสิ่ง “เอ พวกที่รออยู่นอกจวนนั่นเล่า พี่ปันจะให้โอกาสสาวงาม มาแก้ผ้าให้ข้าชมเป็นขวัญตาอีกหรือไม่” ปันเส้าเฟิงนิ่วหน้าใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนตอบเจิ้งคัง “ข้าเชื่อว่า ทั้งหมดที่แสดงตัวมิใช่คนที่ข้าหลับนอนด้วย และถึงอย่างนั้นนางจิ้งจอกของข้าก็คงยังอยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่จะไม่ปรากฏตัวตามการประกาศหาของข้า สตรีผู้นั้นมิใช่เพียงแค่หญิงงาม หากยังฉลาดและกำลังหลอกล่อให้พยัคฆ์อย่างข้าออกล่าเหยื่อด้วยตนเอง!” “พี่ปัน เพียงแค่สตรีคนเดียว ท่านกลับทำให้หญิงงามทั้งแคว้นต้าโจว ร้อนเนื้อร้อนใจไปหมดแล้วรู้หรือไม่!” “ฮ่า ๆ ๆ เกรงว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แผนการข้า แต่เป็นสตรีปริศนาผู้นั้น ที่ตั้งใจทำขึ้นอย่างแยบยล!” เจิ้งคังไม่เชื่อ เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “โถ แค่แม่นางน้อยที่เปิดประตูเข้าห้องผิดและปีนขึ้นเตียง ไฉนถึงจะมี
การเดินทางเข้าเมืองหลวงเป็นไปได้ด้วยดี ไป๋ลู่เถียนนั่งในรถม้าคันใหญ่กับอี้ฟาน ฝ่ายนั้นไม่กล่าวสิ่งใด นิ่งเงียบจมอยู่ในความคิดตน ส่วนนางใช้เวลาดังกล่าวตรวจสอบหลายสิ่งที่เตรียมไว้ รวมถึงแผนรับมือคนในจวนปันและพวกที่จะมาในงานเซิงรื่อของตะขาบพิษฝงเสวียน ฮูหยินหม้ายที่เป็นตัวร้าย จอมวางแผนอีกคนในนิยายเรื่องนี้ เมื่อรถม้าจอดที่ประตูใหญ่ด้านหน้าจวนปัน หัวใจไป๋ลู่เถียนเต้นไหวรุนแรงเกินการควบคุม นางตื่นเต้น ดีใจระคนคาดหวังหลายสิ่ง ยิ่งกว่านั้นการทำเช่นนี้นับว่าเสี่ยงอันตราย ทว่านางเลือกมันแล้วและจะไม่มีวันหันกลับหลัง ทุกอย่างต้องเดินตามเส้นทางใหม่ โดยนางคือผู้เปลี่ยนบทบาทตน ส่วนผู้อื่นย่อมรับผลกรรมต่างกันไป ซึ่งไป๋ลู่เถียนจะเป็นคนพิพากษาเอง! เบื้องหน้าคือจวนปันที่ตั้งสง่าโดดเด่น อีกทั้งเงียบสงบไม่มีคนพลุกพล่าน อันเป็นเจตนารมณ์ของซือหม่าปันผู้ยิ่งใหญ่ ประตูบานคู่เปิดต้อนรับไป๋ลู่เถียน เมื่อนางก้าวลงจากรถม้าก็สูดอากาศสดชื่นเข้าปอด ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม และมันจะไม่ย้อนกลับไปเป็นดั่งชาติที่แล้วแน่นอน ซึ่งนางจำได้ว่าเมื่อครั้งอดีต ตนเข้าประตูเล็ก ๆ
เรือนรับรองของรัชทายาทอยู่นอกวังหลวง และส่วนนี้ในอดีตเป็นสถานที่เริงรมย์ เหล่านางรำและนักดนตรีถูกส่งตัวมาปรนนิบัติแขกของแคว้นต้าโจวอยู่เนือง ๆ ว่ากันว่า ยามค่ำคืนมักมีเสียงครวญครางที่บ่งบอกถึงความสุขสมระหว่างชายหญิง ยามนี้ปันเส้าเฟิงวางสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว โกรธรึ? ไม่ถึงขนาดนั้น เขาเพียงแต่อยากวางตัวให้เหมาะสม ทั้งไม่ต้องการมอบโอกาสให้สตรีนางใดอีก ด้วยโอกาสเดียวที่มีอยู่นับแต่อดีตฮูหยินเสียชีวิตไปนั้น เขาได้มอบให้แก่สตรีปริศนา ซึ่งแม้แต่ชื่อนางเขายังจดจำมิได้ไปแล้ว กระนั้นก็มีแต่ภาพนางเคลื่อนไหวร่างกายและเรียกหาเขาอย่างเอาอกเอาใจ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เรียกร้องวัยหนุ่มแน่นของเขากลับคืนมา ‘ก็ทุกหยาดหยดของท่านพี่ นับแต่นี้ จะเป็นของข้าเพียงแต่ผู้เดียว’ ‘เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา คืนนี้มากกว่าสามรอบ ข้าก็ปล่อยออกมาให้เจ้ากลืนกินได้’ ‘อ๊ะ...ท่านพี่ล้อข้าเล่นแล้ว’ ‘เรื่องจริง ปากล่างของเจ้าจะหยาดเยิ้ม และข้าจะกระแทกใส่จนเจ้าไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดทำเช่นนี้ได้อีก’ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างซ่านสยิวใจ เขาก
ตงเร่อไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดมือ นางเรียนรู้จากมามา (นางกำนัลดูแลเรื่องฝึกเหล่าสนมขององค์ชายและฮ่องเต้) และขันทีซึ่งอยู่ให้หอสังวาสมามิน้อย เมื่อเขาไม่ตอบรับนางด้วยปากอุ่น ๆ ก็คงเป็นนางที่ต้องใช้ปากของตนกับทวนทองแข็งแรงของปันเส้าเฟิง หญิงสาวขยับตัวด้วยท่าทางเย้ายวน แล้วลงไปนั่งคุกเข่า ยามนั้นหัวใจนางเต้นระรัวเร็ว มีเพียงความกล้าเท่านั้นที่จะทำให้ตงเร่อได้ครอบครองแก่นกายที่ผงาดล้ำในร่มผ้าของชายที่นางรักสุดหัวใจ แน่นอนว่าปันเส้าเฟิงมิใช่บุรุษตายด้าน แม้เป็นหนุ่มใหญ่ กระนั้นร่างกายยังแข็งแรงด้วยฝึกยุทธ์อยู่เป็นประจำ แม้ภารกิจยามนี้คือขุนนางฝ่ายบุ๋นวางกลศึก มีความสามารถเรื่องเจรจากับต่างแคว้น ทว่าเขาก็เคยออกรบเมื่อครั้งเป็นหนุ่ม ก่อนเข้ามาอยู่เมืองหลวงเพื่อรับตำแหน่งสำคัญของแคว้นต้าโจว ทั้งสกุลปันก็มีกองกำลังพยัคฆ์คำรามเป็นของตน ดังนั้นเมื่อเนื้อนุ่มนิ่ม กลิ่นกายหอม ๆ เย้ายั่ว เขาย่อมมีความรู้สึก เลือดลมสูบฉีด ส่วนที่แข็งขัน ก็ขยายเต็มกางเกง หน้าอกขนาดพอเหมาะไหวไปมา ยอดถันเป็นสีน้ำตาลเข้มน่ามอง และตงเร่อยังใช้กิริยายั่วยวนราวกับส
เรือนหวนหลิน เหตุการณ์ช่วงยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) ของวันที่ไป๋ลู่เถียนเดินทางมาถึงจวนปัน กว่าไป๋ลู่เถียนจะระงับโทสะตนลงได้ นางใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม สาเหตุก็คือ ‘ตะขาบพิษ’ ที่ฝงเสวียนได้ใช้คนมาหาเรื่องนาง แต่เหอชิงแม่บ้านที่ติดตามอี้ฟานมา ซึ่งแต่แรกเริ่มปั้นหน้าร้าย ๆ ใส่ไป๋ลู่เถียนตลอดกลับเอาตัวมารับเคราะห์แทนหญิงสาว “เจ้าไม่สมควรทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น” เหอชิงมองไป๋ลู่เถียน แล้วถอนหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ นางเจ็บปาก ยามนี้มันบ่วมเจ่อและหน้าผากข้างหนึ่งได้แผล ที่เป็นเช่นนั้นเพราะถูกลากไปตบนับยี่สิบที อันเป็นฝีมือของสิงเฮ่อ แน่นอนคำสั่งมาจากฝงเสวียน เพราะต้องการให้ไป๋ลู่เถียนไปปัดกวาดเรือนบรรพชนเพื่อแสดงความกตัญญู แต่นางบอกว่าเพิ่งเดินทางมาถึง ทั้งรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจึงปฏิเสธไป เมื่อไป๋ลู่เถียนไม่ยอมออกจากเรือนหวนหลิน จึงมีการเข้ามาหมายฉุดกระชากนาง แต่เหอชิงอย่างไรก็มากับหญิงสาว หน้าที่คือรับใช้ไป๋ลู่เถียน นางจึงออกหน้าแทน สุดท้ายเลยเจ็บตัว “มิได้หรอก...แม่นางไป๋...อย่างไรท่านเข้าสกุลปันแล้ว ยามนี้ฐานะคือฮูหยินน้อย”
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ
ในตอนพิเศษนี้ ผู้อ่าน สามารถอ่านแยกจากเล่มหลักได้เรือนบรรพชน ตำบลเสออี้ เมืองฉวน แคว้นต้าโจว อี้ฟานรู้สึกว่า เขาร้อนรุ่มในร่างกาย ด้วยยาที่จู่ซินนำมาต้มเพื่อให้เขาดื่ม ส่งผลให้ขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ยิ่งกว่านั้นร่างกายที่เคยอ่อนเพลีย เรี่ยวแรงซึ่งหดหายไปค่อย ๆ คืนมา เขาจึงมีกำลังวังชากว่าเดิม สุขภาพดีเป็นลำดับ เรียกว่าแข็งขันจนเหมือนทหารที่ฝึกฝนตนในค่ายอยู่ทุกคืนวัน ดังนั้น ยามรุ่งเช้าจึงต้องรีบตื่นเพื่อชำระร่างกายในลำธาร บางคืนก็ข่มใจ อดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความต้องการต่อเรือนร่างของจู่ซิน ภรรยาแสนดีซึ่งดูแลเขามาร่วมปีสองแล้ว เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น อนิจจาอี้ฟานรู้สึกว่า ตนไม่เหมาะสมกับนาง ทั้งละอายต่อจู่ซิน ที่พาอีกฝ่ายมาลำบากห่างจากบ้านเกิดนับพันลี้ ‘ท่านพี่ฟาน ข้ายินยอมเป็นภรรยาของท่าน’ คืนที่นางกับเขาดื่มเหล้ามงคลด้วยกัน นี่คือถ้อยคำที่จู่ซินบอกเขาพร้อมหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้ม นางไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจ หากรู้สึกมีความสุขที่กล้าก้าวออกจากเรือนใหญ่ที่ไร้ความรักต่อนาง ด้วยจู่ซินเป็นเพียงลูกอนุ ถึงอย่างน
เสียงพูดคุยกันดังอย่างอึงอล ซึ่งล้วนเป็นความทึ่งและอยากรู้ว่า เด็กน้อยจะเขียนสิ่งใด ฝ่ายเจิ้งคังเห็นความคึกครื้นนั้นก็อยากได้ความสนุกมากขึ้น จึงมีการพนันเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเรื่องที่จะเกิดขึ้น ปันเส้าเฟิงหรี่ตามองสหายรุ่นน้อง แต่ไม่ได้ห้ามปราม ด้วยเป็นช่วงเวลาแห่งสุขโดยแท้ อึดใจต่อมา มือเล็ก ๆ ก็ใช้พู่กันที่จับไว้ วาดตัวอักษรลงบนผืนผ้าและภาพดังกล่าวใครจะเชื่อตาตนเอง อายุเพียงเท่านั้นก็เป็นอัจฉริยะทางด้านตัวอักษร ลายเส้นพลิ้วไหว หากหนักแน่น มั่นคง ทั้งยังเหมือนสื่ออารมณ์ให้ผู้คนที่ได้ชมยิ้มตาม “ฝู 福 (fú)” อักษรตัวแรก เขียนเสร็จเรียบร้อย ปันเส้าเฟิงก็ยกมันให้ทุกคนดู “ความสุขหรือ...” สมแล้วที่เป็นนายน้อยเหริน เจิ้งคังเป็นคนกล่าว ฝ่ายไป๋ลู่เถียนอุ้มลูกชายคนกลางของนาง และพาเขามาอยู่ใกล้ ๆ น้องชาย และเจิ้นห่าว ก็ทำให้ทุกคนที่มองอยู่ต้องอ้าปากค้าง “ฝู...ความสุข!” เมื่อคนโตเขียนตัวอักษรได้ คนกลางก็กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น ทรงพลัง และน้องชายคนเล็กที่วัน
งานเลี้ยงรับขวัญสามแฝดในปีที่สอง คือเรื่องรื่นเริงระดับแคว้นต้าโจว มีของขวัญมากมายจากเมืองต่าง ๆ ที่ส่งมาถึงจวนปัน ทั้งที่ไป๋ลู่เถียนออกปากว่า อย่าได้ฟุ่มเฟือย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่เด็ก ๆ ลืมตาขึ้นมาดูโลก นางตระหนักได้ว่า มีผู้คนลำบากว่าตนมากมายยิ่งนักแน่ละ ถึงนางจะเป็นนางร้ายของเรื่องนี้ ที่ได้มีชีวิตสุขสบายครองคู่กับผู้ชายที่เป็นตัวละครลับอย่างปันเส้าเฟิง แต่นางไม่ลืมว่าการช่วยเหลือผู้อื่น คือการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง “สิ่งใดเป็นของกินได้ ให้จัดเตรียมไว้เพื่อบริจาค สิ่งใดเป็นเครื่องนุ่งห่ม ให้คัดแยกเพื่อส่งต่อแก่เด็ก ๆ ที่ยากไร้” ไป๋ลู่เถียนบอกบ่าวรับใช้ และเหลียงซานดูแลเรื่องนี้อยู่อย่างใกล้ชิด “พวกเครื่องประดับ และของมีค่าต่าง ๆ ล่ะเจ้าคะ” เหอชิงเอ่ยถาม “ส่งเข้าคลังของจวนปัน สิ่งใดแลกเป็นอาหารหรือข้าวสารได้ ก็จัดการเสีย และข้าจำเป็นต้องมีทุนสำหรับสร้างโรงผลิตสมุนไพรด้วย” ไป๋ลู่เถียนกล่าวไม่ทันจบประโยคดี ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามาพลอยให้นางต้องขบขัน เพราะปันเส้าเฟิงอุ้มเด็ก ๆ ไว้สองแขน คนหนึ่งจ้ำม่ำตาโต ถือพู่กัน แล้วใช้จิ้มไปท