ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป
เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม
ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อีกทั้งนางต้องอยู่ใต้เงื้อมือชายใจร้าย และยังถูกกระทำให้เป็นเหมือนตัวตลก สุดท้ายจึงตายอย่างไร้ดินกลบหน้า
ดังนั้นเมื่อนางได้ย้อนเวลากลับคืนมาสู่โลกโบราณในนิยายเรื่องดังกล่าวอีกคน ผู้ที่ภพทะลุมิติจากโลกยุค ค.ศ. 20xx ไฉนจะไม่แก้ไขชีวิตของไป๋ลู่เถียนเสียใหม่
หญิงสาวคิดแล้วก็พึงพอใจ แม้ชาตินี้ยังเป็นนางร้ายเล่นบทเดิม แต่นางมีสมองและจะไม่ยอมตายอย่างโง่ ๆ อีกแน่นอน ส่วนพระเอกและนางเอกของเรื่อง จงอย่าหวังว่าจะมีความสุขสบายไปทั้งชาตินี้อีกเลย!
ซึ่งอย่างที่ทราบ นอกจากชายคนรักจากบ้านเดิม เจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธสัญญาหมั้นหมายที่สองครอบครัวเคยให้กันไว้แล้ว อี้ฟานซึ่งชาติเดิมเป็นอดีตสามีนาง ยังไม่ยอมมาตามนัด ทั้งหมดนี้ผิดกับปันเส้าเฟิง ฝ่ายนั้นพบหน้านางยามค่ำคืน อีกทั้งนางได้ทาผิวด้วยสมุนไพรชนิดพิเศษ ปกปิดผิวด่างเอาไว้ มันคือการตบตาเขา ในภายภาคหน้านางอาจลำบากที่ต้องแก้ตัวอยู่สักหน่อย ทว่าสุดท้ายปันเส้าเฟิงก็ทั้งรักทั้งหลงนาง เรื่องนี้ใครเล่าจะปฏิเสธ
และที่สำคัญ ที่นางยอมพลีกายอุ่นเตียงกับเขาอยู่หลายรอบ ก็เพราะปรารถนาอยากให้ตนตั้งครรภ์ สิ่งนี้สำคัญเหนืออื่นใด นางต้องมีทายาทของปันเส้าเฟิง และผู้ใดก็อย่าคิดทำหน้าที่นี้แทนนาง!
ฝ่ายเหอชิงที่เดินนำหน้าไป๋ลู่เถียน หูนางได้ยินคนเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องปันเส้าเฟิง กำลังให้คนของตนออกติดตามหาสตรีที่เขาหลับนอนด้วย เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ของเมืองหลวง แม้มีเสียงซุบซิบในทางไม่งาม ทว่าอำนาจของปันเส้าเฟิงล้นเหลือ แม้เป็นเรื่องโสมมคาวโลกีย์ แต่ผู้คนพร้อมยกย่องว่าสตรีผู้นั้นคือผู้มากด้วยวาสนา
เหอชิงถ่มน้ำลายลงพื้นถนน ท่าทางผู้ดีก่อนหน้านี้หายไป แล้วเอ่ยเสียงปนความหงุดหงิดออกมา
“เฮ้อ นังแพศยาคนใดหนอ บังอาจทำบัดซบ ใช้ไสยเวทย์หว่านเสน่ห์ ซือหม่าปัน และยังวางแผนชั่ว ‘สาวงามล่มเมืองล่อเสือออกจากถ้ำ’ ดูเอาโทษ บุรุษยิ่งใหญ่ปานนั้น กลับให้คนตามหาสตรีข้างถนน ไร้หัวนอนปลายเท้า กล่าวถึงแล้วก็น่าขัน!”
ไป๋ลู่เถียนไม่ชอบใจน้ำเสียงและคำพูดเหอชิง หากยังอยากฟังความคิดนางอีกสักหน่อย ในมุมมองผู้อื่น หญิงสาวที่กล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิงจะถูกเหยียดหยามสักเพียงใด
“เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนั้น สตรีนางหนึ่งได้รับโอกาสอันงามถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรือ”
เหอชิงหันมามองไป๋ลู่เถียน ซึ่งไม่ได้พอกผิวและแต่งหน้า หากเปิดเปลือยผิวที่เป็นด่างให้ผู้คนเห็นอย่างชัดเจน
คราแรกที่พบกัน ได้เห็นหน้าสตรีที่อี้ฟานให้มาพบ เหอชิงยอมรับว่าตกใจมิน้อย ทว่าพอคุ้นชินแล้ว ต้องยอมรับว่าไป๋ลู่เถียนเป็นสตรีงามล้ำผู้หนึ่ง งามมากเสียด้วยซ้ำ หากนางวาดสีบนหน้า ดั่งเช่นโฉมงามในเมืองหลวง
ด้วยไป๋ลู่เถียน มีดวงตากลมโตคล้ายมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกโด่งสวย ริมฝีปากอวบอิ่มดูเย้ายั่วไร้สีแดงจากชาด หากเป็นสีที่เกิดตามธรรมชาติ ซึ่งอมชมพูและดูมันวาว
“โถ ข้าแค่อิจฉานางผู้นั้นน่ะสิ แล้วมีอย่างที่ไหน ซือหม่าปันโสดมาตั้งสิบปีกลับอยากได้ก้อนกรวด ก้อนหินไร้ค่ามาเป็นหญิงข้างกาย และแม่นางผู้นั้นยังหายตัวไปอย่างลึกลับหลังอุ่นเตียงกันเสียด้วย ข้าคิดว่านางอาจเป็นปีศาจจิ้งจอก ใช้วิชามารแกล้งปั่นหัวซือหม่าปันให้ลุ่มหลง เอ...หรือว่าจะเป็นฝ่ายอริเขา ที่คิดร้ายต่อซือหม่าปัน จึงทำเรื่องน่าสงสัยเช่นนี้”
เหอชิงกล่าวเป็นตุเป็นตะ ฟังแล้วไป๋ลู่เถียนก็ได้แต่ส่ายหน้า
“เอ แล้วแม่บ้านเหอรู้ได้เยี่ยงไรว่า ซือหม่าผู้นั้นกำลังโหยหาหญิงสาวผู้เป็นปริศนา”
เหอชิงคันปากยิบ ๆ สุดท้ายจึงหลุดปาก
“ข้าย่อมรู้ทุกเรื่อง ในเมื่อคุณชายฟาน ให้ข้าคอยสืบ...!”
แม่บ้านเผลอกล่าวถึงอี้ฟานจึงรีบหยุดเสียอย่างนั้น ราวกับมีสิ่งปิดบัง
จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ “เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!” แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว! ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวน
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ
แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ “ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!” ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา “ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ ยา
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ “เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!” แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว! ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวน
ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อ
แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ “ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!” ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา “ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ ยา
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ