จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน
เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!”
แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว!
ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวนางไม่ชอบใจและระแวงมาก ทว่าอย่างไรเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น นางย่อมต้องไปพบอี้ฟาน และเขาจะเป็นฝ่าย พานางเดินเข้าคฤหาสน์สกุลปันในฐานะลูกสะใภ้ปันเส้าเฟิง ส่วนสิ่งที่จะเกิดต่อจากนั้น ไป๋ลู่เถียนย่อมพลิกสถานการณ์ให้ตนมีแต้มเหนือทุกคน
แน่นอนทุกอย่างนับจากนี้ไม่ง่าย แต่สตรีที่มาจากโลกอื่น มีชีวิตโลดแล่นในนิยายเรื่องนี้อีกครั้งในบทบาทนางร้าย ไฉนจะยอมให้ทุกอย่างเดินเส้นทางเดิมอีกเล่า
รถม้าจอดพักชั่วครู่ เนื่องจากเบื้องหน้าเส้นทางมีขบวนศพผ่านมาพอดี ตอนนั้นไป๋ลู่เถียนเอ่ยถามเหอชิง ผู้อ้างตัวว่าเป็นแม่บ้านของอี้ฟาน ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ไขสิ่งใดให้กระจ่าง บอกเพียงคร่าว ๆ ว่า สถานที่นัดพบอยู่ห่างจากเมืองหลวงสักหน่อย นั่นเป็นเพราะ อี้ฟานมีสิ่งที่ต้องจัดเตรียมเพื่อให้ทันวันที่เขาต้องกลับคืนสู่คฤหาสน์ของบิดา
“หลังจากทุกอย่างที่เตรียมการไว้สำเร็จลุล่วง พยัคฆ์ก็จะกลับคืนถ้ำเสือในคฤหาสน์หลังใหญ่”
ด้วยคำพูดดังกล่าว ดึงให้ไป๋ลู่เถียน ย้อนถึงสิ่งต่าง ๆ และมันพุ่งไปมาในหัว ยิ่งคิดยิ่งคับแค้นใจ
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะนางถูกอดีตคนเคยรักกันในวัยเด็กเพิกเฉยต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ยามนี้ต้องแบกหน้าไปพบอี้ฟาน ชายซึ่งล้มเหลวในทุกด้าน ให้ดีสักหน่อยก็คือเขาเป็นลูกชายของปันเส้าเฟิง ผู้ที่นางจะเกาะขาทองคำในวันข้างหน้า
“แม่บ้านเหอ หมายความเช่นไรหรือ”
น้ำเสียงไป๋ลู่เถียนห้วนกระด้าง ไม่อ่อนหวานอย่างก่อนขึ้นรถม้า
“คุณชายฟานไม่ใช่คนธรรมดาหรอกนะ เขาคือลูกชายคนเดียวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในแคว้นนี้เชียวละ เช่นนั้นแม่นางเถียน จงทำตัวให้ดี ๆ” เหอชิงว่า และมองใบหน้าเป็นด่างดวงของไป๋ลู่เถียนก่อนส่ายหน้าราวกับไม่พอใจ
“ใบหน้าเจ้า หากปกปิดด้วยแป้ง หรือครีมพอกจะทำให้ดูงดงาม เช่นสตรีทั่วไปใช่หรือไม่”
ไป๋ลู่เถียนไม่ได้ตอบทันที แต่ถามกลับ
“ข้าเป็นโรคด่างขาว ไม่ใช่โรคติดต่อผู้อื่น อีกทั้งตัวข้าเลือกเกิดไม่ได้ แต่หากทำให้ท่านไม่สบายใจ ข้าจะแต่งหน้า แต้มสีสันให้งดงามดั่งเช่นสตรีทั่วเมืองหลวงย่อมได้”
“โถ แม่นางเถียนกล่าวราวกับน้อยเนื้อต่ำใจ ข้าเพียงสอบถามเพราะ ไม่อยากให้เจ้าต้องอับอายสายตาผู้อื่น หากต้องถูกดูแคลน!”
เอ่ยแล้วเหอชิงก็หันไปสนใจสิ่งอื่น ฝ่ายไป๋ลู่เถียนนึกย้อนถึงเรื่องราวที่นางจดจำได้ เมื่อชาติก่อนอันเกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ โดยมีอดีตคนรักของนางเจิ้งเสี่ยวหยวนกับเฉินมี่เป็นคู่หญิงโฉดชายชั่ว
โดยเส้นเรื่องเดิมนั้น ไป๋ลู่เถียนหลังจากเสียใจเพราะต้องการบีบบังคับเจิ้งเสี่ยวหยวนให้แต่งงานด้วย นางทำตัวเหลวไหลเมาสุราอย่างหนัก กระทั่งตกเป็นของอี้ฟานอย่างไม่เต็มใจ ฝ่ายนั้นติดการพนัน ทั้งยังเงินขาดมือ เมื่อได้พบไป๋ลู่เถียนก็กระโดดเข้าใส่ ดังนั้นนางจึงได้เป็นภรรยาอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ
และย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้า อี้ฟานเป็นคนเกเรในวัยหนุ่มน้อย จึงถูกปันเส้าเฟิงคาดโทษขับไล่ไปอยู่เรือนบรรพบุรุษห่างไกลเมืองหรูฉางนับพันลี้ กระนั้นปันเส้าเฟิงไม่ถึงกับตัดขาดลูกชายเพียงแต่บอกเขาว่า หากต้องการกลับคืนสกุลปัน เขาต้องสร้างเนื้อสร้างตัวของตน และการที่อี้ฟานพบไป๋ลู่เถียนคือสิ่งที่ฟ้าประทานพรแก่เขา ด้วยนางแม้จะเป็นสตรีบ้านนอก ทว่ายามอยู่เมืองเจ้อตงทางภาคตะวันออก นางคือหลานสาวของท่านเจ้าเมืองที่เขาตั้งใจมอบสมบัติให้ และนางมีที่ทางทำกินนับสองพันหมู่ (ไร่) อีกทั้งเงินทองมีมิน้อย เพียงแต่ไป๋ลู่เถียนหัวดื้ออยู่สักหน่อย นางประกาศต่อทุกคนหลังปู่เสียชีวิตว่า จะตามตัวเจิ้งเสี่ยวหยวนกลับไปแต่งงานตามสัญญาหมั้นหมายให้จงได้ พร้อมไว้ทุกข์ให้กับปู่ที่เป็นเจ้าเมือง
แรกเริ่มนางมาเมืองหลวงพร้อมคนสนิทและหน่วยอารักขา ทว่ามีช่วงหนึ่งที่พวกเขาประสบเหตุร้ายถึงขึ้นบาดเจ็บหนัก ก่อนทยอยล้มตาย
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
“แม่นางเถียน... เจ้าไม่สบายหรอกหรือ” ถึงอี้ฟานจะเป็นชายนิสัยแย่ อารมณ์ร้าย ทว่าพอเห็นไป๋ลู่เถียนแสดงสมบทบาทว่าไร้เรี่ยวแรง เขาจึงไม่อาจเพิกเฉย ซึ่งอีกฝ่ายเป็นชายสูงเพรียว ไม่ล่ำสัน แต่มีกล้ามเนื้อสมตัว และที่สำคัญแม้เขาจะเป็นตัวร้าย หากเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดในนิยายเรื่องนี้! “ที่นี่แดดแรง พักข้างในกันเถิด” นางเชิญชวนเขา พร้อมบีบท่อนแขนกำยำ บีบแล้วปล่อย แสดงอย่างแนบเนียนเหมือนคนกำลังเพ้อ และต้องการความช่วยเหลือจากบุรุษผู้นี้ “ชายหญิงไฉนจะอยู่กันเพียงลำพังได้” เขาถามน้ำเสียงแจ้งชัดว่ากำลังประหม่า ทั้งออกตัวว่าไม่อยากใกล้ชิดนางจนเกินไป ซึ่งนางอยากหัวร่อนัก ยามนี้อี้ฟานยังคิดว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษอีกหรือ อีกอย่าง เขาแค่มองนางที่เปลือกนอก นั่นเป็นเพราะนางมีผิวด่างขาว หากเป็นหญิงงามและสกุลสูงศักดิ์ อี้ฟานย่อมต้องรวบหัวรวบหางนางโดยเร็ว นอกจากนั้นการที่เขาหายไปในวันนัดพบกันที่หอเซียนเมารักนางรู้ว่า เขาได้จ้างสำนักข่าวสืบข้อมูลของไป๋ลู่เถียน กระทั่งมั่นใจว่านางมิใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า อีกทั้งมีทรัพย์สมบัติมากพอจะทำให้อี้ฟานพลิกชะตาชีวิตอันบ
บ่อน้ำพุร้อนภายในอารามนอกเมือง ก่อนหน้านั้น เจิ้งเสี่ยวหยวนได้พบกับปันเส้าเฟิง อีกฝ่ายนับว่าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ ที่ทำให้เขาไม่ก้าวหน้าในราชสำนักมาเป็นเวลาเกือบสามปี นับแต่ศึกษาทั้งเรื่องแผนที่ ฝึกตนในค่ายสกุลเจิ้ง รวมถึงเข้าสอบที่ศาลเมืองหลวง แรกเริ่มตั้งใจเป็นหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเป็นปันเส้าเฟิงที่บอกแก่ฮองเต้ว่า เจิ้งเสี่ยวหยวนไม่เหมาะกับฝ่ายใน! กระนั้น ด้วยชายหนุ่มแซ่เจิ้งมีเจิ้งคังซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ทั้งเป็นสหายของปันเส้าเฟิง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดขัดใจปันเส้าเฟิงได้ ต่อเมื่อรัชทายาทเห็นความสามารถเจิ้งเสี่ยวหยวน จึงเรียกตัวมารับใช้ด้านการวางแผน พร้อมดูแลศาลหลักเมืองหรูฉาง แต่อย่างที่กล่าวเมื่อครู่ ปันเส้าเฟิง คือผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจได้ยามนี้ เสียงของเขาแม้แต่มังกรแห่งแคว้นต้าโจวยังต้องหยุดฟัง ดังนั้นใครที่ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ย่อมไม่พ้นหูพ้นตาของปันเส้าเฟิงผู้นี้ การพบหน้าปันเส้าเฟิงจึงคล้ายกับมีหลายสิ่งที่ทำให้เจิ้งเสี่ยวหยวน ร้อน ๆ หนาว ๆ ประหนึ่งว่า ปันเส้าเฟิงรู้ความลับในอดีตของเจิ้งเสี่ยวหยวน และสิ่งนั้นก็คือชาติกำเนิดที่แท้จริง ด้
ซึ่งหากจะกล่าวไปแล้ว รูปภาพที่ฝ่ายนั้นนำมาให้เขาดูนั้นละม้ายไป๋ลู่เถียนหลายส่วน ปาก คิ้ว คาง โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่คล้ายมีน้ำใสกลอกกลิ้งด้านใน ผิดแต่รูปนั้นวาดสีหน้าจัดและรูปภาพเติมแต่งให้หญิงในภาพคล้ายคณิกาหรือนางรำจากเปอร์เซีย “ข้ารู้สึกผิดต่อแม่นางเถียนที่ไม่ได้ไปตามนัด” เขาเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าวและมองนางอย่างประเมิน สายตากับท่าทาง ดูเหมือนมีความนัยซ่อนเอาไว้ หากแต่ไป๋ลู่เถียนมิใช่นางร้ายตัวตลกแสนโง่งมคนเดิมแล้ว “ใช่ ด้วยเรื่องดังกล่าว ทำให้ข้าต้องพบความบัดซบอย่างแสนสาหัส! มันคือตราบาปที่ผู้หญิงคนหนึ่งมิอาจตื่นจากฝันร้ายที่หลอกหลอนได้” อี้ฟานจับต้นชนปลายในสิ่งที่นางกล่าวไม่ได้สักเท่าไหร่ จึงถามกลับ “แม่นางเถียน ต้องการบอกสิ่งใดแก่ข้ากันแน่” “คืนนั้น คือความผิดพลาด...ที่คุณชายฟานต้องรับผิดชอบข้า!” ไป๋ลู่เถียนบอกอีกฝ่าย และบังทรงที่ปกปิดถันอวบอัดของนางก็หลุดลง อกอวบคู่งามประจักษ์ต่อสายตาของชายหนุ่ม งดงาม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทว่าจุดที่ทำให้สายตาเขาต้องมองด้วยความเครียดจัดก็คือ รอ
เกือบห้าวันแล้วที่พ่อบ้านเหลียงและคนสนิทของปันเส้าเฟิง ต้องทำหน้าที่อย่างหนัก นั่นเป็นเพราะว่า ป้ายประกาศตามหาตัวสตรีปริศนา อีกทั้งการเล่าเรื่องข่าวของนักเล่านิทานได้ส่งผลให้มีสตรีมากหน้ามาแสดงตน พวกนางพยายามหาเสื้อผ้า สวมชุดอย่างเช่นในภาพวาด อีกทั้งสีหน้าสีตาแต่งแต้มอย่างดงามหยดย้อย บางคนทั้งที่เป็นลูกสาวขุนนาง แต่อ้างว่าตนดื่มสุราจนเมามาย และสุดท้ายก็ยอมทำเรื่องขายหน้าด้วยการทำเรื่องขวัญกล้าเทียมฟ้า ลักลอบเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ถึงห้องรับรองในหอเซียนเมารัก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันสั่นสะเทือนไปถึงวังหลวง แต่ฮ่องเต้เห็นว่าเป็นข่าวรื่นเริง ผิดแต่สตรีที่มีใจให้แก่ปันเส้าเฟิงมานานอย่างตงเร่อ ผู้เป็นถึงญาติของฮ่องเต้กลับไม่อาจอยู่นิ่งเฉย นอกจากส่งคนมาสังเกตความเป็นไปแล้ว นางยังทำสิ่งที่เสี่ยงภัยสักหน่อย แต่ที่ทำไปเพราะเป็นคำแนะนำของพระชายารัชทายาทและเฉินมี่ ซึ่งในยามนั้นเป็นสตรีที่รอบรู้และสนิทสนมกับตงเร่อ ดังนั้นท่านหญิงที่ทั้งหูเบาและหึงหวงปันเส้าเฟิง จึงได้ก่อเรื่องขึ้น ซึ่งในภายภาคหน้า ทั้งตัวนางและผู้สมคบคิด ย่อมไม่อาจหลุดพ้นจากความผิ
ขณะเดียวกันด้านนอกยังมีสตรีอีกมิน้อยที่มาพร้อมความหวังว่าจะได้เป็นคนข้างกายปันเส้าเฟิง ยามนั้นเจิ้งคังยกสุราดื่มไปหนึ่งจอก และเตรียมคีบขาหมูเย็นเข้าปาก แต่เกิดความสงสัยต่อบางสิ่ง “เอ พวกที่รออยู่นอกจวนนั่นเล่า พี่ปันจะให้โอกาสสาวงาม มาแก้ผ้าให้ข้าชมเป็นขวัญตาอีกหรือไม่” ปันเส้าเฟิงนิ่วหน้าใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนตอบเจิ้งคัง “ข้าเชื่อว่า ทั้งหมดที่แสดงตัวมิใช่คนที่ข้าหลับนอนด้วย และถึงอย่างนั้นนางจิ้งจอกของข้าก็คงยังอยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่จะไม่ปรากฏตัวตามการประกาศหาของข้า สตรีผู้นั้นมิใช่เพียงแค่หญิงงาม หากยังฉลาดและกำลังหลอกล่อให้พยัคฆ์อย่างข้าออกล่าเหยื่อด้วยตนเอง!” “พี่ปัน เพียงแค่สตรีคนเดียว ท่านกลับทำให้หญิงงามทั้งแคว้นต้าโจว ร้อนเนื้อร้อนใจไปหมดแล้วรู้หรือไม่!” “ฮ่า ๆ ๆ เกรงว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แผนการข้า แต่เป็นสตรีปริศนาผู้นั้น ที่ตั้งใจทำขึ้นอย่างแยบยล!” เจิ้งคังไม่เชื่อ เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “โถ แค่แม่นางน้อยที่เปิดประตูเข้าห้องผิดและปีนขึ้นเตียง ไฉนถึงจะมี
การเดินทางเข้าเมืองหลวงเป็นไปได้ด้วยดี ไป๋ลู่เถียนนั่งในรถม้าคันใหญ่กับอี้ฟาน ฝ่ายนั้นไม่กล่าวสิ่งใด นิ่งเงียบจมอยู่ในความคิดตน ส่วนนางใช้เวลาดังกล่าวตรวจสอบหลายสิ่งที่เตรียมไว้ รวมถึงแผนรับมือคนในจวนปันและพวกที่จะมาในงานเซิงรื่อของตะขาบพิษฝงเสวียน ฮูหยินหม้ายที่เป็นตัวร้าย จอมวางแผนอีกคนในนิยายเรื่องนี้ เมื่อรถม้าจอดที่ประตูใหญ่ด้านหน้าจวนปัน หัวใจไป๋ลู่เถียนเต้นไหวรุนแรงเกินการควบคุม นางตื่นเต้น ดีใจระคนคาดหวังหลายสิ่ง ยิ่งกว่านั้นการทำเช่นนี้นับว่าเสี่ยงอันตราย ทว่านางเลือกมันแล้วและจะไม่มีวันหันกลับหลัง ทุกอย่างต้องเดินตามเส้นทางใหม่ โดยนางคือผู้เปลี่ยนบทบาทตน ส่วนผู้อื่นย่อมรับผลกรรมต่างกันไป ซึ่งไป๋ลู่เถียนจะเป็นคนพิพากษาเอง! เบื้องหน้าคือจวนปันที่ตั้งสง่าโดดเด่น อีกทั้งเงียบสงบไม่มีคนพลุกพล่าน อันเป็นเจตนารมณ์ของซือหม่าปันผู้ยิ่งใหญ่ ประตูบานคู่เปิดต้อนรับไป๋ลู่เถียน เมื่อนางก้าวลงจากรถม้าก็สูดอากาศสดชื่นเข้าปอด ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม และมันจะไม่ย้อนกลับไปเป็นดั่งชาติที่แล้วแน่นอน ซึ่งนางจำได้ว่าเมื่อครั้งอดีต ตนเข้าประตูเล็ก ๆ
เรือนรับรองของรัชทายาทอยู่นอกวังหลวง และส่วนนี้ในอดีตเป็นสถานที่เริงรมย์ เหล่านางรำและนักดนตรีถูกส่งตัวมาปรนนิบัติแขกของแคว้นต้าโจวอยู่เนือง ๆ ว่ากันว่า ยามค่ำคืนมักมีเสียงครวญครางที่บ่งบอกถึงความสุขสมระหว่างชายหญิง ยามนี้ปันเส้าเฟิงวางสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว โกรธรึ? ไม่ถึงขนาดนั้น เขาเพียงแต่อยากวางตัวให้เหมาะสม ทั้งไม่ต้องการมอบโอกาสให้สตรีนางใดอีก ด้วยโอกาสเดียวที่มีอยู่นับแต่อดีตฮูหยินเสียชีวิตไปนั้น เขาได้มอบให้แก่สตรีปริศนา ซึ่งแม้แต่ชื่อนางเขายังจดจำมิได้ไปแล้ว กระนั้นก็มีแต่ภาพนางเคลื่อนไหวร่างกายและเรียกหาเขาอย่างเอาอกเอาใจ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เรียกร้องวัยหนุ่มแน่นของเขากลับคืนมา ‘ก็ทุกหยาดหยดของท่านพี่ นับแต่นี้ จะเป็นของข้าเพียงแต่ผู้เดียว’ ‘เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา คืนนี้มากกว่าสามรอบ ข้าก็ปล่อยออกมาให้เจ้ากลืนกินได้’ ‘อ๊ะ...ท่านพี่ล้อข้าเล่นแล้ว’ ‘เรื่องจริง ปากล่างของเจ้าจะหยาดเยิ้ม และข้าจะกระแทกใส่จนเจ้าไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดทำเช่นนี้ได้อีก’ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างซ่านสยิวใจ เขาก
ฉัน...ไม่ใช่สิ รู้สึกเขินที่ต้องใช้คำพรรคนั้น ด้วยข้ามาอยู่ที่โลกจีนโบราณซึ่งเข้าใจว่าเป็นนิยายเรื่องหนึ่งมาพักใหญ่แล้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พบว่า ความสุขคือการลงมือทำด้วยตนเองอย่างกล้าหาญ แต่เดิมนั้น ชีวิตตัวละครนามว่า ไป๋ลู่เถียน คือนางร้ายและสมควรจากไปตั้งนานแล้ว ทว่าจนตอนนี้นางมีลูกชายสามคน เป็นฝาแฝด และให้กำเนิดเด็กหญิงแสนน่ารัก ลู่เฟิง อันเป็นชื่อที่ข้ากับบิดาของนางช่วยกันตั้ง โดยผสมชื่อทั้งคู่เข้าด้วยกัน ลู่เฟิง เป็น วิหคน้อยที่งดงามสมวัย ทั้งยังเป็นที่รักของพี่ชาย ยามนี้เหล่าพี่ชายทั้งสาม ต่างแย่งกันปกป้องน้องสาว ส่วนซือหม่าปั่นผู้เป็นสามีข้า เกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังหล่อเหลาและหนุ่มแน่นในแบบฉบับที่ข้าหลงรักได้ทุกวัน เพียงแต่ผมเปลี่ยนสีเท่านั้น จากดำขลับปีกอีกา ถูกแซมด้วยสีขาวซึ่งมีเสน่ห์อีกแบบทว่าอย่างเดียวที่ข้ากังวลใจ คือสีหน้าเขามักเครียดทุกครั้งยามเหล่าองค์หญิงน้อยเชิญ ลู่เฟิงไปเล่นสนุกในวังหลวง เนื่องจากมันเป็นแผนของเหล่าพระสนมนั่นเอง ด้วยอยากให้ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจเขาเข้าวัง เพื่อเหล่าองค์ชายทั้งในสกุลและต่างสกุลได้ยลโฉม
เยว่ซิงตามมาดูเหตุการณ์ต่างๆ พอเห็นว่าซือซินอี๋ลอยไปตามสายน้ำในจุดที่พ้นภัย นางค่อยโล่งใจ ซึ่งก่อนหน้านั้น นางกับฝ่ายแคว้นตาโจวร่วมมือกันยิงธนูเพื่อเร่งเร้าให้ทั้งคู่ หาทางใกล้ชิดกัน แม้อันตรายหากได้ผลดีเยี่ยม “นางกำนัลเยว่... ครั้งนี้นับว่าเจ้าสร้างผลงานชั้นเลิศ แม่ทัพของพวกเราขาดสตรีอุ่นเตียงมานานเหลือเกิน อีกทั้งเขาได้กินเนื้อหงส์เช่นนี้ วาสนานั้นนับว่าดีเกินใคร” รองแม่ทัพและสหายเจิ้งคังเอ่ย “ทั้งหมดนี้เพราะ ชิงอ๋องต้องการหาบุรุษที่เหมาะสมกับองค์หญิงเก้า และฝ่ายแคว้นต้าโจวเสนอบุรุษที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งยังยึดมั่นในความรัก เรื่องนี้นับว่าเป็นความเหมาะสม” “พวกเราย่อมมีนายหญิงคนใหม่ที่สูงศักดิ์เร็ววัน ขอบน้ำใจนางกำนัลเยว่” รองแม่ทัพเอ่ยจบ เขาก็ไปเตรียมรอการกับมาของเจิ้งคัง ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยชายหญิงคู่นี้ ย่อมใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คงราวๆ สามคืนสามวันเป็นอย่างต่ำ ซือซินอี๋กินตื่นเช้าอีกวัน แน่นอนนางกับเจิ้งคังร่วมรักกันยาวนาน เป็นเวลามากกว่าสามคืนสามวัน เจิ้งคังต้องการเช่นนั้น เขาจะได้คุยโม้ปันเส้าเฟิงได้ว่า
จากนั้น เจิ้งคังเลือกที่จะควบม้าออกจากกลุ่มของเขา และแจ้งทุกคนว่า หากใครพบซือซินอี๋ก่อนจงล้อมนางไว้ อย่าได้แตะต้องหรือล่วงเกินเด็ดขาด โดยเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพราย เขากลัวจะมีเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงนางนั่นเอง แม่ทัพหนุ่มควบม้าสลับการสืบหาล่องลอยองค์หญิงอยู่เกือบสองวัน ในที่สุดเขาก็พบหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่กำลังนอนบนหินริมแม่น้ำกว้าง ปล่อยใจชื่นชมบรรยากาศด้วยความสุข แต่หนุ่มน้อยคนดังกล่าว ผิวออกจะนวลเนียน ใบหน้ากระจ่างใส อีกทั้งริมฝีปากแดงสดยั่วยวนน่าจูบอย่างที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังมีหน้าอกอวบๆ ดึงดูดสายตา และหากเขาใจกล้าพอที่จะจับเป้ากางเกงอีกฝ่ายคงไม่พบงวงช้างอันใด หากจะเป็นกลีบฉ่ำๆ อย่างแน่นอน แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึๆ สตรีผู้หนึ่งชอบความสนุกเป็นที่ตั้ง รักความสำราญใจและอิสระ โดยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาผู้อื่นต้องลำบากสิ่งใดบ้าง หากไม่สั่งสอนสักหน่อย คงไม่ใช่เจิ้งคังผู้นี้ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากม้า สืบเท้าไปหานางช้าๆ “ข้าอยากดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านได้หรือไม่” ทั้งที่อยากกำร
ซือซินอี๋ องค์หญิงเก้าแคว้นชิง นางกำนัลเยว่ซิง ขันทีเจียง (เจียงกง) เจิ้นเหริน แฝดคนโต เจิ้นห่าว แฝดคนกลาง เจิ้นหนาน แฝดคนสุดท้อง ลู่เฟิง ลูกสาวคนสวยของไป๋ลู่เถียนและปันเส้าเฟิง **************************“ลิ้นสากร้อนของท่านช่างเกเร...”“แล้วลิ้นเรียวเล็กสีชมพูขององค์หญิงเล่าเอาชนะบุรุษแห่งแคว้นต้าโจวได้หรือไม่”ได้ยินอย่างนั้น ซือซินอี๋ก็ไม่รอช้าถูกท้าทายเช่นนี้อย่างไรนางก็ต้องกุมชัยชนะอยู่เหนือแม่ทัพเจิ้ง!*************************ตอนพิเศษเร้ารักองค์หญิงต่างแคว้นซือซินอี๋ คือโฉมงามแคว้นชิง ทว่านางหัวรั้นอวดดี ทั้งยังนิยมแต่งตัวเป็นบุรุษ วันดีคืนนี้ก็ทำตัวเสเพลแอบดูสตรีอาบน้ำ หากสิ่งนั้นยังน้อยไป เพราะการถ้ำมองคู่รักเข้าหอคืนแรกคือสิ่งที่ทำให้นางตื่นเต้นและซ่านสยิวใจที่สุด ดูด้วยสองตาไม่พอ ยังสั่งวาดภาพ และจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้ด้วย ยิ่งได้เห็นเหล่าหญิงงามที่นุ่มนิ่ม เอวบางขยับท่าทางโลดโผน แล้วรุกไล่ข่มเหงบุรุษ หรือส่งเสียงครางระงมราวกั
***แนะนำก่อนอ่านเรื่อง ในตอนพิเศษนี้ คือเหตุการณ์หลังจากปันเส้าเฟิงและไป๋ลู่เถียนอยู่ในจวนปันอย่างสามีภรรยา และมีสามแฝดเป็นพยานรักไป๋ลู่เถียนรับรู้ได้ว่าปันเส้าเฟิงกำลังพยายามทำบางอย่างด้วยต้องการเอาใจนาง แต่ให้ตายเถิด มันจั๊กจี้เป็นบ้า ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ใช่การเล่นปูไต่ หากเขากำลังใช้นิ้วยาวๆ สำรวจน่อง ไล่ไปยังต้นขาเรียวและอีกนิดเดียวคงแทรกเข้าสู่พื้นที่หวานจัดของนางอ๊ะ ความหวามใจนี้ เกินที่นางจะระงับความซ่านสยิวของเนื้อสาวที่ฉ่ำแฉะได้อีกต่อ และนางหมายใจอยากให้ทั้งนิ้วยาวๆ ของเขา และขาที่สามอุ่นจัดซึ่งอยู่ในร่มผ้าเผด็จศึกนางเสียที กระนั้นนางก็เอ่ยปากตรงข้ามความรู้สึกของตน“ตาเฒ่า ท่านหยุดลามกกับเมียเด็กสักวันได้หรือไม่” ช่วงหลังมานี้ ไป๋ลู่เถียนติดใช้คำร่วมสมัยของยุคปัจจุบัน และปันเส้าเฟิงย่อมไม่ถือสา เขาสนุกกับถ้อยคำของนาง อีกทั้งยังมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ พลอยทำให้ปันเส้าเฟิงได้ย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง และเหนืออื่นใดเขารักเมียเด็ก หลงเมีย และรู้ว่าอีกไม่นานนางคงตั้งครรภ์ แล้วให้กำเนิดเด็กๆ ที่น่ารักมาเป็นเพื่อนเล่นเหล่าพี่ชายซึ่งอยู่ในวัยซุกซนทั้งสามคน “มิได้ เป้าเป่
เมื่อเมื่อก้าวเข้ามาในเรือนก็เห็นจู่ซินเพิ่งอาบน้ำเรียบร้อย นางอาจไม่ใช่สตรีงดงามล่มเมือง ทว่ากิริยาน่ารักน่าชม เหนืออื่นใดนางอวบอัด มีเนื้อหนังให้น่าสัมผัสไปหมด เมื่อดวงตาเรียวรีมองเห็นผู้เป็นสามียืนอยู่กลางห้องโถง พร้อมวัตถุดิบในมือ จู่ซินจึงยิ้มดีใจ สำหรับนางอี้ฟานเป็นบุรุษที่น่าสงสาร เขาพยายามเป็นคนดีเสมอ ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีโอกาสนักสำหรับชายคนนี้ กระทั่งมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อี้ฟานค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย แม้ไม่ได้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่ก็เป็นชายที่นางอยากใช้ชีวิตด้วย ที่สำคัญอี้ฟานไม่เคยทำร้ายนาง ไม่มีการตบตี ด่าทอ อาจพูดน้อย รักสันโดษ และไม่ค่อยร่าเริงก็เท่านั้น “ทำอาหารกินกันดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะหิว” อี้ฟานกล่าวทำลายบรรยากาศที่ร้อนรุ่มในห้องโถงของเรือน “ท่านพี่...” จู่ซินไม่ได้อยากทำตัวเป็นสตรีตามตรอกหอนางโลม หรือพวกอนุที่ชอบยั่วเย้าสามี เพื่อให้เขารักและหลง แต่ยามนี้นางอดใจไม่ไหว ด้วยชายหนุ่มไม่ได้สวมเสื้อ เปลือยกายท่อนบน เป้ากางเกงเขาก็ตุงจัด หากนางคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่อยู่ข้างในคงอยากโผล่ออกมาสูดอากาศเต็มที่แล้ว “อาซิน...ไปอาบ
ในตอนพิเศษนี้ ผู้อ่าน สามารถอ่านแยกจากเล่มหลักได้เรือนบรรพชน ตำบลเสออี้ เมืองฉวน แคว้นต้าโจว อี้ฟานรู้สึกว่า เขาร้อนรุ่มในร่างกาย ด้วยยาที่จู่ซินนำมาต้มเพื่อให้เขาดื่ม ส่งผลให้ขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ยิ่งกว่านั้นร่างกายที่เคยอ่อนเพลีย เรี่ยวแรงซึ่งหดหายไปค่อย ๆ คืนมา เขาจึงมีกำลังวังชากว่าเดิม สุขภาพดีเป็นลำดับ เรียกว่าแข็งขันจนเหมือนทหารที่ฝึกฝนตนในค่ายอยู่ทุกคืนวัน ดังนั้น ยามรุ่งเช้าจึงต้องรีบตื่นเพื่อชำระร่างกายในลำธาร บางคืนก็ข่มใจ อดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความต้องการต่อเรือนร่างของจู่ซิน ภรรยาแสนดีซึ่งดูแลเขามาร่วมปีสองแล้ว เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น อนิจจาอี้ฟานรู้สึกว่า ตนไม่เหมาะสมกับนาง ทั้งละอายต่อจู่ซิน ที่พาอีกฝ่ายมาลำบากห่างจากบ้านเกิดนับพันลี้ ‘ท่านพี่ฟาน ข้ายินยอมเป็นภรรยาของท่าน’ คืนที่นางกับเขาดื่มเหล้ามงคลด้วยกัน นี่คือถ้อยคำที่จู่ซินบอกเขาพร้อมหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้ม นางไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจ หากรู้สึกมีความสุขที่กล้าก้าวออกจากเรือนใหญ่ที่ไร้ความรักต่อนาง ด้วยจู่ซินเป็นเพียงลูกอนุ ถึงอย่างน
เสียงพูดคุยกันดังอย่างอึงอล ซึ่งล้วนเป็นความทึ่งและอยากรู้ว่า เด็กน้อยจะเขียนสิ่งใด ฝ่ายเจิ้งคังเห็นความคึกครื้นนั้นก็อยากได้ความสนุกมากขึ้น จึงมีการพนันเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเรื่องที่จะเกิดขึ้น ปันเส้าเฟิงหรี่ตามองสหายรุ่นน้อง แต่ไม่ได้ห้ามปราม ด้วยเป็นช่วงเวลาแห่งสุขโดยแท้ อึดใจต่อมา มือเล็ก ๆ ก็ใช้พู่กันที่จับไว้ วาดตัวอักษรลงบนผืนผ้าและภาพดังกล่าวใครจะเชื่อตาตนเอง อายุเพียงเท่านั้นก็เป็นอัจฉริยะทางด้านตัวอักษร ลายเส้นพลิ้วไหว หากหนักแน่น มั่นคง ทั้งยังเหมือนสื่ออารมณ์ให้ผู้คนที่ได้ชมยิ้มตาม “ฝู 福 (fú)” อักษรตัวแรก เขียนเสร็จเรียบร้อย ปันเส้าเฟิงก็ยกมันให้ทุกคนดู “ความสุขหรือ...” สมแล้วที่เป็นนายน้อยเหริน เจิ้งคังเป็นคนกล่าว ฝ่ายไป๋ลู่เถียนอุ้มลูกชายคนกลางของนาง และพาเขามาอยู่ใกล้ ๆ น้องชาย และเจิ้นห่าว ก็ทำให้ทุกคนที่มองอยู่ต้องอ้าปากค้าง “ฝู...ความสุข!” เมื่อคนโตเขียนตัวอักษรได้ คนกลางก็กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น ทรงพลัง และน้องชายคนเล็กที่วัน
งานเลี้ยงรับขวัญสามแฝดในปีที่สอง คือเรื่องรื่นเริงระดับแคว้นต้าโจว มีของขวัญมากมายจากเมืองต่าง ๆ ที่ส่งมาถึงจวนปัน ทั้งที่ไป๋ลู่เถียนออกปากว่า อย่าได้ฟุ่มเฟือย นั่นเป็นเพราะตั้งแต่เด็ก ๆ ลืมตาขึ้นมาดูโลก นางตระหนักได้ว่า มีผู้คนลำบากว่าตนมากมายยิ่งนักแน่ละ ถึงนางจะเป็นนางร้ายของเรื่องนี้ ที่ได้มีชีวิตสุขสบายครองคู่กับผู้ชายที่เป็นตัวละครลับอย่างปันเส้าเฟิง แต่นางไม่ลืมว่าการช่วยเหลือผู้อื่น คือการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง “สิ่งใดเป็นของกินได้ ให้จัดเตรียมไว้เพื่อบริจาค สิ่งใดเป็นเครื่องนุ่งห่ม ให้คัดแยกเพื่อส่งต่อแก่เด็ก ๆ ที่ยากไร้” ไป๋ลู่เถียนบอกบ่าวรับใช้ และเหลียงซานดูแลเรื่องนี้อยู่อย่างใกล้ชิด “พวกเครื่องประดับ และของมีค่าต่าง ๆ ล่ะเจ้าคะ” เหอชิงเอ่ยถาม “ส่งเข้าคลังของจวนปัน สิ่งใดแลกเป็นอาหารหรือข้าวสารได้ ก็จัดการเสีย และข้าจำเป็นต้องมีทุนสำหรับสร้างโรงผลิตสมุนไพรด้วย” ไป๋ลู่เถียนกล่าวไม่ทันจบประโยคดี ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามาพลอยให้นางต้องขบขัน เพราะปันเส้าเฟิงอุ้มเด็ก ๆ ไว้สองแขน คนหนึ่งจ้ำม่ำตาโต ถือพู่กัน แล้วใช้จิ้มไปท