จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน
เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ
“เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!”
แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว!
ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวนางไม่ชอบใจและระแวงมาก ทว่าอย่างไรเรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น นางย่อมต้องไปพบอี้ฟาน และเขาจะเป็นฝ่าย พานางเดินเข้าคฤหาสน์สกุลปันในฐานะลูกสะใภ้ปันเส้าเฟิง ส่วนสิ่งที่จะเกิดต่อจากนั้น ไป๋ลู่เถียนย่อมพลิกสถานการณ์ให้ตนมีแต้มเหนือทุกคน
แน่นอนทุกอย่างนับจากนี้ไม่ง่าย แต่สตรีที่มาจากโลกอื่น มีชีวิตโลดแล่นในนิยายเรื่องนี้อีกครั้งในบทบาทนางร้าย ไฉนจะยอมให้ทุกอย่างเดินเส้นทางเดิมอีกเล่า
รถม้าจอดพักชั่วครู่ เนื่องจากเบื้องหน้าเส้นทางมีขบวนศพผ่านมาพอดี ตอนนั้นไป๋ลู่เถียนเอ่ยถามเหอชิง ผู้อ้างตัวว่าเป็นแม่บ้านของอี้ฟาน ทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ไขสิ่งใดให้กระจ่าง บอกเพียงคร่าว ๆ ว่า สถานที่นัดพบอยู่ห่างจากเมืองหลวงสักหน่อย นั่นเป็นเพราะ อี้ฟานมีสิ่งที่ต้องจัดเตรียมเพื่อให้ทันวันที่เขาต้องกลับคืนสู่คฤหาสน์ของบิดา
“หลังจากทุกอย่างที่เตรียมการไว้สำเร็จลุล่วง พยัคฆ์ก็จะกลับคืนถ้ำเสือในคฤหาสน์หลังใหญ่”
ด้วยคำพูดดังกล่าว ดึงให้ไป๋ลู่เถียน ย้อนถึงสิ่งต่าง ๆ และมันพุ่งไปมาในหัว ยิ่งคิดยิ่งคับแค้นใจ
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะนางถูกอดีตคนเคยรักกันในวัยเด็กเพิกเฉยต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ยามนี้ต้องแบกหน้าไปพบอี้ฟาน ชายซึ่งล้มเหลวในทุกด้าน ให้ดีสักหน่อยก็คือเขาเป็นลูกชายของปันเส้าเฟิง ผู้ที่นางจะเกาะขาทองคำในวันข้างหน้า
“แม่บ้านเหอ หมายความเช่นไรหรือ”
น้ำเสียงไป๋ลู่เถียนห้วนกระด้าง ไม่อ่อนหวานอย่างก่อนขึ้นรถม้า
“คุณชายฟานไม่ใช่คนธรรมดาหรอกนะ เขาคือลูกชายคนเดียวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในแคว้นนี้เชียวละ เช่นนั้นแม่นางเถียน จงทำตัวให้ดี ๆ” เหอชิงว่า และมองใบหน้าเป็นด่างดวงของไป๋ลู่เถียนก่อนส่ายหน้าราวกับไม่พอใจ
“ใบหน้าเจ้า หากปกปิดด้วยแป้ง หรือครีมพอกจะทำให้ดูงดงาม เช่นสตรีทั่วไปใช่หรือไม่”
ไป๋ลู่เถียนไม่ได้ตอบทันที แต่ถามกลับ
“ข้าเป็นโรคด่างขาว ไม่ใช่โรคติดต่อผู้อื่น อีกทั้งตัวข้าเลือกเกิดไม่ได้ แต่หากทำให้ท่านไม่สบายใจ ข้าจะแต่งหน้า แต้มสีสันให้งดงามดั่งเช่นสตรีทั่วเมืองหลวงย่อมได้”
“โถ แม่นางเถียนกล่าวราวกับน้อยเนื้อต่ำใจ ข้าเพียงสอบถามเพราะ ไม่อยากให้เจ้าต้องอับอายสายตาผู้อื่น หากต้องถูกดูแคลน!”
เอ่ยแล้วเหอชิงก็หันไปสนใจสิ่งอื่น ฝ่ายไป๋ลู่เถียนนึกย้อนถึงเรื่องราวที่นางจดจำได้ เมื่อชาติก่อนอันเกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ โดยมีอดีตคนรักของนางเจิ้งเสี่ยวหยวนกับเฉินมี่เป็นคู่หญิงโฉดชายชั่ว
โดยเส้นเรื่องเดิมนั้น ไป๋ลู่เถียนหลังจากเสียใจเพราะต้องการบีบบังคับเจิ้งเสี่ยวหยวนให้แต่งงานด้วย นางทำตัวเหลวไหลเมาสุราอย่างหนัก กระทั่งตกเป็นของอี้ฟานอย่างไม่เต็มใจ ฝ่ายนั้นติดการพนัน ทั้งยังเงินขาดมือ เมื่อได้พบไป๋ลู่เถียนก็กระโดดเข้าใส่ ดังนั้นนางจึงได้เป็นภรรยาอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ
และย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้า อี้ฟานเป็นคนเกเรในวัยหนุ่มน้อย จึงถูกปันเส้าเฟิงคาดโทษขับไล่ไปอยู่เรือนบรรพบุรุษห่างไกลเมืองหรูฉางนับพันลี้ กระนั้นปันเส้าเฟิงไม่ถึงกับตัดขาดลูกชายเพียงแต่บอกเขาว่า หากต้องการกลับคืนสกุลปัน เขาต้องสร้างเนื้อสร้างตัวของตน และการที่อี้ฟานพบไป๋ลู่เถียนคือสิ่งที่ฟ้าประทานพรแก่เขา ด้วยนางแม้จะเป็นสตรีบ้านนอก ทว่ายามอยู่เมืองเจ้อตงทางภาคตะวันออก นางคือหลานสาวของท่านเจ้าเมืองที่เขาตั้งใจมอบสมบัติให้ และนางมีที่ทางทำกินนับสองพันหมู่ (ไร่) อีกทั้งเงินทองมีมิน้อย เพียงแต่ไป๋ลู่เถียนหัวดื้ออยู่สักหน่อย นางประกาศต่อทุกคนหลังปู่เสียชีวิตว่า จะตามตัวเจิ้งเสี่ยวหยวนกลับไปแต่งงานตามสัญญาหมั้นหมายให้จงได้ พร้อมไว้ทุกข์ให้กับปู่ที่เป็นเจ้าเมือง
แรกเริ่มนางมาเมืองหลวงพร้อมคนสนิทและหน่วยอารักขา ทว่ามีช่วงหนึ่งที่พวกเขาประสบเหตุร้ายถึงขึ้นบาดเจ็บหนัก ก่อนทยอยล้มตาย
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ
แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ “ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!” ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา “ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ ยา
ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อ
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ “เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!” แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว! ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวน
ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อ
แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ “ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!” ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา “ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ ยา
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ