แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น
หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ
“ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!”
ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา
“ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ
ยามนี้ช่างเร่าร้อนเหลือเกิน อีกทั้งความเป็นชายของเขาก็ทำให้ไป๋ลู่เถียน คลั่งจัด หัวปลายหยักบานใหญ่ ตลอดลำมองเห็นเส้นเลือดปูดโปน นางอยากครอบครองด้วยริมฝีปาก อยากส่งมันเข้าสู่ร่างกายและจะทำให้เขาหลั่งไหลจนนางสาสมใจ
“นายท่าน หากพาความแข็งแกร่งเข้าไปด้านในไม่ได้ ทะ… ท่านยังจะให้ผู้น้อยปรนนิบัติหรือไม่”
“ฮ่า ๆ ๆ เหลวไหล จงเชื่อข้าเถิด เราเกิดมาเพื่อคู่กัน ถึงมะเส็งทองคำข้าจะใหญ่โตมีพิษร้อน ๆ ที่พร้อมสาดใส่ร่างกายเจ้า แต่อย่างไร มันก็ต้องแทรกตัวเข้าไปสู่ความนุ่มนิ่มอันฉ่ำชื้นได้แน่นอน เพราะข้าต้องการให้เจ้าตอดและรัดแน่น ๆ เพื่อเราจะได้แนบเนื้อบดบี้ไฟสิเน่หาที่กำลังลุกโชน ส่งถึงกันในตอนนี้!” เขาบอกแล้วก็ส่งสัญญาณให้คนของตนที่อยู่ด้านนอกจัดหาบางสิ่งมาให้
เป็นตอนนั้นเองที่ไป๋ลู่เถียนขนลุกซู่ นางประมาทเกินไปหรือไม่ บุรุษผู้นี้คือ ปันเส้าเฟิง ย่อมมีผู้ติดตาม แล้วหากทำบางสิ่งให้เขาไม่พอใจหรือแม้แต่อีกฝ่ายทราบว่าแท้จริงนางนัดแนะชายอื่นไว้ เพื่อมาพูดคุยเรื่องงานแต่ง พอฝ่ายนั้นผิดนัด นางก็โดนมอมเหล้าแล้วเดินเข้าห้องผิด กระทั่งตอนนี้ก็นอนตัวอ่อนปวกเปียกให้ปันเส้าเฟิงครอบครองร่างกาย
ขณะที่คิดอย่างสับสนและเกิดความครั่นคร้ามใจ ไป๋ลู่เถียนก็มิทันได้รู้ว่าชายหนุ่มจับนางเปลี่ยนท่าทาง และเขายังได้ขี้ผึ้งเนื้อดีมาป้ายบนกลีบงาม ๆ อันอวบอูมไร้แพรไหมสีดำ รวมถึงทาตรงปลายหัวหยักของตนไปด้วย
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มใช้แก่นกายฟาดเบา ๆ ที่เนินเนื้อสาว ก่อนจ่อหัวมันที่ปากทางสวาท และไม่ทันที่เขาจะได้เป็นฝ่ายส่งความใหญ่โตไปฉกชิมความหวาน ก็กลายเป็นว่าไป๋ลู่เถียนขยับตัว และแอ่งเนื้องามค่อย ๆ ดูดความแข็งแรงของเขาเข้าไปทีละนิด จนหัวปลายหยักฝังสู่เนื้อนุ่มอันฉ่ำเยิ้ม
“อ๊ะ... นะ นายท่าน!”
ไป๋ลู่เถียนอับอาย แต่นางชอบความรู้สึกนี้ อัดแน่น เสียวสยิว
“เหลวไหล เรียกท่านพี่หรือสามีสิ เด็กน้อย!”
“อี๊...อ๋า...อี๊ ๆ ๆ เหตุใดผู้น้อยถึงได้ร้อนไปทั้งตัว และรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ใหญ่เหลือเกิน อี๊ มันใหญ่เกินไป!”
“ใจเย็นสิ...เดี๋ยวข้าจะช่วยเติมลมหายใจแก่เจ้า”
เขาบอกและปลอบนาง จากนั้นความหนุ่มแน่น ที่แข็งขันก็แทรกลึกตลอดทั้งลำ เกินที่ไป๋ลู่เถียนจะปฏิเสธอีกฝ่าย
นางซาบซ่านสยิวทั้งร่างกาย สองมือไขว่คว้ากอดเขาไว้ ส่วนริมฝีปากจูบเขา พร้อมสลับการใช้ลิ้นดูดตวัดรัดกันเป็นพัลวัน
ในยามที่นางปล่อยให้เขาได้มีเวลาหายใจสะดวก เสียงห้าว ๆ ที่ดังอย่างชมเชยนาง ฟังได้ใจความว่า
“แม่นางน้อย กลีบหวานนี้ดูดเก่งเป็นบ้า!”
ยิ่งเขาชมนางเช่นนั้น ไป๋ลู่เถียนก็อยากทำให้ปันเส้าเฟิงหลงนาง รักนางอย่างหัวปักหัวปำ ดังนั้นกลีบหวานล้ำที่ถูกเขากระแทกใส่อยู่ยามนี้ จึงเดี๋ยวบีบรัด เดี๋ยวส่ายสะโพกยั่วเย้าเขาราวกับเป็นสตรีร่านสวาท
กระทั่งเขาจูบนางหนัก ๆ อีกสองครั้ง แล้วส่งเสียงพึงใจให้ได้ยิน นางก็เอ่ยถามอีกฝ่ายว่า
“หากผู้น้อยบังอาจขอเป็นฝ่ายควบขี่ม้าศึกบ้าง ทะ…ท่านจะอนุญาตหรือไม่”
ยามนี้ไป๋ลู่เถียนกล้าหาญและบ้าบิ่น นางเรียกเขาอย่างไม่กลัวหัวจะหลุดจากบ่า มิหนำซ้ำยังขอเป็นฝ่ายควบคุมบทรักครั้งนี้ด้วย
“ได้สิ แต่เจ้าต้องแสดงให้เก่ง อย่าได้พ่ายแพ้ง่าย ๆ หรืองอแงยามที่ข้าเสือกความใหญ่โตอัดใส่กลีบนุ่มนิ่มของเจ้าอย่างถี่ยับ”
“ท่านพี่เจ้าขา แม้ข้ายังเด็กและปัญญาทึบสักหน่อย แต่เรื่องขี่ม้าและควบให้มันไปสู่จุดหมาย คือสิ่งที่ข้าชำนาญ อีกทั้งผู้ใดก็ห้ามดูถูก” เมื่อกล่าวจบนางก็ปรับเปลี่ยนท่าทางตน โดยมีปันเส้าเฟิงคอยช่วยทุกการเคลื่อนไหวนั้นแก่นกายเขายังฝังอยู่ในแอ่งเนื้อนุ่มนิ่ม ทั้งคู่ครางผสานกัน เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวซุกไซ้เรือนกายอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมแพ้
กระทั่งไป๋ลู่เถียนนั่งทับบนตัวของปันเส้าเฟิง นางจึงค่อย ๆ ยกบั้นท้ายขึ้น สลับการบดเบียดและส่ายเย้ายั่วยวนเขา
หัวคิ้วเข้ม ๆ ของปันเส้าเฟิงขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ยามนี้เขาคลั่งไคล้นางและคงพร้อมสาดความรักอันขุ่นข้นออกมาแล้ว
“ท่านพี่มั่นใจต่อผู้น้อยหรือไม่”
“เอ เจ้าหมายถึง?”
“ก็ทุกหยาดหยดของท่านพี่ นับแต่นี้จะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา คืนนี้มากกว่าสามรอบ ข้าก็ปล่อยออกมาให้เจ้ากลืนกินได้ไม่มีวันหมด”
“อ๊ะ...ท่านพี่ล้อข้าเล่นแล้ว”
“เรื่องจริง ปากล่างของเจ้าจะหยาดเยิ้มจนล้นทะลัก และข้าจะกระแทกใส่จนเจ้าไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดทำเช่นนี้ได้อีก”
ไป๋ลู่เถียนสยิวใจ มือข้างหนึ่งบีบนวดเฟ้นหน้าอกตน ก่อนบดบี้ยอดถันที่กลายเป็นสีแดงเข้มและแข็งเป็นไต
ส่วนมืออีกยื่นไปเขี่ยริมฝีปากล่างของปันเส้าเฟิงอย่างหยอกเย้า และเขาแกล้งไล่งับนิ้วเรียวสวย
อึดใจต่อมา ไป๋ลู่เถียนถามเขาเสียงสดใส หากเจือด้วยไฟราคะร้อนแรง “เมื่อปากล่างอูม ๆ ของผู้น้อย เต็มอิ่มกับความหวานของท่านพี่แล้ว ส่วนปากบนนี้เล่า ท่านพี่จะทำสิ่งใดกับสตรีโง่เขลา”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แล้วตอบนางว่า
“เมื่อข้าเสร็จในน้ำที่สี่ ข้าจะป้อนมันใส่ปากเจ้า”
“อ๊ะ น้ำวิสุทธิ์ของบุรุษนั้น สตรีกลืนลงท้องได้หรือเจ้าคะ”
นางถามเขาด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ ทั้งออดอ้อน
“เด็กน้อย เชื่อข้าเถิด ทั้งปากล่างและปากบนของเข้า ล้วนกลืนกินน้ำหวานของข้าได้ทั้งสิ้น”
ครึ่งเดือนต่อมา ไป๋ลู่เถียนยังอยู่ในเมืองหลวง นอกจากติดตามข่าวของชายที่ตัดสัมพันธ์นาง ซึ่งก็คือเจิ้งเสี่ยวหยวนเพราะฝ่ายนั้นต้องแต่งงานกับเฉินมี่แล้ว หญิงสาวยังรอพบบุรุษที่หลบหน้านางไม่ไปตามนัดที่หอเซียนเมารัก เมื่อเขาส่งคนมาตามหานางพร้อมมอบของแทนใจ โดยบอกว่าอยากพบนางด่วน
“สิ่งนี้เป็นของคุณชายฟานจริง ๆ หรือ” หญิงสาวเปิดห่อผ้าและพบแหวนหยกกับปิ่นไม้แกะสลักงดงาม นอกจากนั้นยังมีกำไลทองด้วย
“แม่นาง ใครจะกล้าล้อเล่นกัน อีกอย่างยามนี้ คุณชายฟานรอแม่นางเถียนอยู่ ดังนั้นอย่าชักช้าเลย”
หญิงสาวไฉนจะไม่ดีใจ ทุกอย่างที่นางตั้งใจให้เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนการเดิม เพราะนางเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตตนใหม่ จากเดิมที่ต้องพลีกายให้แก่อี้ฟานแล้วมีชะตากรรมแสนอาภัพ นางกลับมอบความสาวให้แก่ซือหม่าปัน ผู้ที่ยามนี้มีอำนาจเป็นรองก็แค่ฮ่องเต้ ชีวิตใหม่นี้นางถือแต้มนำทุกคน เช่นนี้ขอเพียงฉลาด ไม่พลาดท่าต่อผู้อื่นอีก ไป๋ลู่เถียนก็ไม่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
“แล้วเขาต้องการให้ข้าไปพบที่ใด”
“เรือนรับรองนอก รถม้ารออยู่แล้ว เชิญแม่นาง”
สตรีผู้นั้นบอก และผายมือให้ไป๋ลู่เถียนก้าวตามไปขึ้นรถม้า ทว่าหญิงสาวสังหรณ์ใจบางอย่าง อันที่จริงนับแต่มีความลึกซึ้งกับปันเส้าเฟิง ในตอนเช้ามืดของวันใหม่ หญิงสาวลักลอบออกจากห้องพักในหอเซียนเมารักด้วยการปลอมตัวเป็นสาวใช้ คราแรกเกือบถูกคนของปันเส้าเฟิงจับได้ แต่ด้วยมีไหวพริบ ทั้งแสร้งพูดจาวกวนไปมา ผู้ติดตามของชายหนุ่มจึงไม่อยากเสวนาด้วย
และการที่นางหายตัวไปจากเขา ไม่ใช่ความโง่เขลา แต่เป็นเพราะนางอยากให้เขากระวนกระวายใจ จนต้องติดตามหานาง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นางจะกลายเป็นสตรีที่อยู่เหนือผู้อื่น ทั้งยังได้สะสางเรื่องราวอันบัดซบที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตด้วย
การที่ไป๋ลู่เถียนอยู่ในโลกจีนโบราณนี้ นางย่อมไม่มีรองเท้าแก้วทิ้งไว้ให้ปันเส้าเฟิงดูต่างหน้า ดังนั้นสิ่งที่นางฝากไว้แก่เขาจึงเป็นถุงหอม และหญิงสาวจำได้ว่า ในรอบที่สี่หลังจากนางเชื่อฟังคำสั่งปันเส้าเฟิงด้วยการกลืนความหวานล้ำของเขาลงท้อง อีกฝ่ายก็หายใจแรง ทั้งยังอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นางจึงเอื้อมมือไปหยิบถุงหอมของตน เพื่อช่วยให้เขาผ่อนคลาย และกลับมามีกำลังวังชาเช่นเดิม
“เด็กน้อย กำลังเล่นกลอันใด หรือกลัวว่า บุรุษผู้นี้จะตายคาอกอวบอิ่มคู่งาม”
“มิได้ ผู้น้อยอยากให้ท่านพี่มีสติเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันจะได้ล่วงรู้ว่า เราเสพรักกันลึกซึ้ง ทั้งหนักหน่วงเพียงใด และถุงหอมจากบ้านเดิม คือยาชูกำลังช่วยให้บุรุษมีแรงดังม้าศึก ออกรบในสงครามเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่มีวันอ่อนแรง สำหรับสตรีย่อมทำให้นางมีกลิ่นกายหอม เย้ายวนใจ”
นางบอกพร้อมส่งถุงหอมให้เขาดมกลิ่น
“ใช่ นี่คือกลิ่นที่ทำให้ข้าปรารถนาในตัวเจ้าตลอดเวลา” เมื่อปันเส้าเฟิงเอ่ยจบ เขาก็คล้ายจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น ขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็ซุกซนเหลือเกิน ด้วยเห็นว่าท่อนลำเขาที่คอพับลงเมื่อครู่กำลังพองขยายทีละนิด
“หากท่านพี่มีแรงล้นเหลืออยากต่อยกที่ห้า ตัวผู้น้อยอาจขอยอมแพ้ ด้วยอยากพักสักครึ่งชั่วยาม อีกทั้งเนื้อตัวเหนียวอยู่สักหน่อย หากได้อาบน้ำคงดีขึ้น”
ปันเส้าเฟิงหัวเราะก่อนจะบอกว่า “เช่นนั้น ให้ข้าช่วยเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่ และเราพักให้นานหน่อย หากเจ้าหิวก็กินอาหารให้อุ่นท้อง แล้วเมื่อใดอยากบอกรักข้าก็สะกิดได้ทุกเมื่อ”
หญิงสาวมองคนรูปหล่อตรงหน้า แล้วส่งเสียงหวานให้กับเขา
“ท่านพี่ช่างรู้ใจสตรียิ่งนัก”
“นั่นเป็นเพราะข้านึกสนใจตัวเจ้า อีกอย่าง ของดีที่สหายส่งมาให้ ใครจะรู้ว่า นอกจากเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้ายังรู้ใจข้าไปเสียทุกอย่าง”
ไป๋ลู่เถียนส่ายหน้า พลางแสร้งทำเขินอาย
“ผู้น้อยปัญญาทึบ ทุกสิ่งที่ทำในคืนนี้ ล้วนเกิดจากต้องการให้ท่านเมตตา เพียงเท่านี้ สตรีต่ำต้อยก็ไม่เสียชาติเกิด”
“โถ...ใครจะใจร้ายกับสาวงามลง อีกอย่าง เจ้าอย่าได้หวั่นกลัวสิ่งใด เมื่อเป็นคนของข้า ชาตินี้ย่อมได้รับการดูแลอย่างดี!”
คำพูดที่ปันเส้าเฟิงกล่าว คือสิ่งที่ไป๋ลู่เถียนต้องการให้มันเกิดขึ้น นางจะไขว่คว้าทุกอย่างมาอยู่ในกำมือนุ่มนิ่ม และก้าวไปเป็นสตรีที่มากด้วยวาสนาดีพร้อมอำนาจล้นเหลือ
ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อ
จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ “เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!” แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว! ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวน
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ
ไป๋ลู่เถียนมาทราบภายหลังว่า เป็นญาติของนางร่วมมือกับขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงจ้างวานมือสังหาร ด้วยต้องการฆ่านางให้ตาย จากนั้นสมบัติสกุลไป๋จะได้ตกเป็นของคนพวกนั้น เมื่อไป๋ลู่เถียนเหลือตัวคนเดียวนางก็หวังพึ่งเจิ้งเสี่ยวหยวน ซึ่งเหมือนขอนไม้กลางแม่น้ำให้นางไขว่คว้ายึดเพื่อเอาชีวิตรอด ทว่าสัญญาหมั้นหมายที่มารดาของเจิ้งเสี่ยวหยวนเคยให้ไว้กับปู่ของไป๋ลู่เถียนกลับไร้ความหมาย เมื่อนางตามหาเขาพบ ชายหนุ่มหาได้แสดงความยินดี มิหนำซ้ำยังบอกว่าเขากำลังจะเข้าพิธีมงคลกับเฉินมี่ ลูกสาวเจ้ากรมโยธา และมันคือสมรสพระราชทาน ! “อาเถียน ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจับใจ ทว่าเมื่อสิบปีก่อน หลังจากเดินทาง ออกจากเมืองเจ้อตงเกิดเหตุร้ายมากมาย รวมถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวเล็ก ๆ ของข้าแทบไม่หลงเหลือสิ่งใด กระทั่งต้องไปอาศัยเรือนนอกของเจ้ากรมโยธาเพื่อรักษาชีวิต ตัวข้าป่วยหนักอยู่เกือบครึ่งปีและได้รับการดูแลจากคุณหนูเฉิน น้ำใจนางชาตินี้ข้าย่อมตอบแทนได้หมด” “ฮึ แล้วแม่นางน้อยบ้านนอกที่ในอดีตคอยหุงหาอาหาร และปรนนิบัติทั้งแม่ของท่านและตัวท่านยามลี้ภัยสงครามมา เงินสักอีแปะก็ไม่เหลือ
จากนั้นก็ชี้มือไปยังรูปภาพของสตรีที่ปันเส้าเฟิงอยากพบหน้าในยามนี้ แม้ไม่ถึงกลับพลิกแผ่นดินตามหา ทว่าการที่เขาจ้างนักเล่านิทาน กล่าวถึงเรื่องสตรีที่อุ่นเตียงด้วย และวาดภาพนางให้คนทั้งเมืองหลวงเห็น นับว่าเป็นเรื่องดี ตามประสงค์ที่ไป๋ลู่เถียนได้วางแผน เหอชิงก้าวไปยังป้ายที่ถูกติดประกาศไว้ มองแล้วมองอีก ก็ให้ฉงนใจ กระทั่งหันหน้ากลับมา และเห็นไป๋ลู่เถียนยิ่งสังหรณ์ใจแปลก ๆ “เฮ้อ สตรีคนใดกันงามหยาดเยิ้มได้เพียงนั้น เสียแต่คนวาด คงเติมแต่งมากไปสักหน่อย ปากเอย คิ้วเอย ดูแล้วราวกับนางฟ้า นางสวรรค์ ไม่เห็นเหมือนคนเดินดิน!” แม่บ้านว่าและคิดในใจ หากไม่เอ่ยออกมาภาพดังกล่าวละม้ายคล้ายไป๋ลู่เถียนมากถึงสามส่วนเลยทีเดียว ผิดแต่สตรีตรงหน้าซึ่งอี้ฟานอยากพบหน้ายังเป็นสาวน้อย ดูซื่อและบริสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นหญิงงามร่านสวาทดั่งในรูปภาพ ซึ่งผู้คนกล่าวขานกันว่านางปรนเปรอความสาวและบ้าบิ่นถึงขั้นมีความสามารถทำให้ปันเส้าเฟิงบอกรักไปถึงห้ารอบในคืนเดียว! ไป๋ลู่เถียนใช้เวลานั่งรถม้าเกือบหนึ่งชั่วยาม เส้นทางที่ออกจากเมืองหรูฉางนับว่าคดเคี้ยว สองข้างทางมีแต่ป่าเขา ตัวน
ขณะที่ไป๋ลู่เถียนก้าวไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ ฝ่ายแม่บ้านเหอที่มาเป็นธุระให้แก่อี้ฟานหันไปสนใจคนเล่านิทาน พร้อมอีกฝั่งหนึ่งมีการแจกกระดาษที่มีการเขียนบรรยายถึงคนผู้นั้นพร้อมรูปวาด เพื่อตามหาสตรีปริศนาผู้ขโมยหัวใจปันเส้าเฟิงไป เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ถูกกล่าวถึงในวงกว้าง ฝ่ายไป๋ลู่เถียนก็อมยิ้มบาง ๆ บนสีหน้า นางเล่นเล่ห์กลเล็กน้อย อีกอย่างใบหน้าที่แท้จริงของไป๋ลู่เถียนในชาติภพนี้ ต้องยอมรับว่ามีตำหนิอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้งามอยู่มาก แต่เมื่อเปิดเปลือยผิวที่แท้จริงไม่ได้พอกแป้งไว้ ก็เห็นว่าผิวเป็นด่างขาววงใหญ่หลายวง จนคนทั่วไปคงไม่อยากมองนางมากนัก และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นางถูกอดีตชายหนุ่มบ้านเดียวกันเจิ้งเสี่ยวหยวนปฏิเสธ และไปคบหากับลูกสาวขุนนางใหญ่เฉินมี่ แต่ก็นั่นแหละ นิยายเรื่องเดิม บทที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่เป็นพระเอกและนางเอกในเรื่องที่ออกแนวผัวโฉดเมียชั่ว และปากบอกทุกคนว่า ทำทุกสิ่งเพื่อเรียกร้องคุณธรรม ส่วนไป๋ลู่เถียนคือนางร้ายที่แสนจะอาภัพ แม้สวยหยาดเยิ้มแต่ดันโง่ ดังนั้นชีวิตจึงมีแต่ไฟแค้นสุ่มอก ทำสิ่งใดมักย้อนกลับมาเป็นผลร้ายใส่ตนเองและครอบครัว อ
แม้จะเป็นแผนการของไป๋ลู่เถียนที่หวังว่าพลีกายและส่ายสะโพกยั่ว ๆ บด ๆ หวังให้ซือหม่าปันหลงใหลในกามา เพื่อภายหน้าจะได้ก้าวขึ้นเป็นสตรีข้างกายเขา ทว่าพอถึงบทบาทยามเขาปรารถนาโจนจ้วงความใหญ่โตเข้าสู่กลีบสวาท เรื่องที่ชวนให้ตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น หลังจากนางเรียนรู้การใช้ปากกับกลางกายเขาพักใหญ่ ไป๋ลู่เถียนก็ถูกปรับท่าทางให้เป็นฝ่ายนอนราบไปบนพื้น สองขาถูกจับแยกให้กว้างก่อนที่ปันเส้าเฟิงจะสำรวจทุกซอกทุกมุมบนเรือนกายอย่างพึงใจ “ความฉ่ำหวานในเนื้อนุ่มนิ่มนี้นับว่าดี ส่วนของข้ามีน้ำหล่อลื่นชุ่มตลอดลำนับว่าพอเหมาะ เพียงแต่กลีบเจ้าคับแน่นเหลือเกิน ทั้งยังบริสุทธิ์มาก อาจต้องเจ็บและบอบช้ำสักหน่อย หากข้าพามะเส็งยักษ์เข้าไปบุกทะลวงอย่างลึกซึ้ง!” ไป๋ลู่เถียนขัดเขินเหลือเกิน เขาชมนางไม่พอ ยังแทงนิ้วเข้าใส่ความตอดรัดไม่หยุดด้วย ฝ่ายนางก็หาได้ออมแรงที่จะเอาอกเอาใจเขาสักนิด นอกเหนือจากนั้นนางยังขับน้ำใส ๆ ออกมาจนชุ่มนิ้วเขา “ดูสิ แม้แต่นิ้วข้า เจ้ายังดูดมันเข้าไป แล้วบีบรัดได้ถึงใจเพียงนี้ อ่า!” เขาบอกนาง แล้วครางเสียงทุ้ม ๆ สลับการหายใจที่ถี่ต่ำ ยา
รัชศก กู้อิน ปีที่สิบสอง เมืองหรูฉาง แคว้นต้าโจว คืนนี้ซือหม่าปัน หรือ ปันเส้าเฟิง ผู้ซึ่งโสดมานานหลายปี เขามึนศีรษะอยู่สักหน่อย นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้ง เพื่อนเก่ากลับมาจากเมืองหน้าด่าน มีความประสงค์อยากดื่มฉลองพร้อมพูดคุยถึงความหลังสมัยที่พวกเขาออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน หลายปีที่ผ่านมา เจิ้งคัง ผู้เป็นแม่ทัพเมืองหน้าด่านไม่คิดกลับเมืองหลวง สาเหตุคือ นานแล้วเขาปฏิเสธการสมรสกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ซึ่งไท่ซางหวงเป็นผู้แนะนำให้ กระทั่งหลานชายของเขากำลังจะรับตำแหน่งสำคัญในศาลหลักเมืองหรูฉาง ซึ่งมีฝ่ายรัชทายาทคอยให้การสนับสนุน เหตุนี้เจิ้งคังจึงเดินทางไกลนับพันลี้ มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากกลับบ้านเกิดมาเยี่ยมครอบครัวแล้ว เจิ้งคังยังหอบหิ้วสาวงามมาหลายคน ซึ่งดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นคือสตรีที่อยู่ในห้องรับรองโอ่โถง ณ โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนี้และนางกำลังบ้าบิ่นถึงขั้นกล้าปีนขึ้นเตียงปันเส้าเฟิง แต่น่าประหลาดใจ สตรีนางนั้นทั้งที่ต้องมารับแขกที่เป็นขุนนางชั้นสูง แต่กลับครองสติแทบไม่ได้ เพราะดื่มสุรามามิน้อย มิหนำซ้ำดูเหมือนต้องพิษราคะ