พรายรพีหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่สะอาด—เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นที่เขาเตรียมไว้—แล้ว เขาโยนผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ไปยังมีนา
“นี่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยาบคายและไร้ความปรานี “ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า”
มีนารีบหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ด้วยมือที่สั่นเทา เธอรู้สึกถึงความกลัวและความไม่แน่นอนในใจ แต่รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่ง
เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำที่มืด อย่างทุลักทุเล น้ำตาที่หลั่งไหลทำให้เธอรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยและความผิดหวัง ห้องน้ำที่นี่เป็นสถานที่เล็กๆ มืดๆ ภายในห้องน้ำมีแต่ตุ่มใส่น้ำที่มุมหนึ่ง
เมื่อเธอปิดประตูห้องน้ำ เธอถอนหายใจลึกๆ และมองไปรอบๆ น้ำในตุ่มดูไม่สะอาด แต่มีนาไม่สามารถเลือกได้ เธอรู้ว่าตัวเองต้องทำความสะอาดเพื่อรู้สึกดีขึ้น
เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปดึงน้ำจากตุ่มด้วยภาชนะที่วางอยู่ข้างๆ น้ำเย็นทำให้เธอรู้สึกเย็นชาและกระทบถึงความรู้สึกของเธออย่างทันที
มีนาเริ่มล้างตัวเองอย่างช้าๆ เธอพยายามล้างคราบโคลนที่ติดอยู่บนร่างกาย น้ำที่ไหลจากภาชนะทำให้ความเย็นกระทบผิวของเธอ แต่ยังไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดและความเศร้าที่ลึกในใจของเธอได้
ขณะที่น้ำไหลผ่านตัวเธอ น้ำตาของเธอไม่หยุดไหล เธอนั่งลงบนพื้นห้องน้ำ ก้มหน้าลงและปล่อยให้ความเศร้าแผ่กระจายออกมาผ่านน้ำตาของเธอ
“ทำไม…” เธอกระซิบเสียงสะอื้น “ทำไมชีวิตฉันถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้?
มีนาเดินออกจากห้องน้ำด้วยความหวาดหวั่น น้ำจากตุ่มที่เธอใช้ทำความสะอาดร่างกายยังคงหยดอยู่บนพื้นห้อง เธอสวมชุดใหม่ที่สะอาดขึ้นแล้ว แต่สภาพจิตใจของเธอไม่สามารถสะอาดตามไปได้
เมื่อเธอกลับเข้ามาในกระท่อมเสียงของการเปิดประตูดังไปในความเงียบ เธอรู้สึกถึงความเครียดและความไม่แน่นอนในทุกก้าวที่เดินผ่านเข้าไป ความหวาดกลัวและความระแวงทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว เธอมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ไม่มั่นคง กระท่อมยังคงมืดและเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ความสับสนทำให้เธอไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
ทุกเสียงเล็กๆ ที่เธอได้ยิน เสียงของลม หรือเสียงของสัตว์ที่เคลื่อนไหวด้านนอก ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวาย เธอไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในกระท่อมนี้หรือไม่
มีนานั่งลงบนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ความรู้สึกของความเปล่าเปลี่ยวและความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจของเธอ เธอหันไปมองที่มุมต่างๆ ของกระท่อมซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นที่อันตราย
“นี่คือที่ที่ฉันต้องอยู่?” เธอกระซิบกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาและสะอื้น “ฉันจะต้องทำอย่างไรต่อไป?”
น้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอ แต่ความรู้สึกของการถูกทิ้งและความไร้ที่พึ่งยังคงหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของเธอ
กระท่อมที่มืดสนิทถูกสาดส่องด้วยแสงจากตะเกียงน้ำมันขนาดใหญ่ที่พรายรพีกำลังถืออยู่ขณะเดินเข้ามาภายใน แสงสีส้มจากตะเกียงทำให้เงามืดและความเงียบที่ปกคลุมกระท่อมเริ่มถูกขจัดออกไป พรายรพีเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อแสงสว่างจากตะเกียงส่องไปที่มุมของกระท่อม ใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาทำให้เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะ มีนานั่งอยู่บนพื้นไม้ สภาพของเธอเต็มไปด้วยความเปียกปอนจากหยดน้ำ ร่างของเธอสะท้อนแสงจากตะเกียงในลักษณะที่ทำให้เธอดูสวยงาม เส้นผมเปียกลู่ตามไหล่ ผิวขาวผ่องสะท้อนแสงไฟอ่อนๆ ทำให้เธอดูราวกับภาพวาดที่มีชีวิต เขารู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง ไม่เคยมีอะไรทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ความงามของมีนาทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต ดวงตาคมเข้มที่มองเธอจับจ้องอย่างไม่ละสายตา หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดในอก สายตาของเขาสบกับดวงตาของเธอ สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และเย้ายวนที่หลอมรวมเป็นหนึ่ง ความรู้สึกนี้มันใหม่และแรงกล้าเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ ราวกับว่าเขากำลังถูกดึงดูดเข้าสู่สิ่งที่ไม่อาจต้านทาน สับสนและหวั่นไหวจนแทบลืมหายใจ ทุกอย่างรอบตัวพรายรพีดูเหมือนจะหยุดหมุนเมื่อเขาจ้องมองมีนา
สายตาของพรายรพีเต็มไปด้วยความชื่นชมและความตะลึง เขารู้สึกถึงความประทับใจที่ลึกซึ้งและไม่สามารถหักห้ามได้ ความงามของมีนาในสภาพที่งดงามและบริสุทธิ์ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งเพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนี้ พรายรพีสะกดใจไว้แน่น พยายามควบคุมความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในอก เขาทำหน้าตึงขรึม ดวงตาคมเข้มยังคงจ้องมองมีนาอย่างไม่วางตา แต่น้ำเสียงและท่าทางกลับยิ่งแฝงไปด้วยความดุดันยิ่งขึ้น
“เธอ…” พร้อมชี้นิ้ว ไปหยิบผ้านวมตรงมุมนั้นมา
มีนา: พยักหน้าและเดินไปที่มุมห้องเพื่อหยิบผ้านวม พร้อมถามเสียงตะกุกตะกักและกังวล "ค..คุณจะนอนที่นี่เหรอคะ?
พรายรพี: (ตอบเสียงเข้มและดุดัน ขณะจ้องมองมีนา) "ถ้าไม่ให้นอนที่นี่ แล้วจะให้นอนที่ไหน? กระท่อมนี้มีห้องเดียว
พรายรพี: ยิ้มเล็กน้อย "ใช่ ฉันจะนอนที่นี่ แล้วเธอก็จะต้องอยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีที่อื่นให้เลือก"
ผ้านวมที่เธอนำมาปูเป็นผ้าห่มเก่าที่ดูทรุดโทรมแต่สะอาด ช่วยให้พื้นไม้แข็งๆ ของกระท่อมดูนุ่มนวลขึ้น มีนาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดผ้านวมให้เรียบและวางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเธอจะยังคงมีความระแวดระวังและกระวนกระวาย
เธอใช้แรงทั้งหมดในการดึงและเกลี่ยผ้านวมให้เรียบ อาการกระวนกระวายของเธอทำให้มือของเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง
ในขณะที่เธอทำงานอยู่ พรายรพียังคงยืนอยู่ในมุมห้อง สายตาของเขาติดตามการเคลื่อนไหวของมีนาอย่างเงียบๆ รู้สึกถึงความตื่นเต้นและความกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอ
มีนาไม่สามารถหยุดความรู้สึกตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในตัวเธอได้ ขณะที่เธอทำงานอย่างเร่งรีบ ความรู้สึกของการถูกจับตาและสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยจากความวิตกกังวล เมื่อเธอจัดการผ้านวมเสร็จแล้ว
พรายรพีใช้สายตาคมกริบมองลงมาที่มีนา ก่อนออกคำสั่งเสียงเข้มดุดัน "นอนลง"
มีนารู้สึกถึงความเข้มแข็งในน้ำเสียงนั้นจนไม่อาจปฏิเสธได้ ร่างกายของเธอสั่นระริกแต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอนอนลงบนผ้านวมที่ปูอยู่บนพื้นกระท่อม สายตาเธอหลุบลงด้วยความหวั่นไหว ไม่กล้ามองสบตาพรายรพี รู้สึกถึงอำนาจที่แผ่ออกมาจากเขา ซึ่งทำให้เธอไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย
เธอล้มตัวลงนั่งบนที่นอนที่เธอเพิ่งจัดเตรียมไว้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
กระท่อมที่แสงตะเกียงน้ำมันสว่างจ้าเริ่มเงียบสงัด เมื่อพรายรพีดับตะเกียงเจ้าพายุอันใหญ่ที่ถืออยู่ลงอย่างช้าๆ ด้วยมือที่มั่นคง ขณะที่เขาปิดตะเกียง ความมืดมิดก็กลับเข้ามาครอบงำกระท่อมอีกครั้ง เสียงดังของไฟที่ดับลงทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
พรายรพีทรุดตัวลงนั่งบนพื้นที่ที่มีนาเพิ่งจัดเตรียมไว้ โดยที่ผ้านวมที่มีนาได้ปูไว้กลายเป็นที่พักชั่วคราวของเขา เขาลงไปนอนที่มุมหนึ่งของผ้านวม ร่างสูงใหญ่ของเขาดูเหมือนจะครอบคลุมพื้นที่ที่มีนาปูไว้ทั้งหมด ท่าทางของเขาเงียบสงัดและสงบ ขณะมองไปที่มุมห้องที่มีนาเพิ่งทำให้ดูสะอาดและนุ่มนวลขึ้น
ในความมืดพรายรพีสามารถรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นและความเงียบสงัดที่ปกคลุมกระท่อม แม้ว่าเขาจะนอนอยู่บนพื้นที่ที่มีนาเตรียมไว้ แต่ท่าทางของเขาไม่แสดงออกถึงความรู้สึกอะไรมากนัก เขาทำเหมือนว่าการนอนบนผ้านวมที่มุมห้องเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
มีนานั่งอยู่ที่มุมของกระท่อมด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอสังเกตเห็นพรายรพีที่นอนอยู่บนผ้านวมที่เธอเตรียมไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาค่อยๆ หายไปในความมืดและเงียบสงัดของกระท่อม ความรู้สึกของการร่วมอยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้ชายที่มีอำนาจอย่างพรายรพีทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและวิตกกังวล
แม้จะมีความหวาดหวั่นและความวิตกกังวลที่ครอบงำใจ มีนาก็รู้สึกถึงความอ่อนเพลียที่สะสมมาอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่ทุกวันทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอหมดแรง
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนาน การถูกจับกุม และการต้องปรับตัวในสถานที่ใหม่ทำให้เธอไม่สามารถต้านทานความง่วงได้ เมื่อเธอนั่งอยู่บนผ้านวมที่เตรียมไว้อย่างระมัดระวัง ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า
ในที่สุด มีนาก็ปล่อยให้ตัวเองหลับไปอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยล้าครอบงำเธอจนไม่มีที่ว่างให้ความวิตกกังวลอีกต่อไป
พรายรพีหลับตาลงอย่างแรง พยายามข่มความปรารถนาที่พุ่งพล่านในอก แม้แต่เสียงลมหายใจของมีนาก็ทำให้เขาตื่นตัว รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของร่างกายเธอที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจ นี่คือความทรมานที่เขาไม่เคยเผชิญ ความรู้สึกที่กดดันเหมือนเชือกเส้นบางรัดรอบหัวใจ กักขังเขาไว้ในกรงแห่งความต้องการที่เกือบจะกลืนกินเขาทั้งเป็น
เขาพยายามสะกดกลั้นความปรารถนา แต่ยิ่งข่มใจเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรง เหมือนมีไฟร้อนลุกลามไปทั่วร่างกาย ความเข้มแข็งที่เขายึดมั่นมาตลอดกลับเริ่มสั่นคลอน เมื่อร่างบางของมีนานอนอยู่ข้างกาย เขากำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พลาดพลั้งไปตามแรงดึงดูดอันทรงพลังนั้น แต่มันกลับยากเย็นเหลือเกินในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเช่นนี้
แต่เมื่อมองไปยังร่างบางข้างๆกลาย กลับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอเป็นการแสดงถึงความสงบและความหลับลึก พรายรพีมองดูมีนาอย่างเงียบๆ เขาเห็นถึงความเหนื่อยล้าที่ทำให้เธอหลับไปอย่างรวดเร็ว
ในความเงียบสงัดของกลางดึกนี้ ความเงียบที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดกลับถูกทำลายด้วยเสียงละเมอของเธอ มีนา ท่ามกลางการหลับที่เต็มไปด้วยความฝันร้าย และความวิตกกังวลในจิตใจ ร้องไห้และขยับมือไปมาด้วยความทุกข์ทรมานในความฝัน เธอถามหาพ่อของเธอซ้ำๆ อย่างสิ้นหวัง “พ่อ... พ่อ...” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเหงา
พรายรพีที่นอนอยู่ในมุมของผ้านวมได้ยินเสียงร้องไห้และละเมอของมีนา พรายรพีพลิกตัวหันกลับมารวบร่างมีนาเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรวดเร็วและแนบแน่น ร่างกายแข็งแกร่งของเขาปกป้องเธอจากความหนาวเหน็บในยามค่ำคืน ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาซึมผ่านผิวหนังของมีนาเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ในขณะที่เธอละเมอร้องหาพ่อด้วยเสียงที่สั่นเทา พรายรพีใช้อ้อมแขนที่แข็งแรงและมั่นคงโอบล้อมเธอไว้
แม้ในความสลัวของห้อง มีนารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่แผ่กระจายมาจากพรายรพี เธอค่อยๆ หยุดละเมอ และปล่อยใจให้สงบลงในอ้อมกอดของเขา ความหนาวเหน็บภายนอกไม่อาจเทียบกับความอบอุ่นที่เธอรู้สึกได้จากอ้อมกอดนี้ ความรู้สึกที่ทำให้เธอผ่อนคลายลง จนกระทั่งเธอค่อยๆ ดำดิ่งกลับเข้าสู่การหลับอย่างสงบ
พรายรพีรู้สึกถึงการสัมผัสของมีนาที่เบียดแนบแน่นกับอกกว้างของเขา หน้าอกของมีนานั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและความอุ่นที่ทำให้พรายรพีรู้สึกถึงความต้องการที่รุนแรง เขาค่อยๆ รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่เพิ่มความเร็วขึ้น ความร้อนในตัวเขาเพิ่มมากขึ้นเมื่อหน้าอกของมีนาเบียดแน่นกับแผงอกกำยำของเขา มือของพรายรพีเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของมีนา เขาปลดปล่อยความต้องการที่ยิ่งใหญ่ของเขาผ่านการสัมผัสที่ร้อนแรงและกระตุ้น เขาค่อยๆ พลิกตัวให้แนบชิดกับร่างของมีนา มากยิ่งขึ้น ร่างกายของเขาเริ่มตอบสนองกับความรู้สึกที่มีนาก่อให้เกิด
มีนาลืมตาตื่นจากความรู้สึกที่กระตุ้นเธออย่างรุนแรง ความตกใจปรากฏชัดบนใบหน้าของเธอเมื่อพบว่าพรายรพีอยู่ใกล้เกินไปและรู้ว่าเขากำลังมีความต้องการที่แรงกล้า
ก่อนที่มีนาจะได้ขัดขืนหรือพูดอะไรออกมา พรายรพีใช้มือหนึ่งยึดแก้มของเธอเบาๆ ขณะริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว การจูบที่รุนแรงและเร่าร้อนของเขาทำให้มีนารู้สึกถึงความรู้สึกที่ใหม่และท่วมท้น ความรู้สึกนี้ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
"ถ้ายอมดีๆ ฉันอาจจะพาเธอกลับบ้าน"
จูบแรกที่พรายรพีมอบให้มีนาเต็มไปด้วยความร้อนแรงและเย้ายวนใจ ริมฝีปากของเขาสัมผัสอย่างนุ่มนวลในตอนแรก ก่อนที่เขาจะเพิ่มความร้อนแรงขึ้น จูบที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและแรงดึงดูดนั้นทำให้มีนาแทบหยุดหายใจ ความรู้สึกที่ใหม่และท่วมท้นนี้ทำให้เธอเริ่มหลุดพ้นจากความรู้สึกตกใจและหันไปสัมผัสความรู้สึกที่เข้มข้นขึ้น
การตอบสนองของมีนาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไร้เดียงสา ขณะที่เธอพยายามเรียนรู้และเข้าใจถึงความหมายของการจูบนี้
ริมฝีปากของพรายรพีเริ่มมีความร้อนแรงมากขึ้น ขณะที่เขาครางอย่างพอใจเบาๆ สัมผัสของเขานั้นเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ เขาใช้ลิ้นสัมผัสริมฝีปากของมีนาอย่างนุ่มนวล ค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในปากของเธอ ทำให้มีนารู้สึกถึงความร้อนแรงและความปั่นป่วนภายในหัวใจ
เสียงครางของพรายรพีเป็นสัญญาณของความพอใจที่เขารู้สึกจากการตอบสนองอย่างไร้เดียงสาของมีนา
พรายรพีสะกดใจถอนจูบออกอย่างยากลำบาก ริมฝีปากเขายังคงรู้สึกถึงความหวานที่ติดอยู่ เขากดศีรษะของมีนาลงบนอกแกร่ง กอดเธอแน่นราวกับจะยึดเธอไว้เป็นของตัวเอง ความปรารถนาในใจยังคงพลุ่งพล่านแต่เขากลับต้องควบคุมมันไว้ด้วยความเข้มแข็ง เสียงพร่าของเขากระซิบข้างหูเธอเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความดุดัน
"วันนี้แค่นี้ก่อน" เขากล่าวเสียงต่ำ "แล้วอย่าดิ้นล่ะ นอนดีๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน"
น้ำเสียงของเขาเข้มและดุ ทำให้มีนาไม่กล้าขยับตัว เธอทำตามคำสั่งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ความกลัวและความรู้สึกสั่นไหวในใจผสมปนเปกันอย่างไม่อาจแยกออก เธอนอนนิ่งในอ้อมกอดของเขา ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
มีนา: รู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงแขนแข็งแรงที่กอดรัดรอบตัวเธอมีนา: หัวใจเต้นแรง ตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของพรายรพี แสงอ่อนๆ ของยามเช้าส่องเข้ามาในกระท่อม เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความหนักของอ้อมกอดที่กอดเธอไว้แน่น ใบหน้าของเธอซุกอยู่บนแผงอกแกร่ง และเมื่อเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นรูปร่างของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อพรายรพีอย่างชัดเจนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ใบหน้าคมคายดุดัน แฝงไปด้วยความเข้มแข็งที่ไม่เหมือนใคร ผิวแทนเข้มขับให้เขาดูสง่าและทรงอำนาจ ราวกับชายผู้นี้เกิดมาเพื่อควบคุมมีนา: พยายามขยับตัวออกมา แต่แขนของพรายรพีกลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นพรายรพี: ค่อยๆ ตื่นขึ้นจากการขยับของมีนา มองลงไปที่เธอและยิ้มเล็กน้อย "ตื่นแล้วเหรอ?"มีนา: ตกใจและอึดอัด "คะ...คุณ... ทำไมฉันถึงอยู่ในอ้อมกอดคุณ?"พรายรพี: (เสียงดุดันและเนือย ๆ พร้อมกับสายตาที่คม) "ก็แค่กอด... เมื่อคืนฉันทำมากกว่านั้นอีกจำไม่ได้เหรอมีนา: รู้สึกอายและขยับตัวออกมาทันที "ไม่! ปล่อยฉัน!"มีนา: ยิ่งรู้
ในความเงียบที่หนักอึ้งนั้น พ่อพรายรพีขยับร่างที่เต็มไปด้วยอำนาจ เขาใช้มือหนาใหญ่คว้าข้อมือของมีนา ร่างบางระหงของเธอเหมือนจะปลิวไปตามแรงกระชากอันน้อยนิดของเขา ข้อมือของเธอถูกบีบแน่น แต่เขากลับทำราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่มีนาต้องถูลู่ถูกังไปตามแรงลากใบหน้าของพ่อพรายรพียังคงนิ่งเฉย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเงียบงัน เส้นกรามของเขาแน่นตึง สายตาที่มองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับพายุที่คุกรุ่นอยู่ภายในแม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ แต่การกระทำของเขาก็ชัดเจนในความดุดัน หน้าตาถมึงทึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจและความเดือดดาลที่ปะทุอยู่ลึกๆ เขาลากมีนากลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมา กระท่อมที่ซ่อนอยู่ในป่าเขาทุกก้าวเดินของเขานั้นหนักแน่นและแน่วแน่ มีนาที่ถูกกระชากไปไม่กล้าขัดขืน สัมผัสได้ถึงความเถื่อนและอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ร่างกายของเธอสั่นไหวไปกับความกลัวและความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่คละคลุ้งอยู่ในใจมีนา: (เสียงสั่นเครือ ขณะพยายามบิดข้อมือ) "ฉะ... ฉันเจ็บค่ะ... ปล่อยฉันเถอะ"พรายรพี: (ลดแรงลงเล็กน้อย แต่ยังคงเสียงแข็ง) "ขอโทษ... แต่บางทีเธอควรรู้ไว้ว่า ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องของของฉัน"มี
ในขณะที่ มีนากำลังรดน้ำสวนผักอยู่ข้างๆกระท่อม เธอได้ยินเสียงกระหืดกระหอบของชายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาที่กระท่อม สีหน้าของเขาแสดงความร้อนรนท่าทางร้อนรนตามมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบ ร่างของเขาดูเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะที่เขาเข้าไปกระซิบกับพรายรพีที่นั่งอยู่บนชานกระท่อม สีหน้าของพรายรพีเปลี่ยนไป สายตาของเขาหลุบต่ำลง ทอประกายดุดันและน่ากลัว เขาลุกพรวดจากที่นั่ง หยิบดาบคู่ใจขึ้นมา ในขณะที่เขาก้าวออกจากกระท่อมด้วยความรวดเร็ว ด้วยท่าทางเยียบเย็นและน่าเกรงขามป้าพิศ: นั่งลงข้างๆ มีนาในกระท่อม "นายบอกป้าว่าต้องมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ค่ะ"มีนา: มองป้าพิศด้วยความสงสัย "ป้า แล้วพ่อพรายรพีไปไหนคะ?"ป้าพิศ: ส่ายหน้าและยิ้ม "ไม่รู้เหมือนกันจ้า ป้าแค่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เฉยๆ ไม่ได้บอกว่านายเขาไปไหน"มีนา: พยักหน้าอย่างเข้าใจ มีนานั่งอยู่ที่สวนผักเล็กๆ ของเธอ มือของเธอค่อยๆ รดน้ำต้นผักไปตามเคย แต่ใจของเธอกลับล่องลอยไปไกล เธอนั่งเหม่อมองไปที่แปลงผักที่เขียวขจีซึ่งเธอรู้สึกว่ามันสวยงามขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีความสุขจากการที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นเวลาสองหรือสามวันแล้วที
เมื่อมีนามองใบหน้าคมสันของพรายรพีได้ถนัดตา เธอสังเกตเห็นหนวดเคราที่เริ่มเขียวคลึ้มขึ้นบนกรามแข็งแรง ความเคร่งขรึมและดุดันในสายตาของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นรัว ความร้อนจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านมาถึงเธอ ความใกล้ชิดที่แสนร้อนแรงนี้ทำให้เธอรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลน อวบอัดไปทุกสัดส่วน เรียวขางามและเอวคอดกิ่ว บดเบียดแนบชิดกับร่างกายที่แข็งแกร่งของพรายรพี เขากอดแน่นราวกับจะหลอมรวมเธอไว้ในอ้อมกอดเดียว ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดหลายวันทวีความรุนแรง จนเขาไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปพรายรพี: (โน้มใบหน้าลงใกล้ กระซิบเสียงพร่า) “คิดถึงฉันไหม... หืม? หรืออยากให้ฉันทำให้เธอคิดถึงมากกว่านี้?”มีนาใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบซ่อนอาการไม่อยู่ ดวงตาไหวระริก ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของพรายรพียังคงอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆแผ่วเบา แต่ละคำพูดของเขาทำเอาเธอเขินจนแทบหลบสายตาไม่ได้ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ว่ามันจะหลุดออกมาเมื่อเขาพูดแผ่วเบาใกล้ๆ หูอีกครั้งมีนาหายใจสะดุด สายตาสั่นไหวขณะที่มองใบหน้าของพรายรพีที่ยังคงโน้มใกล้เธอ ใจเธอสับสนระคนตื่นเต้น “คะ...คุณ...จะไม่ทำร้ายฉันใ
มีนค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอน รู้สึกได้ถึงความปวดร้าวในทุกการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อของเธอเตือนให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน เมื่อเธอหันไปมองรอบๆ ห้อง เพียงแต่พบว่ามันเงียบงัน ร่างใหญ่ของพ่อพรายรพีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆ ที่เป็นต้นเหตุของสภาพเธอในตอนนี้มีนาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่ยังคงสั่นไหวเล็กน้อย แล้วหันกลับไปมองที่นอนซึ่งยับเยินอยู่ใต้ตัวเธอ ใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่คำตอบกลับหายไปพร้อมกับตัวของพรายรพี"เขาหายไปไหน..." มีนคิดในใจ แม้จะรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ แต่ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นมีนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ป้าพิศ ผู้ดูแลบ้านของพรายรพี ยืนอยู่ที่ประตูห้องพร้อมกับถาดอาหารในมือ สายตาอ่อนโยนแต่แฝงความกังวลจ้องมองมาที่เธอ“ตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าพิศถามเสียงนุ่มมีนาพยักหน้าเบาๆ พยายามฝืนยิ้มทั้งที่ความเจ็บปวดในร่างกายยังไม่หายไป “ค่ะป้า...” เธอตอบแผ่วเบาป้าพิศเข้ามาใกล้ วางถาดอาหารลงบนพื้นกระท่อม “ทานข้าวหน่อยนะคะ จะได้มีแรง แล้วถ้ารู้สึกไม่สบาย
มีนาลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบบ่าย สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าทั่วทั้งร่าง ร่างกายเธอประท้วงเมื่อลุกขึ้นจากที่นอน หลังจากคืนที่ผ่านมาที่เธอต้องเผชิญกับแรงรักที่ชายร่างใหญ่พ่อพรายรพีโหมกระหน่ำใส่ไม่หยุด ความรุนแรงของเขาได้ทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายและหัวใจเธอ ทำให้เธอรู้สึกทั้งอ่อนเพลียและไม่อาจหลีกเลี่ยงความคิดถึงเขาได้ ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับความปรารถนาและความอ่อนหวานในคืนที่ยาวนานทำให้เธอแทบไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับวันใหม่ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับความอ่อนล้าและรับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่อาจหวนกลับได้แล้ว."ลุกไหวไหม?" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และเย้าแหย่ ขณะยกถาดอาหารในมือขึ้นเล็กน้อย สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองตรงมาทำให้มีนาหน้าแดงซ่าน พรายรพีเมื่อเห็นสีหน้าเง้างอดของมีนา ก็อดขำไม่ได้ รีบวางถาดอาหารลงข้างๆ ก่อนจะเข้าไปกอดร่างบางจากด้านหลัง เขากระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู "เมียจ๋า มากินข้าวเร็ว ๆ นะ จะได้มีแรงงง...อีก" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้มีนารู้สึกถึงความอบอุ่นและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน แต่ก็ไม่วายหันไปมองเขาด้วยสายตาคา
ฮ่าฮ่าฮ่า! เสียงหัวเราะเหี้ยมโหดของไอ้เข้มดังก้องอยู่รอบๆ ขณะที่ลูกน้องของเขาจับตัวแม่คนงามที่พ่อพรายรพีแสนหวงแหนมาได้ไอ้เข้ม: (หัวเราะเหี้ยมโหด) “ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันที่สุดยอดจริงๆ! ลูกน้อง: “พี่เข้ม พี่ต้องการให้เราทำอะไรกับสองคนนี้ดี?”ไอ้เข้ม: (มองไปที่ร่างงามในกรงไม้) “ปล่อยให้อยู่ในกรงนี้ก่อนแล้วกัน ”มีนา: (เสียงสั่น) “ปล่อยพวกฉันไปเถอะ! ”ไอ้เข้ม: (ยิ้มเหี้ยม) “ปล่อยเหรอ ไม่มีทาง เธอเป็นตัวล่อชั้นดีให้ไอ้พรายรพีเข้ามาติดกับของฉัน”ลูกน้อง: “พี่เข้มจะให้ทำอย่างไรต่อไป?” ถามย้ำไอ้เข้ม: (เดินไปใกล้กรงไม้) พวกเธอจะเป็นเหยื่อล่อให้ไอ้พรายรพีเข้ามาในรังของเรา เดี๋ยวไม่นานไอ้พรายรพี จะต้องมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเธอแน่นอน และเมื่อฉันฆ่ามันตายแล้ว เธอจะต้องตกเป็นเมียของฉัน อีกด้านพรายรพีและเสือร้ายทั้งเจ็ดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบท่ามกลางป่าลึก การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล้ายกับเงาที่ค่อยๆ ร้อยเรียงไปตามรอยแยกของต้นไม้ ความมืดของป่าทำให้พวกเขาดูเหมือนกับวิญญาณที่คอยคุกคามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่เท้าของพวกเขาแตะพื้น เสียงของใบไม้ที่แห้งกรอบและกิ่งไม้ที่หักก
เมื่อมีนาตื่นขึ้นมาและพบว่าร่างใหญ่ที่เคยอยู่ข้างกายหายไป ความรู้สึกวูบไหวในใจเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว ความน้อยใจและความเหงาท่วมท้นในหัวใจของเธอ ราวกับถูกทิ้งให้อยู่ลำพังโดยไม่บอกกล่าว ความคิดถึงเขายิ่งทวีความรุนแรง ทุกค่ำคืนที่เขามอบความร้อนแรงให้กับเธอ ตอนนี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า ความไม่พอใจสะท้อนในแววตา เธอรู้สึกอ้างว้างและน้อยใจจนไม่อาจห้ามใจตัวเองได้.“ไปไหนอีกแล้ว...ทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกแล้วเหรอ?” มีนาพึมพำเบาๆ ด้วยความน้อยใจมีนาพูดกับตัวเองเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจและกังวล ใจเธอเริ่มสั่นไหวกับความเงียบงันที่รายล้อม.“วันทั้งวันก็ไม่เห็นหน้า จนมืดค่ำแล้วยังไม่กลับมาอีก...” พรายรพีที่กลับมาถึงกระท่อมอย่างเร่งรีบ พิงร่างสูงใหญ่กับต้นไม้อยู่ในเงามืด กอดอกพร้อมดาบยาวคู่ใจ ในขณะที่สายตาคมเข้มของเขาทอดมองไปยังร่างของสาวน้อยใต้แสงจันทร์ มีนา กำลังตักน้ำอาบจากตุ่มท่ามกลางแสงจันทร์อันสว่างไสว ภาพนั้นเย้ายวนจนแทบทำให้เขาหยุดหายใจ ผ้าถุงผืนเดียวที่เธอสวมใส่เปียกปอน ลู่ไปตามทรวดทรงอันงดงาม ร่างขาวโพลนภายใต้แสงจันทร์ อกอวบใหญ่เต็มตึงชูชัน เอวคอดกิ่ว และสะโพ
ในห้องที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเมื่อไอ้อ้วนน้อยของพ่อได้เวลาฝากพี่เลี้ยงไว้แล้ว เขาหันไปหาภรรยาสุดที่รักของเขา พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมาย “เมื่อไอ้อ้วนของพ่อไปกับพี่เลี้ยงแล้ว พ่อขอเวลาส่วนตัวกับแม่หน่อยนะ”แม่ยิ้มตอบกลับ ขอบตาของเธอเบิกบาน “ได้สิค่ะ พ่อ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรักและความเอื้ออาทร“พ่อคิดว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะใช้เวลากับแม่” เขาพูดต่อ ดวงตาของเขาส่องแสงอ่อนโยน “เราไม่ได้มีเวลาส่วนตัวกันนานแล้ว”“ใช่ค่ะ แม่ก็รู้สึกแบบนั้น” แม่ตอบอย่างอบอุ่น ความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจกลับมาร่วมกันอีกครั้ง “มีเรื่องที่พ่ออยากพูดหรือเปล่าคะ?”เขายิ้มกว้างขึ้น “พ่อแค่คิดว่าแม่ยังเป็นคนพิเศษในชีวิตพ่อเสมอ”“แม่ก็รักพ่อมากเหมือนกัน” เธอพูดพร้อมกับยิ้มออกมาพวกเขายิ้มให้กัน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ความรู้สึกของการได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่เงียบสงบนี้ทำให้หัวใจของพวกเขาอบอุ่นยิ่งขึ้น“มาหาเวลาที่จะทำให้แม่รู้สึกดีอีกครั้งดีกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหวานซึ้ง“ฉันจะยังรักเธอเสมอไม่ว่าเธอจะสาวหรือจะแก่ลง” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ เมื่อเขาจ้องมองไปที่เธอ ความรู้
เวลาผ่านไปจนมีนาได้คลอดลูกชายตัวน้อย ตอนนี้เขาอายุห้าเดือนแล้ว เด็กน้อยที่มีร่างอ้วนจ้ำม่ำ ทำให้ทุกคนในบ้านรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้เห็นเขา ขณะที่เขานอนอยู่ในอ้อมแขนของแม่ กำลังดูดนมอย่างมีความสุข เสียงจู๊บๆ ของเขานั้นทำให้มีนารู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจในบทบาทใหม่ของเธอรพีมักจะนั่งอยู่ข้าง ๆ มองดูลูกชายด้วยความรักและความภาคภูมิใจ เขาไม่สามารถละสายตาจากความน่ารักของลูกได้ และรู้สึกได้ถึงความรักที่เพิ่มพูนในครอบครัวนี้“ลูกของเราน่ารักมากเลยนะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ขณะยื่นมือไปลูบหัวลูกชายอย่างเบา ๆ“ใช่ค่ะ ที่รัก เขาทำให้ชีวิตเรามีความหมายมากขึ้น” มีนาตอบกลับพร้อมยิ้มให้กับลูกน้อยในอ้อมแขนของเธอ ความรักในครอบครัวนี้กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีลูกชายเป็นศูนย์กลางของความสุขเด็กชายวัยห้าเดือนนอนอยู่ในอ้อมแขนของแม่ ขณะที่เขาดูดนมจากอกของเธออย่างหิวโหย ริมฝีปากน้อยๆ ของเขาดูดตุ้บๆ เป็นจังหวะ สร้างเสียงนุ่มๆ ที่แสดงถึงความอิ่มเอมและความสุข เด็กน้อยมีใบหน้ากลมอวบอิ่ม ดวงตาหลับสนิทเหมือนกำลังฝันดี ในขณะที่มือเล็กๆ ของเขายังคงจับเสื้อแม่ไว้แน่น แสดงถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยทันใดนั้น ร่า
ในบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ รพีและมีนากลับมาจากฮันนีมูนที่น่าจดจำ หลังจากผ่านไปสามเดือน คู่รักหนุ่มสาวยังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรักและความสุขที่หวานชื่นเช้าวันหนึ่ง มีนานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าขณะที่แสงแดดส่องผ่านหน้าต่าง เธอสวมเสื้อยืดหลวม ๆ และกางเกงขาสั้น รพีก้าวเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่กระชับและกลิ่นอายของความเป็นชายที่ลอยมา ทำให้มีนารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นเขา“วันนี้เราจะทำอะไรดี?” มีนาถามเสียงหวาน ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความอยากรู้“ไปเที่ยวที่ทะเลกันไหม?” รพีเสนอต่ออย่างกระตือรือร้น “ฉันอยากให้เธอได้เห็นความงามของทะเลในฤดูร้อน”“ดีเลย! ฉันชอบทะเลมาก” มีนาตอบด้วยความตื่นเต้น ขณะเธอยิ้มกว้าง รู้สึกถึงความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกันระหว่างที่พวกเขากินอาหารเช้า พูดคุยและหัวเราะด้วยกัน รพีไม่สามารถหยุดมองมีนาได้ เธอสวยงามในทุกมุมมอง จนเขารู้สึกว่าเขาโชคดีมากที่มีเธอในชีวิต“เราจะต้องเตรียมของไปด้วยนะ” รพีพูดอย่างคิดคำนวณ “และฉันจะต้องให้เธอสวมชุดว่ายน้ำใหม่ที่ฉันซื้อให้”มีนาหัวเราะออกมา “จะให้ฉันใ
ที่ชานกระท่อม ท่ามกลางแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ รพียืนซ้อนกอดมีนาไว้จากด้านหลัง อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเธอไว้แนบแน่น เขาโน้มตัวลงจูบเธออย่างดูดดื่มและลึกซึ้ง ราวกับต้องการมอบทุกความรู้สึกที่มีให้เธอในชั่วขณะนี้เมื่อริมฝีปากผละออก รพีค่อย ๆ ใช้มือประคองใบหน้าของมีนาให้ซบลงกับอกกว้างของเขา หัวใจของเขาเต้นหนักแน่นอยู่ข้างหูเธอ สองคนมองดูแสงดาวทอประกายระยิบอยู่บนท้องฟ้ากว้าง ความเงียบสงบของค่ำคืนนี้ห่มคลุมพวกเขาไว้ ราวกับทั้งจักรวาลมีเพียงแค่สองคนนี้พ่อพรายรพีลูบเส้นผมของเธอเบา ๆ พึมพำแผ่ว ๆ ข้างหู "ดาวอาจจะสวย... แต่สำหรับฉันมันสวยน้อยกว่าเธอมาก”"มีนา..." รพีเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความทะเล้น "เธอว่า... มีที่ไหนในป่านี่ที่เรายังไม่ได้เอากันบ้าง?"มีนาหน้าแดงก่ำ แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด เธอหันไปมองเขาอย่างตื่นเต้นและขวยเขิน ก่อนจะยกมือขึ้นตีเบา ๆ บนแขนแข็งแรงที่โอบเธอจากด้านหลัง"พูดอะไรออกมาน่ะ!" เธอตอบพร้อมหัวเราะเขิน ๆรพีหัวเราะแผ่ว ๆ ในคอ โอบกระชับเธอแน่นขึ้น รอยยิ้มซุกซนประดับบนใบหน้า "ฉันหมายถึง... มีที่ไหนที่เรายังไม่ได้ชมวิวสวย ๆ ด้วยกันต่างหาก"มีนาหันมามองรพี
เช้าวันใหม่ในกระท่อมร้อนรักรพีตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่อบอุ่น แสงแดดยามเช้าผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา เขาหันไปมองมีนาที่นอนอยู่ข้างๆ เธอหลับใหลอย่างสงบ เส้นผมยาวสลวยกระจายไปบนหมอน ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง ความรู้สึกของความรักที่เขามีให้เธอแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น“น่าเสียดายที่ไม่สามารถอยู่ในอ้อมแขนเธอได้นานกว่านี้” เขากระซิบกับตัวเอง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ สำหรับทั้งสองคนในครัวเล็กๆ รพีเริ่มทำไข่เบคอนในกระทะ โดยมีเสียงฉ่าและกลิ่นหอมของเบคอนทำให้เขารู้สึกดี การทำอาหารเช้านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตร่วมกันที่เขาตั้งใจจะมอบให้มีนาเมื่อทุกอย่างพร้อม เขายกกาแฟกลิ่นหอมพร้อมกับจานไข่เบคอนเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง มุมปากของเขายิ้มขึ้นเมื่อเห็นมีนาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและยิ้มให้เขา“สวัสดีเช้านี้นะครับที่รัก” รพีทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่วางจานอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียง“ทำไมถึงทำอาหารเช้าให้ฉัน?” มีนาถามอย่างงัวเงีย ขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง“เพราะว่าฉันอยากให้วันของเราเริ่มต้นด้วยความพิเศษ” เขาตอบพลางยิ้ม “วันนี้เราเป็นสามีภรรยากันอย่างเต็มตัวแล้
ภายใต้แสงดาวพราวฟ้าบนหุบเขาที่เงียบสงัด กระท่อมรักที่เคยเป็นสถานที่แห่งความทรงจำกลับมามีชีวิตอีกครั้ง รพี ยืนเด่นอยู่ใต้แสงจันทร์สีเงินงาม ส่องกระทบผิวกายกำยำของเขาจนดูดุดันและทรงพลัง สายลมเย็นพัดโชยมากระทบใบหน้า แต่สิ่งที่ร้อนแรงยิ่งกว่าคือสัมผัสจากมือใหญ่ของเขาที่ค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามทรวงอกอวบอิ่มของมีนาเธอเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ความเถื่อนดิบที่แฝงอยู่ในแววตาทำให้เธอไม่อาจหลบสายตาไปได้ รพีลูบไล้มือหนักหน่วงไปตามร่างกายของเธอ ปลายนิ้วไล่จากไหล่ลาดลงมาสู่ส่วนโค้งเว้าที่อกอวบที่เขาหลงใหล เขากดปลายนิ้วกับผิวเนื้อที่นุ่มนวลของเธออย่างแนบแน่น ขณะที่มีนาครางแผ่วอย่างอ่อนโยน"ที่รัก… เธอจำความรู้สึกนี้ได้ไหม?" รพีกระซิบอย่างดุดันข้างหูเธอ ก่อนจะกดริมฝีปากร้อน ๆ ลงบนเนื้ออ่อนที่หน้าอกของเธอ ขบกัดเบา ๆ ทำให้เธอสะดุ้งไหว ร่างกายของมีนาเริ่มตอบสนองต่อความสัมผัสดิบเถื่อนที่เธอคุ้นเคยเสียงครางเบา ๆ ของเธอหลุดออกมา ขณะที่รพีจับร่างเธอแน่นและกดลงกับกำแพงไม้ของกระท่อม ท่ามกลางเสียงใบไม้พลิ้วไหวและเสียงหายใจหนักหน่วง รพีทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่แทรกซึมอยู่ในทุก
“เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้” สียงกระซิบของเขาแผ่วเบา แต่กลับมีพลังที่ทำให้มีนาใจเต้นรัว เมื่อผ้าถุงหลุดออก มีนายืนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าท่ามกลางแสงจันทร์ ผิวของเธอเปล่งปลั่งและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ขอบเขตของความใกล้ชิดในค่ำคืนนี้ยิ่งทวีความร้อนแรง เมื่อเขามองเธอ สายตาของเขาแสดงถึงความชื่นชมและความหลงใหลในร่างกายของเธอที่งดงามร่างสูงใหญ่ของเขาเข้ามาประชิดตัวมีนา มือใหญ่และอบอุ่นของเขาเลื่อนขึ้นไปสัมผัสที่ทรวงอกของเธออย่างเบามือ สัมผัสนั้นอ่อนโยนแต่หนักแน่น เขาค่อยๆ ลูบไล้ฟองสบู่วนไปบนผิวเนียนลื่น ราวกับต้องการจดจำทุกความนุ่มนวลและความโค้งเว้าของเธอ ทรวงอกใหญ่ล้นออกมาอย่างงดงาม ยิ่งทำให้เขาเผลอสายตาและหลงใหลในตัวเธอมากขึ้นเขาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ใช้ปลายนิ้วลูบวนไปตามเนื้อเนียนละเอียด เธอหายใจสะท้านเล็กน้อยจากสัมผัสนั้นเสียงลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสผิวของมีนา ทุกสัมผัสที่วนมือไปบนทรวงอกของเธอ ทำให้เกิดเสียงฟองสบู่แตกตัวเบาๆ ผสมกับเสียงน้ำที่กระเซ็นลงบนพื้น มันเป็นเสียงที่สร้างบรรยากาศเงียบสงบและนุ่มนวล ทว่าแฝงด้วยความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในทุกจังหวะสัมผัสเธอเผลอหายใจสั่น เส
เมื่อพิธีวิวาห์ของพ่อพรายรพีและมีนาเริ่มขึ้น ปางไม้ที่ถูกประดับด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนและขาว ไล่เฉดกันไปทั่วบริเวณ กลายเป็นทุ่งดอกไม้ที่งดงามเกินคำบรรยาย ทุกมุมมองเต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติและความบริสุทธิ์ราวกับภาพฝัน แม้มีนาจะขอให้จัดงานอย่างเรียบง่าย แต่ธรรมชาติที่รายล้อมกับความประณีตในการจัดเตรียม ทำให้บรรยากาศนั้นมีความขลังและมีเสน่ห์อย่างลึกซึ้ง บรรยากาศดูเหมือนต้องมนต์สะกด ทุกสีสันและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้พลิ้วไหวไปพร้อมกับสายลม สร้างความรู้สึกสงบและศักดิ์สิทธิ์ผู้คนในปางต่างร่วมพิธีด้วยการแต่งกายอย่างงดงามตามขนบธรรมเนียม ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงสีเข้ม สวมเสื้อยาวกรอมแขนที่พริ้วไหวไปกับท่วงท่าที่อ่อนช้อย แต่ละคนมีสไบเบี่ยงพาดไหล่ เพิ่มความอ่อนหวานและสง่างามดุจดั่งนางในวรรณคดี ส่วนผู้ชายแต่งกายด้วยผ้าสโร่งสีเข้ม เนื้อผ้าทอด้วยลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงความเข้มขลัง และสวมเสื้อสีเดียวกันอย่างกลมกลืน การแต่งกายสมถะเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เหล่านี้ สะท้อนถึงความเคารพในวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ละคนต่างเป็นภาพสะท้อนของความงามที่ไร้กาลเวลาตรงกลางลานกว้างมีบายศรีที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา บายศรีส
รพีไม่รอช้า เขายกร่างสวยอวบอัดของมีนาขึ้น ก่อนจะเสียบแก่นกายแข็งใหญ่ของเขาเข้าไปในความชุ่มชื้นฉ่ำของกุหลาบป่าที่พร้อมรับสัมผัส ร่างของทั้งคู่กระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและความกระหายที่ไม่อาจระงับได้"อื้ม… ที่รัก…!" มีนาครางเสียงสั่นสะท้าน ร่างกายของเธอสั่นไหวไปตามแรงขับของเขา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง "ตั๊บ ตั๊บ" อย่างต่อเนื่อง มือของรพีขย้ำสะโพกกลมกลึงของเธอแน่น ดึงเธอเข้าหาตัวอีก ขณะที่เขาเด้งเอวขึ้นรับการเคลื่อนไหวของเธออย่างต่อเนื่อง“เร็วอีกสิ… อาา... แบบนั้นแหละ” เสียงของรพีแหบพร่าด้วยความเร่าร้อน ความต้องการที่ลุกโชนในตัวเขาเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ เขาผลักดันความแข็งใหญ่เข้าไปลึกจนสุด จนมีนาได้แต่กรีดร้องด้วยความเสียวซ่าน "อื้ม… อาา... ไม่ไหวแล้ว!"จังหวะของพวกเขารัวเร็วขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อไหลซึมทั่วตัว รพีมองใบหน้าของมีนาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความต้องการ สายตาของเธอพร่ามัวด้วยความเสียวซ่าน ขณะที่สะโพกของเธอเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและเร่งรีบ“อาา… ที่รัก! ถึงพร้อมกัน!” พวกเขาเร่งจังหวะอย่างสุดแรง จนถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน ร่างกายขอ