ฮ่าฮ่าฮ่า! เสียงหัวเราะเหี้ยมโหดของไอ้เข้มดังก้องอยู่รอบๆ ขณะที่ลูกน้องของเขาจับตัวแม่คนงามที่พ่อพรายรพีแสนหวงแหนมาได้ไอ้เข้ม: (หัวเราะเหี้ยมโหด) “ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันที่สุดยอดจริงๆ! ลูกน้อง: “พี่เข้ม พี่ต้องการให้เราทำอะไรกับสองคนนี้ดี?”ไอ้เข้ม: (มองไปที่ร่างงามในกรงไม้) “ปล่อยให้อยู่ในกรงนี้ก่อนแล้วกัน ”มีนา: (เสียงสั่น) “ปล่อยพวกฉันไปเถอะ! ”ไอ้เข้ม: (ยิ้มเหี้ยม) “ปล่อยเหรอ ไม่มีทาง เธอเป็นตัวล่อชั้นดีให้ไอ้พรายรพีเข้ามาติดกับของฉัน”ลูกน้อง: “พี่เข้มจะให้ทำอย่างไรต่อไป?” ถามย้ำไอ้เข้ม: (เดินไปใกล้กรงไม้) พวกเธอจะเป็นเหยื่อล่อให้ไอ้พรายรพีเข้ามาในรังของเรา เดี๋ยวไม่นานไอ้พรายรพี จะต้องมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเธอแน่นอน และเมื่อฉันฆ่ามันตายแล้ว เธอจะต้องตกเป็นเมียของฉัน อีกด้านพรายรพีและเสือร้ายทั้งเจ็ดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบท่ามกลางป่าลึก การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล้ายกับเงาที่ค่อยๆ ร้อยเรียงไปตามรอยแยกของต้นไม้ ความมืดของป่าทำให้พวกเขาดูเหมือนกับวิญญาณที่คอยคุกคามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่เท้าของพวกเขาแตะพื้น เสียงของใบไม้ที่แห้งกรอบและกิ่งไม้ที่หักก
เมื่อมีนาตื่นขึ้นมาและพบว่าร่างใหญ่ที่เคยอยู่ข้างกายหายไป ความรู้สึกวูบไหวในใจเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว ความน้อยใจและความเหงาท่วมท้นในหัวใจของเธอ ราวกับถูกทิ้งให้อยู่ลำพังโดยไม่บอกกล่าว ความคิดถึงเขายิ่งทวีความรุนแรง ทุกค่ำคืนที่เขามอบความร้อนแรงให้กับเธอ ตอนนี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า ความไม่พอใจสะท้อนในแววตา เธอรู้สึกอ้างว้างและน้อยใจจนไม่อาจห้ามใจตัวเองได้.“ไปไหนอีกแล้ว...ทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกแล้วเหรอ?” มีนาพึมพำเบาๆ ด้วยความน้อยใจมีนาพูดกับตัวเองเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยใจและกังวล ใจเธอเริ่มสั่นไหวกับความเงียบงันที่รายล้อม.“วันทั้งวันก็ไม่เห็นหน้า จนมืดค่ำแล้วยังไม่กลับมาอีก...” พรายรพีที่กลับมาถึงกระท่อมอย่างเร่งรีบ พิงร่างสูงใหญ่กับต้นไม้อยู่ในเงามืด กอดอกพร้อมดาบยาวคู่ใจ ในขณะที่สายตาคมเข้มของเขาทอดมองไปยังร่างของสาวน้อยใต้แสงจันทร์ มีนา กำลังตักน้ำอาบจากตุ่มท่ามกลางแสงจันทร์อันสว่างไสว ภาพนั้นเย้ายวนจนแทบทำให้เขาหยุดหายใจ ผ้าถุงผืนเดียวที่เธอสวมใส่เปียกปอน ลู่ไปตามทรวดทรงอันงดงาม ร่างขาวโพลนภายใต้แสงจันทร์ อกอวบใหญ่เต็มตึงชูชัน เอวคอดกิ่ว และสะโพ
เสียงกระแทกของประตูที่ถูกเปิดออกดังก้องในความมืด มีนาเกาะอยู่ในมุมห้อง ขณะมือของพวกเขายื่นออกมาจับเธอไว้ เธอรู้สึกถึงแรงกดดันและความกลัวที่กัดกินทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะพังทลาย“ทำไมต้องทำแบบนี้!” มีนาตะโกนออกมาเสียงสั่นเครือ แต่คำพูดของเธอกลับถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ดังขึ้นใกล้เข้ามามือที่แข็งแกร่งจับข้อมือของเธออย่างแน่นหนา การดิ้นรนของเธอทำได้เพียงแค่พยายามจะหลุดออก แต่การต่อสู้ของเธอกลับไม่มีทางชนะ“เงียบ!” เสียงของผู้นำกลุ่มดังก้องเข้ามาในหูของเธอ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอำนาจ ความรู้สึกของการถูกจับกุมและไม่สามารถหนีได้ทำให้หัวใจของมีนาคล้ายจะหยุดเต้นเธอได้ยินเสียงเหล็กดังกระทบกัน การเปิดและปิดประตู และเสียงกระซิบของคำสั่งที่ถูกส่งผ่านความมืด ท่ามกลางความโกลาหลนี้ มีนาเริ่มรู้สึกว่าความหวังของเธอกำลังจะหมดไปเมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง มีนาพยายามสงบสติและหาทางออก แต่ความรู้สึกของความกลัวที่แผ่ขยายออกมานั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจมอยู่ในความมืดมิดที่ไม่รู้ว่าจะมีทางรอดหรือไม่ภายในรถมินิบัสถุงคลุมหัวที่ถูกดึงลงมาปิดบังทุกสิ่งทุ
พรายรพีหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่สะอาด—เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นที่เขาเตรียมไว้—แล้ว เขาโยนผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ไปยังมีนา“นี่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยาบคายและไร้ความปรานี “ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า”มีนารีบหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ด้วยมือที่สั่นเทา เธอรู้สึกถึงความกลัวและความไม่แน่นอนในใจ แต่รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่ง เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำที่มืด อย่างทุลักทุเล น้ำตาที่หลั่งไหลทำให้เธอรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยและความผิดหวัง ห้องน้ำที่นี่เป็นสถานที่เล็กๆ มืดๆ ภายในห้องน้ำมีแต่ตุ่มใส่น้ำที่มุมหนึ่ง เมื่อเธอปิดประตูห้องน้ำ เธอถอนหายใจลึกๆ และมองไปรอบๆ น้ำในตุ่มดูไม่สะอาด แต่มีนาไม่สามารถเลือกได้ เธอรู้ว่าตัวเองต้องทำความสะอาดเพื่อรู้สึกดีขึ้นเธอค่อยๆ เอื้อมมือไปดึงน้ำจากตุ่มด้วยภาชนะที่วางอยู่ข้างๆ น้ำเย็นทำให้เธอรู้สึกเย็นชาและกระทบถึงความรู้สึกของเธออย่างทันทีมีนาเริ่มล้างตัวเองอย่างช้าๆ เธอพยายามล้างคราบโคลนที่ติดอยู่บนร่างกาย น้ำที่ไหลจากภาชนะทำให้ความเย็นกระทบผิวของเธอ แต่ยังไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดและความเศร้าที่ลึกในใจของเธอได้ขณะที่น้ำไหลผ่าน
มีนา: รู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงแขนแข็งแรงที่กอดรัดรอบตัวเธอมีนา: หัวใจเต้นแรง ตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของพรายรพี แสงอ่อนๆ ของยามเช้าส่องเข้ามาในกระท่อม เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความหนักของอ้อมกอดที่กอดเธอไว้แน่น ใบหน้าของเธอซุกอยู่บนแผงอกแกร่ง และเมื่อเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นรูปร่างของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อพรายรพีอย่างชัดเจนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ใบหน้าคมคายดุดัน แฝงไปด้วยความเข้มแข็งที่ไม่เหมือนใคร ผิวแทนเข้มขับให้เขาดูสง่าและทรงอำนาจ ราวกับชายผู้นี้เกิดมาเพื่อควบคุมมีนา: พยายามขยับตัวออกมา แต่แขนของพรายรพีกลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นพรายรพี: ค่อยๆ ตื่นขึ้นจากการขยับของมีนา มองลงไปที่เธอและยิ้มเล็กน้อย "ตื่นแล้วเหรอ?"มีนา: ตกใจและอึดอัด "คะ...คุณ... ทำไมฉันถึงอยู่ในอ้อมกอดคุณ?"พรายรพี: (เสียงดุดันและเนือย ๆ พร้อมกับสายตาที่คม) "ก็แค่กอด... เมื่อคืนฉันทำมากกว่านั้นอีกจำไม่ได้เหรอมีนา: รู้สึกอายและขยับตัวออกมาทันที "ไม่! ปล่อยฉัน!"มีนา: ยิ่งรู้
ในความเงียบที่หนักอึ้งนั้น พ่อพรายรพีขยับร่างที่เต็มไปด้วยอำนาจ เขาใช้มือหนาใหญ่คว้าข้อมือของมีนา ร่างบางระหงของเธอเหมือนจะปลิวไปตามแรงกระชากอันน้อยนิดของเขา ข้อมือของเธอถูกบีบแน่น แต่เขากลับทำราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่มีนาต้องถูลู่ถูกังไปตามแรงลากใบหน้าของพ่อพรายรพียังคงนิ่งเฉย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเงียบงัน เส้นกรามของเขาแน่นตึง สายตาที่มองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับพายุที่คุกรุ่นอยู่ภายในแม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ แต่การกระทำของเขาก็ชัดเจนในความดุดัน หน้าตาถมึงทึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจและความเดือดดาลที่ปะทุอยู่ลึกๆ เขาลากมีนากลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมา กระท่อมที่ซ่อนอยู่ในป่าเขาทุกก้าวเดินของเขานั้นหนักแน่นและแน่วแน่ มีนาที่ถูกกระชากไปไม่กล้าขัดขืน สัมผัสได้ถึงความเถื่อนและอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ร่างกายของเธอสั่นไหวไปกับความกลัวและความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่คละคลุ้งอยู่ในใจมีนา: (เสียงสั่นเครือ ขณะพยายามบิดข้อมือ) "ฉะ... ฉันเจ็บค่ะ... ปล่อยฉันเถอะ"พรายรพี: (ลดแรงลงเล็กน้อย แต่ยังคงเสียงแข็ง) "ขอโทษ... แต่บางทีเธอควรรู้ไว้ว่า ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องของของฉัน"มี
ในขณะที่ มีนากำลังรดน้ำสวนผักอยู่ข้างๆกระท่อม เธอได้ยินเสียงกระหืดกระหอบของชายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาที่กระท่อม สีหน้าของเขาแสดงความร้อนรนท่าทางร้อนรนตามมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบ ร่างของเขาดูเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะที่เขาเข้าไปกระซิบกับพรายรพีที่นั่งอยู่บนชานกระท่อม สีหน้าของพรายรพีเปลี่ยนไป สายตาของเขาหลุบต่ำลง ทอประกายดุดันและน่ากลัว เขาลุกพรวดจากที่นั่ง หยิบดาบคู่ใจขึ้นมา ในขณะที่เขาก้าวออกจากกระท่อมด้วยความรวดเร็ว ด้วยท่าทางเยียบเย็นและน่าเกรงขามป้าพิศ: นั่งลงข้างๆ มีนาในกระท่อม "นายบอกป้าว่าต้องมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ค่ะ"มีนา: มองป้าพิศด้วยความสงสัย "ป้า แล้วพ่อพรายรพีไปไหนคะ?"ป้าพิศ: ส่ายหน้าและยิ้ม "ไม่รู้เหมือนกันจ้า ป้าแค่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เฉยๆ ไม่ได้บอกว่านายเขาไปไหน"มีนา: พยักหน้าอย่างเข้าใจ มีนานั่งอยู่ที่สวนผักเล็กๆ ของเธอ มือของเธอค่อยๆ รดน้ำต้นผักไปตามเคย แต่ใจของเธอกลับล่องลอยไปไกล เธอนั่งเหม่อมองไปที่แปลงผักที่เขียวขจีซึ่งเธอรู้สึกว่ามันสวยงามขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีความสุขจากการที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นเวลาสองหรือสามวันแล้วที
เมื่อมีนามองใบหน้าคมสันของพรายรพีได้ถนัดตา เธอสังเกตเห็นหนวดเคราที่เริ่มเขียวคลึ้มขึ้นบนกรามแข็งแรง ความเคร่งขรึมและดุดันในสายตาของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นรัว ความร้อนจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านมาถึงเธอ ความใกล้ชิดที่แสนร้อนแรงนี้ทำให้เธอรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลน อวบอัดไปทุกสัดส่วน เรียวขางามและเอวคอดกิ่ว บดเบียดแนบชิดกับร่างกายที่แข็งแกร่งของพรายรพี เขากอดแน่นราวกับจะหลอมรวมเธอไว้ในอ้อมกอดเดียว ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดหลายวันทวีความรุนแรง จนเขาไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปพรายรพี: (โน้มใบหน้าลงใกล้ กระซิบเสียงพร่า) “คิดถึงฉันไหม... หืม? หรืออยากให้ฉันทำให้เธอคิดถึงมากกว่านี้?”มีนาใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบซ่อนอาการไม่อยู่ ดวงตาไหวระริก ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของพรายรพียังคงอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆแผ่วเบา แต่ละคำพูดของเขาทำเอาเธอเขินจนแทบหลบสายตาไม่ได้ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ว่ามันจะหลุดออกมาเมื่อเขาพูดแผ่วเบาใกล้ๆ หูอีกครั้งมีนาหายใจสะดุด สายตาสั่นไหวขณะที่มองใบหน้าของพรายรพีที่ยังคงโน้มใกล้เธอ ใจเธอสับสนระคนตื่นเต้น “คะ...คุณ...จะไม่ทำร้ายฉันใ