เสียงกระแทกของประตูที่ถูกเปิดออกดังก้องในความมืด มีนาเกาะอยู่ในมุมห้อง ขณะมือของพวกเขายื่นออกมาจับเธอไว้ เธอรู้สึกถึงแรงกดดันและความกลัวที่กัดกินทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะพังทลาย
“ทำไมต้องทำแบบนี้!” มีนาตะโกนออกมาเสียงสั่นเครือ แต่คำพูดของเธอกลับถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ดังขึ้นใกล้เข้ามา
มือที่แข็งแกร่งจับข้อมือของเธออย่างแน่นหนา การดิ้นรนของเธอทำได้เพียงแค่พยายามจะหลุดออก แต่การต่อสู้ของเธอกลับไม่มีทางชนะ
“เงียบ!” เสียงของผู้นำกลุ่มดังก้องเข้ามาในหูของเธอ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอำนาจ ความรู้สึกของการถูกจับกุมและไม่สามารถหนีได้ทำให้หัวใจของมีนาคล้ายจะหยุดเต้น
เธอได้ยินเสียงเหล็กดังกระทบกัน การเปิดและปิดประตู และเสียงกระซิบของคำสั่งที่ถูกส่งผ่านความมืด ท่ามกลางความโกลาหลนี้ มีนาเริ่มรู้สึกว่าความหวังของเธอกำลังจะหมดไป
เมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง มีนาพยายามสงบสติและหาทางออก แต่ความรู้สึกของความกลัวที่แผ่ขยายออกมานั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจมอยู่ในความมืดมิดที่ไม่รู้ว่าจะมีทางรอดหรือไม่
ภายในรถมินิบัส
ถุงคลุมหัวที่ถูกดึงลงมาปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้มีนาหายใจไม่สะดวก ความมืดมิดที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้เธอไม่สามารถเห็นอะไรเลย สัมผัสของถุงที่หนาทึบและยืดหยุ่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการในความมืดที่ไร้ขอบเขต
“ปล่อยฉันเถอะ!” เสียงของเธอดังออกมาผ่านทางผ้าที่คลุมอยู่ แต่เสียงของเธอถูกรบกวนด้วยความรู้สึกของความมืดและการขาดอากาศที่เพิ่มขึ้น
ทุกๆ วินาทีที่ผ่านไปเหมือนจะยืดเยื้อยาวนานอย่างไม่สิ้นสุด มือของเธอพยายามขยับเพื่อดึงถุงออก แต่การเคลื่อนไหวของเธอกลับไม่มีทางทำให้ถุงหลุดออกไป ความรู้สึกของการถูกปิดกั้นทำให้เธอเริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
“ใคร? คุณจะทำอะไรกับฉัน?” เธอตะโกนด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่คำถามของเธอกลับไม่มีการตอบรับ อากาศที่ผ่านทางถุงยังคงหนาแน่นและทำให้การหายใจของเธอไม่สะดวก
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและแสนยาวนาน มีนารู้สึกถึงความสับสนและความกลัวที่กัดกินใจ ความรู้สึกที่เหมือนเวลาไม่มีการเคลื่อนไหว ความมืดที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัดทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในหลุมอากาศที่ไม่รู้จะหลุดพ้นไปได้อย่างไร
ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของรถ ความรู้สึกของการถูกโยนไปมาทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น การไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหนและไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย
เมื่อรถหยุดและประตูเปิดออก มีนาได้ยินเสียงของฝีเท้ากระทบพื้นและเสียงที่พูดคุยกันอย่างไม่ชัดเจน เธอพยายามรวบรวมความกล้าและสติ แต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในความมืดมิดและเงียบสงัด
“พวกแกต้องการอะไร?” มีนาตะโกนออกไปด้วยความวิตกกังวล “ต้องการเงินเหรอ? พ่อฉันมีเงิน! โทรหาพ่อฉัน! เขาจะจ่ายเงินให้พวกแก!”
เสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความเครียด ความพยายามในการเรียกร้องให้พวกเขาติดต่อพ่อของเธอนั้นเป็นความหวังสุดท้ายที่เธอมี แต่เสียงของเธอกลับสะท้อนในความมืดและเงียบสงัดของห้อง
“ปล่อยฉันไปเถอะ!” เธอร้องขอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันจะทำตามที่พวกแกต้องการทุกอย่าง! ขอแค่ปล่อยฉันไป!”
เธอพยายามรวบรวมความกล้าและความสงบในการพูด แต่คำร้องของเธอกลับไม่มีการตอบรับ สิ่งที่เธอได้รับคือความเงียบที่กดดันและทำให้รู้สึกถึงการโดดเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้น
มีนาตื่นขึ้นมาจากการหลับลึกโดยรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าที่แผ่ไปทั่วร่างกาย ความมืดยังคงอยู่รอบตัวเธอ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความจริงของสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่
เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในกรงขังไม้ที่มืดทึบ เสียงไม้ครูดและการเคลื่อนไหวที่เบาบางรอบตัวทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ สถานที่ที่เป็นกรงขังซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ และแข็งแรง
กรงขังที่มีนาอยู่เต็มไปด้วยเฉลยที่นอนอยู่ในมุมต่างๆ พวกเขามีท่าทางที่เหนื่อยล้าและสิ้นหวัง เหล่าผู้ที่ถูกขังรวมตัวอยู่ในพื้นที่จำกัดทำให้บรรยากาศรู้สึกหนักหน่วงและน่าสะพรึงกลัว
มีนาเงยหน้าขึ้นและพยายามสังเกตสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เธอเห็นแสงสลัวๆ ที่ลอดผ่านช่องกรงไม้ บางครั้งเสียงกระซิบและการเคลื่อนไหวของเฉลยที่มีอาการคล้ายๆ กันทำให้เธอรู้สึกถึงความเศร้าและความท้อแท้ที่ปกคลุมอยู่ในที่แห่งนี้
“นี่มันที่ไหน?” มีนาถามออกไปเสียงแผ่วเบา การถามคำถามนั้นเป็นเพียงความพยายามในการหาทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่มีความหวัง เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังและความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเธอเริ่มหันไปหาผู้ที่นอนอยู่รอบๆ เธอพบว่ามีคนบางคนเงยหน้าขึ้นมาและมองเธอด้วยความสงสัยและความเห็นใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาก่อน
“เธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” หนึ่งในผู้ที่ถูกขังพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความผิดหวัง “เหมือนกับพวกเรา”
เสียงของเขาเป็นการยืนยันถึงความจริงที่มีนาเพิ่งรู้สึกได้—เธอเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกขังอยู่ในกรงนี้ และสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่นั้นมีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความยากลำบาก
แสงอาทิตย์เริ่มแทรกผ่านช่องกรงไม้ สาดส่องเข้าสู่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความท้อแท้ ความสว่างของยามเช้าตัดกับความมืดที่เกาะอยู่ในใจของมีนา เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นความสว่างที่ส่องเข้ามาในกรงขัง
เธอเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจที่กดทับอยู่ในตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอไม่สามารถยับยั้งความเศร้าและความหวาดกลัวที่ท่วมท้นหัวใจของเธอ
“พ่อ… ช่วยหนูด้วย…” เธอพูดเบาๆ กับตัวเองในขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ความคิดถึงพ่อของเธอทำให้ความรู้สึกของเธอทวีความรุนแรงมากขึ้น
เสียงร้องไห้ของมีนาในความสะลัวของยามเช้าดูเหมือนจะกลายเป็นความหวังที่ห่างไกล เธอรู้ว่าพ่อของเธอคงไม่มีทางรู้ว่าลูกสาวของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ แต่ความคิดถึงพ่อทำให้เธอรู้สึกถึงการถูกทิ้งอยู่ในที่ที่ไม่สามารถหนีได้
“พ่อ… ทำไมพ่อไม่มาที่นี่?” เธอร้องไห้ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกของการถูกทิ้งและการไม่รู้ว่าจะไปหันหน้าไปทางไหนทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ
น้ำตาของเธอไหลลงมาจนเปื้อนใบหน้า และเสียงสะอื้นของเธอก็เงียบลงในความเงียบของห้อง เมื่อการร้องไห้ของเธอหยุดลง
ในขณะที่มีนานั่งร้องไห้อยู่ในมุมของกรงขังไม้ สาวชาวบ้านที่นอนอยู่ในอีกมุมหนึ่งของกรงขังเริ่มขยับตัวอย่างลุกลี้ลุกลน เธอแสดงออกถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน และดูเหมือนจะพยายามเข้ามาใกล้มีนาอย่างระมัดระวัง
“คุณ!” เสียงของสาวชาวบ้านนั้นเบาและเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เธอค่อยๆ เข้ามาหามีนาและยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้มีนาพูดเสียงดัง “อย่าเสียงดัง! เดี๋ยวพวกมันจะกลับมาทำร้ายเรา!”
สาวชาวบ้านมีท่าทางที่เหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความกลัว ดวงตาของเธอจับจ้องไปรอบๆ อย่างไม่สบายใจเพื่อให้แน่ใจว่าความเงียบสงบยังคงอยู่ในกรงขัง เธอเข้ามาใกล้จนมีนาแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ
“พวกมัน...” สาวชาวบ้านกระซิบเสียงแผ่ว “พวกมันจะกลับมาอีกไม่นาน พวกมันไม่ชอบเสียงดัง คุณต้องพยายามเงียบไว้ อย่าให้พวกมันได้ยินเรา”
น้ำเสียงของสาวชาวบ้านเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความกลัว การพูดถึง "พวกมัน" ที่จะกลับมาทำให้มีนารู้สึกถึงความอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ เธอพยักหน้าและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองให้เบาที่สุด
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฟังฉันเถอะ” สาวชาวบ้านกล่าวเสียงแผ่ว “เราต้องอดทนและหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ พวกมันจะกลับมาเร็วๆ นี้”
แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในกรงขังไม้ ทำให้ความมืดที่แผ่ปกคลุมเริ่มจางหายไป ความสว่างของยามเช้าส่งแสงผ่านช่องกรงไม้เผยให้เห็นภาพของตลาดที่คึกคักภายนอก
เมื่อมีนาเปิดตามองออกไป ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกถึงความตกตะลึงและความสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน กรงขังที่เธออยู่ตั้งอยู่ท่ามกลางตลาดที่คึกคักในขุนเขา มีชาวบ้านที่มานั่งขายของป่านานาชนิดเรียงรายอยู่รอบๆ
ตลาดนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีสัน มีพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนเรียกลูกค้าและเสนอขายสินค้าท้องถิ่น เช่น สมุนไพรป่า ผลไม้แปลกๆ และเครื่องมือการเกษตรที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เสียงพูดคุยของชาวบ้านผสมกับเสียงการแลกเปลี่ยนสินค้าทำให้บรรยากาศมีความคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิต
ขณะที่มีนามองออกไปจากกรงขัง เธอเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา ชาวบ้านที่มีท่าทางสุขสบายและใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่สนใจกรงขังที่ตั้งอยู่กลางตลาด ในขณะที่พวกเขาต่างยุ่งอยู่กับการซื้อขายและพูดคุยกัน
“ทำไมไม่มีใครช่วยเรา?” มีนาพูดกับตัวเองเสียงเบา เมื่อเห็นภาพที่ขัดแย้งกันระหว่างความปกติของชีวิตภายนอกและความทุกข์ทรมานที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในกรงขัง
สาวชาวบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามองมีนาและกล่าวเสียงแผ่ว “พวกเขาอาจกลัวที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพวกมัน”
หัวหน้าโจร: ยืนอยู่บนแท่นกลางสนามประมูล ตะโกนเสียงดัง "ฟังให้ดีๆ ทุกคน! ตอนนี้ถึงเวลาของจริงแล้ว! มาๆ กันเถอะ!"
เสียงฝูงชน: ส่งเสียงฮือฮาและกระซิบกันในฝูงชน "มาดูสิ! ของดีๆ มาแล้ว!"
หัวหน้าโจร: ตะโกนเสียงดัง "เราจะเริ่มการประมูลเดี๋ยวนี้แหละ! ของที่เรามีวันนี้มีค่าสูงลิบ! ไม่ควรพลาด!"
มีนา: ยืนอยู่ในมุมมืดของกรงขัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "ประมูล? ฉันต้องถูกประมูลด้วยเหรอ?"
หัวหน้าโจร: ตะโกนอีกครั้ง "มาๆ ทุกคน! อย่าช้า! ของที่เรามีวันนี้มันเด็ดจริงๆ!
เสียงตะโกนของพ่อค้าและเสียงตบมือจากผู้ที่ชนะการประมูลดังลั่น ตลาดเริ่มมีความคึกคักอย่างผิดปกติ พร้อมกับเสียงร้องไห้และการขอความช่วยเหลือที่แทรกซ้อนอยู่ในความวุ่นวาย
มีนาสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในอากาศเมื่อชาวบ้านในกรงขังทยอยถูกลากออกไปทีละคน การประมูลเริ่มขึ้นและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากผู้ถูกจับกลายเป็นเพลงประสานกับเสียงการประมูล
“ปล่อยฉันไป!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น “อย่าทำร้ายฉัน!”
เสียงคำขอความช่วยเหลือที่เจือด้วยความสิ้นหวังนั้นมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่โกลาหลของสมุนโจร มีผู้คนมากมายรายล้อมอยู่รอบๆตลาดที่เข้ามาดูการประมูล พวกเขาหมายตาสิ้นค้าที่ว่าที่อยู่ในกรงไม้และการเลือกซื้อที่ไร้ความปรานี
“ช่วยฉันด้วย!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ถูกลากออกไปดังขึ้น “ไม่! อย่า!”
การกระทำของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย สมุนโจรบางคนไม่ลังเลที่จะใช้กำลังในการควบคุมผู้ที่ต้านทาน การจับตัวและลากออกไปอย่างรุนแรงทำให้มีนารู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ท่วมท้น
สาวชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ มีนาพยายามพูดเสียงต่ำ แต่ไม่สามารถปกปิดความวิตกกังวลของเธอได้ “พวกมันจะไม่หยุดจนกว่าทุกคนจะถูกขายออกไปหมด ถ้าพวกมันเห็นเราพูดเสียงดังหรือเคลื่อนไหว…”
เธอหยุดพูดเมื่อเสียงดังขึ้นจากการประมูลอีกครั้ง เสียงของพวกมันชัดเจนและดุดัน “หุบปาก!” เสียงของสมุนโจรคนหนึ่งตะโกน “ใครทำเสียงดังจะเชือดทั้งซะให้หมด!”
มีนาได้ยินเสียงปืนและเสียงแหลมของวัตถุต่างๆ ถูกทุบกระแทกลงบนพื้นอย่างไม่ปราณี สถานการณ์ในกรงขังนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความไร้ความปรานี
เมื่อเสียงของคนที่ถูกซื้อไปจางลงและกลายเป็นความเงียบสงัดในกรงขัง
มีนา: น้ำตาไหลและเสียงสั่น "ไม่! ฉันไม่ต้องการ! ขอร้องเถอะ... อย่าทำกับฉันแบบนี้ ติดต่อพ่อฉัน พ่อฉันมีเงิน"
หัวหน้าโจร: ยิ้มอย่างร้ายกาจ "ขอร้อง? ฮ่าฮ่า! ที่นี่ไม่มีที่ให้ขอร้องหรอก เธอจะต้องดูว่าใครจะจ่ายมากที่สุด!"
หัวหน้าโจร: ตะโกนสุดเสียง "เริ่มการประมูลเลย! ใครจะเป็นคนเสนอราคาสูงสุด? มาดูกัน!"
“เงียบ!” หัวหน้าโจรตะโกนด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วตลาด เสียงของเขาดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือเสียงอื่นๆ ทำให้ทุกคนต้องหยุดฟัง
หัวหน้าใจรที่ยืนอยู่ร้องตะโกนเพื่อให้ทุกคนหยุดพูด เพื่อให้ความเงียบปกคลุม ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยความมั่นใจ “วันนี้เรามีของดีสุดพิเศษ! สาวน้อยคนเมืองแสนสวย และที่สำคัญบริสุทธ์อยู่—เธอคือของที่ดีที่สุดที่เรามี!”
หัวหน้าโจรชี้ไปที่กรงขังที่มีนาอยู่ ความรู้สึกของความพอใจและความเหี้ยมโหดของมันแสดงออกชัดเจน เมื่อเห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังบนใบหน้าของมีนา
“วันนี้จะเริ่มที่ห้าหมื่น!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ใครสนใจซื้อสาวสวยนี้ ขอให้เสนอราคาสูงที่สุด!”
เสียงการประมูลเริ่มต้นขึ้นทันที เสียงตะโกนของผู้ซื้อดังขึ้นในตลาด พวกเขาตั้งใจฟังการประกาศของหัวหน้าโจรและเตรียมตัวสำหรับการประมูล
“ห้าหมื่น!” เสียงของผู้ซื้อคนหนึ่งดังขึ้นในทันที
หัวหน้าโจรยิ้มเย้ยหยันและพยักหน้า “ใครจะให้สูงกว่านี้อีก!”
เสียงประมูลเริ่มรุนแรงขึ้น เสียงของผู้ซื้อที่เสนอราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มสร้างความตึงเครียดในตลาด
มีนาเฝ้าดูอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นตัวเลขราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ความหวาดกลัวในใจของเธอเพิ่มขึ้นเมื่อเสียงการประมูลดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงของเธอที่ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเพียงเสียงที่แทรกอยู่ในความวุ่นวายของตลาด
“ปล่อยฉันไปเถอะ!” มีนาร้องไห้และขอความช่วยเหลือ “ฉันจะให้ทุกอย่าง!”
แต่เสียงของเธอกลับถูกกลบด้วยเสียงประมูลและเสียงหัวเราะชั่วร้ายของพ่อค้าที่สนใจในการซื้อเธอ
ทันใดนั้น เสียงทุ้มและทรงพลังจากผู้ที่ยืนอยู่ในมุมมืดของตลาดดังก้องขึ้น
“สองแสน!”
เสียงของเสือเข้ม ดังก้องไปทั่วตลาด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและความน่ากลัว เมื่อเขายื่นเสนอราคาที่สูงจนทุกคนต้องหันไปมอง
หัวหน้าโจรมองไปยังที่มาของเสียงด้วยความสนใจและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป “สองแสน!” เขาตะโกนด้วยความประหลาดใจและเคารพในข้อเสนอ “ใครจะท้าทายราคานี้? เสือเข้มเสนอราคาสูงเกินจะตามได้!”
เสียงประมูลเงียบลงในทันที การเสนอราคาสูงของเสือเข้มทำให้ตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน
เสือเข้มยืนอยู่ในมุมมืดของตลาด ตั้งแต่เช้ามืด เขาได้เห็นมีนาผ่านช่องกรง และความงามของเธอทำให้เขาต้องการเธออย่างมาก
“เอาละนะ นับ หนึ่ง สอง!”
“ห้าแสน!” เสียงของพรายรพีดังขึ้นอย่างทรงพลังและเต็มไปด้วยอำนาจ
ในช่วงเวลาแห่งความเงียบที่ตามมา ความรู้สึกของความเยือกเย็นและความดุดันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อพ่อพรายรพีปรากฏตัวจากเงามืดของตลาด
ร่างสูงใหญ่ของพรายรพีเดินออกมาจากมุมมืด ชุดเสื้อผ้าของเขาดูหม่นหมอง แต่สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง รอยสักยันต์ที่ปกคลุมร่างกายของเขาเป็นเครื่องหมายของอำนาจและความน่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเขาคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหนาวเย็น
พรายรพียืนกอดอกด้วยท่าทางที่แสดงถึงความมั่นใจและความท้าทาย ข้อมือที่ถือดาบยาวของเขาดูแข็งแกร่ง เสียงเหล็กกระทบกันจากการหมุนดาบในมือของเขาเป็นเสียงที่ทำให้ตลาดเงียบลง
จ้อย: ยืนอยู่ข้างๆ พรายรพี ดูเหมือนจะตกใจ "นาย นายจะเริ่มที่ห้าแสนเลยเหรอ?"
พรายรพี: ยิ้มเยาะ "แค่ห้าแสนเอง ไอ้จ้อย ข้าจะเริ่มที่ราคานี้แค่เพื่อให้ไอ้เข้มมันรู้ว่ามันไม่อาจมาเทียบกับเราได้ ข้าจะสนุกกับการเห็นมันพยายามเอาชนะเรา"
จ้อย: หัวเราะเบาๆ "ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้วนาย ขนาดราคาแค่ห้าแสน ยังต้องการทำให้ไอ้เข้มมันเดือดร้อน"
เสียงฝูงชน: ส่งเสียงตื่นเต้นและคึกคัก
เข้ม: เดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว "ไอ้รพี! แกกล้าทำแบบนี้กับข้าหรอ?! ห้าแสน? แกจะเล่นอะไรกับข้าหะ?"
พรายรพี: หันไปมองเข้มด้วยความเย็นชา
เข้ม: กร้าวเสียง "ไอ้รพี! แกคิดว่าจะแย่งของ ของข้าเหรอ
เข้ม: เดินเข้ามาพร้อมความโกรธ "ไอ้รพี! แกกล้าเหยียบย่ำข้าแบบนี้ได้ยังไง? ห้าแสนเหรอ? แกคิดว่าแกจะขัดขวางข้าได้ด้วยราคานี้?"
พรายรพี: ยิ้มอย่างสะใจ
เข้ม: ขมวดคิ้วและโกรธจัด "ไอ้รพี! ข้าจะให้ราคาสูงกว่านี้! แกอย่าหวังว่าจะขัดขวางข้าได้ง่ายๆ!"
สมุนของเข้ม: กระซิบเข้าที่หูของเข้ม "พี่เข้ม พอเถอะ เรามีเงินไม่พอจะให้สูงกว่านี้ตอนนี้จริงๆ"
เข้ม: หันไปมองสมุนด้วยความไม่พอใจ "ห๊ะ อะไรนะ? เราไม่มีเงินได้ไงวะ?"
สมุนของเข้ม: ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความวิตกกังวล "นายใหญ่จำกัดเงินพี่เข้มไว้ตอนนี้ ลืมแล้วเหรอ?"
เข้ม: พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด "เชี่ย! ข้าลืมไปจริงๆ..
เมื่อเสียงของพรายรพีดังก้องไปทั่วตลาด เสือเข้มก็ยอมแพ้และเลิกเสนอราคา ความเงียบที่ปกคลุมตลาดนั้นเผยให้เห็นความมั่นใจของพรายรพีที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย
หัวหน้าโจรมองไปที่พรายรพีด้วยความเคารพและความหวาดกลัว “ห้าแสน! “การประมูลเสร็จสิ้นแล้ว!”
พรายรพีเดินไปยังโต๊ะประมูลพร้อมกับดวงตาที่แข็งแกร่งและอำนาจ เขาไม่แสดงอาการใดๆ ที่เกี่ยวกับความตื่นเต้นหรือความพอใจในการชนะ
เมื่อชนะเข้มด้วยความสะใจ พรายรพีหันหลังและเดินออกไปจากตลาดอย่างไม่รีบร้อน ความสง่างามและความดุดันของเขาสะท้อนออกมาในทุกย่างก้าว เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองที่มีนา หรือสนใจสิ่งที่เขาเพิ่งประมูลได้
การเดินออกไปของพรายรพีทำให้ตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน ความรู้สึกของความตกใจและความหวาดกลัวยังคงอยู่ในอากาศ เขาไม่แสดงออกถึงความรู้สึกหรือความสนใจในสิ่งที่เขาได้มาครอบครอง ความเย็นชาและความเถื่อนของเขายิ่งทำให้ผู้คนละแวกนั้นรู้สึกหนาวเย็นไปตามๆกัน
มีนายังคงอยู่ในกรงขังไม้ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง เมื่อเห็นพรายรพีเดินออกไปโดยไม่สนใจเธอเลย ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งและความอันตรายที่ยังคงอยู่ในชีวิตของเธอทำให้เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังอย่างมาก
คืนที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและเต็มไปด้วยหมอก พรายรพีกลับมาถึงกระท่อมที่อยู่บนยอดเขาในช่วงดึกของคืน เขาเดินด้วยความมั่นใจตามเส้นทางที่คุ้นเคย ร่างของเขากระทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านต้นไม้หนาทึบ เสียงฝีเท้าของเขาดังสะท้อนในความเงียบของป่า
เมื่อพรายรพีเข้ามาถึงกระท่อม เขาเปิดประตูเข้าไป ภายในกระท่อมเป็นที่เงียบสงัดและมืดครึ้ม
ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในกระท่อม เสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของกระท่อม การเคลื่อนไหวนี้ ทำให้พรายรพีหยุดเดินและตึงเครียด ร่างกายของเขาตื่นตัวอย่างรวดเร็ว
“ใครอยู่ที่นี่?” พรายรพีถามด้วยเสียงต่ำและดุดัน
เขาชะงักหูและมองไปรอบๆ สถานที่นั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเงามืดที่คุ้นเคย แต่เสียงเคลื่อนไหวที่ยังคงดำเนินต่อไปนั้นชัดเจนและดังกังวานในความเงียบ
พรายรพีเดินไปที่มุมของห้องอย่างระมัดระวัง มือของเขากุมดาบยาวคู่ใจไว้ในมือแน่น แต่เขาก็ไม่เห็นใคร นอกจากความเงียบสงัดที่ครอบคลุม
เสียงเคลื่อนไหวเริ่มชัดเจนขึ้น—ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของสิ่งของที่เคลื่อนที่หรือบางสิ่งที่พยายามซ่อนตัว ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า
“ออกมาเดี๋ยวนี้!” พรายรพีตะโกนอีกครั้งด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ
เมื่อเสียงกุกกักดังขึ้นอีกครั้งในความมืดของกระท่อม พรายรพีไม่รอช้า ร่างสูงใหญ่ของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในความสลัว เขากระโจนเข้าไปหาผู้ที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นภัยคุกคาม ร่างของเขาบิดตัวเพื่อควบคุมความเร็วและแรงในการกระโจน
พรายรพีเงื้อดาบขนาดใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะ ดวงตาของเขากวาดมองหาทิศทางที่มาจากเสียง
แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะถึงร่างตะคุ่มนั้น เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นอย่างกระทันหัน ความหวาดกลัวในเสียงนั้นทำให้พรายรพีหยุดชะงัก เขาหยุดกลางอากาศและหันไปยังต้นเสียง
พรายรพี: มองไปที่มีนาด้วยสายตาที่สงสัยและไม่พอใจ "เธอเป็นใคร? มาที่นี่ได้ยังไง?"
มีนา: ตอบด้วยเสียงที่สั่น "ก..ก็ หัวหน้าโจรส่งฉันมาที่นี่... บอกว่าคุณคือนายคนใหม่ของฉัน"
พรายรพี: ยิ้มอย่างเยาะเย้ย "อ้อ
มีนา: พยักหน้าอย่างสับสนและหวาดกลัว "ใช่ค่ะ... เขาบอกว่าฉันต้องมาที่นี่และทำตามคำสั่งของคุณ"
พรายรพี: มองไปที่มีนาด้วยความเย็นชา
มีนา: เสียงสั่นและเริ่มร้องไห้ "ฉันขออยู่ที่นี่ด้วยได้ไหมคะ? ขอให้ฉันอยู่ที่นี่ก่อน... ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร"
มีนาถูกพาตัวมาจากตลาดมืดโดยหัวหน้าโจรที่ว่านั่นก็คือจ้อยลูกน้องพ่อพรายรพีนั่นเอง
จ้อยได้บอกกับมีนาอย่างทารุณว่าเขาคือหัวหน้าโจรที่มีอำนาจและเงื่อนไขที่ไม่มีทางหนีได้ เขาเตือนมีนาว่า หากเธอพยายามหนีออกไปจากกระท่อมนี้โดยไม่มีพ่อพรายรพีอยู่ด้วย เธอจะตกไปเป็นเมียของทุกคนในรังโจรที่อยู่ใกล้ๆ
“ถ้าเธอคิดจะออกไปจากที่นี่” จ้อยกล่าวเสียงแข็ง “เธอจะต้องกลายเป็นของเล่นของพวกเรา ไม่มีใครจะมาช่วยเธอจากที่นี่ได้”
คำพูดเหล่านี้ทำให้มีนาตกอยู่ในความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เมื่อจ้อยพามาส่งที่กระท่อม
เมื่อสายตาของพรายรพีปรับตัวได้ในความมืด พรายรพีก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่สั่นเทาอยู่มุมนึงของกระท่อม เธออยู่ในสภาพที่แทบจะไม่สามารถรู้ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ร่างของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยคราบโคลนที่แห้งกรัง เส้นผมยุ่งเหยิงและมีเศษดินติดอยู่ ชุดที่เธอสวมใส่ถูกฉีกขาดและเลอะเทอะด้วยสิ่งสกปรก
พรายรพี: ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "เอ๋า... ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปเถอะ แต่สภาพของเธอเป็นแบบนี้ ฉันคงต้องให้เธอไปอาบน้ำก่อน"
มีนา: มองพรายรพีด้วยความรู้สึกผสมผสานของความโล่งใจและความวิตก "จริงเหรอคะ? ขอบคุณค่ะ"
พรายรพี: พยักหน้า "ใช่ แล้วไปอาบน้ำให้สะอาด แล้วค่อยมาพบฉันหลังจากนั้น ฉันจะตัดสินใจต่อไปว่าเธอจะต้องทำอย่างไร"
หลังจากที่จ้อยส่งมีนาไปยังกระท่อม เขาก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ ร่างของเขาหายไปในความมืดและความเงียบของคืน
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ความคิดของเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จที่เขาได้รับ เขาเชื่อมั่นว่าแผนของเขาเริ่มบรรลุผลตามที่เขาต้องการ
"คราวนี้ละเว้ย นายกูจะได้มีเมียกับเขาเสียที" จ้อยคิดในใจพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ เสียงหัวเราะชอบใจ
พรายรพีหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่สะอาด—เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นที่เขาเตรียมไว้—แล้ว เขาโยนผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ไปยังมีนา“นี่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยาบคายและไร้ความปรานี “ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า”มีนารีบหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ด้วยมือที่สั่นเทา เธอรู้สึกถึงความกลัวและความไม่แน่นอนในใจ แต่รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่ง เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำที่มืด อย่างทุลักทุเล น้ำตาที่หลั่งไหลทำให้เธอรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยและความผิดหวัง ห้องน้ำที่นี่เป็นสถานที่เล็กๆ มืดๆ ภายในห้องน้ำมีแต่ตุ่มใส่น้ำที่มุมหนึ่ง เมื่อเธอปิดประตูห้องน้ำ เธอถอนหายใจลึกๆ และมองไปรอบๆ น้ำในตุ่มดูไม่สะอาด แต่มีนาไม่สามารถเลือกได้ เธอรู้ว่าตัวเองต้องทำความสะอาดเพื่อรู้สึกดีขึ้นเธอค่อยๆ เอื้อมมือไปดึงน้ำจากตุ่มด้วยภาชนะที่วางอยู่ข้างๆ น้ำเย็นทำให้เธอรู้สึกเย็นชาและกระทบถึงความรู้สึกของเธออย่างทันทีมีนาเริ่มล้างตัวเองอย่างช้าๆ เธอพยายามล้างคราบโคลนที่ติดอยู่บนร่างกาย น้ำที่ไหลจากภาชนะทำให้ความเย็นกระทบผิวของเธอ แต่ยังไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดและความเศร้าที่ลึกในใจของเธอได้ขณะที่น้ำไหลผ่าน
มีนา: รู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงแขนแข็งแรงที่กอดรัดรอบตัวเธอมีนา: หัวใจเต้นแรง ตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของพรายรพี แสงอ่อนๆ ของยามเช้าส่องเข้ามาในกระท่อม เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความหนักของอ้อมกอดที่กอดเธอไว้แน่น ใบหน้าของเธอซุกอยู่บนแผงอกแกร่ง และเมื่อเธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นรูปร่างของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อพรายรพีอย่างชัดเจนร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ใบหน้าคมคายดุดัน แฝงไปด้วยความเข้มแข็งที่ไม่เหมือนใคร ผิวแทนเข้มขับให้เขาดูสง่าและทรงอำนาจ ราวกับชายผู้นี้เกิดมาเพื่อควบคุมมีนา: พยายามขยับตัวออกมา แต่แขนของพรายรพีกลับกอดเธอไว้แน่นขึ้นพรายรพี: ค่อยๆ ตื่นขึ้นจากการขยับของมีนา มองลงไปที่เธอและยิ้มเล็กน้อย "ตื่นแล้วเหรอ?"มีนา: ตกใจและอึดอัด "คะ...คุณ... ทำไมฉันถึงอยู่ในอ้อมกอดคุณ?"พรายรพี: (เสียงดุดันและเนือย ๆ พร้อมกับสายตาที่คม) "ก็แค่กอด... เมื่อคืนฉันทำมากกว่านั้นอีกจำไม่ได้เหรอมีนา: รู้สึกอายและขยับตัวออกมาทันที "ไม่! ปล่อยฉัน!"มีนา: ยิ่งรู้
ในความเงียบที่หนักอึ้งนั้น พ่อพรายรพีขยับร่างที่เต็มไปด้วยอำนาจ เขาใช้มือหนาใหญ่คว้าข้อมือของมีนา ร่างบางระหงของเธอเหมือนจะปลิวไปตามแรงกระชากอันน้อยนิดของเขา ข้อมือของเธอถูกบีบแน่น แต่เขากลับทำราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่มีนาต้องถูลู่ถูกังไปตามแรงลากใบหน้าของพ่อพรายรพียังคงนิ่งเฉย ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเงียบงัน เส้นกรามของเขาแน่นตึง สายตาที่มองตรงไปข้างหน้าเหมือนกับพายุที่คุกรุ่นอยู่ภายในแม้จะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ แต่การกระทำของเขาก็ชัดเจนในความดุดัน หน้าตาถมึงทึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจและความเดือดดาลที่ปะทุอยู่ลึกๆ เขาลากมีนากลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมา กระท่อมที่ซ่อนอยู่ในป่าเขาทุกก้าวเดินของเขานั้นหนักแน่นและแน่วแน่ มีนาที่ถูกกระชากไปไม่กล้าขัดขืน สัมผัสได้ถึงความเถื่อนและอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ร่างกายของเธอสั่นไหวไปกับความกลัวและความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่คละคลุ้งอยู่ในใจมีนา: (เสียงสั่นเครือ ขณะพยายามบิดข้อมือ) "ฉะ... ฉันเจ็บค่ะ... ปล่อยฉันเถอะ"พรายรพี: (ลดแรงลงเล็กน้อย แต่ยังคงเสียงแข็ง) "ขอโทษ... แต่บางทีเธอควรรู้ไว้ว่า ฉันไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องของของฉัน"มี
ในขณะที่ มีนากำลังรดน้ำสวนผักอยู่ข้างๆกระท่อม เธอได้ยินเสียงกระหืดกระหอบของชายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาที่กระท่อม สีหน้าของเขาแสดงความร้อนรนท่าทางร้อนรนตามมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบ ร่างของเขาดูเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะที่เขาเข้าไปกระซิบกับพรายรพีที่นั่งอยู่บนชานกระท่อม สีหน้าของพรายรพีเปลี่ยนไป สายตาของเขาหลุบต่ำลง ทอประกายดุดันและน่ากลัว เขาลุกพรวดจากที่นั่ง หยิบดาบคู่ใจขึ้นมา ในขณะที่เขาก้าวออกจากกระท่อมด้วยความรวดเร็ว ด้วยท่าทางเยียบเย็นและน่าเกรงขามป้าพิศ: นั่งลงข้างๆ มีนาในกระท่อม "นายบอกป้าว่าต้องมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ค่ะ"มีนา: มองป้าพิศด้วยความสงสัย "ป้า แล้วพ่อพรายรพีไปไหนคะ?"ป้าพิศ: ส่ายหน้าและยิ้ม "ไม่รู้เหมือนกันจ้า ป้าแค่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เฉยๆ ไม่ได้บอกว่านายเขาไปไหน"มีนา: พยักหน้าอย่างเข้าใจ มีนานั่งอยู่ที่สวนผักเล็กๆ ของเธอ มือของเธอค่อยๆ รดน้ำต้นผักไปตามเคย แต่ใจของเธอกลับล่องลอยไปไกล เธอนั่งเหม่อมองไปที่แปลงผักที่เขียวขจีซึ่งเธอรู้สึกว่ามันสวยงามขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีความสุขจากการที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นเวลาสองหรือสามวันแล้วที
เมื่อมีนามองใบหน้าคมสันของพรายรพีได้ถนัดตา เธอสังเกตเห็นหนวดเคราที่เริ่มเขียวคลึ้มขึ้นบนกรามแข็งแรง ความเคร่งขรึมและดุดันในสายตาของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นรัว ความร้อนจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านมาถึงเธอ ความใกล้ชิดที่แสนร้อนแรงนี้ทำให้เธอรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลน อวบอัดไปทุกสัดส่วน เรียวขางามและเอวคอดกิ่ว บดเบียดแนบชิดกับร่างกายที่แข็งแกร่งของพรายรพี เขากอดแน่นราวกับจะหลอมรวมเธอไว้ในอ้อมกอดเดียว ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดหลายวันทวีความรุนแรง จนเขาไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปพรายรพี: (โน้มใบหน้าลงใกล้ กระซิบเสียงพร่า) “คิดถึงฉันไหม... หืม? หรืออยากให้ฉันทำให้เธอคิดถึงมากกว่านี้?”มีนาใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบซ่อนอาการไม่อยู่ ดวงตาไหวระริก ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของพรายรพียังคงอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆแผ่วเบา แต่ละคำพูดของเขาทำเอาเธอเขินจนแทบหลบสายตาไม่ได้ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ว่ามันจะหลุดออกมาเมื่อเขาพูดแผ่วเบาใกล้ๆ หูอีกครั้งมีนาหายใจสะดุด สายตาสั่นไหวขณะที่มองใบหน้าของพรายรพีที่ยังคงโน้มใกล้เธอ ใจเธอสับสนระคนตื่นเต้น “คะ...คุณ...จะไม่ทำร้ายฉันใ
มีนค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอน รู้สึกได้ถึงความปวดร้าวในทุกการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อของเธอเตือนให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน เมื่อเธอหันไปมองรอบๆ ห้อง เพียงแต่พบว่ามันเงียบงัน ร่างใหญ่ของพ่อพรายรพีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆ ที่เป็นต้นเหตุของสภาพเธอในตอนนี้มีนาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่ยังคงสั่นไหวเล็กน้อย แล้วหันกลับไปมองที่นอนซึ่งยับเยินอยู่ใต้ตัวเธอ ใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่คำตอบกลับหายไปพร้อมกับตัวของพรายรพี"เขาหายไปไหน..." มีนคิดในใจ แม้จะรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ แต่ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นมีนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ป้าพิศ ผู้ดูแลบ้านของพรายรพี ยืนอยู่ที่ประตูห้องพร้อมกับถาดอาหารในมือ สายตาอ่อนโยนแต่แฝงความกังวลจ้องมองมาที่เธอ“ตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าพิศถามเสียงนุ่มมีนาพยักหน้าเบาๆ พยายามฝืนยิ้มทั้งที่ความเจ็บปวดในร่างกายยังไม่หายไป “ค่ะป้า...” เธอตอบแผ่วเบาป้าพิศเข้ามาใกล้ วางถาดอาหารลงบนพื้นกระท่อม “ทานข้าวหน่อยนะคะ จะได้มีแรง แล้วถ้ารู้สึกไม่สบาย
มีนาลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบบ่าย สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าทั่วทั้งร่าง ร่างกายเธอประท้วงเมื่อลุกขึ้นจากที่นอน หลังจากคืนที่ผ่านมาที่เธอต้องเผชิญกับแรงรักที่ชายร่างใหญ่พ่อพรายรพีโหมกระหน่ำใส่ไม่หยุด ความรุนแรงของเขาได้ทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายและหัวใจเธอ ทำให้เธอรู้สึกทั้งอ่อนเพลียและไม่อาจหลีกเลี่ยงความคิดถึงเขาได้ ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับความปรารถนาและความอ่อนหวานในคืนที่ยาวนานทำให้เธอแทบไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับวันใหม่ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับความอ่อนล้าและรับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่อาจหวนกลับได้แล้ว."ลุกไหวไหม?" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์และเย้าแหย่ ขณะยกถาดอาหารในมือขึ้นเล็กน้อย สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองตรงมาทำให้มีนาหน้าแดงซ่าน พรายรพีเมื่อเห็นสีหน้าเง้างอดของมีนา ก็อดขำไม่ได้ รีบวางถาดอาหารลงข้างๆ ก่อนจะเข้าไปกอดร่างบางจากด้านหลัง เขากระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหู "เมียจ๋า มากินข้าวเร็ว ๆ นะ จะได้มีแรงงง...อีก" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้มีนารู้สึกถึงความอบอุ่นและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน แต่ก็ไม่วายหันไปมองเขาด้วยสายตาคา
ฮ่าฮ่าฮ่า! เสียงหัวเราะเหี้ยมโหดของไอ้เข้มดังก้องอยู่รอบๆ ขณะที่ลูกน้องของเขาจับตัวแม่คนงามที่พ่อพรายรพีแสนหวงแหนมาได้ไอ้เข้ม: (หัวเราะเหี้ยมโหด) “ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันที่สุดยอดจริงๆ! ลูกน้อง: “พี่เข้ม พี่ต้องการให้เราทำอะไรกับสองคนนี้ดี?”ไอ้เข้ม: (มองไปที่ร่างงามในกรงไม้) “ปล่อยให้อยู่ในกรงนี้ก่อนแล้วกัน ”มีนา: (เสียงสั่น) “ปล่อยพวกฉันไปเถอะ! ”ไอ้เข้ม: (ยิ้มเหี้ยม) “ปล่อยเหรอ ไม่มีทาง เธอเป็นตัวล่อชั้นดีให้ไอ้พรายรพีเข้ามาติดกับของฉัน”ลูกน้อง: “พี่เข้มจะให้ทำอย่างไรต่อไป?” ถามย้ำไอ้เข้ม: (เดินไปใกล้กรงไม้) พวกเธอจะเป็นเหยื่อล่อให้ไอ้พรายรพีเข้ามาในรังของเรา เดี๋ยวไม่นานไอ้พรายรพี จะต้องมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเธอแน่นอน และเมื่อฉันฆ่ามันตายแล้ว เธอจะต้องตกเป็นเมียของฉัน อีกด้านพรายรพีและเสือร้ายทั้งเจ็ดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบท่ามกลางป่าลึก การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล้ายกับเงาที่ค่อยๆ ร้อยเรียงไปตามรอยแยกของต้นไม้ ความมืดของป่าทำให้พวกเขาดูเหมือนกับวิญญาณที่คอยคุกคามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่เท้าของพวกเขาแตะพื้น เสียงของใบไม้ที่แห้งกรอบและกิ่งไม้ที่หักก