“จำได้ค่ะ วันนั้นพี่กินก็มาฉลองที่บ้านเราด้วย” จะลืมได้อย่างไร เพราะหลังฉลองวันเกิดอายุสิบห้าของเธอไปแค่คืนเดียว รุ่งขึ้นเขาบอกเลิกเธอทันที “วันนั้นพ่อเรียกดินมาคุย บอกเขาให้เลิกกับเอย เพราะเขาไม่เหมาะกับเอย”“คุณพ่อ!” อัณญาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “พ่อพูดจาไม่ดีกับเขา เพราะกลัวว่าเขาจะมาเกาะลูก ดูถูกที่เขาจน และห้ามไม่ให้เขามาเหยียบบ้านเราอีก”“คุณพ่อ ฮือๆ ทำไมพูดกับพี่เขาแบบนั้น ฮือๆ” อัณญาปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ เพราะความสงสารธรินท์ ไม่คิดจริงๆ เบื้องหลังคำบอกเลิกที่คิดว่าใจดำและโหดร้ายกับเธอนั้นจะเกิดจากเหตุผลนี้ “พ่อเสียใจ แต่ตอนนั้นพ่อคิดว่าเขาอาจจะ...”“พอเถอะค่ะ” อัณญาไม่อยากฟังคำหวังดีที่สุดท้ายแล้ว พ่อก็คือคนที่ทำร้ายหัวใจของเธอ ไม่ใช่เขา“ต่อไปนี้พ่อจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าเอยอยากกลับไปคบกับดิน พ่อก็ยินดี”“เขาคงอยากกลับมาหรอก!” อัณญาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนั่งเล่น ความคิดที่อยากจะไปทำงานนั้นจบลงแล้ว เธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรงทั้งสับสน ทั้งเสียใจ และเสียดายกับวันเวลาที่เธอเอาแต่จงเกลียดจงชังธรินท์ เพราะเหตุผลที่เขาทิ้งเธอไปมีค
บทนำ อีเวนท์ของซุป’ ตาร์กว่าจะเบียดผู้คนเข้ามาภายในบริเวณงาน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง บาลีถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย เมื่อได้ยืนอยู่ในจุดที่สามารถมองไปยังบนเวทียกพื้นเตี้ย ซึ่งซุปเปอร์สตาร์หนุ่มอันดับต้นๆ ของเมืองไทยคนหนึ่งกำลังร้องเพลงเล่นกีตาร์ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม บวกกับการเล่นกีตาร์ที่เข้าขั้นเทพ ก็ทำให้ได้รับเสียงกรี๊ดจนหูแทบจะดับ“มึง พี่อัทธ์ แม่งโคตรหล่อ โคตรเท่เลย กรี๊ดดดด”“โอ๊ย เสียงก็โคตรเพราะ”“เพลงพี่เขาก็แต่งเองเลยนะ”“คนบ้าอะไร ครบเครื่องสุดๆ ทั้งหล่อ เท่ เล่นละครเก่งแล้ว ยังร้องเพลงเพราะ แต่งเพลง เล่นดนตรีได้อีก มึง กูไม่ไหวแล้วอะ กรี๊ดดด”ถึงจะหนวกหูเสียงกรี๊ด แต่บาลีก็แอบยิ้มปลื้มกับคำชื่นชมที่ได้ยินจากเด็กสาวกลุ่มใหญ่ที่ยืนเบียดเสียดในงาน เพราะเธอเป็นแฟนคลับอัทธ์มาตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นซุป’ ตาร์เหมือนในตอนนี้เรียกว่าเป็นเอฟซีรุ่นบุกเบิก เพราะเธอติดตามชายหนุ่มมาตั้งแต่เขายังเป็นรุ่นพี่ในคณะ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมันก็นานมาแล้วนานมากกว่าอายุของลูกชายวัยเจ็ดขวบของเธอเสียงด้วยซ้ำสายตาเธอทอดมองคนบนเวที อัทธ์นั่งอยู่บนเก้าอี้บาร์ อยู่ในชุดสูทแบรนด์ดังสีเทา
นอกจากครอบครัวที่มีเพียงลุงกับป้า อัณญาก็เป็นอีกคนที่รับรู้เรื่องราวการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอมาตั้งแต่ต้น คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดมา แม้ถึงตอนนี้เพื่อนรักจะไม่รู้ว่าใครคือพ่อของลูกเธอก็ตามเวลานัดหมายยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง บาลีจึงเดินเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าและของเล่นเด็ก ซื้อของไปฝากลูกชาย จากนั้นก็เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าสำหรับคนสูงวัย เลือกเสื้อผ้าสำหรับลุงปราบและป้ามอญ สำหรับไปทำบุญหรือไปงานสำคัญของผู้คนละแวกบ้านซึ่งบ้านเกิดของบาลีอยู่ที่เขาช่อง เติบโตมาในไร่องุ่นของครอบครัวบิดา กระทั่งเรียนประถม บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถขณะไปทำธุระในตัวเมือง บาลีจึงเหลือเพียงลุงปราบ พี่ชายแท้ๆ ของบิดา กับป้ามอญ ป้าสะใภ้ ทั้งสองไม่มีลูก จึงรักและเลี้ยงดูเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มาตั้งแต่เกิดเมื่อบิดามารดาจากโลกนี้ไป บาลีก็มีอ้อมกอดและความอบอุ่นของลุงป้าที่คอยปลอบประโลม ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิต แถมมีธรินท์ หลานชายป้ามอญที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและพี่ชายที่คอยดูแลอีกสิบห้านาทีก็ถึงเวลานัด บาลีจึงหอบข้าวของที่ซื้อมาตรงไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมายบาลีสั่งอาหารจานโปรดของตนเองและเพื่อนสนิท
คืนรัญจวน อาจเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ ถนนมิตรภาพขาออก จึงมีรถหนาแน่น กลับมาถึงไร่ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ลูกชายของเธอก็หลับปุ๋ยไปแล้ว กอดตุ๊กตาแรบบิทตัวโปรดบาลีเดินหยิบของฝากลุงปราบกับป้ามอญมายังห้องนั่งเล่น ที่ป้ามอญกำลังดูละครหลังข่าวที่จบลงพอดี“ชุดไว้ใส่ไปทำบุญค่ะ” บาลีบอก“ขอบใจมากนะ แต่อย่าซื้อบ่อยสิ เสียดายเงิน” ป้ามอญบอกหลานสาวสามี ที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดประดุจลูกของตัวเอง เพราะลูกแท้ๆ เสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด เพราะสุขภาพที่ไม่ดีของนางเองตอนฝังร่างลูก อธิษฐานด้วยน้ำตาให้มาเกิดใหม่เป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง และหนึ่งปีต่อมาน้องสาวสามีก็คลอดเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู จึงช่วยเลี้ยงเด็กหญิงบาลีมาตั้งแต่วันลืมตาขึ้นมาดูโลก พร้อมกับความเชื่อส่วนตัวว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวที่เสียชีวิตไปมาเกิดใหม่ในครอบครัวเดียวกัน ถึงได้รักและผูกพันธ์กันมาถึงทุกวันนี้“ลุงปราบนอนแล้วเหรอคะ” บาลีถามถึงผู้เป็นลุง ปกติจะนั่งเป็นเพื่อนป้ามอญดูละครหลังข่าว“ไปนั่งตั้งวงปลอบใจไอ้ดิน” ป้ามอญเอ่ยถึงธรินท์ ผู้เป็นหลานชาย ที่นางช่วยส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี กระทั่งอีกฝ่ายเรียนจบก็เข้าม
บาลีเอนตัวลงข้างๆ ลูกชายตัวป้อม ที่แม้จะขึ้นชั้นประถมหนึ่ง แต่ร่างกลมๆ ที่มีมาตั้งแต่ยังอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย เพราะกินเก่ง เธอเองก็ไม่อยากจำกัดเรื่องอาหารลูก เพราะวัยกำลังกินกำลังนอน แค่ขนมหวานเท่านั้นที่ต้องปริมาณไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีก็พาเจ้าตัวป้อมออกกำลังกายประจำ ซึ่งลูกชายของเธอชื่นชอบการเตะฟุตบอลเป็นอย่างมาก เห็นตุ้ยนุ้ยแบบนี้ วิ่งเร็วมากบาลีกับธรินท์ เลยต้องเป็นคู่ซ้อมของเจ้าตัวป้อมมองเจ้าแก้มยุ้ยแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อายุเจ็ดขวบ ทำไมต้องหล่อขนาดนี้ถึงใบหน้าจะกลม แก้มป่อง แต่ดวงตาที่หลับพริ้มไปแล้วนั้น เรียวกว้าง แพขนตายาวงอน จมูกโด่งพ้นแก้มยุ้ยอย่างเห็นได้ชัด ปากหยักสวย ผิวขาวอมชมพูอีกต่างหากจะว่าหลงรูปโฉมลูกตัวเอง บาลีก็ยอมรับ ก็แหงสิ พ่อของเจ้าตัวป้อม หล่อระดับประเทศเลยนะลูกชายจะน้อยหน้าได้อย่างไรล่ะ คิดแล้วก็หอมแก้มยุ้ยฟอดใหญ่ ก่อนปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วเดินกลับห้องนอนตัวเองที่อยู่ติดกับห้องลูกชาย ที่เพิ่งแยกห้องนอนเมื่อเรียนชั้นประถมหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ตามประสาแม่ลูกแต่เพราะวันนี้ได้เจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า คืนนี้บาลีข่มตา
ตอนนี้น้ำส้มก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ไม่หยิ่ง จึงทำให้คบหากันได้อย่างสบายใจ“ตกลงเป็นแฟนกับพี่อัทธ์เหรอ” ปิยดาถามน้ำส้ม ในตอนที่กินมื้อเที่ยงด้วยกันในร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย“ไม่ได้เป็นขนาดนั้น” น้ำส้มตอบแล้วยิ้มมุมปาก“แล้วขนาดไหน” เพราะเธอกับปิยดาเห็นน้ำส้มคุยกับหนุ่มหล่อในมหา’ ลัยอยู่หลายคน ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน เน้นคนหน้าตารูปร่างดีทั้งนั้น“ก็กิ๊กๆ กันธรรมดา”“ไม่ได้ชอบกันมากขนาดจะเป็นแฟนเหรอ”“ก็ชอบนะ แต่ฉันยังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”“ชอบมีกิ๊กหลายคนว่างั้นเถอะ”“ก็สวยเลือกได้ปะล่ะ”“จ้า แม่คนสวยเลื่องลือระบือไกล” ปิยดาประชด แต่น้ำส้มหัวเราะร่วนถูกใจในคำพูดของปิยดา“แกนี่พูดจาได้โบราณดี”“ก็ฉันอยู่กับคนแก่บ้าอ่านนิยายพีเรียดไง”“แต่เธอ ไม่หัวโบราณใช่มั้ย”“ไม่จ้า ฉันสาวรุ่นใหม่ หัวทันสมัย”“งั้นคืนนี้ไปเที่ยวผับกันดีกว่า”“ไปสิ” ปิยดารับคำทันที“ลีไปเปล่า” น้ำส้มหันมาชวนบาลีส่ายหน้า พอเห็นน้ำส้มทำหน้าเบื่อๆ ใส่ บาลีก็ยิ้มแห้ง บอกเสียงอ่อยๆ“ก็เราไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่”“จ้า แม่นางเอกคนดี แสนเรียบร้อย”ตั
‘อยู่ที่ไหนนะ’บาลีลืมตาขึ้นมาทั้งที่ยังงัวเงีย ขณะมองไปรอบห้องอย่างงงๆ ก่อนจำได้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นในคอนโดฯ ของน้ำส้มนั่นเองแต่เพื่อนๆ ไปไหน ทำไมเธออยู่คนเดียว หันไปมองนาฬิกาแขวนติดผนัง“นี่มันตีสามแล้วเหรอ” บาลีพึมพำเพื่อนๆ คงกลับหมดแล้ว คงเห็นว่าเธอเผลอหลับไป ทุกคนก็เลยปล่อยให้หลับต่อในห้องนั่งเล่น เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บาลีหลับในห้องนั่งเล่นคอนโดฯ ของน้ำส้ม ตอนทำรายงานกลุ่ม หรือวันว่างเธอกับปิยดาก็มาจอยกับน้ำส้มออกบ่อยกำลังจะเอนตัวลงนอนต่อ ก็ได้ยินเสียงครางฮือๆ จากในห้องนอน เสียงเหมือนคนฝันร้าย หรือพร่ำบ่น และแปลกว่านั้น เสียงห้าวทุ้ม ไม่ใช่เสียงหวานใสของน้ำส้มแน่นอนกลัวก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าใคร หรือน้ำส้มพาใครมาค้างด้วย ก็อย่างที่รู้น้ำส้มเป็นสาวแซ่บ ยังไม่ได้คบหาใครอย่างจริงจัง แต่มีคนคุยอยู่หลายคน และหนึ่งในนั้นคืออัทธ์ถึงจะกลัว แต่ความอยากรู้ก็เอาชนะ บาลีค่อยๆ ย่องไปยังห้องนอนที่ปิดประตูไม่สนิท ค่อยๆ มองลอดช่องประตูเข้าไป แสงจากโคมไฟหัวเตียงทำให้เห็นร่างใหญ่ของใครบางคนนอนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ นอนกระสับกระส่าย ปากก็พึมพำไม่หยุด“หนาว”แค่เห็นใบหน้าคนบนเตียงชัดเจน พร้อมอ
อีกทั้งเธอกลับครางเสียงหวานแผ่ว เมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาในชายเสื้อลูบไล้เนื้อตัว ตั้งแต่รอบเอว สีข้าง ไล่ขึ้นไปกระทั่งถึงแผ่นหลัง และถูกโอกาสปลดตะขอบราเซียร์เธออย่างเชี่ยวชาญ และมือนั้นกำลังลูบไล้มายังเบื้องหน้า“อย่า อ๊ะ” เหมือนจะช้าไป เพราะมืออุ่นนั้นแตะลงกับฐานทรวง ไล้เบาๆ ด้วยปลายนิ้ว แต่เธอกลับสะท้านตามประสาหญิงสาวที่เพิ่งแรกเริ่มสัมผัสจากเพศตรงข้ามปากที่พยายามห้ามก็ถูกครอบครองด้วยปากอุ่นผ่าวอย่างจัดเจน รับรู้ถึงความหอมหวานจากรสจุมพิตของคนที่ฝันถึงในทุกค่ำคืน ตอนนี้นอกจากไม่มีความคิดที่จะต่อต้าน บาลียังยินยอมเปิดริมฝีปากเพื่อต้อนรับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาซอกซอนดูดดึงลิ้นเธอให้เกิดความซาบซ่านจนร่างสะท้าน แล้วไหนจะมือใหญ่ที่ตอนนี้เคล้าคลึงอบอิ่มที่ไม่เคยถูกมือใครสัมผัสบาลีจึงสะท้านด้วยความวาบหวาม ไม่ว่าเขาจะแตะต้องตรงไหน เธอได้แต่บิดเร้าร่างอย่างรัญจวนจูบที่ดูดดื่มกำลังจะทำให้เธอหัวใจวาย แต่มือที่ร้ายกาจทำให้หัวใจเธอเต้นระทึกและซาบซ่าน“อ๊ะ” เธอครางอย่างห้ามใจไม่ไหว เมื่อปากอุ่นนั้นจูบไล้มายังมุมปาก ขณะปลายนิ้วสะกิดบนยอดอกที่เป็นตุ่มไต“หวานมาก” เสียงแหบพร่ากระซิบริมหู เมื่อเขาถอนริม
“จำได้ค่ะ วันนั้นพี่กินก็มาฉลองที่บ้านเราด้วย” จะลืมได้อย่างไร เพราะหลังฉลองวันเกิดอายุสิบห้าของเธอไปแค่คืนเดียว รุ่งขึ้นเขาบอกเลิกเธอทันที “วันนั้นพ่อเรียกดินมาคุย บอกเขาให้เลิกกับเอย เพราะเขาไม่เหมาะกับเอย”“คุณพ่อ!” อัณญาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “พ่อพูดจาไม่ดีกับเขา เพราะกลัวว่าเขาจะมาเกาะลูก ดูถูกที่เขาจน และห้ามไม่ให้เขามาเหยียบบ้านเราอีก”“คุณพ่อ ฮือๆ ทำไมพูดกับพี่เขาแบบนั้น ฮือๆ” อัณญาปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ เพราะความสงสารธรินท์ ไม่คิดจริงๆ เบื้องหลังคำบอกเลิกที่คิดว่าใจดำและโหดร้ายกับเธอนั้นจะเกิดจากเหตุผลนี้ “พ่อเสียใจ แต่ตอนนั้นพ่อคิดว่าเขาอาจจะ...”“พอเถอะค่ะ” อัณญาไม่อยากฟังคำหวังดีที่สุดท้ายแล้ว พ่อก็คือคนที่ทำร้ายหัวใจของเธอ ไม่ใช่เขา“ต่อไปนี้พ่อจะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าเอยอยากกลับไปคบกับดิน พ่อก็ยินดี”“เขาคงอยากกลับมาหรอก!” อัณญาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนั่งเล่น ความคิดที่อยากจะไปทำงานนั้นจบลงแล้ว เธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรงทั้งสับสน ทั้งเสียใจ และเสียดายกับวันเวลาที่เธอเอาแต่จงเกลียดจงชังธรินท์ เพราะเหตุผลที่เขาทิ้งเธอไปมีค
เรื่องที่ไม่เคยลืม อัณญารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อโทร. หาน้องชายให้มารับกลับบ้าน โทร. อย่างไรก็ไม่ติด เพื่อนมาจากกรุงเทพฯ เพื่อปรับทุกข์เรื่องแฟนนอกใจ เธอก็เลยทั้งปลอบใจและดื่มเป็นเพื่อนจนเมากันทั้งคู่ ขับรถกลับบ้านไม่ไหวจะโทร. หาคนขับรถของบิดา มันก็ดึกมากแล้ว ลุงไกรก็คงหลับไปแล้ว เมื่อโทร. หาน้องชายตัวดีไม่ติด อัณญากับเพื่อนก็เลยตัดสินใจจะเรียกไรเดอร์ทางแอพฯ แต่ยังไม่ทันจะกดเรียก เสียงห้าวทุ้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น“ท่าทางจะเมา ให้พี่ไปส่งแล้วกัน”อัณญาหันไปมองแล้วทำท่าครุ่นคิด ยอมรับว่าตั้งแต่คุยกันเรื่องความสัมพันธ์กับบาลีวันนั้นแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขาบ่อยๆ“ใครอะ หล่อจุง” เพื่อนที่เพิ่งคร่ำครวญว่าถูกผู้ชายทิ้ง ดื่มหนักและตัดพ้อชีวิตว่าต่อไปนี้จะครองตัวเป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น กลับมอง ธรินท์ตาเป็นประกายเยิ้ม ทั้งจากความเมาส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็แพ้คนหล่อ “สวัสดีครับ ผมดินครับ เป็นคนบ้านเดียวกับเอย”“งั้นก็ไว้ใจได้สิ ไปส่งพวกเราเถอะ”“ได้ครับ” แล้วเขาก็แบมือขอกุญแจรถจากอัณญา หญิงสาวก็ไม่มีทางอื่น นอกจากยื่นให้อีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอยากกลับบ้านไปนอนเต็มที่ ทั้ง
วันนี้ยกกองฯ เร็ว เพราะเมทิตาลาป่วยทั้งวัน อัทธ์เห็นอาการป่วยของเมทิตาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว เพราะเข้าฉากด้วยกันอยู่ดีๆ เจ้าตัวก็หน้ามืดเป็นลมวันนี้เขาจึงเข้าฉากกับน้องอิฐเป็นหลัก และนักแสดงคนอื่นๆ จนกระทั่งหกโมงเย็น ทุกคนแยกย้ายกันกลับที่พัก ส่วนเขาเดินกลับบ้านกับน้องอิฐ เพราะต้องไปเล่นฟุตบอลกันต่อสักครู่ชั่วโมง ก่อนมื้อค่ำในเวลาหนึ่งทุ่มตรง วันนี้นอกจากมีธรินท์กับวินแล้ว ก็มีเพื่อนซี้ของน้องอิฐชื่อเตเต้มาเล่นด้วย เมื่อเล่นฟุตบอลเสร็จธรินท์กับวินก็แยกย้ายไปหามื้อค่ำกินข้างนอกตามประสาหนุ่มโสด ที่ต้องการใช้เวลาหลังมื้อค่ำเพื่อแฮงเฮาท์ต่อกับกลุ่มเพื่อน ส่วนอัทธ์นั้นหลังมื้อค่ำ ก็ยังใช้เวลากับบาลีและน้องอิฐต่อ กระทั่งถึงเวลานอนน้องอิฐ เขาก็ขอตัวกลับที่พักโดยที่ไม่รู้ว่าขณะที่กำลังเปิดประตูห้องเข้าไปนั้น ผู้หญิงที่เขาไม่อยากเจอหน้าที่สุด กำลังเดินออกมาจากห้องพักที่อยู่เยื้องจากเขาไปเล็กน้อย น้ำส้มถึงกับกระตุกยิ้มอย่างหมายหมาด เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอัทธ์พักอยู่ห้องไหน เอาเถอะ จะปล่อยเขาไปสักวัน เพราะวันนี้เธอแต่งตัวจัดเต็มความแซ่บ เพื่อล่าเหยื่อหนุ่มๆ ในค่ำคืนนี้แล้ว เพราะอดเซ็กซ
แต่อย่าคิดว่าคนอย่างน้ำส้มจะหมดหนทางในเรื่องผู้ชาย เพราะอัทธ์ก็เป็นคนที่เพอร์เฟกต์ไม่แพ้คริส เธอจะทำให้อัทธ์กลับมาหลงใหลเธอเหมือนสมัยก่อนให้ได้ ตอนนั้นไม่น่าทิ้งเขาไปกิ๊กคริส ขนาดเคยทิ้งอัทธ์ไว้ในห้องทั้งที่เขาไม่สบาย เพื่อไปเริงรักกับคริส แถมยังรีบร้อนไปเรียนต่อเมืองนอกพร้อมกับเขาอีก ถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น บางทีเธอกับอัทธ์อาจคบหากันจริงจัง และป่านนนี้อาจแต่งงานมีลูกกันไปหลายคนแล้วก็ได้แต่ไม่เป็นไร เธอจะทำให้อัทธ์กลับมาเป็นของเธอให้เร็วที่สุด จะทำให้คริสรู้ว่า คนอย่างเธอ ไม่เคยไร้ผู้ชายดีๆ ข้างกาย “ขอเบอร์พี่อัทธ์หน่อยสิ”“ต้องขออนุญาตมันก่อน” นนท์บอก“นี่คนกันเองนะคะ ต้องขอด้วยเหรอ”“ก็เคยมีสาวสวยขอเบอร์มันจากพี่ พี่ก็คิดว่ามันคงดีใจที่มีคนสวยๆ อยากทำความรู้จักมัน ปรากฏว่ามันด่าพี่แทบเสียคน น่ะสิ” นนท์ให้เหตุผล “งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวส้มจัดการเอง” ทั้งสองคุยกันไปดื่มกันไปจนนนท์เมาพับคาเก้าอี้ น้ำส้มได้หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา สแกนนิ้วของคนหลับ ไม่นานเธอก็หาเบอร์ของอัทธ์ได้จากนั้นก็เดินตัวปลิวออกจากห้องวีไอพีไปทันที โดยไม่สนใจคนเมาหลับแม้แต่น้อยในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น น้ำส้มโทร.
คนในอดีตอัทธ์เดินเข้าไปในผับที่นัดแนะกับนนท์ไว้ด้วยท่าทีเอื่อยๆ เพราะเขาเพิ่งเสร็จจากงานถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่ง ซึ่งขออนุญาตผู้จัดพักกองถ่ายละครมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว กำลังจะกลับบ้านไปพักผ่อน แต่นนท์โทร. มาเร่งเร้าอยากให้มาเจอที่ร้านประจำ ซึ่งหลังจากไปถ่ายละคร เขาไม่เคยมาที่นี่เลย ส่วนหนึ่งคือพักอยู่ที่เขาใหญ่เลย ถ้าไม่มีงานในกรุงเทพฯ ก็แทบไม่ได้เข้ามา อีกส่วนคือเขาใช้เวลาว่างหลังเลิกงานกับบาลีและน้องอิฐ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมาก เขาชอบช่วงเวลาแบบนั้นมากกว่ามาสังสรรค์กินเหล้าเคล้านารีกับนนท์ ที่ตอนนี้เจ้าตัวคร่ำครวญว่าเพิ่งเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไปไม่กี่วันนี่เองนี่คือเหตุผลที่เขาต้องทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี มาปลอบใจและกินเหล้าเป็นเพื่อนอีกฝ่าย แต่พอเดินเข้าไปในห้องวีไอพี ห้องประจำเท่านั้น คนที่เพิ่งบอกว่าอกหักกำลังหัวเราะอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง คนที่เพ่งมองดีๆ แล้วคุ้นมาก ถึงมากที่สุด!“พี่อัทธ์ ดีใจจังเลยที่เจอกันอีก” หญิงสาวถลาเข้ามาโถมกอดเขาทั้งตัว เนื้อตัวที่นอกจากนุ่งสั้นแค่คืบ แต่ช่วงบนก็เกาะอกโชว์อกตูม แบบไม่ไว้หน้าใครเสียด้วย อัทธ์ยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ เพราะไม่คิดว่าจะเจอหญิงสาวอีกครั้ง ในเ
“บ้านน่าอยู่มากค่ะ” บาลีเอ่ยขึ้น หลังมื้อค่ำจบลง อัทธ์ก็พาเธอกับลูกชายมาที่บ้านส่วนตัวของเขาที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกับครอบครัว แต่ระยะห่างกันค่อนข้างมาก แถมยังถูกกางกั้นด้วยรั้วต้นไม้พุ่มที่ถูกตัดแต่งสวยงาม เป็นบ้านสีขาวไม่ต่างจากคฤหาสน์ของครอบครัว ทว่าหลังเล็กกว่า แต่สวยน่าอยู่ไม่แพ้กัน ที่นี่ยังเป็นโฮมออฟฟิศของอัทธ์ เพราะมีห้องสตูดิโอ สำหรับซ้อมดนตรีและบันทึกเสียงด้วย อัทธ์พาชมทุกห้องของบ้าน ก่อนพาแม่ลูกมายังห้องพักที่อยู่ข้างๆ ห้องของเขา “พักผ่อนตามสบายนะ น้องอิฐท่าจะง่วงมากแล้ว”“ค่ะ” บาลีกับลูกชายรีบอาบน้ำ เมื่ออยู่ในชุดนอนเรียบร้อย เธอก็พาลูกเข้านอน เพราะเพลียกับการเดินทาง ทั้งสองจึงหลับไปในเวลารวดเร็ว ตื่นมากินมื้อเสร็จ อัทธ์ก็พาเธอกับลูกเดินทางกลับไร่แสงอุษา โดยที่บาลีไม่ได้ปิดบังทางบ้านอีกต่อไป เพราะคิดว่าไหนๆ ธรินท์ก็รู้แล้วว่าเธอกับอัทธ์คบกัน บาลีจึงบอกป้ามอญกับ ลุงปราบ ซึ่งทั้งสองก็มีตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่บาลียังไม่ได้บอกอย่างเป็นทางการคือลูกชายตัวเอง เพราะฉะนั้นคืนนี้หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ เธอกับลูกนอนอ่านหนังสือด้วยกันในห้องนอนของลูก บาลีจึงเปรยเ
เมื่ออัทธ์เคลื่อนรถเข้ามาในคฤหาสน์ของครอบครัวในตอนเย็นของวัน บาลียอมรับว่าตื่นเต้น ลูกชายของเธอก็น่าจะมีอาการไม่ต่างกัน เพราะเจ้าตัวเอาหน้าแนบกระจกรถเพื่อมองไปยังด้านนอก สีหน้าก็บ่งบอกอาการไม่ต่างจากผู้เป็นแม่แต่บาลีไม่ได้ตื่นเต้นที่เห็นบ้านหลังใหญ่และบริเวณกว้างขวาง เพราะบ้านไร่แสงอุษาเธอก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร แต่ความรู้สึกที่ว่ากำลังจะได้เจอครอบครัวของอัทธ์ต่างหากที่ทำให้บาลีรู้สึกแบบนั้น“เป็นอะไร มือเย็นเชียว” อัทธ์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อลงจากรถหน้าเทอเรซ จับมือสองแม่ลูกเพื่อจะเดินเข้าบ้าน แต่พบว่ามือของบาลีนั้นค่อนข้างเย็น“ตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ” บาลีบอกไปตามตรง“ไม่นิดหน่อยมั้งครับ แต่จะบอกว่าไม่มีหรอก ที่บ้านรู้ว่าแล้วว่าพี่คบกับลีอยู่ ทุกคนโอเค” “จริงๆ นะคะ” บาลีไม่ได้กังวลเรื่องหน้าตาหรือฐานะ เพราะแม้จะไม่ได้เทียบเท่าเขา แต่เรื่องสถานะที่เป็นผู้หญิงมีลูกแล้วนี่สิ ก็ไม่ต่างจากแม่ม่าย ทั้งที่ความเป็นจริงเธอก็เป็นเพียงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเท่านั้น “จริง และที่บ้านเห็นภาพน้องอิฐตอนฟิตติ้งละคร ทุกคนก็อยากเจอตัวจริงทั้งนั้น พ่อกับแม่และพี่สาวพี่ บอกว่าน้องอิฐหน้าเหมือนพี่ตอนเป็นเด็ก
ร่างที่หลับใหลไปอย่างเต็มอิ่ม ค่อยๆ ลืมตา ภายในห้องที่ยังสลัวลาง แต่รับรู้ได้ว่าใกล้ฟ้าสาง เขากวาดสายตามองรอบห้อง ถึงรู้ว่าตัวเองหลับอยู่ในห้องนอนรับรองแขก แขกที่ว่านั่นคือเขาหันขวับไปด้านข้างทันที ภาพที่อยู่ตรงหน้า มีเด็กชายตัวป้อมซุกอยู่ข้างลำตัวเขา มองข้ามเจ้าตัวป้อมไป ก็เห็นใบหน้าที่เขามองว่าน่ารักนั้นหลับพริ้มอยู่ และท่อนแขนเรียวเสลานั้นก็กอดเจ้าตัวป้อมไว้อย่างหวงแหน ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกเหลือเกิน จู่ๆ เขาก็อยากเห็นภาพนี้ไปตลอดชีวิต ภาพครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่ ลูก เป็นภาพที่ไม่เคยอยู่ในหัวเขามาก่อนเขาไม่เคยคิดอยากจะมีลูก นอกเหนือจากที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นใจจะเลี้ยงดูให้เป็นคนดีในสังคม ที่มีสิ่งยั่วยุมากมายขนาดนี้ การมีลูกสำหรับเขา มันเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตอย่างอิสระ และไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น แต่ตอนนี้ยอมรับว่าบาลีกำลังทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนความคิดนั้นทีละนิด“ตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงหวานๆ ที่ทักทายนั้นทำให้อัทธ์หลุดจากห้วงคิด เขาส่งยิ้มให้แล้วขานรับ“อือ ขอโทษด้วยนะเผลอหลับ แย่งเตียงแม่ลูก” “ไม่เป็นไรค่ะ เตียงออกกว้าง”“พูดแบบนี้แปลว่าคืนต่อไปก็มานอ
บาลียิ้มปากฉีกขณะนั่งมองพ่อลูกกำลังเล่นเตะบอลด้วยกันบนชายหาดอย่างสนุกสนาน ตอนนี้เธอยังสวมแว่นกันแดด กับหมวกแก็ป ไม่ได้สวมแมส อัทธ์บอกว่ามันดูจงใจปกปิดใบหน้าจนคนจะสงสัยเอาเสียด้วยซ้ำ ทำให้บาลีคล้อยตาม เพราะอาจเป็นจุดสนใจ แทนที่จะได้อยู่แบบเงียบๆ แบบไม่มีคนสนใจอย่างที่ต้องการ “แม่ครับ อาอัทธ์ให้มาชวนเล่นน้ำด้วยกัน” “ไม่ดีกว่า ลูกเล่นกับอาอัทธ์สองคนเถอะ” เกิดมีคนเห็น แอบถ่ายภาพ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ“อาอัทธ์บอกว่า ถ้าแม่ไม่ไป อาอัทธ์จะมาอุ้มแม่ลงทะเลเอง” “เฮ้ยได้ไงล่ะ!” บาลีเผลอร้องขึ้นอย่างตกใจ “ก็อาอัทธ์บอกแบบนั้นจริงๆ นั่นไง อาอัทธ์มาแล้ว” บาลีตกใจที่เห็นอัทธ์เดินตรงดิ่งมาที่เธอกับลูก ท่าทีขึงขัง จนเธอไม่ไว้ใจ กลัวว่าเขาจะอุ้มเธอลงทะเลจริงๆ แถมมีสาวๆ ที่นั่งถ่ายรูปเล่นบนชายหาด หันมากรี้ด แล้วร้องเรียกชื่อเขาอีก “พี่อัทธ์หล่อมาก เท่มาก กรี๊ดดด” บาลีรีบผุดลุกจากพื้นทราย เพียงไม่กี่ก้าวที่เขาจะมาถึงตัวเธอ บาลีตัดสินใจวิ่งไปยังผืนน้ำ แล้วพุ่งตัวลงกระแทกใส่คลื่นที่โถมเข้าหาฝั่งพอดี เสียงหัวเราะของสองพ่อลูกแว่วแทรกเสียงมาให้ได้ยิน บาลีคิดว่าถูกอัทธ์แกล้งแน่นอน ลูกชายของเธอก็