“ยังไงฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ”
เสียงโวยวายดังสวนขึ้นทันทีหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบประโยค
“ไหนคุณลองให้เหตุผลมาสิครับว่าทำไม”
เจ้าของตาคมสีเฮเซลเอ่ยถามหัวหน้าการตลาดสาวด้วยแววตานึกสนุก
“พี่อาทิตย์เตรียมแผนงานมาตั้งนานอีกแค่หนึ่งเดือนก็ถึงวันเปิดตัวแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ออกไปก่อนอีกแบบนี้ไม่แย่ไปหน่อยเหรอคะนี่ผ่านการคิดมาแล้วเหรอ”
หลายคนไม่พอใจกับท่าทางเย่อหยิ่งกับคำพูดหักหน้าเจ้านายที่พวกเขาเคารพรัก แต่ต้องเก็บอาการไว้เพียงเพราะอีกฝ่ายคือน้องสาวสรัลผู้เป็นสามีของชายหนุ่ม
แล้วยิ่งหงุดหงิดใจที่ผู้ถูกกระทำไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจหรือเป็นเป็นเดือดเป็นร้อนสักนิดซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาแต่ไม่เคยชินเสียที ทำไมครั้งนี้มันรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น
“ไม่เอาน่าริน”
สรัลเอ่ยปรามน้องสาว
“ทำไมก็รินพูดเรื่องจริง”
สิรินยังคงลอยหน้าลอยตาเพราะถึงยังไงพี่ชายของเธอก็ไม่ได้ปรามแบบจริงจังอยู่แล้ว
“นั่นสิครับวินมันกระชั้นชิดไปหรือเปล่านี่ทางนั้นเขาก็เริ่มเตรียมงานให้เราแล้วเพราะของตกแต่งบางชิ้นต้องนำเข้าจากต่างประเทศด้วยบริษัทออแกไนซ์ของพี่อาทิตย์อาจจะฟ้องเรากลับได้นะ”
“อืมที่พวกคุณพูดก็ถูกนะ”
สิรินยิ่งลำพองใจที่เห็นพี่สะใภ้แสนโง่เง่าผู้เป็นบ่อเงินบ่อทองของเธอยังคงเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดไม่ได้นึกเอะใจกับรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาและสรรพนามที่เปลี่ยนไปยามที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา
“คุณมินตราครับ”
คนเป็นเลขารู้ใจเจ้านายโดยไม่ต้องกล่าวอะไรเพิ่มก็มีแฟ้มเอกสารมาวางตรงหน้าสิรินทันที
ฟุบ
“นี่อะไรคะ”
“นั่นสิครับ ผมก็อยากถามคุณสิรินเหมือนกัน”
สรรพนามการเรียกที่แปลกไปของหัสวีร์สะกิดใจสรัลอยู่ไม่น้อยแต่ไม่ใช่กับสิรินที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเสมอ
“ก็แค่งบการตลาดของไตรมาสแรกนี่จะเอามาทำไมอีก”
“ใช่ครับ คุณสิรินดูดีๆสิครับว่าอะไรแปลกไปนี่ยังไม่รวมกับงบที่ใช้จัดงานประมูลในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเลยนะ”
“ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกแถมงบก็สรุปเรียบร้อยแล้วนี่คะ”
ทั้งที่พูดด้วยความมั่นใจออกไปแบบนั้นแต่สิรินเริ่มรู้สึกหวั่นใจยังไงบอกไม่ถูกเพราะมีชนักติดหลังอยู่ยิ่งมองหัสวีร์ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ยิ่งเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ก็สลัดความคิดนั้นออกไปแล้วไงล่ะเธอมีพี่ชายหนุนหลังอยู่จะกลัวอะไร
“นั่นสินะครับเอาเป็นว่าคุณไปแก้ต่างที่ศาลแล้วกัน”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดฉันไม่ไป พี่รันคะดูภรรยาของพี่สิกำลังปรักปรำรินอยู่
สิรินเสียงแข็งก่อนที่หันไปทางผู้เป็นพี่ชายด้วยความความเอาแต่ใจเหมือนเคย
“วินครับ นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้นะ”
ผู้เป็นสามีเอ่ยกับคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเอาน้ำเย็นเข้าลูบเหมือนเคยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นใจอ่อนก็เขาเสมอ ไม่เคยคาดคิดว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับครั้งนี้
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณสรัลเห็นด้วยกับการยักยอกทรัพย์ของบริษัทไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว”
หัสวีร์ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาทั้งที่ในใจอยากจะหั่นอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆก็ตาม
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้สรัลไม่กล้าแก้ตัวอะไรให้กับน้องสาวตัวเองอีก แต่เจ้าตัวยังคงหาวิธีช่วยอย่างแน่นอน ค่อยไปหว่านล้อมหัสวีร์ทีหลังแล้วกันอย่างไรอีกฝ่ายก็รักและตามใจเขาอยู่แล้ว
“โอเค เลิกประชุมได้”
“แกจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้กลับมาเดี๋ยวนี้นะ พี่รันปล่อยริน”
เสียงสิรินลอยออกมาจนกระทั่งประตูห้องประชุมปิดสนิทถึงได้เงียบไปไม่ใช่เพราะเลิกโวยวายเหมือนคนบ้าแต่มันเป็นห้องเก็บเสียงทุกคนเลยไม่ต้องปวดประสาทกับเสียงนั้น
ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงสรัลและสิริน
“ใจเย็นริน อย่าทำให้พี่เสียเรื่อง”
“รินไม่เย็นมันมีสิทธิ์อะไรมาทำกับรินแบบนี้เงินแค่ไม่กี่ล้านเอง พี่รันต้องจัดการให้รินนะ”
“เดี๋ยวพี่จัดการให้แล้วรินอย่าเรียกวินว่ามันอีก”
“ทำไมอย่าบอกนะว่าพี่เริ่มรักมันแล้วน่ะ รินจะฟ้องพี่เมษ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะริน ควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยสิรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา”
คนเป็นน้องสาวกำลังจะเถียงต่อแต่เห็นสรัลที่เสียงแข็งทำหน้าจริงจังเลยทำได้แค่ฮึดฮัดเดินตึงตังออกจากห้องไป ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ส่ายหน้ากับความเจ้าอารมณ์จากการถูกสปอยจนเคยตัวมาตั้งแต่เด็ก
พอนึกถึงท่าทีของภรรยาเมื่อครู่สรัลค่อนข้างแปลกใจแต่ไม่ได้หนักใจนักเพราะหัสวีร์หัวอ่อนเชื่อฟังเขาอยู่แล้ว
ณ กรุ๊ปไลน์เม้ามอยออฟฟิตกลุ่มลับ (สมาชิก 12 คน)
ติ้ง!
เอมม่า : แกเอ้ยเมื่อกี้ฉันโคตรสะใจเลยว่ะ
ซี : เออจริง ฉันไม่เคยเห็นคุณวินเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
มิ้ว : โอ๊ย แทบอยากลุกขึ้นมารำฉุยฉายถวายเจ้าที่ค่า สาธุ99
เพชร : +1 สาคู99
โอเล่ : @เอมม่า แกว่าเพื่อนรักจะโดนไรมะ
เลย์ : @เอมม่า ใช่ๆเพื่อนรักแกอ่ะ
เอมม่า : @โอเล่ @เลย์ เพื่อนรักบ้านป้าแกสิ
เลย์ : ฮิฮิ
โรส : คุณวินเอาจริงไหมวะรอบนี้
มิ้ว : เอาจริง แต่ผลเปลี่ยนไหมไม่รู้ถ้ามีคนช่วยพูดให้น้องสาวตัวเอง
ซี : +1 ทำไมคนดีๆอย่างคุณวินต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ
มินตรา : อะแฮ่ม
เอมม่า : เจ๊มาแล้ว ตลาดวายด่วน
โรส : หลังเลิกงานเจอกันร้านหมูกระทะลุงฉุยนะ
มินตรา : ตามนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
ผู้เป็นเจ้าของห้องที่กำลังยืนมองวิวตึกสูงถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง
“เย็นนี้ไปดินเนอร์กับพี่นะครับ”
“ทำไมครับจะมาพูดแก้ตัวแทนน้องสาวเหรอ”
หัสวีร์ยืนนิ่งโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะเขากลัวใจอ่อนแต่กลัวว่าจะซ่อนแววตาขยะแขยง เคียดแค้นจนอยากฆ่าตัวปรสิตพวกนี้ให้ตายไม่มิดต่างหาก
“ที่รักลืมวันครบรอบของพวกเราแล้วเหรอครับ”
นั่นสินะเกือบลืมไปได้ยังไงในเมื่อวันครบรอบเป็นจุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังสู่หายนะของลักษิกาเจ็ม อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและยังเป็นจุดแตกหักที่ไม่มีทางเหมือนเดิมได้ของเขากับน้องสาว
“วินทำงานจนลืมไปเลยน่ะครับ”
หัสวีร์หลับตาเพื่อปรับอารมณ์ก่อนที่จะหันไปยิ้มบางให้กับคนที่เอาคางเกยกับไหล่เขาทั้งที่ยืนกอดไปด้วยจนแก้มชนกับจมูกของอีกฝ่ายก่อนที่สรัลจะค่อยๆจับตัวของคนรักให้หันมาเผชิญหน้ากันพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ละมุนว่า
“ทำงานหนักจนลืมนัดเราอีกแล้วนะครับ”
พร้อมกับจับมือข้างที่มีแหวนแต่งงานมาจรดปากลงไปอย่างทะนุถนอม
“พรุ่งนี้พี่รันมีไฟลท์เช้าไม่เป็นไรก็ได้นะครับ ไว้ค่อยกลับมาฉลองกันเดี๋ยวจะเหนื่อยเอา”
“วันสำคัญของพวกเราไม่มีคำว่าเหนื่อยเลยครับให้พี่ใช้แรงกับวินทั้งคืนก็ยังไหว”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของหัสวีร์โอนอ่อนตามเขาเหมือนเคยเลยพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
“วินครับเรื่องที่รินยักยอกไปเดี๋ยวพี่จะชดใช้ทั้งหมดให้เองอย่าดำเนินคดีเลยนะ”
ขณะที่พูดก็สังเกตท่าทีของคนรักไปด้วย
“ได้สิครับ”
เมื่อได้ยินการตอบรับที่ดีกลับมาสรัลจึงดึงหัสวีร์มากอดไว้ด้วยความดีใจและโล่งอก พลางคิดหาวิธีไม่ให้น้องสาวตัวดีก่อเรื่องขึ้นอีก
“ขอบคุณนะครับ ที่รักของพี่แสนดีที่หนึ่งเลยจะไม่ให้รักขนาดนี้ได้ยังไง”
โดยไม่ได้รับรู้ว่าภรรยาที่ตนสวมกอดอยู่นั้นแววตาเปลี่ยนประกายความเลือดเย็นทันทีในขณะที่อีกฝ่ายพูดทั้งจิกมือตัวเองจนห้อเลือดอย่างสะกดกลั้น
นั่นสิครับจะให้การรับโทษเป็นหน้าที่ของกฎหมายได้ยังไงในเมื่อมันเบาไปไม่สาสมใจเขาเลยนี่นะ
หัสวีร์จำได้ว่าวันนี้สรัลต้องถูกเรียกตัวไปหาใครบางคนระหว่างที่ดินเนอร์กันกับข้ออ้างที่ว่า
“พอดีแม่โทรมาบอกว่ารินปวดท้องมากขอให้พี่พาไปโรงพยาบาลหน่อย”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับงั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า”
“ที่รักอยู่นี่ทานให้อิ่มนะพี่สัญญาว่าจะกลับมาชดเชยให้”
“ไม่เป็นไรครับวินเข้าใจพี่ไปเถอะ”
ชาติที่แล้วเขานี่โง่จริงๆว่าคนที่สรัลไปหาไม่ใช่สิรินแต่เป็นเมธัสต่างหาก ไประเริงรักในวันครบรอบแต่งงานในขณะที่หัสวีร์ต้องดินเนอร์เพียงลำพัง โชคดีที่หัสวีร์ วัชรอมรเมฆ ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ย้อนเวลากลับมาในวัย 27 ปี หลังลืมตาตื่นขึ้นมาเช้านี้พร้อมกับอ้อมกอดที่แสนรังเกียจบนเตียงนอนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน กลับมาก่อนที่หายนะใหญ่ครั้งแรกอีกหนึ่งเดือนข้างหน้ากำลังจะเกิดขึ้น
Send message
สี่ทุ่มเจอกันที่สนามหวังว่าจะได้รับข่าวดีนะครับ
เฮ้! วู้ว ใครวะมึงวินไงโห จริงดิ หายไปโคตรนานเออสุดยอดไปเลยกรี๊ด พี่วินเสียงเฮลั่นสนามแข่งเมื่อบิ๊กไบค์คันแรกเข้าสู่เส้นชัยก่อนอีกคันที่จะตามมาอย่างติดๆแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น หมวกถูกถอดออกเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองนั้นมีบุคลิกและใบหน้าที่โดดเด่นแตกต่างกันกำลังหัวเราะและกอดคอกันออกไปยังห้องส่วนตัวเจ้าของสนามหากใครที่เคยมาตั้งแต่ Steed King เปิดสนามแรกๆเมื่อหลายปีก่อนจะต้องรู้จักวินในฐานะแชมป์สนามก่อนที่จะวางมือและหายหน้าไปหลังจากแม่เจ้าตัวเสียชีวิตกระทันหัน“ถ้าไม่มีเรื่องให้ช่วยก็ไม่เห็นหัวเลยนะครับคุณหัสวีร์ตั้งแต่มีสามีเนี่ย แล้วคิดไงสลัดมาดผู้บริหารมาในลุคนี้ได้”จิตรกรอดเอ่ยแซวน้องคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กในชุดแข่งรถกับจิวที่หูครบทั้งเจ็ดรูเหมือนสมัยเรียนมหา’ลัยไม่ได้เพราะตั้งแต่เข้าไปบริหารงานบริษัทจิวเวอรี่ต่อจากแม่ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยจะโผล่หน้ามาหากว่าจะได้เจอแต่ละทีช่างยากเย็นเหลือเกิน ยิ่งช่วงหลังแต่งงานด้วยแล้วเพิ่งได้เจอเนี่ย ด้วยความที่พ่อของมนัสวีกับพ่อของเขาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนไปมาหาสู่กันเรื่อยมาจนมีครอบครัวกระทั่งตอนที่ลุงมาโนชแต่งงานใหม่ก
ความเคยชินตั้งแต่รับช่วงต่อลักษิกาเจ็มหัสวีร์มักตื่นเช้าเสมอไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม ทั้งที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ขนาดนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกเงียบเหงาขนาดนี้กันนะมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทานอาหารเช้า ชีวิตที่แล้วไม่เคยรู้สึกถึงความอ้างว้างสักนิดแค่สรัลไปดีลงานที่ฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับมาส่วนงานตัวเองก็ยุ่งมาก ยิ่งกับมนัสวีด้วยแล้วหลังความสัมพันธ์แย่เลยห่างกันต่างคนต่างอยู่ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่นะที่ไม่เคยฉุกใจเลย แม้แต่ภาพในอดีตแสนอบอุ่นสี่คนในครอบครัวไม่เคยลอยเข้ามาในหัวตอนที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนน้องแรงขนาดนั้น“นัทเห็นพี่รันถือแบบเครื่องเพชรออกมาจากห้องทำงานวิน”“คิดมากน่าใช่ที่ไหนล่ะพี่รันไปเอาเอกสารสัญญา”“ไม่จริง นัทเห็นกับตาแถมยังรีบออกจากบ้านไปกับใครก็ไม่รู้“หลายรอบแล้วนะ อิจฉาหรือไงที่แบบของตัวเองไม่ถูกเลือกน่ะ”“พวกเราเป็นพี่น้องกันนะนัทจะอิจฉาวินไปเพื่ออะไร“เหอะ ก็แค่น้องนอกไส้ทำไมจะทำไม่ได้ แถมชอบยุ่งทุกเรื่องสร้างปัญหาตลอด รอบก่อนก็ทะเลาะกับรินเรื่องตลาด ต่อไปไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ“เออ! จะไม่มาเหยียบอีกไม่ว่าที่นี่หรือลักษิกาเจ็ม”“จะไปไหนก็ไปเลย!”ดวงตาสีสวยกระพริบถี่ไล่ไม่
เช้านี้ทุกสำนักข่าวทุกพื้นที่สื่อถูกนายอาทิตย์ บรรพ์เกียรติ เจ้าของผับหรูและบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังพร้อมกับเพื่อนอีกสิบคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจหมดในสภาพที่ดูไม่ได้หน้าตาบวมช้ำ ร่างกายบาดเจ็บกระดูกแขนขาหักบางส่วนซึ่งไม่ได้จงใจเอาชีวิตรวมไปถึงอวัยวะเพศมีเลือดซึมจากรอยเข็มจิ้มอย่างรุนแรงตรวจสอบแล้วพบว่าถูกฉีดฮอร์โมนทำให้ฝ่อตัว ส่วนคนทำนั้นตามตัวไม่ได้ไร้ร่องรอยให้ติดตามราวภูติผียามค่ำคืนทั้งนี้ยังมีหลักฐานการกระทำความผิดในข้อหาค้ามนุษย์และค้ายาเสพติดรายใหญ่รวมไปถึงยาเสียสาวที่กำลังระบาดในช่วงนี้ ถูกส่งมอบมาให้ผู้กำกับธนภัทร ภูติสกุล ฉายามือปราบกังฉินผู้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา “เอ๋? จำได้ว่านายอาทิตย์ต้องแต่งงานสิรินสิ้นปีนี้นี่นาแล้วใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปเรื่อยๆส่วนเมียหลวงก็ตามจิกเป็นไก่เช่นกัน”หัสวีร์ในชุดเสื้อคอเต่าสีดำกางเกงสีซิลเวอร์เกรย์แบบเดียวกับสูทที่ถูกถอดพาดหลังเก้าอี้ตัวใหญ่ ใบหูขวาประดับโอปอล์สีดำเม็ดจิ๋วตรงตำแหน่งอัพเปอร์โลบ (Upper lobe) สองชิ้นและแฟลต (Flat) หนึ่งชิ้น กำลังอ่านข่าวพลางพูดกับตัวเองด้วยความสงสัยหรือเพราะเขาย้อนเวลากลับมาเลยเกิดปรากฎการณ
หัสวีร์มาพบชัชชัยที่ร้านเลอฌาเพียงคนเดียวเปิดห้องเข้าไปเจอแขกนั่งรออยู่แล้วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานบุคลิกน่าเชื่อถือสายตาไม่ว่อกแว่กยามจดจ้องสนทนา อีกทั้งโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นมาในแวดวงธุรกิจยังดูดีอีกด้วยไม่แปลกใจที่ก่อนหน้าจะมีคนตกเป็นเหยื่อถูกต้มตุ๋น“ผมบอกเลยว่าคุณหัสวีร์ตาแหลมมากจริงๆ”“คุณชัชชัยอยากได้เท่าไหร่ครับ”หัสวีร์ถามหยั่งเชิงในขณะที่คู่ค้าได้ยินแล้วตาลุกวาวในใจลิงโลดแต่ต้องเก็บอาการไว้กลัวไก่ตื่น“เหมืองทับทิมสยามทุกที่ปิดถาวรไปหมดแล้วสี่ก้อนผมขอล้านห้าแล้วกันครับ”ชัยชัยเอ่ยราคาในใจพร้อมมองสีหน้าเรียบนิ่งของชายหนุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับก็เริ่มใจคอไม่ดีหรือมันแพงไปวะชวดรอบนี้อดแน่กู“แต่สำหรับคุณผมคิดแค่หนึ่งล้านพอ”ท่าทีที่เริ่มร้อนรนทำให้ผู้บริหารหนุ่มกระตุกยิ้มบางมองด้วยสายตานึกสนุกก่อนจะหยิบเช็คขึ้นมาเขียนหลังตรวจสอบแล้วว่าข้างในมีอัญมณีแน่นอน“ไม่ต้องหรอกครับเอาราคาแรกนั่นแหละ”หินเหล่านี้มาจากเหมืองรัตนากรจริงซึ่งมั่นใจได้ว่าเป็นทับทิมสยามแน่นอนแค่สามก้อนเท่านั้นส่วนก้อนที่เล็กเท่าไข่ไก่เพื่อนที่มาจากรัสเซียนอกเมืองห่างไกล ได้มาในราคาแสนถ
“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอครับ”“ฮื้อ วินก็พักแป๊บหนึ่ง แฮ่ก รอก่อน”“เราเพิ่งเริ่มเองนะครับ”“หยุดขำนะทั้งคู่เลย”หัสวีร์ที่นอนแผ่หลาหอบอยู่กลางยิมโดยมีจิตรกรนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆส่วนครูผู้สอนที่ยืนไหล่สั่นกลั้นไว้‘ยิวยิตสู’ เป็นศิลปะป้องกันตัวระยะประชิดที่ชายหนุ่มเลือกเรียนเพราะอาศัยวิธีการต่อสู้แบบผสมผสานมีจุดเด่นด้านความรวดเร็วรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทุ่มตัว โจมตีตามข้อ หักแขนหักขาให้เสียหลัก จับล็อกหรือนอนรัดให้คู่ต่อสู้ขยับไม่ได้ใช้งานได้ทั้งยืนและนอนที่สำคัญสามารถนำศาสตร์มวยไทย เทควันโด้ คาราเต้มาประยุกต์ใช้ได้ด้วยหลายคนอาจเกิดสับสนว่ายิวยิตสูกับยูโดแต่จริงแล้วนั้นยูโดพัฒนามาจากยิวยิตสูเพียงแค่ตัดท่าอันตรายออกไป เช่น ท่าฟันคอ หักแขนหักขา และท่าสังหารต่างๆถูกคัดออกทั้งหมดเน้นท่าทุ่มเป็นหลักอาศัยวิธีการจับคอเสื้อหรือแขนเสื้อทุ่มแทนเมื่ออีกฝ่ายหงายหลังลงพื้นกรรมการจะนับคะแนนและให้สัญญาณสองฝ่ายแยกออกจากกัน ไม่มีความรุนแรงหรืออันตรายเพื่อให้กลายเป็นกีฬาแข่งขันที่ปลอดภัยมากขึ้นส่วนตอนนี้หลังวอร์มร่างกายผ่าน
“เชิญครับ”ตอนนี้เมธัสกำลังขึ้นขึ้นลิฟท์ไปชั้นสูงสุดของคาสิโนที่ติดหนึ่งในสามของผู้ทรงอิทธิพลเพื่อพบใครคนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเขา ‘พลาด’ แม้จะพยายามรักษาสีหน้าให้เรียบนิ่งไว้ได้แต่มือกับชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในอาคารอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส“ว่ายังไงครับ”“ผมขอโทษครับ”“คุณเมธัสลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ”ยิ่งใบหน้าหล่อเหลายิ้มโดยปราศจากอารมณ์ขุ่นเคืองมากเท่าไหร่เมธัสก็ยิ่งเสียวสันหลังจนเหงื่อไหลซึม แม้อายุเพียง 38 ปี กลับได้กุมบังเหียนใหญ่มาเกือบสิบปีไม่ใช่แค่คาสิโนที่มีสังเวียนมวยใต้ดินไร้กฎแต่ครอบคลุมไปถึงอาวุธเถื่อนและการค้ามนุษย์ ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมเลือดเย็น“เอ่อ ไม่ใช่ครับผมจะเอาสินค้ามาส่งให้ในอีกสามวันครับ”“โชคดีที่แขกของผมเลื่อนเดินทางเป็นอาทิตย์หน้า อย่าทำให้ผิดหวังอีกล่ะครับ”“ไม่มีทางเด็ดขาดครับ”เมธัสกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นกำมือที่สั่นแน่นจนเล็บจิกกลางฝ่ามือลอบสังเกตคู่สนทนาด
หลังจากประชุมช่วงบ่ายเสร็จหัสวีร์แวะไปที่ห้องบอลรูมของโรงแรมเดอะเซ็นต์พาวิลเลียนสถานที่จัดงานโดยมีสรัลอาสามาเป็นเพื่อน เมื่อมาถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีดูเหมือนจะเริ่มทำตัวน่ารำคาญในสายตาชายหนุ่มนิดหน่อยจากที่รังเกียจอยู่แล้ว“ที่รักเปลี่ยนธีมการจัดงานทำไมไม่บอกพี่ครับ”“ก็เปลี่ยนหลังจากเจ้าของบริษัทที่พี่หามาโดนจับนั่นแหละครับ”“ก็ใช่ไงครับต้องบอกพี่ด้วยสิ ทำอะไรตามใจตัวเองไปหรือเปล่า”ดวงตาสีเฮเซลหันไปมองคนพูดที่กำลังทำเสียงหงุดหงิดอย่างเย็นชา“ทำไมครับ เพิ่งรู้ว่าบริษัทตัวเองแต่เวลาจะทำอะไรต้องได้รับอนุญาตจากคนอื่นด้วย”ทางสรัลเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าแสดงอาการที่ไม่หมาะสมออกไป“พี่ขอโทษครับวิน แค่เป็นห่วงมากไปหน่อยกลัวว่าถ้าไม่เหมือนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วงานออกมาไม่ดี”“อย่าห่วงเลยครับผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไร”“ไม่เอาสิครับอย่าทำห่างเหินกันแบบนี้พี่ขอโทษนะ”ชายหนุ่มจับมือผู้เป็นภรรยาขึ้นมาจูบแผ่วเบาอย่างเอาใจไม่ได้โต้แย้งอะไรเพิ่มอีก
“วิน! ทำไมทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้เปลี่ยนคอลเลกชั่นที่จะแสดงกระทันหันได้ยังไง”สรัลที่กัดฟันด้วยไม่พอใจตะคอกเสียงดังใส่หัสวีร์ที่เพิ่งถูกลากออกมาจากบริเวณที่จัดงาน คนแสนเชื่องจูงจมูกง่ายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“อยู่ใกล้แค่นี้เสียงดังทำไมครับแล้วจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแล้วมันยังไง”ชายหนุ่มในชุดสูทสีแดงเบอกันดีตัดกันกับเชิ้ตดำด้านในตอบกลับเสียงเรียบนิ่งกอดอกพิงราวระเบียงอย่างสบายใจมองหน้าคนที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จิวทับทิมสยามเม็ดเล็กที่ใบหูทั้งสองข้างสะท้อนกับแสงไฟตัดกับสีตายามขยับตัวยิ่งเห็นสีหน้าเฉยชาทั้งยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการคนขึ้นชื่อว่าสามีเคยเป็นคนใจเย็นแสนดี เส้นความอดทนขาดผึงเพราะแผนการที่วางไว้ถูกทำลายกระชากบีบต้นแขนคนตรงหน้าแน่น“ตอบมาอย่าให้พี่ต้องใช้กำลังนะวิน”หัสวีร์ยังคงนิ่งเงียบไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกเจ็บออกมาทางสีหน้าผิดกับดวงตาแข็งกร้าวเพราะกำลังคิดว่าจะหักแค่นิ้วหรือหักทั้งแขนดีก่อนที่จะทำอย่างใจนึก…“โอ๊ย ใครวะ”เสียงร้องของ
หัสวีร์ค่อนข้างคุ้นชินกับการนอนที่ Steed King ด้วยความที่เจ้าของสนามแข่งทำห้องนอนไว้สองห้องเผื่อไว้ ช่วงสมัยเรียนหลังจากลงแข่งเสร็จก็ดึกแล้วเลยขี้เกียจขับรถกลับเพราะอยู่ชานเมืองค่อนข้างไกลมหา’ลัย วันไหนว่างหรือมีเรียนบ่ายถึงจะแวะมาแข่งเลยเป็นเหมือนแขกประจำใช้บริการนอนฟรีอยู่บ่อยๆผมที่เปียกลู่ถูกคนตัวโตเป่าให้จนแห้งสนิทพร้อมยาคลายกล้ามเนื้อและบริการนวดเพราะเริ่มปวดเมื่อยตัวจากการตีลังกาหลายตลบ“เขยิบมาครับทำไมต้องนอนห่างขนาดนั้น”ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมที่ให้แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวจิตรกรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จสอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่มให้เบาที่สุดจะได้ไม่รบกวนคนที่นอนอยู่แต่ไม่คิดว่านอกจากจะยังไม่หลับยังตบพื้นที่ว่างดังปุๆให้ร่างสูงขยับไปใกล้“นอนได้แล้วครับ”เมื่อไม่ได้ดั่งใจแม้คนข้างตัวขยับเข้ามาแล้วจุ๊บหน้าผากกอดหลวมๆ แต่มือนิ่มกลับซุกซนสอดเข้าไปลูบไล้หน้าท้องแข็งแรงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นหกลูก เสียงกลั้วหัวเราะคิกคักเมื่อถูกรั้งจับแน่นราวกับว่าสลับบทบาทกันจากครั้งแรกๆที่เคยเขินอายยิ่งเห็นคนพี่อดทนได้ก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น“อย่ายั่วพี่”เพรา
“อีกสองเดือนเหรอครับ”“ใช่แล้วครับ”“ทำไมพี่เป็นหลานชายมาเฟียไปได้เนี่ย”“ขนาดน้องยังเป็นลูกชายคุณมาร์ติโนเลยครับ”“ก็จริง”หัสวีร์ยิ้มขำนอนหนุนตักจิตรกรอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงานฝ่ามือซุกซนไล้ไปตามกรอบหน้าคมหรือเพราะแบบนี้ไหมนะชีวิตที่แล้วคนรักของเขาถึงถูกลอบยิงจนพิการทั้งที่ไม่ได้ไปข้องเกี่ยวกับฝั่งนั้นแต่ก็ถือว่าเป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียว“คิดอะไรอยู่ครับ หืม”สัมผัสแผ่วจากริมฝีปากเจ้าของตักจุมพิตลงกลางฝ่ามือนิ่มเบาๆเรียกสติของคนที่กำลังวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้กลับมา“ถ้าวันหนึ่งวินต้องมือเปื้อนเลือดขึ้นมาพี่จิ๋นซีจะกลัวน้องไหมครับ”“ไม่ครับ พี่จะเก็บกวาดให้น้องเองเพราะแฟนพี่ไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลแล้วถ้าพี่ทำบ้างวินจะกลัวไหมครับ”“วินก็จะช่วยพี่จัดการเหมือนกันครับ”ดวงตาคู่สวยระยิบระยับพร้อมรอยยิ้มกว้างแนบฝ่ามือทั้งสองที่แก้มเจ้าของตักดึงอีกฝ่ายให้โน้มตัวเข้ามาใกล้ประกบริมฝีปากนิ่ม ลิ้นเล็กไล้ไปตามกลีบปากของคนพี่ค่อยๆขบเม้มดูดดึงเบาๆแล้วเข้าไปกวาดต้อนกระหวัดเกี่ยวพัวพันมือใหญ่เริ่มซุกซนสา
“วิน! ทำไมทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้เปลี่ยนคอลเลกชั่นที่จะแสดงกระทันหันได้ยังไง”สรัลที่กัดฟันด้วยไม่พอใจตะคอกเสียงดังใส่หัสวีร์ที่เพิ่งถูกลากออกมาจากบริเวณที่จัดงาน คนแสนเชื่องจูงจมูกง่ายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“อยู่ใกล้แค่นี้เสียงดังทำไมครับแล้วจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแล้วมันยังไง”ชายหนุ่มในชุดสูทสีแดงเบอกันดีตัดกันกับเชิ้ตดำด้านในตอบกลับเสียงเรียบนิ่งกอดอกพิงราวระเบียงอย่างสบายใจมองหน้าคนที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จิวทับทิมสยามเม็ดเล็กที่ใบหูทั้งสองข้างสะท้อนกับแสงไฟตัดกับสีตายามขยับตัวยิ่งเห็นสีหน้าเฉยชาทั้งยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการคนขึ้นชื่อว่าสามีเคยเป็นคนใจเย็นแสนดี เส้นความอดทนขาดผึงเพราะแผนการที่วางไว้ถูกทำลายกระชากบีบต้นแขนคนตรงหน้าแน่น“ตอบมาอย่าให้พี่ต้องใช้กำลังนะวิน”หัสวีร์ยังคงนิ่งเงียบไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกเจ็บออกมาทางสีหน้าผิดกับดวงตาแข็งกร้าวเพราะกำลังคิดว่าจะหักแค่นิ้วหรือหักทั้งแขนดีก่อนที่จะทำอย่างใจนึก…“โอ๊ย ใครวะ”เสียงร้องของ
หลังจากประชุมช่วงบ่ายเสร็จหัสวีร์แวะไปที่ห้องบอลรูมของโรงแรมเดอะเซ็นต์พาวิลเลียนสถานที่จัดงานโดยมีสรัลอาสามาเป็นเพื่อน เมื่อมาถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีดูเหมือนจะเริ่มทำตัวน่ารำคาญในสายตาชายหนุ่มนิดหน่อยจากที่รังเกียจอยู่แล้ว“ที่รักเปลี่ยนธีมการจัดงานทำไมไม่บอกพี่ครับ”“ก็เปลี่ยนหลังจากเจ้าของบริษัทที่พี่หามาโดนจับนั่นแหละครับ”“ก็ใช่ไงครับต้องบอกพี่ด้วยสิ ทำอะไรตามใจตัวเองไปหรือเปล่า”ดวงตาสีเฮเซลหันไปมองคนพูดที่กำลังทำเสียงหงุดหงิดอย่างเย็นชา“ทำไมครับ เพิ่งรู้ว่าบริษัทตัวเองแต่เวลาจะทำอะไรต้องได้รับอนุญาตจากคนอื่นด้วย”ทางสรัลเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าแสดงอาการที่ไม่หมาะสมออกไป“พี่ขอโทษครับวิน แค่เป็นห่วงมากไปหน่อยกลัวว่าถ้าไม่เหมือนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วงานออกมาไม่ดี”“อย่าห่วงเลยครับผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไร”“ไม่เอาสิครับอย่าทำห่างเหินกันแบบนี้พี่ขอโทษนะ”ชายหนุ่มจับมือผู้เป็นภรรยาขึ้นมาจูบแผ่วเบาอย่างเอาใจไม่ได้โต้แย้งอะไรเพิ่มอีก
“เชิญครับ”ตอนนี้เมธัสกำลังขึ้นขึ้นลิฟท์ไปชั้นสูงสุดของคาสิโนที่ติดหนึ่งในสามของผู้ทรงอิทธิพลเพื่อพบใครคนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเขา ‘พลาด’ แม้จะพยายามรักษาสีหน้าให้เรียบนิ่งไว้ได้แต่มือกับชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในอาคารอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส“ว่ายังไงครับ”“ผมขอโทษครับ”“คุณเมธัสลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ”ยิ่งใบหน้าหล่อเหลายิ้มโดยปราศจากอารมณ์ขุ่นเคืองมากเท่าไหร่เมธัสก็ยิ่งเสียวสันหลังจนเหงื่อไหลซึม แม้อายุเพียง 38 ปี กลับได้กุมบังเหียนใหญ่มาเกือบสิบปีไม่ใช่แค่คาสิโนที่มีสังเวียนมวยใต้ดินไร้กฎแต่ครอบคลุมไปถึงอาวุธเถื่อนและการค้ามนุษย์ ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมเลือดเย็น“เอ่อ ไม่ใช่ครับผมจะเอาสินค้ามาส่งให้ในอีกสามวันครับ”“โชคดีที่แขกของผมเลื่อนเดินทางเป็นอาทิตย์หน้า อย่าทำให้ผิดหวังอีกล่ะครับ”“ไม่มีทางเด็ดขาดครับ”เมธัสกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นกำมือที่สั่นแน่นจนเล็บจิกกลางฝ่ามือลอบสังเกตคู่สนทนาด
“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอครับ”“ฮื้อ วินก็พักแป๊บหนึ่ง แฮ่ก รอก่อน”“เราเพิ่งเริ่มเองนะครับ”“หยุดขำนะทั้งคู่เลย”หัสวีร์ที่นอนแผ่หลาหอบอยู่กลางยิมโดยมีจิตรกรนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆส่วนครูผู้สอนที่ยืนไหล่สั่นกลั้นไว้‘ยิวยิตสู’ เป็นศิลปะป้องกันตัวระยะประชิดที่ชายหนุ่มเลือกเรียนเพราะอาศัยวิธีการต่อสู้แบบผสมผสานมีจุดเด่นด้านความรวดเร็วรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทุ่มตัว โจมตีตามข้อ หักแขนหักขาให้เสียหลัก จับล็อกหรือนอนรัดให้คู่ต่อสู้ขยับไม่ได้ใช้งานได้ทั้งยืนและนอนที่สำคัญสามารถนำศาสตร์มวยไทย เทควันโด้ คาราเต้มาประยุกต์ใช้ได้ด้วยหลายคนอาจเกิดสับสนว่ายิวยิตสูกับยูโดแต่จริงแล้วนั้นยูโดพัฒนามาจากยิวยิตสูเพียงแค่ตัดท่าอันตรายออกไป เช่น ท่าฟันคอ หักแขนหักขา และท่าสังหารต่างๆถูกคัดออกทั้งหมดเน้นท่าทุ่มเป็นหลักอาศัยวิธีการจับคอเสื้อหรือแขนเสื้อทุ่มแทนเมื่ออีกฝ่ายหงายหลังลงพื้นกรรมการจะนับคะแนนและให้สัญญาณสองฝ่ายแยกออกจากกัน ไม่มีความรุนแรงหรืออันตรายเพื่อให้กลายเป็นกีฬาแข่งขันที่ปลอดภัยมากขึ้นส่วนตอนนี้หลังวอร์มร่างกายผ่าน
หัสวีร์มาพบชัชชัยที่ร้านเลอฌาเพียงคนเดียวเปิดห้องเข้าไปเจอแขกนั่งรออยู่แล้วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานบุคลิกน่าเชื่อถือสายตาไม่ว่อกแว่กยามจดจ้องสนทนา อีกทั้งโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นมาในแวดวงธุรกิจยังดูดีอีกด้วยไม่แปลกใจที่ก่อนหน้าจะมีคนตกเป็นเหยื่อถูกต้มตุ๋น“ผมบอกเลยว่าคุณหัสวีร์ตาแหลมมากจริงๆ”“คุณชัชชัยอยากได้เท่าไหร่ครับ”หัสวีร์ถามหยั่งเชิงในขณะที่คู่ค้าได้ยินแล้วตาลุกวาวในใจลิงโลดแต่ต้องเก็บอาการไว้กลัวไก่ตื่น“เหมืองทับทิมสยามทุกที่ปิดถาวรไปหมดแล้วสี่ก้อนผมขอล้านห้าแล้วกันครับ”ชัยชัยเอ่ยราคาในใจพร้อมมองสีหน้าเรียบนิ่งของชายหนุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับก็เริ่มใจคอไม่ดีหรือมันแพงไปวะชวดรอบนี้อดแน่กู“แต่สำหรับคุณผมคิดแค่หนึ่งล้านพอ”ท่าทีที่เริ่มร้อนรนทำให้ผู้บริหารหนุ่มกระตุกยิ้มบางมองด้วยสายตานึกสนุกก่อนจะหยิบเช็คขึ้นมาเขียนหลังตรวจสอบแล้วว่าข้างในมีอัญมณีแน่นอน“ไม่ต้องหรอกครับเอาราคาแรกนั่นแหละ”หินเหล่านี้มาจากเหมืองรัตนากรจริงซึ่งมั่นใจได้ว่าเป็นทับทิมสยามแน่นอนแค่สามก้อนเท่านั้นส่วนก้อนที่เล็กเท่าไข่ไก่เพื่อนที่มาจากรัสเซียนอกเมืองห่างไกล ได้มาในราคาแสนถ
เช้านี้ทุกสำนักข่าวทุกพื้นที่สื่อถูกนายอาทิตย์ บรรพ์เกียรติ เจ้าของผับหรูและบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังพร้อมกับเพื่อนอีกสิบคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจหมดในสภาพที่ดูไม่ได้หน้าตาบวมช้ำ ร่างกายบาดเจ็บกระดูกแขนขาหักบางส่วนซึ่งไม่ได้จงใจเอาชีวิตรวมไปถึงอวัยวะเพศมีเลือดซึมจากรอยเข็มจิ้มอย่างรุนแรงตรวจสอบแล้วพบว่าถูกฉีดฮอร์โมนทำให้ฝ่อตัว ส่วนคนทำนั้นตามตัวไม่ได้ไร้ร่องรอยให้ติดตามราวภูติผียามค่ำคืนทั้งนี้ยังมีหลักฐานการกระทำความผิดในข้อหาค้ามนุษย์และค้ายาเสพติดรายใหญ่รวมไปถึงยาเสียสาวที่กำลังระบาดในช่วงนี้ ถูกส่งมอบมาให้ผู้กำกับธนภัทร ภูติสกุล ฉายามือปราบกังฉินผู้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา “เอ๋? จำได้ว่านายอาทิตย์ต้องแต่งงานสิรินสิ้นปีนี้นี่นาแล้วใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปเรื่อยๆส่วนเมียหลวงก็ตามจิกเป็นไก่เช่นกัน”หัสวีร์ในชุดเสื้อคอเต่าสีดำกางเกงสีซิลเวอร์เกรย์แบบเดียวกับสูทที่ถูกถอดพาดหลังเก้าอี้ตัวใหญ่ ใบหูขวาประดับโอปอล์สีดำเม็ดจิ๋วตรงตำแหน่งอัพเปอร์โลบ (Upper lobe) สองชิ้นและแฟลต (Flat) หนึ่งชิ้น กำลังอ่านข่าวพลางพูดกับตัวเองด้วยความสงสัยหรือเพราะเขาย้อนเวลากลับมาเลยเกิดปรากฎการณ
ความเคยชินตั้งแต่รับช่วงต่อลักษิกาเจ็มหัสวีร์มักตื่นเช้าเสมอไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม ทั้งที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ขนาดนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกเงียบเหงาขนาดนี้กันนะมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทานอาหารเช้า ชีวิตที่แล้วไม่เคยรู้สึกถึงความอ้างว้างสักนิดแค่สรัลไปดีลงานที่ฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับมาส่วนงานตัวเองก็ยุ่งมาก ยิ่งกับมนัสวีด้วยแล้วหลังความสัมพันธ์แย่เลยห่างกันต่างคนต่างอยู่ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่นะที่ไม่เคยฉุกใจเลย แม้แต่ภาพในอดีตแสนอบอุ่นสี่คนในครอบครัวไม่เคยลอยเข้ามาในหัวตอนที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนน้องแรงขนาดนั้น“นัทเห็นพี่รันถือแบบเครื่องเพชรออกมาจากห้องทำงานวิน”“คิดมากน่าใช่ที่ไหนล่ะพี่รันไปเอาเอกสารสัญญา”“ไม่จริง นัทเห็นกับตาแถมยังรีบออกจากบ้านไปกับใครก็ไม่รู้“หลายรอบแล้วนะ อิจฉาหรือไงที่แบบของตัวเองไม่ถูกเลือกน่ะ”“พวกเราเป็นพี่น้องกันนะนัทจะอิจฉาวินไปเพื่ออะไร“เหอะ ก็แค่น้องนอกไส้ทำไมจะทำไม่ได้ แถมชอบยุ่งทุกเรื่องสร้างปัญหาตลอด รอบก่อนก็ทะเลาะกับรินเรื่องตลาด ต่อไปไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ“เออ! จะไม่มาเหยียบอีกไม่ว่าที่นี่หรือลักษิกาเจ็ม”“จะไปไหนก็ไปเลย!”ดวงตาสีสวยกระพริบถี่ไล่ไม่