“ยังไงฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ”
เสียงโวยวายดังสวนขึ้นทันทีหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบประโยค
“ไหนคุณลองให้เหตุผลมาสิครับว่าทำไม”
เจ้าของตาคมสีเฮเซลเอ่ยถามหัวหน้าการตลาดสาวด้วยแววตานึกสนุก
“พี่อาทิตย์เตรียมแผนงานมาตั้งนานอีกแค่หนึ่งเดือนก็ถึงวันเปิดตัวแล้วไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ออกไปก่อนอีกแบบนี้ไม่แย่ไปหน่อยเหรอคะนี่ผ่านการคิดมาแล้วเหรอ”
หลายคนไม่พอใจกับท่าทางเย่อหยิ่งกับคำพูดหักหน้าเจ้านายที่พวกเขาเคารพรัก แต่ต้องเก็บอาการไว้เพียงเพราะอีกฝ่ายคือน้องสาวสรัลผู้เป็นสามีของชายหนุ่ม
แล้วยิ่งหงุดหงิดใจที่ผู้ถูกกระทำไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจหรือเป็นเป็นเดือดเป็นร้อนสักนิดซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาแต่ไม่เคยชินเสียที ทำไมครั้งนี้มันรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่น
“ไม่เอาน่าริน”
สรัลเอ่ยปรามน้องสาว
“ทำไมก็รินพูดเรื่องจริง”
สิรินยังคงลอยหน้าลอยตาเพราะถึงยังไงพี่ชายของเธอก็ไม่ได้ปรามแบบจริงจังอยู่แล้ว
“นั่นสิครับวินมันกระชั้นชิดไปหรือเปล่านี่ทางนั้นเขาก็เริ่มเตรียมงานให้เราแล้วเพราะของตกแต่งบางชิ้นต้องนำเข้าจากต่างประเทศด้วยบริษัทออแกไนซ์ของพี่อาทิตย์อาจจะฟ้องเรากลับได้นะ”
“อืมที่พวกคุณพูดก็ถูกนะ”
สิรินยิ่งลำพองใจที่เห็นพี่สะใภ้แสนโง่เง่าผู้เป็นบ่อเงินบ่อทองของเธอยังคงเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดไม่ได้นึกเอะใจกับรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาและสรรพนามที่เปลี่ยนไปยามที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา
“คุณมินตราครับ”
คนเป็นเลขารู้ใจเจ้านายโดยไม่ต้องกล่าวอะไรเพิ่มก็มีแฟ้มเอกสารมาวางตรงหน้าสิรินทันที
ฟุบ
“นี่อะไรคะ”
“นั่นสิครับ ผมก็อยากถามคุณสิรินเหมือนกัน”
สรรพนามการเรียกที่แปลกไปของหัสวีร์สะกิดใจสรัลอยู่ไม่น้อยแต่ไม่ใช่กับสิรินที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเสมอ
“ก็แค่งบการตลาดของไตรมาสแรกนี่จะเอามาทำไมอีก”
“ใช่ครับ คุณสิรินดูดีๆสิครับว่าอะไรแปลกไปนี่ยังไม่รวมกับงบที่ใช้จัดงานประมูลในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเลยนะ”
“ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกแถมงบก็สรุปเรียบร้อยแล้วนี่คะ”
ทั้งที่พูดด้วยความมั่นใจออกไปแบบนั้นแต่สิรินเริ่มรู้สึกหวั่นใจยังไงบอกไม่ถูกเพราะมีชนักติดหลังอยู่ยิ่งมองหัสวีร์ที่กำลังส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ยิ่งเสียวสันหลังแปลกๆ แต่ก็สลัดความคิดนั้นออกไปแล้วไงล่ะเธอมีพี่ชายหนุนหลังอยู่จะกลัวอะไร
“นั่นสินะครับเอาเป็นว่าคุณไปแก้ต่างที่ศาลแล้วกัน”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดฉันไม่ไป พี่รันคะดูภรรยาของพี่สิกำลังปรักปรำรินอยู่
สิรินเสียงแข็งก่อนที่หันไปทางผู้เป็นพี่ชายด้วยความความเอาแต่ใจเหมือนเคย
“วินครับ นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้นะ”
ผู้เป็นสามีเอ่ยกับคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเอาน้ำเย็นเข้าลูบเหมือนเคยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นใจอ่อนก็เขาเสมอ ไม่เคยคาดคิดว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับครั้งนี้
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณสรัลเห็นด้วยกับการยักยอกทรัพย์ของบริษัทไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว”
หัสวีร์ยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาทั้งที่ในใจอยากจะหั่นอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆก็ตาม
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้สรัลไม่กล้าแก้ตัวอะไรให้กับน้องสาวตัวเองอีก แต่เจ้าตัวยังคงหาวิธีช่วยอย่างแน่นอน ค่อยไปหว่านล้อมหัสวีร์ทีหลังแล้วกันอย่างไรอีกฝ่ายก็รักและตามใจเขาอยู่แล้ว
“โอเค เลิกประชุมได้”
“แกจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้กลับมาเดี๋ยวนี้นะ พี่รันปล่อยริน”
เสียงสิรินลอยออกมาจนกระทั่งประตูห้องประชุมปิดสนิทถึงได้เงียบไปไม่ใช่เพราะเลิกโวยวายเหมือนคนบ้าแต่มันเป็นห้องเก็บเสียงทุกคนเลยไม่ต้องปวดประสาทกับเสียงนั้น
ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงสรัลและสิริน
“ใจเย็นริน อย่าทำให้พี่เสียเรื่อง”
“รินไม่เย็นมันมีสิทธิ์อะไรมาทำกับรินแบบนี้เงินแค่ไม่กี่ล้านเอง พี่รันต้องจัดการให้รินนะ”
“เดี๋ยวพี่จัดการให้แล้วรินอย่าเรียกวินว่ามันอีก”
“ทำไมอย่าบอกนะว่าพี่เริ่มรักมันแล้วน่ะ รินจะฟ้องพี่เมษ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะริน ควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยสิรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา”
คนเป็นน้องสาวกำลังจะเถียงต่อแต่เห็นสรัลที่เสียงแข็งทำหน้าจริงจังเลยทำได้แค่ฮึดฮัดเดินตึงตังออกจากห้องไป ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ส่ายหน้ากับความเจ้าอารมณ์จากการถูกสปอยจนเคยตัวมาตั้งแต่เด็ก
พอนึกถึงท่าทีของภรรยาเมื่อครู่สรัลค่อนข้างแปลกใจแต่ไม่ได้หนักใจนักเพราะหัสวีร์หัวอ่อนเชื่อฟังเขาอยู่แล้ว
ณ กรุ๊ปไลน์เม้ามอยออฟฟิตกลุ่มลับ (สมาชิก 12 คน)
ติ้ง!
เอมม่า : แกเอ้ยเมื่อกี้ฉันโคตรสะใจเลยว่ะ
ซี : เออจริง ฉันไม่เคยเห็นคุณวินเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
มิ้ว : โอ๊ย แทบอยากลุกขึ้นมารำฉุยฉายถวายเจ้าที่ค่า สาธุ99
เพชร : +1 สาคู99
โอเล่ : @เอมม่า แกว่าเพื่อนรักจะโดนไรมะ
เลย์ : @เอมม่า ใช่ๆเพื่อนรักแกอ่ะ
เอมม่า : @โอเล่ @เลย์ เพื่อนรักบ้านป้าแกสิ
เลย์ : ฮิฮิ
โรส : คุณวินเอาจริงไหมวะรอบนี้
มิ้ว : เอาจริง แต่ผลเปลี่ยนไหมไม่รู้ถ้ามีคนช่วยพูดให้น้องสาวตัวเอง
ซี : +1 ทำไมคนดีๆอย่างคุณวินต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ
มินตรา : อะแฮ่ม
เอมม่า : เจ๊มาแล้ว ตลาดวายด่วน
โรส : หลังเลิกงานเจอกันร้านหมูกระทะลุงฉุยนะ
มินตรา : ตามนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
ผู้เป็นเจ้าของห้องที่กำลังยืนมองวิวตึกสูงถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง
“เย็นนี้ไปดินเนอร์กับพี่นะครับ”
“ทำไมครับจะมาพูดแก้ตัวแทนน้องสาวเหรอ”
หัสวีร์ยืนนิ่งโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะเขากลัวใจอ่อนแต่กลัวว่าจะซ่อนแววตาขยะแขยง เคียดแค้นจนอยากฆ่าตัวปรสิตพวกนี้ให้ตายไม่มิดต่างหาก
“ที่รักลืมวันครบรอบของพวกเราแล้วเหรอครับ”
นั่นสินะเกือบลืมไปได้ยังไงในเมื่อวันครบรอบเป็นจุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังสู่หายนะของลักษิกาเจ็ม อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและยังเป็นจุดแตกหักที่ไม่มีทางเหมือนเดิมได้ของเขากับน้องสาว
“วินทำงานจนลืมไปเลยน่ะครับ”
หัสวีร์หลับตาเพื่อปรับอารมณ์ก่อนที่จะหันไปยิ้มบางให้กับคนที่เอาคางเกยกับไหล่เขาทั้งที่ยืนกอดไปด้วยจนแก้มชนกับจมูกของอีกฝ่ายก่อนที่สรัลจะค่อยๆจับตัวของคนรักให้หันมาเผชิญหน้ากันพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ละมุนว่า
“ทำงานหนักจนลืมนัดเราอีกแล้วนะครับ”
พร้อมกับจับมือข้างที่มีแหวนแต่งงานมาจรดปากลงไปอย่างทะนุถนอม
“พรุ่งนี้พี่รันมีไฟลท์เช้าไม่เป็นไรก็ได้นะครับ ไว้ค่อยกลับมาฉลองกันเดี๋ยวจะเหนื่อยเอา”
“วันสำคัญของพวกเราไม่มีคำว่าเหนื่อยเลยครับให้พี่ใช้แรงกับวินทั้งคืนก็ยังไหว”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของหัสวีร์โอนอ่อนตามเขาเหมือนเคยเลยพูดเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
“วินครับเรื่องที่รินยักยอกไปเดี๋ยวพี่จะชดใช้ทั้งหมดให้เองอย่าดำเนินคดีเลยนะ”
ขณะที่พูดก็สังเกตท่าทีของคนรักไปด้วย
“ได้สิครับ”
เมื่อได้ยินการตอบรับที่ดีกลับมาสรัลจึงดึงหัสวีร์มากอดไว้ด้วยความดีใจและโล่งอก พลางคิดหาวิธีไม่ให้น้องสาวตัวดีก่อเรื่องขึ้นอีก
“ขอบคุณนะครับ ที่รักของพี่แสนดีที่หนึ่งเลยจะไม่ให้รักขนาดนี้ได้ยังไง”
โดยไม่ได้รับรู้ว่าภรรยาที่ตนสวมกอดอยู่นั้นแววตาเปลี่ยนประกายความเลือดเย็นทันทีในขณะที่อีกฝ่ายพูดทั้งจิกมือตัวเองจนห้อเลือดอย่างสะกดกลั้น
นั่นสิครับจะให้การรับโทษเป็นหน้าที่ของกฎหมายได้ยังไงในเมื่อมันเบาไปไม่สาสมใจเขาเลยนี่นะ
หัสวีร์จำได้ว่าวันนี้สรัลต้องถูกเรียกตัวไปหาใครบางคนระหว่างที่ดินเนอร์กันกับข้ออ้างที่ว่า
“พอดีแม่โทรมาบอกว่ารินปวดท้องมากขอให้พี่พาไปโรงพยาบาลหน่อย”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับงั้นเราไปด้วยกันเลยดีกว่า”
“ที่รักอยู่นี่ทานให้อิ่มนะพี่สัญญาว่าจะกลับมาชดเชยให้”
“ไม่เป็นไรครับวินเข้าใจพี่ไปเถอะ”
ชาติที่แล้วเขานี่โง่จริงๆว่าคนที่สรัลไปหาไม่ใช่สิรินแต่เป็นเมธัสต่างหาก ไประเริงรักในวันครบรอบแต่งงานในขณะที่หัสวีร์ต้องดินเนอร์เพียงลำพัง โชคดีที่หัสวีร์ วัชรอมรเมฆ ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ย้อนเวลากลับมาในวัย 27 ปี หลังลืมตาตื่นขึ้นมาเช้านี้พร้อมกับอ้อมกอดที่แสนรังเกียจบนเตียงนอนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน กลับมาก่อนที่หายนะใหญ่ครั้งแรกอีกหนึ่งเดือนข้างหน้ากำลังจะเกิดขึ้น
Send message
สี่ทุ่มเจอกันที่สนามหวังว่าจะได้รับข่าวดีนะครับ
เฮ้! วู้ว ใครวะมึงวินไงโห จริงดิ หายไปโคตรนานเออสุดยอดไปเลยกรี๊ด พี่วินเสียงเฮลั่นสนามแข่งเมื่อบิ๊กไบค์คันแรกเข้าสู่เส้นชัยก่อนอีกคันที่จะตามมาอย่างติดๆแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น หมวกถูกถอดออกเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองนั้นมีบุคลิกและใบหน้าที่โดดเด่นแตกต่างกันกำลังหัวเราะและกอดคอกันออกไปยังห้องส่วนตัวเจ้าของสนามหากใครที่เคยมาตั้งแต่ Steed King เปิดสนามแรกๆเมื่อหลายปีก่อนจะต้องรู้จักวินในฐานะแชมป์สนามก่อนที่จะวางมือและหายหน้าไปหลังจากแม่เจ้าตัวเสียชีวิตกระทันหัน“ถ้าไม่มีเรื่องให้ช่วยก็ไม่เห็นหัวเลยนะครับคุณหัสวีร์ตั้งแต่มีสามีเนี่ย แล้วคิดไงสลัดมาดผู้บริหารมาในลุคนี้ได้”จิตรกรอดเอ่ยแซวน้องคนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กในชุดแข่งรถกับจิวที่หูครบทั้งเจ็ดรูเหมือนสมัยเรียนมหา’ลัยไม่ได้เพราะตั้งแต่เข้าไปบริหารงานบริษัทจิวเวอรี่ต่อจากแม่ร้อยวันพันปีแทบไม่เคยจะโผล่หน้ามาหากว่าจะได้เจอแต่ละทีช่างยากเย็นเหลือเกิน ยิ่งช่วงหลังแต่งงานด้วยแล้วเพิ่งได้เจอเนี่ย ด้วยความที่พ่อของมนัสวีกับพ่อของเขาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนไปมาหาสู่กันเรื่อยมาจนมีครอบครัวกระทั่งตอนที่ลุงมาโนชแต่งงานใหม่ก
ความเคยชินตั้งแต่รับช่วงต่อลักษิกาเจ็มหัสวีร์มักตื่นเช้าเสมอไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม ทั้งที่บ้านไม่ได้หลังใหญ่ขนาดนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกเงียบเหงาขนาดนี้กันนะมีแค่เขาคนเดียวที่นั่งทานอาหารเช้า ชีวิตที่แล้วไม่เคยรู้สึกถึงความอ้างว้างสักนิดแค่สรัลไปดีลงานที่ฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับมาส่วนงานตัวเองก็ยุ่งมาก ยิ่งกับมนัสวีด้วยแล้วหลังความสัมพันธ์แย่เลยห่างกันต่างคนต่างอยู่ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่นะที่ไม่เคยฉุกใจเลย แม้แต่ภาพในอดีตแสนอบอุ่นสี่คนในครอบครัวไม่เคยลอยเข้ามาในหัวตอนที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนน้องแรงขนาดนั้น“นัทเห็นพี่รันถือแบบเครื่องเพชรออกมาจากห้องทำงานวิน”“คิดมากน่าใช่ที่ไหนล่ะพี่รันไปเอาเอกสารสัญญา”“ไม่จริง นัทเห็นกับตาแถมยังรีบออกจากบ้านไปกับใครก็ไม่รู้“หลายรอบแล้วนะ อิจฉาหรือไงที่แบบของตัวเองไม่ถูกเลือกน่ะ”“พวกเราเป็นพี่น้องกันนะนัทจะอิจฉาวินไปเพื่ออะไร“เหอะ ก็แค่น้องนอกไส้ทำไมจะทำไม่ได้ แถมชอบยุ่งทุกเรื่องสร้างปัญหาตลอด รอบก่อนก็ทะเลาะกับรินเรื่องตลาด ต่อไปไม่ต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ“เออ! จะไม่มาเหยียบอีกไม่ว่าที่นี่หรือลักษิกาเจ็ม”“จะไปไหนก็ไปเลย!”ดวงตาสีสวยกระพริบถี่ไล่ไม่
เช้านี้ทุกสำนักข่าวทุกพื้นที่สื่อถูกนายอาทิตย์ บรรพ์เกียรติ เจ้าของผับหรูและบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังพร้อมกับเพื่อนอีกสิบคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจหมดในสภาพที่ดูไม่ได้หน้าตาบวมช้ำ ร่างกายบาดเจ็บกระดูกแขนขาหักบางส่วนซึ่งไม่ได้จงใจเอาชีวิตรวมไปถึงอวัยวะเพศมีเลือดซึมจากรอยเข็มจิ้มอย่างรุนแรงตรวจสอบแล้วพบว่าถูกฉีดฮอร์โมนทำให้ฝ่อตัว ส่วนคนทำนั้นตามตัวไม่ได้ไร้ร่องรอยให้ติดตามราวภูติผียามค่ำคืนทั้งนี้ยังมีหลักฐานการกระทำความผิดในข้อหาค้ามนุษย์และค้ายาเสพติดรายใหญ่รวมไปถึงยาเสียสาวที่กำลังระบาดในช่วงนี้ ถูกส่งมอบมาให้ผู้กำกับธนภัทร ภูติสกุล ฉายามือปราบกังฉินผู้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา “เอ๋? จำได้ว่านายอาทิตย์ต้องแต่งงานสิรินสิ้นปีนี้นี่นาแล้วใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปเรื่อยๆส่วนเมียหลวงก็ตามจิกเป็นไก่เช่นกัน”หัสวีร์ในชุดเสื้อคอเต่าสีดำกางเกงสีซิลเวอร์เกรย์แบบเดียวกับสูทที่ถูกถอดพาดหลังเก้าอี้ตัวใหญ่ ใบหูขวาประดับโอปอล์สีดำเม็ดจิ๋วตรงตำแหน่งอัพเปอร์โลบ (Upper lobe) สองชิ้นและแฟลต (Flat) หนึ่งชิ้น กำลังอ่านข่าวพลางพูดกับตัวเองด้วยความสงสัยหรือเพราะเขาย้อนเวลากลับมาเลยเกิดปรากฎการณ
หัสวีร์มาพบชัชชัยที่ร้านเลอฌาเพียงคนเดียวเปิดห้องเข้าไปเจอแขกนั่งรออยู่แล้วทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานบุคลิกน่าเชื่อถือสายตาไม่ว่อกแว่กยามจดจ้องสนทนา อีกทั้งโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นมาในแวดวงธุรกิจยังดูดีอีกด้วยไม่แปลกใจที่ก่อนหน้าจะมีคนตกเป็นเหยื่อถูกต้มตุ๋น“ผมบอกเลยว่าคุณหัสวีร์ตาแหลมมากจริงๆ”“คุณชัชชัยอยากได้เท่าไหร่ครับ”หัสวีร์ถามหยั่งเชิงในขณะที่คู่ค้าได้ยินแล้วตาลุกวาวในใจลิงโลดแต่ต้องเก็บอาการไว้กลัวไก่ตื่น“เหมืองทับทิมสยามทุกที่ปิดถาวรไปหมดแล้วสี่ก้อนผมขอล้านห้าแล้วกันครับ”ชัยชัยเอ่ยราคาในใจพร้อมมองสีหน้าเรียบนิ่งของชายหนุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับก็เริ่มใจคอไม่ดีหรือมันแพงไปวะชวดรอบนี้อดแน่กู“แต่สำหรับคุณผมคิดแค่หนึ่งล้านพอ”ท่าทีที่เริ่มร้อนรนทำให้ผู้บริหารหนุ่มกระตุกยิ้มบางมองด้วยสายตานึกสนุกก่อนจะหยิบเช็คขึ้นมาเขียนหลังตรวจสอบแล้วว่าข้างในมีอัญมณีแน่นอน“ไม่ต้องหรอกครับเอาราคาแรกนั่นแหละ”หินเหล่านี้มาจากเหมืองรัตนากรจริงซึ่งมั่นใจได้ว่าเป็นทับทิมสยามแน่นอนแค่สามก้อนเท่านั้นส่วนก้อนที่เล็กเท่าไข่ไก่เพื่อนที่มาจากรัสเซียนอกเมืองห่างไกล ได้มาในราคาแสนถ
“แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วเหรอครับ”“ฮื้อ วินก็พักแป๊บหนึ่ง แฮ่ก รอก่อน”“เราเพิ่งเริ่มเองนะครับ”“หยุดขำนะทั้งคู่เลย”หัสวีร์ที่นอนแผ่หลาหอบอยู่กลางยิมโดยมีจิตรกรนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆส่วนครูผู้สอนที่ยืนไหล่สั่นกลั้นไว้‘ยิวยิตสู’ เป็นศิลปะป้องกันตัวระยะประชิดที่ชายหนุ่มเลือกเรียนเพราะอาศัยวิธีการต่อสู้แบบผสมผสานมีจุดเด่นด้านความรวดเร็วรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทุ่มตัว โจมตีตามข้อ หักแขนหักขาให้เสียหลัก จับล็อกหรือนอนรัดให้คู่ต่อสู้ขยับไม่ได้ใช้งานได้ทั้งยืนและนอนที่สำคัญสามารถนำศาสตร์มวยไทย เทควันโด้ คาราเต้มาประยุกต์ใช้ได้ด้วยหลายคนอาจเกิดสับสนว่ายิวยิตสูกับยูโดแต่จริงแล้วนั้นยูโดพัฒนามาจากยิวยิตสูเพียงแค่ตัดท่าอันตรายออกไป เช่น ท่าฟันคอ หักแขนหักขา และท่าสังหารต่างๆถูกคัดออกทั้งหมดเน้นท่าทุ่มเป็นหลักอาศัยวิธีการจับคอเสื้อหรือแขนเสื้อทุ่มแทนเมื่ออีกฝ่ายหงายหลังลงพื้นกรรมการจะนับคะแนนและให้สัญญาณสองฝ่ายแยกออกจากกัน ไม่มีความรุนแรงหรืออันตรายเพื่อให้กลายเป็นกีฬาแข่งขันที่ปลอดภัยมากขึ้นส่วนตอนนี้หลังวอร์มร่างกายผ่าน
“เชิญครับ”ตอนนี้เมธัสกำลังขึ้นขึ้นลิฟท์ไปชั้นสูงสุดของคาสิโนที่ติดหนึ่งในสามของผู้ทรงอิทธิพลเพื่อพบใครคนหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเขา ‘พลาด’ แม้จะพยายามรักษาสีหน้าให้เรียบนิ่งไว้ได้แต่มือกับชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในอาคารอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส“ว่ายังไงครับ”“ผมขอโทษครับ”“คุณเมธัสลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ”ยิ่งใบหน้าหล่อเหลายิ้มโดยปราศจากอารมณ์ขุ่นเคืองมากเท่าไหร่เมธัสก็ยิ่งเสียวสันหลังจนเหงื่อไหลซึม แม้อายุเพียง 38 ปี กลับได้กุมบังเหียนใหญ่มาเกือบสิบปีไม่ใช่แค่คาสิโนที่มีสังเวียนมวยใต้ดินไร้กฎแต่ครอบคลุมไปถึงอาวุธเถื่อนและการค้ามนุษย์ ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมเลือดเย็น“เอ่อ ไม่ใช่ครับผมจะเอาสินค้ามาส่งให้ในอีกสามวันครับ”“โชคดีที่แขกของผมเลื่อนเดินทางเป็นอาทิตย์หน้า อย่าทำให้ผิดหวังอีกล่ะครับ”“ไม่มีทางเด็ดขาดครับ”เมธัสกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นกำมือที่สั่นแน่นจนเล็บจิกกลางฝ่ามือลอบสังเกตคู่สนทนาด
หลังจากประชุมช่วงบ่ายเสร็จหัสวีร์แวะไปที่ห้องบอลรูมของโรงแรมเดอะเซ็นต์พาวิลเลียนสถานที่จัดงานโดยมีสรัลอาสามาเป็นเพื่อน เมื่อมาถึงคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีดูเหมือนจะเริ่มทำตัวน่ารำคาญในสายตาชายหนุ่มนิดหน่อยจากที่รังเกียจอยู่แล้ว“ที่รักเปลี่ยนธีมการจัดงานทำไมไม่บอกพี่ครับ”“ก็เปลี่ยนหลังจากเจ้าของบริษัทที่พี่หามาโดนจับนั่นแหละครับ”“ก็ใช่ไงครับต้องบอกพี่ด้วยสิ ทำอะไรตามใจตัวเองไปหรือเปล่า”ดวงตาสีเฮเซลหันไปมองคนพูดที่กำลังทำเสียงหงุดหงิดอย่างเย็นชา“ทำไมครับ เพิ่งรู้ว่าบริษัทตัวเองแต่เวลาจะทำอะไรต้องได้รับอนุญาตจากคนอื่นด้วย”ทางสรัลเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าแสดงอาการที่ไม่หมาะสมออกไป“พี่ขอโทษครับวิน แค่เป็นห่วงมากไปหน่อยกลัวว่าถ้าไม่เหมือนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วงานออกมาไม่ดี”“อย่าห่วงเลยครับผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไร”“ไม่เอาสิครับอย่าทำห่างเหินกันแบบนี้พี่ขอโทษนะ”ชายหนุ่มจับมือผู้เป็นภรรยาขึ้นมาจูบแผ่วเบาอย่างเอาใจไม่ได้โต้แย้งอะไรเพิ่มอีก
“วิน! ทำไมทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้เปลี่ยนคอลเลกชั่นที่จะแสดงกระทันหันได้ยังไง”สรัลที่กัดฟันด้วยไม่พอใจตะคอกเสียงดังใส่หัสวีร์ที่เพิ่งถูกลากออกมาจากบริเวณที่จัดงาน คนแสนเชื่องจูงจมูกง่ายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“อยู่ใกล้แค่นี้เสียงดังทำไมครับแล้วจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแล้วมันยังไง”ชายหนุ่มในชุดสูทสีแดงเบอกันดีตัดกันกับเชิ้ตดำด้านในตอบกลับเสียงเรียบนิ่งกอดอกพิงราวระเบียงอย่างสบายใจมองหน้าคนที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จิวทับทิมสยามเม็ดเล็กที่ใบหูทั้งสองข้างสะท้อนกับแสงไฟตัดกับสีตายามขยับตัวยิ่งเห็นสีหน้าเฉยชาทั้งยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการคนขึ้นชื่อว่าสามีเคยเป็นคนใจเย็นแสนดี เส้นความอดทนขาดผึงเพราะแผนการที่วางไว้ถูกทำลายกระชากบีบต้นแขนคนตรงหน้าแน่น“ตอบมาอย่าให้พี่ต้องใช้กำลังนะวิน”หัสวีร์ยังคงนิ่งเงียบไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกเจ็บออกมาทางสีหน้าผิดกับดวงตาแข็งกร้าวเพราะกำลังคิดว่าจะหักแค่นิ้วหรือหักทั้งแขนดีก่อนที่จะทำอย่างใจนึก…“โอ๊ย ใครวะ”เสียงร้องของ
“ปล่อยกู!”เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวย่านชานเมืองไม่ไกลจากสนามแข่งรถ Steed King มากนัก ห้องใต้ดินที่ถูกซ่อนตัวปรากฏเงาร่างกำยำเปลือยเปล่าของมาเฟียต่างวัยถึงสองคนถูกพันธนาการด้วยโซ่ล่ามทั้งแขนขากำลังถูกมดแดงหลายรังที่จิตรกรสั่งให้มาโปรยที่พื้นไต่ขึ้นตัวและกัดจนจุดแดงขึ้นเป็นจ้ำโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งส่วนอ่อนไหวกลางกลายด้วยแล้วกรีดร้องแทบจะทุกครั้งที่ปากเล็กเจาะผิวเนื้อจนน้ำตาเล็ดและคนที่โดนเยอะสุดคงหนีไม่พ้นมู่ตงเฉิงที่ตอนนี้มีสภาพราวกับศพ ลมหายใจแผ่วเบาใกล้ตายเต็มที เพราะแผลจากคมกระสุนที่ไม่ได้รับการรักษาห้ามเลือดแล้วระหว่างที่รอนายน้อยตระกูลมู่ตามล่าจางเฟิงก็ผ่านไปหลายชั่วโมงอวัยวะเพศบวมเป่ง เลือดไหลอาบย้อมแดงฉานมีทั้งจุดที่แห้งกรังและเป็นลิ่ม“แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วเหรอจางเฟิง”จิตรกรเดินเข้ามาในห้องนั่งลงไขว่ห้างมองใบหน้าคับแค้นใจของมาเฟียใหญ่ที่ถูกเอาตัวกลับมาจัดการในไทยมีเพียงกระจกกั้นเท่านั้นด้วยแววตาเย็นชา“ไอ้จิตรกร แน่จริงก็ฆ่ากูเลยสิวะ”ความรู้สึกของการพ่ายแพ้ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่เจ้าของดวงตาสีขี้เถ้ายอมรับไม่ได้ว่าตัวเองจะตกต่ำจากผู้ล่ากลายเป็นเหยื่อน่าสมเพศเสียเอง เคียดแค้
จำเลยหมายหัว คนที่ 0 และ 4จางเฟิง/วิคเตอร์สถานะ : มาเฟียหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของธันเดอร์เลค คาสิโน ผู้ค้าอาวุธเถื่อนและสร้างองค์กรค้ามนุษย์ในฮ่องกงมู่ตงเฉิงสถานะ : บอสมาเฟียสายรองตระกูลมู่ความผิด : ร่วมมือกันฆ่าและกวาดล้างตระกูลมู่สายหลักเพื่อจะได้รวบอำนาจเข้ตระกูลจาง (คดีเก่า), ร่วมมือกันจับจิตรกรเพื่อกำจัดกับหัสวีถูกฉีดสารเสพติดเพื่อกระตุ้นความต้องการก่อนลงมือข่มขืน (คดีใหม่)จางเฟิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้นำมาเฟียตระกูลจางอย่างจางเฟยหลงเจ้าของดวงตาสีขี้เถ้าซึ่งถอดนิสัยความโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมจากผู้เป็นพ่อทั้งหมดและดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าด้วยซ้ำฆ่าคนครั้งแรกในวัย 8 ปี ด้วยด้ามปากกาแหลมแทงหัวใจเพื่อนร่วมชั้นเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่แบ่งของเล่นให้แถมยังหัวเราะชอบใจมองดูการกระตุกเกร็งจนแน่นิ่งพี่เลี้ยงที่ดูแลล้วนเปลี่ยนรายวันเพราะหายสาบสูญทันทีโดยไม่ต้องมีเหตุผลเพียงแค่หายใจก็กลายเป็นคนผิดได้วัย 11 ปี วางยาอาจารย์ประจำชั้นเพราะถูกตักเตือนเรื่องที่เอาเท้ามาวางพาดไว้บนโต๊ะในขณะที่สอนอยู่วัย 14 ปี สั่งให้ลูกน้องไปฉุดรุ่นพี่เดือนโรงเรียนมาข่มขืนและส่งต่อให้ลูกน้องรุมโทรมจนขา
ทันทีที่จิตรกรมาถึงหน้าประตูธันเดอร์เลคคาสิโนก็พบกับเหล่าลูกน้องมาเฟียร่วมร้อยคนพร้อมอาวุธครบมือประจัญหน้าต้อนรับเขาอย่างดีใบหน้าคมมองอย่างเย็นชาครั้งนี้ชายหนุ่มก็พาคนมากฝีมือมาไม่น้อยเช่นกันทั้งของตัวเองและตระกูลมู่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันทีที่นายน้อยตระกูลมู่ยิงแสกเข้ากลางหน้าผากคนที่คาดว่าเป็นระดับหัวหน้าตายคาที่เมื่อมีการปะทะก็ย่อมมีการสูญเสียและฝ่ายจิตรกรนั้นล้วนเต็มใจเพราะที่ตามมาแทบทั้งสิ้นมีความแค้นฝังหุ่นกับจางเฟิง เมื่อไม่มีกำลังย่อมบุกมาทวงคืนไม่ได้แต่ตอนนี้มีโอกาสก็ลุยทันที คงจะเป็นฝั่งคาสิโนมากกว่าที่เสียเปรียบเพราะสายที่แทรกซึมอยู่ในกลุ่มมาเฟียเกือบครึ่งในนี้จากปลายกระบอกปืนและคมมีดที่หันมายังคนนอกที่บุกรุก อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอเพราะเพื่อนข้างกายเจอหน้ากินดื่มอยู่ทุกวันแทงลึกหมุนบิดจนคอเกือบขาดอย่างไร้ความปราณีกระสุนที่ออกจากรังเพลิงทุกลูกล้วนเข้าเป้าพลั่กขายาวถีบชายฉกรรจ์ที่ถูกคมมีดปักตัดขั้วหัวใจดวงตาเบิกโพลงร่างกระตุกเกร็งให้พ้นทางโดยไม่ได้ให้ความสนใจอีกก่อนเดินเข้าลิฟท์ไป“เกะกะ”ระหว่างทางที่ขึ้นกบด้านก็มีพวกลูกสมุนมาเฟียเข้ามาขัดขวางอยู่เรื่อยๆแต่ก็ถูก
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว“หาตำแหน่งเจอหรือยัง”น้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมกับทำแผลที่ถูกคมกระสุนไปด้วยถามชยุตลูกน้องคนสนิททันทีหลังจากออกคำสั่งนำตัวมู่ตงเฉิงไปขังไว้แล้วรีบไปช่วยหัสวีร์“ตอนนี้คุณวินอยู่ใกล้กับสมุทรปราการเป็นพื้นที่ส่วนตัวขนาดใหญ่ครับห่างจากที่นี่เกือบหนึ่งชั่วโมงครับ”“ฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมงต้องไปถึงที่นั่น”“ครับ”จิตรกรรอไม่ได้แล้วเขาเสียเวลาที่นี่มามากพอแม้คนของมาร์ติโนจะนำไปก่อนหน้านั้นก็ตามชยุตค้นหาเส้นทางลัดจากดาวเทียมทันทีที่สิ้นสุดคำสั่งหากว่าเขาทำไม่ได้คงหลุดออกจากตำแหน่งแน่นอนรถยนต์แล่นด้วยความเร็วมิดไมล์ประหนึ่งติดปีกบินแต่ถึงยังไงก็ไม่ทันใจเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลอยู่ดีตอนที่มาถึงลูกน้องของมาร์ติโนได้เคลียร์ทางไว้หมดแล้วซึ่งเป็นการซุ่มโจมตีโดยที่ไม่ให้คนข้างในรู้ตัวเพราะกลัวนายน้อยตระกูลเฉินจะเป็นอันตรายแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลจำนวน 50 ไร่ที่ไม่มีคนหาเจอแต่ก็สมเป็นจางเฟิงที่ยังรอบคอบ ลูกน้องที่เฝ้ากะจากสายตาไม่ต่ำกว่า 50 คนแน่นอนส่วนมาร์ติโนมาถึงทีหลังจิตรกรไม่กี่นาทีมาถึงตัวบ้านมีคนเฝ้าอยู่สองคนด้านหน้าจิตรกรพร้อมกับชยุตตรงเข้าไปจัดการโดยไม่ให้
เย็น?ชื้น?รำคาญจังไปให้พ้นนะเจ็บเฮือกความเจ็บจี๊ดที่ลำคอทำให้หัสวีร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเปลือกตาสีอ่อนกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัส กลุ่มผมสีดำของใครบางคนกำลังสัมผัสกับแก้มขวาคือสิ่งแรกที่เห็นลิ้นร้อนที่ไล้อยู่ตรงคอขาวพร้อมขบกัดเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบคือสิ่งสองที่รู้สึก ไอ้บ้าเอ้ยใครวะเนี่ยจำได้ว่าพอไปถึงท่าเรือเฉลิมกิจแล้วชายคนรักขอแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนเพราะสนามแข่งมีปัญหา หัสวีร์เดินมาถึงเรือขนส่งสินค้าของตัวเองซึ่งมีลูกน้องคอยเช็คอยู่หน้างานอยู่แล้วแต่สิ่งที่แปลกใจคือไม่คุ้นหน้าแถมยังทำท่าทางมีพิรุธราวกับไม่คาดคิดว่าเขาจะมาแล้วจริงดั่งคาดเพราะสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝั่งที่ไม่ไกลกันนักกำลังถ่ายสินค้าแต่บรรจุภัณฑ์ที่ตีลังป้องกันความเสียหายไม่ใช่ของลักษิกาเจ็ม ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำขึ้นเองล้วนจดจำง่ายเพราะบทเรียนจากชีวิตที่แล้วพอรู้ว่าถูกจับได้ฝ่ายนั้นจึงละทิ้งงานไม่ได้มาเผชิญกับเขาโดยตรงแต่กลับวิ่งหนีไปทางตู้คอนเทนเนอร์เปล่าด้วยความคิดที่ว่าหากจับได้หนึ่งคนแล้วมาเค้นหาความจริงจะได้รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการโดยขาดการไตร่ตรองถึงอันตรายข้างหน้าจึงวิ่งไล่ตามไป ทันทีที่เข้าไปในดงตู้เปล่าชายคน
ท่าเรือเฉลิมกิจ เป็นท่าขนส่งทางน้ำที่มีสำคัญในภาคตะวันออกซึ่งธุรกิจหลายประเภทเลือกใช้บริการเพื่อจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศเพราะหากมีสินค้าในปริมาณที่มากการขนส่งทางน้ำย่อมมีค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าขนส่งทางอากาศถ้าไม่ใช่สิ่งที่บูดเสียง่ายแทบทุกเจ้าย่อมเลือกการขนส่งทางเรือตอนนี้หัสวีร์และจิตรกรเดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินเข้าไปทันทีแต่ในระหว่างนั้นมีสายเรียกเข้าจากทีมช่างที่ Steed King คนพี่จึงปลีกตัวออกมาคุยด้านนอกพอเสร็จเรียบร้อยจึงตามเข้าไปแต่กลับหาคนรักไม่เจอ โทรหาแล้วไม่รับสายจนร้อนใจเพราะหากไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือมาก็ยังมีสมาร์ทวอทช์ติดตัวซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไม่ได้ยินเห็นพนักงานที่กำลังขนของอยู่แถวนั้นจึงเข้าไปสอบถาม“คุณครับเห็นผู้ชายใส่สูทสูงประมาณนี้ดวงตาสีทองไหมครับ”“เอ คนที่ใส่ชุดสีกรมท่าไหมครับ”“ใช่ครับ”“ผมเห็นเขาเดินไปทางนั้นนะ”ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆแต่กลับไม่พบใครมีแค่ตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงอยู่เต็มไปหมดรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลและเป็นห่วงคนน้องมากอย่างนึกเจ็บใจตัวเองว่าประมาทเกินไปวินน้องอยู่ไหนนะ นิ้วเรียวกดโทรหามาร์ติโนเพื่อค้นหาตำแหน่งของหัสวีร์แต่ย
“อยากให้ผมช่วยงั้นเหรอครับ”ดวงตาสีขี้เถ้าจับจ้องชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนึกสนุกยิ่งเห็นถึงความโกรธแค้นในแววตาก็ยิ่งเหยียดยิ้มมุมปาก“คนของผมไม่มีใครรอดสักคนแต่มันกลับยังรอด”เสียงกลั้วหัวเราะในลำคอดังขึ้น“แน่สิครับเพราะขนาดของที่รับปากว่าจะเอามาให้ผมยังไม่ได้เลยนี่”“คุณจางให้ผมทำอะไรก็ได้ขอแค่อย่างเดียวให้มันตายอย่างทรมานสมกับที่ทำลายชีวิตของอาเธอร์”“รอบนี้คนของมาร์ติโนมาช่วยไว้”“แล้วมาร์ติโนมาเกี่ยวอะไรด้วย”มู่ตงเฉิงเอ่ยอย่างหัวเสียที่มีคนนอกเข้ามายุ่งแถมอีกฝ่ายมีอิทธิพลมากจนแตะไม่ได้“ก็..คนที่ผมอยากได้เขาเป็นลูกชายของมาร์ติโน”“อะไรนะ! ทำไมคุณไม่บอกผมก่อน”“แล้วมันต่างกันยังไงในเมื่อคนของคุณก็พลาดอยู่ดี หึ”แม้จะเจ็บใจแต่บอสมาเฟียสายรองตระกดูลมู่ต้องเก็บอาการไว้ยิ่งเห็นท่าท่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่นั่งพิงโซฟาอย่างสบายใจพร้อมใช้สายตาคมกริบมองมา เพราะมีแค่ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ตอนนี้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมันรู้แล้วแน่นอนว่าใครส่งคนมาฆ่าแม้ยังไม่เคลื่อนไหวก็เถอะเพราะฉะนั้นจะรีรออีกไม่ได้ หลังจากพูดคุยข้อแลกเปลี่ยนกันเสร็จมู่ตงเฉิงก็ขอตัวกลับทันทีเพราะมีสิ่ง
จำเลยหมายหัว คนที่ 5มู่ตงหยาง/อาเธอร์สถานะ : สายรองตระกูลมู่ความผิด : ส่งมือปืนมากำจัดจิตรกรในระหว่างเดินทางไปพบคู่ค้าที่ชลบุรีและหลังออกจากงานศพของหัสวีร์ในคืนแรกมู่ตงหยางหรืออาเธอร์ ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลสายรองอย่างมู่ตงเฉิง หากจะนับญาติกันจริงๆก็ถือว่าใกล้ชิดกันอยู่มากเพราะปู่ของอาเธอร์ก็คือมู่เหยาเป็นพี่ชายต่างมารดากับมู่เอิน ที่เกิดจากความผิดพลาดตอนถูกวางยาโดยเลขาเพิ่งรับมาทำงานคิดใช้ทางลัดเอาเต้าไต่ ก่อนงานแต่งเพียงหนึ่งเดือนกับหญิงคนรักอย่างเทียนเฟยฮวาแม่ของมู่เอินแม้มู่เหยาจะใช้สกุลมู่ก็จริงแต่กลับไม่ได้ถูกยอมรับเข้าตระกูลหลักถูกเลี้ยงดูเพียงเพราะว่ามีสายเลือดอยู่ครึ่งหนึ่งรับผิดชอบแค่เรื่องเงินทองเท่านั้น เติบโตมากับความรุนแรงมีแม่ที่ติดเหล้าถูกด่าทอทุบตีจนมีแต่รอยช้ำตามร่างกายเนื่องจากผิดหวังอยากเป็นนายหญิงจนตัวสั่นจนต้องมาระบายโทสะกับลูกตัวเอง ตั้งแต่จำความได้โดนกรอกหูทุกวันว่าเขามันตัวซวยจนอายุ 12 ปี แม่ก็จากไปด้วยโรคตับแข็ง พอเทียนเฟยฮวาทราบเรื่องด้วยความบังเอิญก็เกิดความสงสารเพราะวัยไล่เลี่ยกันกับลูกชายจึงช่วยพูดกับสามีให้รับมาดูแลภายใต้รั้วเดียวกันไม่มี
แกร่กฉิบหายแล้วผลั๊วะปัง!วิน!นายน้อยตระกูลเฉินกำลังซุ่มตัวอย่างเงียบเชียบรอจังหวะที่ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ถึงระยะแต่ดันพลาดเหยียบกิ่งไม้แห้งทำให้อีกฝ่ายหันกระบอกปืนมาหาจึงเตะเสยเข้าที่ปลายคางและปืนให้ห่างตัวก่อนหลุดมือกลับไกถูกลั่นพอดี ชายชุดดำที่เหลือจึงวิ่งกรูไปที่ต้นเสียงรวมถึงจิตรกรด้วยส่วนคนที่กำลังจะหนีข้อเท้าถูกกอดไว้แน่นจากชายที่เลือดกลบปากอยู่บนพื้นก่อนถูกเสยคางซ้ำอีกรอบจนแน่นิ่งไป“อย่าขยับนะมึงไม่งั้นกูยิงไส้แตก วางปืนลงเร็ว!”ปืนหกกระบอกถูกจ่อมาที่คนๆเดียวหัสวีร์จำใจต้องวางปืนและยกมือขึ้นด้วยความจำนนพร้อมถูกควบคุมตัวแต่ตาคมยังกวาดดูคร่าวๆหาช่องทางการหลบหนี“คนนี้ใช่ไหมลูกพี่”“เออ ห้ามช้ำแล้วพวกมึงสามคนไปตามหาไอ้จิตรกรเดี๋ยวมีคนมาสมทบอีก”“คนสองคนต้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”“เออสิ น่าจะฤทธิ์เยอะดูจากคนของเราที่ถูกเก็บเงียบๆไปนี่ไง”คิ้วขมวดมุ่นเมื่อได้ยินการสนทนาศัตรูตอนนี้ก็ไม่ได้มีใครถึงถามไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดีดวงตาสีอำพันยามสะท้อนกับแสงมองเห็นการเคลื่อนไหวของชายคนรัก เมื่อสบตากันจึงส่ายหน้าเบาเป็นสัญญาณว่าอย่าเข้ามาดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจแต่ไม่ยอมทำตาม