“เปล่า ฉันรักแกนะ”
“อ้าว ไอ้นี่มาบอกรักฉันทำไม” คนฟังออกอาการเขิน จึงเอ่ยเสียงดังกลับไป เพื่อกลบความรู้สึก ที่อยากร้องไห้เหมือนกัน “ก็แกจะไปอยู่เชียงงรายแล้วนี่ไง ฉันคิดถึง”“ก็แค่เชียงราย ไม่ได้ไปตาย คิดถึงก็ขึ้นไปหาสิ ที่หลับที่นอนมีพร้อม พวกแกล่ะก็” ลักขณาส่ายหน้าให้ เพราะทั้งภัทรานิษฐ์และศิรดาทำยังไงกับจะไม่ได้เจอกันอีกแบบนั้น “ก็เราไม่ค่อยอยู่ห่างกันแบบนี้ มันรู้สึกแปลกๆ นี่หว่า” ศิรดาสูดน้ำมูก ก่อนจะยกมือปาดน้ำตา เพราะเธอร้องไห้ตั้งแต่นั่งรถมาที่นี่แล้ว “แปลกตรงไหน ทีแกหนีจากอกฉันไปซบอกพี่คริส แต่งงาน แซงหน้าฉันไป ฉันยังไม่ว่าเลย”“อ้าว...” คำอุทานของศิรดาดังขึ้น เพราะเหมือนเธอเป็นคนผิดอย่างนั้นแหละ ภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฝน ไม่คิดจะทักลูกฉันหน่อยเหรอ นั่งมองแกตาปริบๆแล้วนั่นนะ”“โอ๋ๆ น้องพลอย มาหาแม่ฝนมาม๊ะ” ศิรดาไม่ได้ลืมพลอยไพลิน เธออ้าแขนรับเด็กหญิงตัวน้อย ที่กำลังคลานลงจากเตียง ก่อนจะลงไปทางด้านพัฒน์ชนะที่บินมาคุยธุรกิจที่มาเลเซีย ชายหนุ่มยังตกลงเรื่องการซื้อขายไม่ได้ เพราะต้องรอให้เจ้าของที่ดินตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ารับปากว่าจะขายให้แท้ๆ เขาจึงบินมาด้วยตัวเอง แต่พอมาถึงกลับเล่นแง่ และต่อรองเรื่องราคาอีก พัฒน์ชนะจึงต้องอยู่และแสตนด์บายให้พร้อม เพราะเจ้าของที่ดินจะนัดมาเอง ทางเขาจะไปเจาะจงไม่ได้ ปัญหานี่แหละคือสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะรู้สึกมันเสียเวลาแต่เขาก็ต้องรอ ทั้งๆ ที่ใจนั้นอยากกลับเมืองไทยจะแย่แล้วแต่ละวันที่อยู่มาเลเซีย พัฒน์ชนะโทรศัพท์หาลูกน้องที่ให้คอยดูแลภัทรานิษฐ์หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังดีที่หญิงสาวไม่หนีหายไปไหน กลับไปเมืองไทยคงต้องจัดการให้จบๆ ไม่ต้องมานั่งเครียดทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวแบบนี้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากการนั่งรอเวลา ผ่านมาวันแล้ววันเล่าจนถึงวันเสาร์เข้าไปแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ“ทางนั้น ยังไม่ติดต่อมาอีกหรือไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามลูกน้องที่ส่งมาทำงานที่นี่นานแล้ว“ยังเลยครับ”“วุ่นวาย ถ้าไม่ติดว่าฉันอยากได้ที่ตรงนั้น ไม่มีทางที่ฉันจะนั่งรอแบบนี้แน่”
“ครับ แต่งเงียบๆ น้อยคนที่จะรู้” พัฒน์ชนะเอ่ยรับอย่างภูมิใจ ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้บอกแบบนี้ แต่มันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก“ยินดีด้วย” น้ำเสียงของรามันเอ่ยออกมาจากใจ แต่โจแอนกลับไม่คิดเหมือนพ่อ เพราะเธอไม่ยินดีสักนิด อุตส่าห์ได้มาเจอผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์แต่เขากลับไม่โสดเสียแล้ว น่าเสียดาย“ขอบคุณครับ”“น่าเสียดาย” โจแอนเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบไวน์ในแก้วขึ้นดื่ม เธอแทบไม่มองหน้าพัฒน์ชนะอีก“โอกาสหน้า หวังว่าผมจะได้เลี้ยงข้าวคุณพัฒน์ชนะพร้อมภรรยาสักมื้อ”“ครับ ถ้างานที่นี่เสร็จเรียบร้อย ผมก็คบพาเธอกับลูกมาเที่ยวเหมือนกัน” พัฒน์ชนะเอ่ยรับ คำพูดต่อมาของชายหนุ่มยิ่งทำให้โจแอนหมดทางไขว่ขว้า“มีลูกแล้วด้วย” เสียงของโจแอนดังขึ้น ออกแนวไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แค่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้วเธอก็กินแห้วไปหลายกระสอบ นี่ยังมีลูกด้วยกันอีก ลูกน้องของพัฒน์ชนะก็พลอยตกใจกับข่าวที่สองไปด้วย แต
พัฒน์ชนะเดินทางกลับจากมาเลเซียในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยนั่งเครื่องในเที่ยวแรกเลยก็ว่าได้ พอลงเครื่องที่สนามบิน ชายหนุ่มก็รีบตรงมายังบ้านของภัทรานิษฐ์ทันที โดยใจนั้นจดจ่อกับการได้พบหน้าทั้งสองคนมาก แต่ขณะนั้นพลอยไพลินก็แต่งตัวสวยรอจะไปทะเลภัทรานิษฐ์ยกกระเป๋าไปไว้ในรถ รวมทั้งของกินพวกนม ขนมและแซนวิชสำหรับลูกด้วย แต่ก่อนจะเดินทางคุณแม่คนเก่งก็ทำอาหารเช้าให้ลูกได้กินเสียก่อน ซึ่งพลอยไพลินก็กินได้เยอะเป็นพิเศษใจของเด็กหญิงนั้นจดจ่อกับภาพของทะเลเต็มที่แล้ว“อิ่มแล้วเหรอคะ”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับคำถามของแม่ ภัทรานิษฐ์นิ่วหน้าคิ้วขมวดเพราะรู้สึกเจ็บท้องน้อยด้านขวามากขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้เธอกุมท้องตัวเอง แต่พยายามไม่แสดงออกให้ลูกเห็น จนกระทั่งความเจ็บนั้นหายไป เมื่อได้เวลาเดินทาง ภัทรานิษฐ์ก็จูงมือลูกไปที่รถเธอกลับมาล็อคประตูบ้าน ก่อนจะไปเปิดประตูรั้วรอที่จะขับรถออกไป แต่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญที่อุตส่าห์เตรียมไว้ สุดท้ายก็ลืมจริงๆภัทรานิษฐ์ไขกุญแจเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ซึ่งพลอยไพลินก็ยืนรออยู่ข้างรถ ไม่ได้ไปซนที่ไหนเหมือนกัน พอเห็นแม่เดินกลั
บทที่ 1 “เออ...เดี๋ยวข้ารีบเข้าไป อย่าเร่งนักสิวะ”เสียงที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อยของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่เอ่ยบอกกับเพื่อนคนที่โทรศัพท์มาตามเป็นครั้งที่ร้อย เร่งให้เขาเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยมัธยมที่จัดขึ้นยังโรงแรมชื่อดัง ซึ่งมันก็คือโรงแรมในเครือธุรกิจของเขาที่ในวันนี้คงรวมศิษย์เก่าได้หลายร้อยชีวิตและหลายรุ่นพอตัว คิ้วดกหนาของพัฒน์ชนะกำลังขมวดกันยุ่งเนื่องจากการจราจรที่ติดเกินคาดของเมืองกรุง เขาอุตส่าห์เผื่อเวลาในการเดินทางแล้ว แต่คงไม่วายต้องเข้างานช้าแน่นอน นิ้วชี้ยาวเรียวของชายหนุ่มทั้งสองข้างเคาะพวงมาลัยรถสปอร์ตคันสวยราคาหลายสิบล้าน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันในบางครั้ง ก่อนจะสบถออกมาตามประสา “จะติดอะไรหนักหนาวะ”พูดจบใบหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มก็หันซ้ายหันขวาชะเง้อมองสัญญาณไฟจราจรที่ยังเป็นสีแดง หางตาก็เหลือบมองไปเห็นบรรดาสาวๆ ในรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ กำลังแต่งหน้าทำผมกันอยู่เหมือนกำลังเดินทางไปงานที่ไหนสักงาน ก็จะไม่ให้เขาเห็นได้ยังไงเล่นเปิดไฟกลางรถไปซะแบบนั้น แต่มีหญิงสาวหนึ่งในนั้นที่เขาคุ้นตาเสียเหลือเกิน ซึ่งเขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน สายตาของพัฒน์
บทที่ 2“ฝน...แกก็พูดเว่อร์ไป เราอยากเรียนออกแบบมากกว่า ก็เลยเลือกมหาวิทยาลัย…นั่น” ภัทรานิษฐ์เอื้อมมือมาตีหมับลงไปบนต้นแขนของศิรดาเบาๆ ที่เอ่ยเรื่องน่าอายของเธอออกมา เพระทุกอย่างมันคือความจริง แค่การได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนั่นก็ใช่ว่าเธอจะได้สานสัมพันธ์กับพัฒน์ชนะมากขึ้นเสียเมื่อไหร่เพราะชายหนุ่มก็ยังเป็นหนุ่มฮอตเหมือนเดิม มีแต่คนสนใจโดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนแต่สำหรับเธอ พัฒน์ชนะเหมือนอยู่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง เขาไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ แม้จะทำตัวเด่นก็ตาม “ไม่เว่อร์ล่ะ ถ้าแกเลิกชอบพี่แพทนานแล้ว ป่านนี้ทำไมยังโสดวะ เรียนจบมาก็ตั้งสองสามปี ไม่เห็นจะมีแฟน หน้าตาแกก็สวยจนไปประกวดนางงามยังได้เลย” คำถามของเพื่อนช่างจี้ใจดำคนโสดแบบไม่ตั้งใจโดยแท้ “อ้าว...ทำไงได้ ก็คนมันยังไม่รักใครนี่นา อยู่แบบโสดๆ อย่างนี้ชีวิตฉันก็สบายดีออก” คนโสดยักไหล่ให้ เพราะบางครั้งคนไม่โสดอย่างใครบางคนข้างหน้าก็แอบอิจฉาคนโสดอย่างเธอเหมือนกัน เพราะในกลุ่มคนที่มีแฟนและมีแววว่าจะสละโสดคนแรกนั่นคือศิรดา “เหรอ…ถามหัวใจแกก่อนค่อยตอบฉันก็ได้ ชิชิ อย่าหาว่าไม่รู้”
บทที่ 3“น้องยี่หวามาด้วยเหรอวะ ยิ่งโต ยิ่งสวย ผ่านมากี่ปีก็ยังสวยไม่เปลี่ยน”สายตาของอนุภพจับจ้องไปยังภัทรานิษฐ์แบบไม่กระพริบ บางครั้งก็แอบลามกสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ เพราะภัทรานิษฐ์ในความทรงจำนั้นใส่แค่ชุดนักเรียนและชุดนิสิต แต่วันนี้เธอเป็นสาวสะพรั่ง หน้าอกหน้าใจอวบอูม เอวคอดกิ่ว ผิวสวยๆ ที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากเข้าไปสัมผัสแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด“ไหนวะ น้องยี่หวาของเอ็ง" พัฒน์ชนะมองตามสายตาของอนุภพไปเหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยถามว่าคนที่ทำให้เพื่อนออกอาการเพ้อได้ขนาดนี้คือใคร “นั่นไง คนที่ใส่ชุดเกาะอกสีฟ้านะ”อนุภพเอ่ยบอกพิกัดพัฒน์ชนะจึงมองตามไปก่อนจะถึงบางอ้อ ที่เขาไม่ทันเห็นเมื่อครู่ก็เพราะมีหนุ่มๆ ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเธออยู่นั่นเอง “อ้อ...ผู้หญิงในรถนั่นเอง” “อ้อ...อุทานเหมือนไม่รู้จัก เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักน้องเขา”คนขี้สงสัยเอ่ยถาม เพราะอนุภพไม่เชื่อว่าพัฒน์ชนะจะไม่รู้จักภัทรานิษฐ์ แต่ก็อาจจะไม่แน่เพราะเพื่อนของเขานั้นออกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ รายล้อมอยู่เป็นประจำ“ไม่รู้จัก”พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แม้จะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ที่เขารู้สึกว่าคุ้นหน้า คงเป็นเพราะเคยเรียนที
บทที่ 4 ส่วนศิรดาและลักขณาซึ่งนั่งประกบซ้ายขวาขนาบข้าง ภัทรานิษฐ์อยู่ หันมามองคนตรงกลางพร้อมกันหลังจากบรรดาหนุ่มๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน และรุ่นน้องที่มาร่วมงานต่างก็เข้ามาทักทายภัทรานิษฐ์และทักเพื่อนอย่างพวกเธอตามมารยาทได้กลับไปนั่งที่โต๊ะหมดแล้ว เสียงตื่นเต้นและดีใจของศิรดาก็ดังขึ้น “ยี่หวา...พี่แพทมาด้วยล่ะ กรี๊ด!!!” “เหรอ หวาไม่ยักจะเห็นพี่เขาเลย” ภัทรานิษฐ์แสดงสีหน้าได้เรียบเฉยมาก แต่ใจนั้นไม่ใช่เลย “แกนี่...พี่แพทนั่งแแปลกๆ?อยู่โต๊ะนู้นไม่เห็นเหรอ” พูดจบศิรดาก็แอบมองไปยังโต๊ะที่รุ่นพี่สุดฮอตนั่งอยู่อีกครั้งด้วยท่าทีขัดเขิน ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่ามีสาวนางหนึ่งไปเจ๊าะแจ๊ะกับขวัญใจของเธอ “ไม่เห็น” เสียงใสๆ ของภัทรานิษฐ์ก็ยังคงปฏิเสธ ก่อนจะหยิบแก้วที่มีน้ำพั้นช์สีสวยขึ้นดื่มแก้คอแห้ง “ผู้ชายในดวงใจที่แกแอบชอบพี่เขามานานแสนนาน นั่งอยู่ในงานแกจะไม่เห็นได้ยังไง แถมตอนนี้ยังมีชะนีนางหนึ่งไปคุยกับพี่เขาอยู่ด้วย” “ฝน...เราไม่ได้ชอบพี่เขาแล้ว เลิกพูดสักที อีกอย่างพี่เขาจะคุยกับใครมันไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้าน “ตามใจ” ศิรดาเอ่ยตบอกแบบปลงๆ เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนส
บทที่ 5“ว่างๆ เราไปกินข้าวกันนะครับ” “อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะหวากลัวแฟนพี่ภพจะว่าเอา” “ครับๆ” อนุภพจำเป็นต้องเอ่ยรับ เพราะรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่างถนอมน้ำใจจากเธอ เมื่ออนุภพแยกตัวออกไปชายหนุ่มก็มีสาวๆ มาขอชนแก้วและคุยด้วยไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวไปหาพัฒน์ชนะและเขาก็ทำได้สำเร็จ ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้ก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ได้รู้มา “น้องเขามีแฟนแล้วว่ะ”“แล้วไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่สนถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เพราะพวกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นฝ่ายสมยอมให้กับเขาเอง เขาไม่ได้บังคับใจใครสักหน่อย“ไอ้นี่หนิ” อนุภพส่ายหน้าให้ ก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดแต่ทำได้เพียงแค่อ้าปากก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “พี่แพท พี่ภพคะ ชนแก้วกันหน่อยสิ” สาวสวยสามสี่คนล้อมหน้าล้อมหลังอนุภพกับพัฒน์ชนะจนแทบไม่มีความเป็นส่วนตัว “อย่าไปไหน เดี๋ยวข้ามาคุยต่อ” อนุภพพาสาวๆ ออกไปก่อนเพื่อหวังจะกลับมาคุยกับเพื่อนใหม่ ส่วนภัทรานิษฐ์เองก็มีหนุ่มๆ อีกหลายคนเดินเข้าไปคุย ชวนเธอชนแก้ว ถามเรื่องงานบ