พัฒน์ชนะเดินทางกลับจากมาเลเซียในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยนั่งเครื่องในเที่ยวแรกเลยก็ว่าได้ พอลงเครื่องที่สนามบิน ชายหนุ่มก็รีบตรงมายังบ้านของภัทรานิษฐ์ทันที โดยใจนั้นจดจ่อกับการได้พบหน้าทั้งสองคนมาก แต่ขณะนั้นพลอยไพลินก็แต่งตัวสวยรอจะไปทะเลภัทรานิษฐ์ยกกระเป๋าไปไว้ในรถ รวมทั้งของกินพวกนม ขนมและแซนวิชสำหรับลูกด้วย แต่ก่อนจะเดินทางคุณแม่คนเก่งก็ทำอาหารเช้าให้ลูกได้กินเสียก่อน ซึ่งพลอยไพลินก็กินได้เยอะเป็นพิเศษใจของเด็กหญิงนั้นจดจ่อกับภาพของทะเลเต็มที่แล้ว
“อิ่มแล้วเหรอคะ”“ค่ะ” พลอยไพลินเอ่ยรับคำถามของแม่ ภัทรานิษฐ์นิ่วหน้าคิ้วขมวดเพราะรู้สึกเจ็บท้องน้อยด้านขวามากขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้เธอกุมท้องตัวเอง แต่พยายามไม่แสดงออกให้ลูกเห็น จนกระทั่งความเจ็บนั้นหายไป เมื่อได้เวลาเดินทาง ภัทรานิษฐ์ก็จูงมือลูกไปที่รถเธอกลับมาล็อคประตูบ้าน ก่อนจะไปเปิดประตูรั้วรอที่จะขับรถออกไป แต่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญที่อุตส่าห์เตรียมไว้ สุดท้ายก็ลืมจริงๆ ภัทรานิษฐ์ไขกุญแจเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ซึ่งพลอยไพลินก็ยืนรออยู่ข้างรถ ไม่ได้ไปซนที่ไหนเหมือนกัน พอเห็นแม่เดินกลับทที่ 1 “เออ...เดี๋ยวข้ารีบเข้าไป อย่าเร่งนักสิวะ”เสียงที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อยของพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่เอ่ยบอกกับเพื่อนคนที่โทรศัพท์มาตามเป็นครั้งที่ร้อย เร่งให้เขาเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยมัธยมที่จัดขึ้นยังโรงแรมชื่อดัง ซึ่งมันก็คือโรงแรมในเครือธุรกิจของเขาที่ในวันนี้คงรวมศิษย์เก่าได้หลายร้อยชีวิตและหลายรุ่นพอตัว คิ้วดกหนาของพัฒน์ชนะกำลังขมวดกันยุ่งเนื่องจากการจราจรที่ติดเกินคาดของเมืองกรุง เขาอุตส่าห์เผื่อเวลาในการเดินทางแล้ว แต่คงไม่วายต้องเข้างานช้าแน่นอน นิ้วชี้ยาวเรียวของชายหนุ่มทั้งสองข้างเคาะพวงมาลัยรถสปอร์ตคันสวยราคาหลายสิบล้าน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันในบางครั้ง ก่อนจะสบถออกมาตามประสา “จะติดอะไรหนักหนาวะ”พูดจบใบหน้าหล่อๆ ของชายหนุ่มก็หันซ้ายหันขวาชะเง้อมองสัญญาณไฟจราจรที่ยังเป็นสีแดง หางตาก็เหลือบมองไปเห็นบรรดาสาวๆ ในรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างๆ กำลังแต่งหน้าทำผมกันอยู่เหมือนกำลังเดินทางไปงานที่ไหนสักงาน ก็จะไม่ให้เขาเห็นได้ยังไงเล่นเปิดไฟกลางรถไปซะแบบนั้น แต่มีหญิงสาวหนึ่งในนั้นที่เขาคุ้นตาเสียเหลือเกิน ซึ่งเขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน สายตาของพัฒน์
บทที่ 2“ฝน...แกก็พูดเว่อร์ไป เราอยากเรียนออกแบบมากกว่า ก็เลยเลือกมหาวิทยาลัย…นั่น” ภัทรานิษฐ์เอื้อมมือมาตีหมับลงไปบนต้นแขนของศิรดาเบาๆ ที่เอ่ยเรื่องน่าอายของเธอออกมา เพระทุกอย่างมันคือความจริง แค่การได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนั่นก็ใช่ว่าเธอจะได้สานสัมพันธ์กับพัฒน์ชนะมากขึ้นเสียเมื่อไหร่เพราะชายหนุ่มก็ยังเป็นหนุ่มฮอตเหมือนเดิม มีแต่คนสนใจโดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนแต่สำหรับเธอ พัฒน์ชนะเหมือนอยู่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง เขาไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ แม้จะทำตัวเด่นก็ตาม “ไม่เว่อร์ล่ะ ถ้าแกเลิกชอบพี่แพทนานแล้ว ป่านนี้ทำไมยังโสดวะ เรียนจบมาก็ตั้งสองสามปี ไม่เห็นจะมีแฟน หน้าตาแกก็สวยจนไปประกวดนางงามยังได้เลย” คำถามของเพื่อนช่างจี้ใจดำคนโสดแบบไม่ตั้งใจโดยแท้ “อ้าว...ทำไงได้ ก็คนมันยังไม่รักใครนี่นา อยู่แบบโสดๆ อย่างนี้ชีวิตฉันก็สบายดีออก” คนโสดยักไหล่ให้ เพราะบางครั้งคนไม่โสดอย่างใครบางคนข้างหน้าก็แอบอิจฉาคนโสดอย่างเธอเหมือนกัน เพราะในกลุ่มคนที่มีแฟนและมีแววว่าจะสละโสดคนแรกนั่นคือศิรดา “เหรอ…ถามหัวใจแกก่อนค่อยตอบฉันก็ได้ ชิชิ อย่าหาว่าไม่รู้”
บทที่ 3“น้องยี่หวามาด้วยเหรอวะ ยิ่งโต ยิ่งสวย ผ่านมากี่ปีก็ยังสวยไม่เปลี่ยน”สายตาของอนุภพจับจ้องไปยังภัทรานิษฐ์แบบไม่กระพริบ บางครั้งก็แอบลามกสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ เพราะภัทรานิษฐ์ในความทรงจำนั้นใส่แค่ชุดนักเรียนและชุดนิสิต แต่วันนี้เธอเป็นสาวสะพรั่ง หน้าอกหน้าใจอวบอูม เอวคอดกิ่ว ผิวสวยๆ ที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากเข้าไปสัมผัสแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด“ไหนวะ น้องยี่หวาของเอ็ง" พัฒน์ชนะมองตามสายตาของอนุภพไปเหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยถามว่าคนที่ทำให้เพื่อนออกอาการเพ้อได้ขนาดนี้คือใคร “นั่นไง คนที่ใส่ชุดเกาะอกสีฟ้านะ”อนุภพเอ่ยบอกพิกัดพัฒน์ชนะจึงมองตามไปก่อนจะถึงบางอ้อ ที่เขาไม่ทันเห็นเมื่อครู่ก็เพราะมีหนุ่มๆ ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเธออยู่นั่นเอง “อ้อ...ผู้หญิงในรถนั่นเอง” “อ้อ...อุทานเหมือนไม่รู้จัก เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักน้องเขา”คนขี้สงสัยเอ่ยถาม เพราะอนุภพไม่เชื่อว่าพัฒน์ชนะจะไม่รู้จักภัทรานิษฐ์ แต่ก็อาจจะไม่แน่เพราะเพื่อนของเขานั้นออกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ รายล้อมอยู่เป็นประจำ“ไม่รู้จัก”พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แม้จะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ที่เขารู้สึกว่าคุ้นหน้า คงเป็นเพราะเคยเรียนที
บทที่ 4 ส่วนศิรดาและลักขณาซึ่งนั่งประกบซ้ายขวาขนาบข้าง ภัทรานิษฐ์อยู่ หันมามองคนตรงกลางพร้อมกันหลังจากบรรดาหนุ่มๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน และรุ่นน้องที่มาร่วมงานต่างก็เข้ามาทักทายภัทรานิษฐ์และทักเพื่อนอย่างพวกเธอตามมารยาทได้กลับไปนั่งที่โต๊ะหมดแล้ว เสียงตื่นเต้นและดีใจของศิรดาก็ดังขึ้น “ยี่หวา...พี่แพทมาด้วยล่ะ กรี๊ด!!!” “เหรอ หวาไม่ยักจะเห็นพี่เขาเลย” ภัทรานิษฐ์แสดงสีหน้าได้เรียบเฉยมาก แต่ใจนั้นไม่ใช่เลย “แกนี่...พี่แพทนั่งแแปลกๆ?อยู่โต๊ะนู้นไม่เห็นเหรอ” พูดจบศิรดาก็แอบมองไปยังโต๊ะที่รุ่นพี่สุดฮอตนั่งอยู่อีกครั้งด้วยท่าทีขัดเขิน ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่ามีสาวนางหนึ่งไปเจ๊าะแจ๊ะกับขวัญใจของเธอ “ไม่เห็น” เสียงใสๆ ของภัทรานิษฐ์ก็ยังคงปฏิเสธ ก่อนจะหยิบแก้วที่มีน้ำพั้นช์สีสวยขึ้นดื่มแก้คอแห้ง “ผู้ชายในดวงใจที่แกแอบชอบพี่เขามานานแสนนาน นั่งอยู่ในงานแกจะไม่เห็นได้ยังไง แถมตอนนี้ยังมีชะนีนางหนึ่งไปคุยกับพี่เขาอยู่ด้วย” “ฝน...เราไม่ได้ชอบพี่เขาแล้ว เลิกพูดสักที อีกอย่างพี่เขาจะคุยกับใครมันไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้าน “ตามใจ” ศิรดาเอ่ยตบอกแบบปลงๆ เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนส
บทที่ 5“ว่างๆ เราไปกินข้าวกันนะครับ” “อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะหวากลัวแฟนพี่ภพจะว่าเอา” “ครับๆ” อนุภพจำเป็นต้องเอ่ยรับ เพราะรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่างถนอมน้ำใจจากเธอ เมื่ออนุภพแยกตัวออกไปชายหนุ่มก็มีสาวๆ มาขอชนแก้วและคุยด้วยไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวไปหาพัฒน์ชนะและเขาก็ทำได้สำเร็จ ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้ก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ได้รู้มา “น้องเขามีแฟนแล้วว่ะ”“แล้วไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่สนถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เพราะพวกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นฝ่ายสมยอมให้กับเขาเอง เขาไม่ได้บังคับใจใครสักหน่อย“ไอ้นี่หนิ” อนุภพส่ายหน้าให้ ก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดแต่ทำได้เพียงแค่อ้าปากก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “พี่แพท พี่ภพคะ ชนแก้วกันหน่อยสิ” สาวสวยสามสี่คนล้อมหน้าล้อมหลังอนุภพกับพัฒน์ชนะจนแทบไม่มีความเป็นส่วนตัว “อย่าไปไหน เดี๋ยวข้ามาคุยต่อ” อนุภพพาสาวๆ ออกไปก่อนเพื่อหวังจะกลับมาคุยกับเพื่อนใหม่ ส่วนภัทรานิษฐ์เองก็มีหนุ่มๆ อีกหลายคนเดินเข้าไปคุย ชวนเธอชนแก้ว ถามเรื่องงานบ
บทที่ 6“แต่ก็ไม่ผิดนะที่จะบอกใครบางคนว่าเราชอบเขา” ลักขณาพยายามเสนอ เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวจนวันตาย “ก็ไม่ผิด แต่ติดที่เราไม่กล้าเอง จบไหมเพื่อน”“เออ…จบประเด็น” พอได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวก็ทำเอาคนฟังไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ยิ่งรู้แบบนี้พัฒน์ชนะก็ยิ่งอยากได้อยากจะเอาชนะภัทรานิษฐ์มากขึ้นเท่านั้น มันคือความท้าทายแบบผิดๆ ของชายหนุ่มที่จะเป็นโซ่ผูกเขาไปจนวันตาย “เออนี่เก๋…เห็นกระเป๋าเราไหม” พูดจบสายตาของภัทรานิษฐ์ก็มองหากระเป๋าตัวเอง “ไม่นี่…ลืมไว้บนโต๊ะที่ห้องจัดเลี้ยงหรือเปล่า”“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เดี๋ยวเราลงไปเอาก่อนนะ ฝากยายฝนด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้พัฒน์ชนะรีบหลบออกไป “อืม” ลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะมองภัทรานิษฐ์ที่เดินออกจากห้องไป แล้วมองคนขี้เมาที่นอนอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกไปโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ และเลือกออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักอย่างกระหนุง กระหนิงตามประสาคนรักเพื่อรอภัทรานิษฐ์ส่วนคนขี้ลืมทั้งๆ ที่ไม่น่าลืมก็กดลิฟต์ลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างมืดเพราะปิดไฟเกือบหมดเพื่อให้ทุกคนที่มางานออกสเต็ปแดนซ์ตามจังหวะเสียงเพลงที่ดั
บทที่ 7“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกเหรอครับ” พัฒน์ชนะเดินเข้ามาหาภัทรานิษฐ์ที่ในตอนนี้หญิงสาวยิ่งขยับหนีเพื่อออกห่าง ดึงสติกลับมาเพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่ามันคืออะไร หรือแค่อยากลองใจเธอ ภัทรานิษฐ์รู้ว่าพัฒน์ชนะนั้นเป็นเพลย์บอยมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ยอมบอกว่าชอบเขา เพียงเพื่อจะได้เป็นของเล่นของชายหนุ่มแน่ๆ แล้วที่เขาบอกว่าชอบเธอก็ใช่ว่าจะเชื่อถือมันได้ว่าคือความจริง “ไม่ค่ะ เพราะยี่หวาไม่ได้ชอบพี่แพท ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรานิษฐ์รวบรวมความกล้า เดินผ่านพัฒน์ชนะเพื่อตรงไปยังประตูแต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือบางของเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”“พี่แพท…ปล่อยแขนยี่หวาด้วยค่ะ” ภัทรานิษฐ์พยายามออกแรงยื้อให้หลุดจากการจับของพัฒน์ชนะ แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้ตัวของภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นวาบ“คงไม่ได้” “พี่แพท!” ความกลัวทำให้ภัทรานิษฐ์ตัวสั่น เธอไม่เคยกลัวพัฒน์ชนะแบบนี้มาก่อน แววตาของชายหนุ่มเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด “รู้ไหมว่าพี่เป็นผู้ชายที่ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้”“ไม่ทราบค่ะ ปล่อย!”“พี่อยากได้ยี่หวา” คำพูดที่แสนเห็นแก่ตัวของพัฒน์ชนะทำให้ภัทรานิษฐ์
บทที่ 8“ไม่ได้” ชายหนุ่มสบตาที่สั่นระริกของภัทรานิษฐ์ แต่ไม่ได้มีความสงสารให้เธอเพียงนิด เพราะความต้องการของเขามีมากเกินจะหยุดได้แล้ว “สารเลว ปล่อยนะ อื้อ…” คำด่าทอและขอร้องถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของพัฒน์ชนะจับข้อมือของภัทรานิษฐ์จุดที่มีเนกไทมัดไว้ ส่วนอีกข้างกำลังสำรวจร่างกายเธอ ภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้งหนียามถูกมือหนาสัมผัส น้ำตาของความกลัวไหลอาบแก้มแต่พัฒน์ชนะไม่รับรู้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระภัทรานิษฐ์ก็เฝ้าบอกให้เขาหยุดและปล่อยเธอ แต่มีหรือที่พัฒน์ชนะจะฟังคำพูดของเธอ ยามใดที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสถูกกายสาวภัทรานิษฐ์ก็สะดุ้งรับ สัมผัสวาบหวิวและเร่าร้อนซึ่งไม่เคยมีชายใดทำแบบนี้กับเธอมาก่อนมันทั้งน่าลิ้มลองและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มทั้งเฝ้าจูบ และขบเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขยำขยี้ฟอนเฟ้นจนตั้งชัน