“คุณเป็นญาติคนไข้หรือเปล่า”
“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยรับคำถามนั้น “คนไข้ไส้ติ่งแตกเฉียบพลันนะครับ ยังดีที่มาถึงโรงพยาบาลทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ แต่ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว” “ไส้ติ่งแตก”“ครับ…อีกประมาณครึ่งชั่วโมง น่าจะย้ายคนไข้ขึ้นไปพักฟื้นบนห้องได้”“ขอบคุณครับหมอ”“ครับ” คุณหมอเอ่ยรับ ก่อนจะแยกตัวออกไป เมื่อรู้ว่าภัทรานิษฐ์ปลอดภัยแล้ว พัฒน์ชนะจึงโล่งอก ก่อนจะบอกพลอยไพลินว่าแม่ปลอดภัย ชายหนุ่มยังคงอุ้มเด็กหญิงอยู่ ก่อนจะเดินไปจัดการเรื่องห้องพักของภัทรานิษฐ์ให้ โดยเขาให้เธอนอนในห้องพิเศษของโรงพยาบาล เมื่อจัดการเรื่องห้องพักเรียบร้อย จึงอุ้มพลอยไพลินไปยังรถ เพราะเขาไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมา หวังว่าในเครื่องเขาจะมีเบอร์โทรศัพท์ของลักขณาอยู่ อีกทางหนึ่งที่จะติดต่อเพื่อนของภัทรานิษฐ์ได้ นั่นก็คือต้องหาโทรศัพท์เธอให้พบด้วย ตลอดทางเดินไปยังรถ ชายหนุ่มผ่านพยาบาล คนไข้และญาติที่ต่างมาใช้บริการที่นี่ ต่างมองเขาด้วยความสนใจกับภาพที่หนุ่ม“พัฒน์ชนะ”“หา…พี่แพทเหรอ” อุทานที่สอง ทำให้รัชยศที่นั่งอยู่ข้างๆ ภรรยาหันกลับมามองทันที เพราะท่าทางของศิรดานั้น ตาโตเป็นไข่ห่านไปแล้ว ก่อนที่พัฒน์ชนะจะเอ่ยรับ“ครับ”“ละ… แล้วพี่ไปอยู่กับหวาได้ยัง แล้วหวาเป็นยังไงบ้างน้องพลอยล่ะคะ”“พี่จะอยู่กับยี่หวายังไงก็ไม่สำคัญหรอก เอาเป็นว่าตอนนี้ยี่หวาปลอดภัยแล้ว ส่วนน้องพลอยก็นั่งอยู่ข้างๆ พี่ ฝนจะคุยด้วยไหม” พัฒน์ชนะเอ่ยบอกอย่างเป็นกันเอง แต่ศิรดายังไม่ค่อยชินกับความสนิทสนมที่ชายหนุ่มยื่นให้ เพราะเมื่อก่อนก็ต่างคนต่างอยู่แต่พอเกิดเรื่องกับภัทรานิษฐ์นี่แหละ พัฒน์ชนะจึงเข้ามาในชีวิตมากขึ้น“มะ…ไม่เป็นไร เดี๋ยวฝนตามไปที่โรงพยาบาลเลย” เมื่อวางสายแล้ว ศิรดาก็ให้รัชยศมาส่งที่โรงพยาบาลทันที ขณะที่นั่งรถมาก็โทรศัพท์ไปบอกลักขณาเรื่องที่ภัทรานิษฐ์ไส้ติ่งแตก คนที่อยู่เชียงรายตกใจจนอยากบินกลับกรุงเทพฯ เสียตอนนั้น ไม่น่าล่ะเมื่อเช้าภัทรานิษฐ์ถึงไม่รับสายเธอ แต่ศิรดาขอไว้ เพราะเธอสัญญาจะดูแลภัทรานิษฐ์และพลอยไพลินเอง
“ฝน… ถ้าเป็นไปได้ พี่ขอดูแลน้องพลอยเองได้ไหม” นี่คือสิ่งที่พัฒน์ชนะอยากพูด โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นัก เขานั้นอยากใช้โอกาสนี้ดูแลพลอยไพลินจริงๆ แม้ศิรดาจะค้านเขาก็จะตื้อให้ถึงที่สุด คนฟังถึงกับอุทานเสียงสูง“เอ๊ะ…”“พี่พูดจริงๆ พี่อยากดูแลน้องพลอย” พัฒน์ชนะจึงเอ่ยรับด้วยความแน่วแน่“ถามหวาเขาก่อนดีไหมคะ”“พี่รู้คำตอบของยี่หวาดี ว่าเขาต้องปฏิเสธแน่ ก็เลยอยากให้ฝนช่วย”“ยังไง” คนฟังออกอาการงง ใจนั้นไม่อยากให้พัฒน์ชนะดูแลพลอยไพลินเลย เพราะถึงแม้ลูกบุญธรรมของเธอคนนี้จะเลี้ยงง่าย พูดง่าย แต่เวลาที่งอแงมากๆ ก็เอาเรื่องเหมือนกัน ยิ่งพัฒน์ชนะไม่เคยได้คลุกคลี ใกล้ชิดด้วยแล้ว กลัวจะรับไม่ไหวกับอารมณ์เด็กแบบนี้นะสิ“ทำเหมือนว่าน้องพลอยไปอยู่กับฝนได้ไหม แต่จริงๆ แล้วให้น้องพลอยอยู่กับพี่แทน” นี่คือแผนในขั้นแรกที่พัฒน์ชนะคิดออก“ไม่ดีมั้งคะ”“นะครับ พี่ขอร้อง หวังว่าฝนจะช่วยพี่”“แผนของพี่ คือจะให้ฝนโ
“พี่อุ้มได้”“บอกให้ปล่อยลูกฉัน โอ๊ย...” คราวนี้ภัทรานิษฐ์ถึงกับพยายามลุก แต่ก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อความเจ็บแผลผ่าตัดเล่นงานเข้า“หวา ใจเย็นก่อน เดี๋ยวแผลปริ”“ฝน ช่วยบอกให้ผู้ชายคนนี้กลับไปที ฉันไม่อยากให้เขาอยู่ในห้องนี้ รู้สึกหายใจไม่ออก” ภัทรานิษฐ์ไม่ยอมฟังเสียงค้านใดๆ การขยับตัวของเธอทำให้ศิรดาเห็นรอยผื่นที่ขึ้นบริเวณใบหน้าและลำคอหนักขึ้น ลามลงมาถึงแขน จึงเอ่ยถามเสียงตื่น“หวา แกมีผื่นขึ้น เป็นไรไหม”ไม่” ภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้รู้สึกคันเหมือนกัน แต่ยังไม่มากเท่าอาการแสบจมูกและตาตั้งแต่รู้สึกตัวแล้ว ฝ่ายพัฒน์ชนะนั้นเร็วกว่า ชายหนุ่มใช้โทรศัพท์ภายในติดต่อพยาบาลหาทันที“คุณพยาบาล เข้ามาที่ห้องหน่อย” สิ้นคำพูดของพัฒน์ชนะไม่ถึงนาที พยาบาลคนหนึ่งก็รีบเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะเอ่ยถาม เพราะเห็นญาติหน้าตาตื่นๆ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“เธอมีผื่นขึ้นครับ จะแพ้ยาสลบหรือเปล่า” พัฒน์ชนะเอ่ยถาม ทำเอาภัทรานิษฐ์ไม่พอใจที่เขาวุ่นวายเรื่องขอ
ศิรดาเดินกลับมาหาพัฒน์ชนะ ที่ตอนนี้มีพลอยไพลินหลับอยู่บนตักชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพที่เห็นทำให้ศิรดาและรัชยศแอบยิ้มก่อนจะมองหน้ากัน แค่นี้ก็รู้ใจ ไม่ต้องพูด ว่าคนที่จะได้ดูแลพลอยไพลินในช่วงนี้คือชายหนุ่มนั่นเอง แม้จะสั้นแต่ก็หวังว่าพัฒน์ชนะจะใช้เวลาที่ได้ให้คุ้มค่ามากที่สุด“ฝนจะให้พี่แพทดูแลน้องพลอยนะคะ”“ขอบใจมากฝน”“แต่… นี่เป็นคำพูดของฝนแค่ฝ่ายเดียว ฝนไม่เห็นด้วยกับที่จะโกหกหวาเรื่องนี้”“แล้วจะทำยังไง ให้หวายอม”“ฝนมีแผน” ศิรดาเอ่ยอย่างมั่นใจ ว่าแผนของเธอจะได้ผล ซึ่งพัฒน์ชนะก็หวังเป็นแบบนั้น พอหาทางออกในเรื่องนี้ได้ ศิรดาก็หิวทันที เธอชวนพัฒน์ชนะลงไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโรงพยาบาล แต่ชายหนุ่มไม่ไปด้วย เพราะอยากให้พลอยไพลินนอนนิ่งๆ ศิรดาและ รัชยศจึงลงกันไปสองคน พัฒน์ชนะมองใบหน้าของพลอยไพลินยามหลับ ก่อนจะลูบใบหน้านั้นเบาเกือบชั่วโมง ศิรดาและรัชยศก็กลับขึ้นมาพร้อมเสบียงในมือซึ่งมีของพลอยไพลินและพัฒน์ชนะด้วย ก่อ
“คุณรับโทรศัพท์แทนฉันเหรอ เสียมารยาท” ภัทรานิษฐ์แหวใส่ เธอเกร็งท้องจนเจ็บแผล ไม่ข่มความเจ็บไว้“พี่ยอมรับผิด เขาโทร มาตาม เห็นว่านัดกันไว้ และฝากบอกว่าจะไม่ขายให้แล้ว”“แค่นี้เหรอ”“อืม… แค่นี้ หรือมีอะไรมากกว่านี้อย่างนั้นเหรอ” พัฒน์ชนะยังทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ชายหนุ่มทำเพียงแค่เป็นคนส่งสารเท่านั้นซึ่ง ภัทรานิษฐ์พยายามจับพิรุจแต่ก็มองไม่ออก จึงคิดว่าเขาพูดจริงและคงยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องที่เธอจะไปอยู่ชลบุรีก็เป็นได้ ไม่รู้แบบนี้ก็ดีแล้ว“เปล่า… แล้วอย่าคิดว่าการที่ฉันให้คุณดูแลน้องพลอย แล้วคุณจะได้...” ภัทรานิษฐ์พูดไม่ทันจบ พัฒน์ชนะก็เอ่ยค้าน“พี่รู้แล้ว ขอบใจที่ยอมให้พี่ทำแบบนั้น”“ถ้ามีตัวเลือกอื่น ฉันไม่มีทางทำแบบนี้” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาเดินกลับไปนั่งดูสารคดีสัตว์โลกที่ฉายเรื่องปลาวาฬกับพลอยไพลิน เด็กหญิงตัวน้อยถามนั่นนี่ ว่าปลาวาฬใหญ่แค่ไหน กินอะไร ทำไมต้องอยู่ในน้ำ และอีกสารพัดคำถามที่พัฒน์ชนะคอยตอบ ไม่ได้แสดงความรำคาญให้เห็นสักนิด
การมาบ้านภัทรานิษฐ์ในครั้งนี้ของพัฒน์ชนะมันต่างออกไป เมื่อมาถึงชายหนุ่มเดินดูรอบๆ บ้านของเธอโดยมีพลอยไพลินเป็นไกด์ ได้เห็นรูปเห็นของใช้ของภัทรานิษฐ์และพลอยไพลิน ได้รู้ว่าสองคนแม่ลูกอยู่กันยังไง พลอยไพลินซึ่งกินข้าวมาจากโรงพยาบาลแล้ว จึงไม่งอแงเรื่องนี้ พอเห็นว่าดึกแล้วพัฒน์ชนะก็จัดการอาบน้ำให้พลอยไพลินก่อน เพราะเด็กหญิงตัวน้อยยืนหาวติดกันหลายครั้ง แถมยกมือขยี้ตาเสียด้วยประสบการณ์อาบน้ำให้หลานชายสองคนสู้ไม่ได้กับการอาบน้ำให้เด็กหญิง เพราะพลอยไพลินอายแล้วอายอีก ไม่ยอมถอดชุดออกจนชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมา กว่าจะกล่อมได้ว่าเขาไม่มองก็เล่นเอาเหนื่อย การอาบน้ำที่คิดว่าง่ายๆ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้ว“ชุดนอน ชุดนอนอยู่ไหนนะ” พัฒน์ชนะเปิดตู้เสื้อผ้าของ พลอยไพลินออกดู ออกอาการมึนเพราะไม่รู้ชุดนอนของเด็กหญิงอยู่ตรงไหน“นี่ค่ะ” เจ้าของตู้เสื้อผ้า จึงมุดตัวลอดใต้แขนของพัฒน์ชนะเข้าไปหยิบชุดที่จะสวมออกมาเอง“ใส่ชุดนี้เหรอครับ”“ค่ะ” เสียงใสๆเอ่ยรับ พัฒน์ชนะมองชุดในมือว่าจะใส่ยังไงก่อนจะเอ่ยบอกเจ
เช้าวันรุ่งขึ้นพัฒน์ชนะก็วุ่นตั้งแต่ลืมตาตื่นก็ว่าได้ เพราะเมื่อพลอยไพลินตื่น ชายหนุ่มก็จัดการอาบน้ำให้ก่อน แต่เด็กหญิงนั่งห้องน้ำทำธุระหนักเขาก็ออกมานอกห้องน้ำ เพราะพลอยไพลินยังอายไม่ยอมให้เขาเข้าไปด้วย ให้ช่วยแค่ตอนอาบน้ำ แต่เมื่อคืนเขารู้จากภัทรานิษฐ์แล้วว่าต้องทำอะไรต่อ เมื่อพลอยไพลินเสร็จธุระ เด็กหญิงตัวน้อยจะตะโกนบอกเอง นั่นคือเวลาที่เขาต้องเข้าไปเช็ดก้นให้ ซึ่งเช้านี้เขาก็ทำทุกอย่างได้ดี แม้จะไม่สมบูรณ์เท่าตอนที่ภัทรานิษฐ์ทำก็ตามพออาบน้ำเสร็จก็ได้เวลาแต่งตัว ที่ตอนนี้ในห้องพลอยไพลินมีคราบแป้งเต็มไปหมด เพราะทั้งสองคนเล่นสงครามแป้งกัน กว่าที่ พัฒน์ชนะจะจับตัวปูแสนซนอย่างพลอยไพลินให้ใส่เสื้อผ้าได้ เขาก็แทบหมดแรง จากชุดสวยๆ ที่ต้องใส่วันนี้ จึงเป็นเสื้อผ้าสลับชุดแบบมิกซ์และแมชท์แบบไม่ตั้งใจ ทางด้านภัทรานิษฐ์ก็ชะเง้อมองคอยาวหาว่าเมื่อไหร่ลูกจะมา“วันนี้น้องพลอยไม่ต้องไปโรงเรียน” พอแต่งตัวเรียบร้อยพลอยไพลินก็เอ่ยบอก ทั้งๆ ที่ชอบโรงเรียนมาก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างไปโรงเรียนหรือหยุด พลอยไพลินดูจะขอหยุดมากกว่า“ค
ประตูห้องพักฟื้นที่เปิดออก ทำให้ภัทรานิษฐ์หันไปมอง ก็เห็นพลอยไพลินวิ่งเข้ามา ตามด้วยพัฒน์ชนะ คิ้วโค้งสวยได้รูปของคนเป็นแม่ถึงกับขมวดกับชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ เสื้อกับกางเกงมันคนละชุดกันแน่ๆ ถุงเท้าก็คนละข้างยังดีที่รองเท้าถูก ผมเผ้าก็ดูยุ่งเหยิงไปนิด เธอมองตาเขียวปั้ดไปยังพัฒน์ชนะทันที“แม่จ๋า”“คะลูก” ภัทรานิษฐ์ปรับสีหน้า ยิ้มให้ลูกสาว ตอนนี้เธอกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ยื่นมือไปสัมผัสแก้มของพลอยไพลิน ที่มายืนเกาะขอบเตียงอยู่“คุณลุงทำไข่ตุ๋นให้น้องพลอยกิน อร่อยม๊ากมากค่ะ”“เหรอคะ ชอบละสิ ยิ้มแป้นเชียว” คำพูดของภัทรานิษฐ์ ทำให้เจ้าตัวสะอึก ทำไมเธอต้องรู้สึกหวิวๆ แบบนี้ ทำไมต้องรู้สึกดีที่พัฒน์ชนะอยู่กับพลอยไพลินได้และชายหนุ่มก็ทำได้ดีด้วย ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย เธอกลัวว่าเขาจะมาพาลูกของเธอไป“ค่ะ… ให้คุณลุงทำให้กินทุกวันได้ไหมคะ”“คุณลุงไม่สะดวกค่ะ จะดูแลน้องพลอยแค่ตอนนี้เท่านั้น” คำตอบของแม่ทำให้ใบหน้าของพลอยไพลินสลดลงไปนิดหน่อยแต่ก็ยังยิ้มได้อย
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้