‘เขา... อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?’เธอไม่คิดว่าจะเธอจะได้เจอเขาอีก ดูเหมือนโลกใบนี้จะแคบกว่าที่เธอคิดไว้หลิง อี้หรานเงยหน้าขึ้นและมองเห็นร่างหนึ่งกู้ ลี่เฉินสวมชุดลำลองสีขาวล้วนที่เป็นทางการน้อยกว่าชุดปกติและดูสบาย ๆ มากกว่าภายใต้แสงไฟ ใบหน้าที่หล่อเหลาเผยให้เห็นถึงความเฉยเมยและความเหินห่าง แม้ว่าเขาจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน แต่เขากลับดูไม่ใส่ใจกับความโกลาหลรอบตัวเขา ราวกับมีบางอย่างที่มองไม่เห็นกั้นเขาไว้เหมือนเขาได้สร้างเกราะกำบังขึ้นมาในโลกของเขาและจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาคนที่... ที่สามารถทะลุผ่านเกราะกำบังนี้ได้ มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กที่ผ่านร้อยผ่านหนาวไปกับเขาเท่านั้น... เด็กหญิงที่เธอเคยเป็น!ทว่า... ดวงตาของหลิง อี้หรานจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่เดินเข้าไปในห้องขณะที่ควงแขนของกู้ ลี่เฉินไว้เป็นน้องลี่ฟางที่เข้ามาแทนที่เธอ ตอนนี้ลี่ฟางยืนอยู่ข้างกู้ ลี่เฉินพร้อมกับแสดงรอยยิ้มยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้าของเธอเมื่อมองดูหวา ลี่ฟางและกู้ ลี่เฉินยืนเคียงข้างกัน หลิง อี้หรานก็มีความรู้สึกถึงบางอย่างซึ่งยากที่จะอธิบายได้จากนั้นเธอก็บอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เธอคือคนที่ตัดสินใจทิ้งค
แม้ว่าคนอื่นในแวดวงนี้จะร่ำรวยหรือมีอำนาจ แต่ทุกคนล้วนมีอันดับของตัวเองหยู ข่าวฮ่าวรู้สึกประหลาดใจเมื่อกู้ ลี่เฉินตอบตกลง “ได้”หยู ข่ายฮ่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ถ้าเขาสามารถตีสนิทกับกู้ ลี่เฉินได้ สถานะของเขาในแวดวงสังคมชั้นสูงก็จะเปลี่ยนไปหลิง อี้หรานยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อเห็นหยู ข่าวฮ่าวนำกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟางไปที่โต๊ะพูล เธอรู้สึกเป็นกังวลหลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้าวไปข้างหน้าและพูดกับหยู ข่าวฮ่าวว่า “คุณหยูคะ คุณช่วยเซ็นเอกสารนี้ก่อนได้ไหมคะ?”“รอก่อน อย่าเพิ่งรบกวนเรา!” หยู ข่ายฮ่าวพูดออกมาอย่างไม่อดทน เขากลัวว่ามันจะขัดจังหวะการเล่นเกมของเขากับกู้ ลี่เฉิน และส่งผลกระทบต่อการตีสนิทของเขาหลิง อี้หรานก้มหน้าลงและกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของกู้ ลี่เฉินที่มองผ่านไปมาแต่... เขาก็แค่มองผ่านไป“ลี่ฟาง คุณเคยเล่นพูลไหม?” เสียงของกู้ ลี่เฉินดังขึ้น“อา... ไม่ค่ะ” หวา ลี่ฟางตอบอย่างรวดเร็ว“ผมจะสอนคุณ” กู้ ลี่เฉินพูดหวา ลี่ฟางประหลาดใจและตอบตกลงเขาทันทีกู้ ลี่เฉินอธิบายกฎสั้น ๆ ให้กับหว
“ฉันชอบมันมาก ไม่คิดว่าการเล่นพูลจะน่าสนใจขนาดนี้” หวา ลี่ฟางพูดด้วยรอยยิ้มในทางกลับกัน หยู ข่ายฮ่าวกำลังยุ่งอยู่กับตีสนิทกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟาง เขาเอ่ยปากชมว่ากู้ ลี่เฉินเป็นโค้ชที่ดีและหวา ลี่ฟางก็มีความสามารถดูเหมือนพวกเขาจะลืมหลิง อี้หรานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆหลิง อี้หรานพบว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอแสดงได้เก่งเมื่อฟังหวา ลี่ฟางพูด เธอไม่เคยคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะโกหกได้ดีขนาดนี้กู้ ลี่เฉินอาจจะเชื่อว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นจริง ๆแม้ว่าเธอจะบอกความจริงกับกู้ ลี่เฉิน เขาก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกในขณะที่ความเจ็บปวดที่หัวเข่าของเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆหลิง อี้หรานขมวดคิ้ว นิ่วหน้าเล็กน้อยพร้อมกับกดริมฝีปากแน่น เธอพยายามเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดที่เข่าของเธอและยืนอย่างมั่นคงเธอทำได้เพียงรอจนกว่าพวกเขาจะเล่นพูลเสร็จและให้หยู ข่ายฮ่าวเซ็นเอกสารตอนที่หลิง อี้หรานก้มหน้า เธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอจากหางตากู้ ลี่เฉินรู้ว่าเขาไม่ควรสนใจหลิง อี้หราน เพราะพวกเขาได้คุยกันเรียบร้อยแล้วบนภูเขาในวันนั้นเธอไม่ใช่คนที่เขาตามหา และทุกสิ่งในอดีตเ
หลิง อี้หรานรู้สึกอ่อนแรงและไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป เธอกำลังจะล้มลงทันใดนั้น แขนแกร่งก็คว้าเอวเธอเอาไว้และช่วยไม่ให้เธอล้มลง“ขาคุณเป็นอะไร?” กู้ ลี่เฉินถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา และนึกขึ้นได้ว่าเขาเห็นเธอเดินกะเผลกก่อนหน้านี้“อาการเดิม ๆ น่ะ” หลิง อี้หรานพูดก่อนจะขอบคุณเขาสำหรับความช่วยเหลือเขากดริมฝีปากบางของเขาเข้าหากันและดึงมือออกในขณะที่จ้องมองไปที่ขาของเธอ ‘อาการเดิม ๆ ? เธอมีอาการแบบนี้มาก่อนด้วยเหรอ?’“อี้หราน เธอเป็นอะไรไหม?” หวา ลี่ฟางรีบแสดงความรักต่อพี่สาวของเธอ “ถ้าเธอเจ็บขา เธอนั่งพักก่อนก็ได้นะ”หลิง อี้หรานเหลือบมองลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างเย็นชา ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเธอห่วงใยเธอจริง ๆ เธอคงไม่เล่นพูลอย่างมีความสุขแล้วปล่อยให้เธอยืนอยู่ตรงนั้นหยู ข่ายฮ่าวตกตะลึงและพูดด้วยสีหน้าตกใจว่า “พวกคุณรู้จัก... กันเหรอครับ?”“ค่ะ อี้หรานเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน” หวา ลี่ฟางพูดด้วยรอยยิ้มหยู ข่ายฮ่าวมีท่าทีตกใจมากยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปหาหลิง อี้หรานและพูดว่า “เอ้า ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหน้านี้ ถ้าคุณบอกผมก่อน ผมจะได้เซ็นมันให้เสร็จ ๆ ไป”“งั้นเซ็นตอนนี้เลยได้ไหมคะ?” หลิง
‘ไม่! ไม่มีทาง!’‘สักวันฉันจะแทนที่หลิง อี้หรานให้ได้ ฉันจะเป็นคนที่ยืนข้างเขาและประสำความสำเร็จ!’…หลิง อี้หรานขึ้นรถบัสและกลับไปที่บ้านเช่าของเธอ ขาของเธอเจ็บมากจนยกขึ้นแทบไม่ได้ เธอหยิบผ้าพันแผลสองชิ้นจากชุดปฐมพยาบาลและพันมันบนเข่าของเธอเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่หัวเข่าและความเจ็บปวดที่ค่อย ๆ เบาบางลงคืนนี้เป็นเหมือนสนามรบของเธอ เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและแผ่นหลังของเธอก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นชุ่มแม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่ข้อต่อของเธอก็ยังไม่สามารถทนต่อเครื่องปรับอากาศได้เป็นเวลานานการเผชิญหน้ากับกู้ ลี่เฉินและหวา ลี่ฟางในเย็นวันนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ตอนที่กู้ ลี่เฉินคว้าแขนเธอและถามเกี่ยวกับอี้ จิ่นหลี มันทำให้เธอรู้สึกปวดใจอีกครั้ง‘ถ้าย้อนกลับไปแต่ก่อน แล้วฉันต้องไปสถานที่อย่างไนท์คลับ จินคงจะไปกับฉันด้วยแน่ ๆ’หยู ข่ายฮ่าวคงไม่กล้าให้ยื้อเวลาเธอไว้นานแบบนี้‘ถ้าฉันเจ็บเข่า จินคงจะกอดฉันไว้อย่างระมัดระวังและลูบเข่าของฉัน’‘ก็แค่... ทั้งหมดนี้ไม่มีอีกแล้ว!’ยิ่งพวกเขาเคยมีความรู้สึกดีต่อกันและผูกพันกันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะขมขื่นมา
‘อี้ จิ่นหลีเลิกกับหลิง อี้หรานเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? ผู้ชายที่ไม่ยอมให้แม้แต่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเธอกลับบอกเลิกเธอเหรอ?’กู้ ลี่เฉินรู้จักอี้ จิ่นหลีมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจิ่นหลีเป็นคนเย็นชาและไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ยกเว้นหลิง อี้หรานเพียงคนเดียวคนอย่างจิ่นหลี ถ้าได้ตกหลุมรักแล้ว เขาจะรักและยึดติดกับมันตลอดไปแต่ตอนนี้ไม่มีคำว่าตลอดไป เพราะเขาเลิกกับเธอแล้ว!“ทำไมคุณถึงเลิกกัน?” เขาถามขณะเดินเข้าไปใกล้เธอ“มันเป็นเรื่องส่วนตัว และฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณค่ะ คุณกู้” เธอถอยห่างจากเขาสองก้าวเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขา “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันอยากเข้าบ้านไปพักผ่อน”เธอพูดขณะหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูบ้านเช่า และเดินตรงเข้าไปก่อนจะปิดประตูเหลือเพียงกู้ ลี่เฉินถูกทิ้งให้ยืนอยู่ในภวังค์นอกบ้านกู้ ลี่เฉินจ้องมองประตูที่ปิดสนิท ท่าทางนิ่งสงบของเธอตอนที่เธอบอกเขาเกี่ยวกับการเลิกรากับอี้ จิ่นหลี ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดเล็กน้อยเธอดูสงบนิ่งเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ‘ฉัน... ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ แต่ทำไม... ฉันถึงทำแบบนี้?’กู้ ลี่เฉินยกมือขึ้นและกดลงที่หัวใจของเขาช
เรียวนิ้วของอี้ จิ่นหลีจับเข้าที่คอของกู้ ลี่เฉิน ราวกับว่าเขากำลังจะหักคอของคนตรงหน้าเย่ ฉงเว่ยวางแก้วในมือลงอย่างรวดเร็วและคว้ามือของอี้ จิ่นหลีเอาไว้ เขาพยายามดึงมือของจิ่นหลีออกจากคอของกู้ ลี่เฉิน “จิ่นหลี นายเป็นบ้าอะไร? ลี่เฉินก็แค่ถาม ทำไม… นายต้องทำรุนแรง...”เย่ ฉงเว่ยกลัวแทบตาย แต่กู้ ลี่เฉินที่ถูกบีบคอเอาไว้กลับไม่แสดงแม้แต่อาการหวาดกลัวบนใบหน้าของเขา เขาถามว่า “เป็น... เพราะฉันเหรอ?”เมื่อพูดจบ เรียวนิ้วของจิ่นหลีรัดรอบคอของเขาแน่นขึ้นจนกู้ ลี่เฉินเริ่มสำลักและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเย่ ฉงเว่ยรู้สึกประหม่า “จิ่นหลี ปล่อย! ปล่อย! นายจะบีบคอลี่เฉินจริง ๆ เหรอ?”‘เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่สองคนในบ้านของฉัน ชีวิตของฉันคงจะจบลงแน่ ๆ !’เย่ ฉงเว่ยพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อดึงมือของอี้ จิ่นหลีออกไป‘เป็นเพราะ... กู้ ลี่เฉิน?’ ดวงตาของอี้ จิ่นหลีจ้องไปที่คนตรงหน้าเขาไม่ ไม่ใช่เพราะกู้ ลี่เฉิน มันเป็นเพราะเขากลัวจะถูกหักหลังเข้าสักวันหนึ่ง เขาไม่อยากร้อนรนใจอีกต่อไปเพราะอี้หรานมีกู้ ลี่เฉินอยู่ในใจของเธอ!เขาไม่อยากซ้ำรอยพ่อของ
“เย่ เหวินหมิงมาหาพี่ตอนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ้างไหมคะ?” หลิง อี้หรานถามโจว เชียนหยุนส่ายหัว “ไม่ ฉันคิดว่าเขาคงออกจากเมืองเฉินไปแล้ว และหวังว่าเขาจะไม่มีความคิดไร้สาระแบบนั้นอีก”ใบหน้าของโจว เชียนหยุนเผยให้เห็นถึงอาการหดหู่ใจชั่วครู่หนึ่ง “ฉันไม่กลัวการแก้แค้นของเขา แต่ฉันกลัวจะต้องไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก”เขาทำให้เธอได้รับบาดเจ็บและเจ็บปวดมากเกินไป! แม้แต่การมองเห็นใบหน้าของเขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด!เพราะเขาบอกว่าความรักของเธอที่มีต่อเขามันเป็นเรื่องไร้สาระ!“แล้วพี่จะทำอะไรต่อไป?” หลิง อี้หรานถาม เพราะไม่มีใครรู้ว่า เย่ เหวินหมิงจะทำอะไรต่อไป“บางทีฉันอาจจะย้ายออกจากเมืองเฉินและย้ายไปที่อื่นที่เขาตามหาฉันไม่เจอ” โจว เชียนหยุนพูดถ้าเธอยังอยู่ในเมืองเฉินต่อไป และเย่ เหวินหมิงลงมือค้นหาเธอจริง ๆ บางทีเขาอาจจะพบอาหยันน้อย นี่เป็นความอดทนครั้งสุดท้ายของฉัน!หลิง อี้หรานตกใจ แต่เธอก็เคารพการตัดสินใจของโจว เชียนหยุน “ถ้าพี่ออกไปจากเมืองเฉินจริง ๆ ฉันเกรงว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก ฉันจะคิดถึงพวกคุณทุกคน โดยเฉพาะอาหยันน้อย!”“เราสามารถคุยผ่านทางวิดีโอคอลได้นะ นอกจากนี้
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค