“เย่ เหวินหมิงมาหาพี่ตอนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ้างไหมคะ?” หลิง อี้หรานถามโจว เชียนหยุนส่ายหัว “ไม่ ฉันคิดว่าเขาคงออกจากเมืองเฉินไปแล้ว และหวังว่าเขาจะไม่มีความคิดไร้สาระแบบนั้นอีก”ใบหน้าของโจว เชียนหยุนเผยให้เห็นถึงอาการหดหู่ใจชั่วครู่หนึ่ง “ฉันไม่กลัวการแก้แค้นของเขา แต่ฉันกลัวจะต้องไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก”เขาทำให้เธอได้รับบาดเจ็บและเจ็บปวดมากเกินไป! แม้แต่การมองเห็นใบหน้าของเขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด!เพราะเขาบอกว่าความรักของเธอที่มีต่อเขามันเป็นเรื่องไร้สาระ!“แล้วพี่จะทำอะไรต่อไป?” หลิง อี้หรานถาม เพราะไม่มีใครรู้ว่า เย่ เหวินหมิงจะทำอะไรต่อไป“บางทีฉันอาจจะย้ายออกจากเมืองเฉินและย้ายไปที่อื่นที่เขาตามหาฉันไม่เจอ” โจว เชียนหยุนพูดถ้าเธอยังอยู่ในเมืองเฉินต่อไป และเย่ เหวินหมิงลงมือค้นหาเธอจริง ๆ บางทีเขาอาจจะพบอาหยันน้อย นี่เป็นความอดทนครั้งสุดท้ายของฉัน!หลิง อี้หรานตกใจ แต่เธอก็เคารพการตัดสินใจของโจว เชียนหยุน “ถ้าพี่ออกไปจากเมืองเฉินจริง ๆ ฉันเกรงว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก ฉันจะคิดถึงพวกคุณทุกคน โดยเฉพาะอาหยันน้อย!”“เราสามารถคุยผ่านทางวิดีโอคอลได้นะ นอกจากนี้
บางทีเธอควรจะดีใจที่แม้ว่าเธอกับอี้ จิ่นหลีจะไม่ได้ป้องกันและใช้ยาคุมกำเนิด แต่เธอก็ตั้งครรภ์ไม่ได้ง่าย ๆ เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่มดลูกของเธอ ดังนั้น... เธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์การที่เธอไม่มีลูกกับอี้ จิ่นหลี อย่างน้อยมันก็เป็นข้อดีที่ว่าเธอไม่ต้องกังวลอะไรเมื่อต้องเลิกกับเขาทว่า... เธอก็ยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อยถ้าเธอมีลูก นั่นก็หมายความว่าเธอสามารถมีสมาชิกในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับเธอทางสายเลือดได้แต่ถ้าเธอไม่มีลูก เธอก็จะไม่เหลือใครเลยเมื่อเธอต้องเลิกรากับใครสักคนเหมือนกับว่าเธอต้องแก่ขึ้นและตายเพียงลำพังหลิง อี้หรานยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว ในที่สุดเธอก็มาพบกับอาหยันน้อย ใบหน้าที่น่ารักและสดใสของเขา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลิง อี้หรานอุ้มเขาขึ้นมาและหอมแก้มเขาหลายครั้ง จากนั้นเธอก็แบ่งเค้กที่เธอตั้งใจซื้อมาให้หยันน้อยเป็นพิเศษ เธอต้องการชดเชยที่เธอไม่สามารถเลี้ยงเค้กให้เขาในวันเกิดของเธอได้เด็กน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่จะมอบของขวัญให้กับหลิง อี้หราน เขาเลือกซื้อรองเท้ารัดส้นคู่สวยที่ประดับด้วยโบว์หนังให้เธอ เนื่องจากรองเท้าคู่นี้มีสีขาว มันจึงง่ายต่อการจับคู
ร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่ใกล้โต๊ะอาหารในบ้านเช่าของเธอ ดวงตาที่สดใสของเขากำลังจ้องมองมาที่เธอ‘อี้ จิ่นหลี!’‘ทำไมเขาถึงมาอยู่ในห้องเช่าของฉัน?’หลิง อี้หรานมองไปที่อี้ จิ่นหลีด้วยความตกใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากบางของเขาแน่นก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว “เป็นอะไรไป? ตกใจที่เห็นฉันเหรอ?”‘จะไม่ได้ตกใจได้ยังไงล่ะ?’ หลิง อี้หรานคิดอย่างขมขื่นในใจเธอคิดว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้พบกันอีกหลังจากเลิกกัน แต่เธอกลับยังเจอเขาครั้งแล้วครั้งเล่าการได้เห็นเขาจะทำให้เธอนึกถึงความเจ็บปวดตอนที่เขาบอกเลิกเธอ และ... ตอนที่เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดที่คลับดรังเค่น เดย์“คุณอี้ คุณมาทำอะไรในห้องเช่าของฉัน?” เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์“มารอเธอ” เขาพูดออกมาง่าย ๆ‘เอาล่ะ ฉันรู้ว่าเขามีอำนาจมากพอที่จะเข้ามาในห้องเช่าของฉัน แต่... รอฉันอยู่เหรอ?’ “คุณอี้ ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้ขอให้คุณมารอในบ้านของฉันนะคะ? คุณพูดชัดเจนพอแล้วในตอนที่เราเลิกกัน และตอนที่ฉันออกมาจากคฤหาสน์อี้ ฉันก็เอาแค่ของของฉันออกมาด้วยเท่านั้น”ใบหน้าของเขานิ่งเรียบขึ้นเมื่อ
ท้ายที่สุด ความรักของเธอก็เป็นเพียงเกมสำหรับเขา“นั่นมันเรื่องของฉัน!” เสียงของเขาดังก้องในหูของเธอ‘ใช่ มันเป็นเรื่องของเขา ฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะถามเขาได้’ “คุณจะออกไปใช่ไหมถ้าฉันให้รูปถ่ายกับคุณ?” หลิง อี้หรานพูดหลังจากสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดคำว่า “ใช่”“ก็ได้ ฉันจะให้รูปกับคุณ” เธอผลักเขาออกไป ไปที่ตู้ แล้วเอาอัลบั้มรูปออกมา จากนั้นเธอก็หยิบรูปถ่ายของเธอที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้ออกมาจากอัลบั้มเธอแค่ต้องการให้เขาออกไปจากบ้านของเธอให้เร็วที่สุด ยิ่งเขาอยู่ในห้องเช่าหลังนี้นานมากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งกะวนกระวายมากขึ้นเท่านั้นเธอแค่อยากอยู่ห่างจากเขาเพื่อที่เธอจะได้ไม่ฟุ้งซ่านและลืมเขาไปจากใจหลิง อี้หรานหยิบรูปถ่ายให้กับอี้ จิ่นหลีเขาเอื้อมมือไปรับรูปถ่าย หรี่ตาลงและมองดูรูปถ่ายในขณะเดียวกัน หลิง อี้หรานมองดูเสี้ยวหน้าของอี้ จิ่นหลี และนึกถึงตอนที่ชิน เหลียนอีบอกว่าเธอตบเขา‘มันเป็นอย่างที่เหลียนอีบอกฉันหรือเปล่า? เขาปล่อยเหลียนอีไปเพราะฉันเหรอ?’“กู้ ลี่เฉินเคยมาที่นี่หรือเปล่า?” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธ
“ถ้าฉันคบกับกู้ ลี่เฉิน อย่างน้อยเขาก็คงจะไม่ทำกับฉันเหมือนเล่นเกมส์แบบนี้... “ เธอยังคงพูดต่อไป‘หยุด พอได้แล้ว’ เขาไม่อยากได้ยินคำพูดว่าเธอจะกลับไปหากู้ ลี่เฉินอีกต่อไปทันใดนั้น เขาก้มศีรษะลงและกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางของเธออย่างแรงจนกลืนกินเสียงของเธอไปทั้งหมดหลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ เธอไม่คิดว่าอี้ จิ่นหลีจะจูบเธอแบบนี้ ‘อะไรกัน? เราเลิกกันแล้วนี่!’‘ฉันไม่อยากจูบแบบนี้!’หลิง อี้หรานดิ้นรนอย่างสิ้นหวังแต่ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรุกล้ำเธอหนักขึ้นเท่านั้น เขาจับมือเธอไว้แน่นและไม่ยอมให้เธอขยับหนีไปไหนหลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก เขาก็กดหน้าของเขาแนบกับหน้าผากของเธอ และพูดอ้อนวอนด้วยเสียงพึมพำ “อย่า... ไปหากู้ ลี่เฉิน เข้าใจไหม?”เสียงนั้นดึงเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกคร้ง “อี้ จิ่นหลี คุณเป็นใครถึงมาพูดแบบนี้กับฉัน?”ดวงตาที่สว่างไสวของกลับเปลี่ยนเป็นโกรธเขาจ้องมองเธอขณะที่เธอจ้องกลับมาที่เขาดูเหมือนว่าบรรยากาศจะตึงเครียดกว่าเดิมทันใดนั้น ร่องรอยของความเจ็บปวดก็ทวีคูณเพิ่มขึ้นจากหัวเข่าของเธอ หลิง อี้หรานขมวดคิ้วและงอร่างกายของเธอเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ ขอบคุณ มันก็แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ฉันไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลแล้ว” หลิง อี้หรานโพล่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“สตาร์ทรถ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับคนขับคนขับสตาร์ทรถและขับไปที่โรงพยาบาลหลิง อี้หรานรู้ดีว่าถ้าอี้ จิ่นหลีตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เขาจะทำมันให้เสร็จดังนั้นเธอจึงนั่งเงียบ ๆ เพราะเธอไม่สามารถหนีออกมา เธอจึงทำได้แก้ปัญหาโดยการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เธอได้เรียนรู้มากที่สุดคือการอดทนและการยอมรับความจริงเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอนั่งเงียบและยอมเขาโดยดีเธอนั่งเงียบ ๆ ในรถด้วยใบหน้าซีดเล็กน้อยพลางขมวดคิ้ว ดวงตารูปอัลมอนด์ที่สดใสของเธอหลุบลงต่ำขณะที่มือของเธอกุมหัวเข่าเอาไว้ เส้นเลือดสีฟ้าที่หลังมือของเธอโผล่ออกมา ราวกับว่าเธอกำลังระงับความเจ็บปวด“เจ็บไหม?” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บเท่าไหร่” เธอตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ถ้าเทียบกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากการยืนเป็นเวลานานเมื่อสองสามวันก่อนกับในวันนี้ ความเจ็บปวดของเธอน้อยลงกว่าเดิมแล้วเขาเม้มริมฝีปากบาง “เธอไม่ได้ไปตรวจสุขภาพที่หมิงเต๋อใช่ไหม?”“โรงพยาบาลนั้นไม่เหมาะ
รถแล่นไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล จากนั้นอี้ จิ่นหลีก็อุ้มหลิง อี้หรานเข้าไปในโรงพยาบาลหลิง อี้หรานเข้ารับการรักษาโดยแพทย์คนเดิมหลังจากตรวจอาการหัวเข่าแล้ว หมอบอกว่า “อาจจะเป็นเพราะคุณหยุดกินยากะทันหัน เลยทำให้ร่างกายของคุณที่ยังไม่แข็งดีนักกลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง และยังเป็นหวัดอีก จึงทำให้เกิดอาการปวดเข่าเป็นครั้งคราว การรักษาปัญหาข้อต่อเช่นนี้ในระยะยาว หากคุณหยุดใช้ยา อาการของคุณอาจจะแย่ลงกว่าเดิมได้”“จ่ายใบสั่งยาให้เธอหน่อยครับ ผมจะให้เธอมาตรวจร่างกายทุกสัปดาห์” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างเคย“ไม่ค่ะ ขอบคุณ ฉันไม่อยากต้องมานั่งรักษาอาการระยะยาว ขอแค่ยาบรรเทาอาการปวดก็พอค่ะ” หลิง อี้หรานพูดแพทย์มองไปที่อี้ จิ่นหลีด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ“ทำตามที่ผมสั่ง” อี้ จิ่นหลีพูดดังนั้นแพทย์จึงจ่ายใบสั่งยาและส่งผู้ช่วยไปรับยาเมื่ออี้ จิ่นหลีกำลังบอกให้นรีแพทย์คนเดิมที่เคยรักษาปัญหามดลูกของหลิง อี้หรานมาตรวจร่างกายเธอ หลิง อี้หรานก็พูดขึ้นทันทีว่า “ไม่จำเป็นค่ะ”อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลิง อี้หรานกลับยิ้มและพูดขึ้นก่อนว่า “ฉันรักษาอาการมดลูกเพราะหว
“จูบ… จูบคุณ?” ใบหน้าของเธอแดงก่ำและเธอก็เริ่มพูดติดอ่างเขามองเธอในแบบที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวว่าเขาโลภมากขนาดไหน “ใช่ คืนนั้นที่คลับดรังเค่น เดย์”หลิง อี้หรานพูดไม่ออก ‘คลับดรังเค่น เดย์?’ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาดจากการดื่ม!เธอไม่คิดว่าเธอจะจูบเขาตอนที่เธอเมาไม่รู้ตัว!“ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ไปถามฉงหมิงดูก็ได้” เขาพูด‘ฉงหมิง? เกา ฉงหมิง? เลขาของเขา? เขาเห็นมันด้วยเหรอ?’ หลิง อี้หรานหน้าแดงมากขึ้น!“หรือเราจะดึงภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงออกมาดูก็ได้ พวกเขาอาจจะยังมีวิดีโอนั้นอยู่นะ” เขาพูดเสริมหลิง อี้หรานรู้สึกอยากจะฝังตัวเองไว้ในหลุม‘กล้องวงจรปิด... นี่ถือว่าเป็นคำสาปใช่ไหม?’“ไม่… ไม่จำเป็น” เธอพูดด้วยท่าทางเขินอาย ถ้าเธอรู้ว่าหลังจากดื่มแอลกอฮอล์แล้วเธอจะมีพฤติกรรมแบบนี้ วันนั้นเธอคงจะไม่ดื่มอะไรเลยหลิง อี้หรานก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตากับอี้ จิ่นหลีอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยความหลงใหลใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอดใจที่จะจูบแก้มสีแดงของเธอไม่ได้แกร๊ก!ทันใดนั้น ผู้ช่วยที่ไปเอายาก็ผลักประตูเปิดออก ผู้