“แล้วมาดูกันว่าใครจะกล้าทำให้เธออับอาย” อี้ จิ่นหลียิ้มอย่างอ่อนโยนและมองดูหลิง อี้หราน “อีกอย่าง ตอนนี้ฉันเป็นของเธอแล้ว จะมีอะไรสำคัญอีก”“แต่...”“เธอไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ฉันจะทำให้คนที่ทำให้เธออับอายต้องรู้สึกอับอายมากยิ่งกว่า ไม่ต้องกังวลนะ” อี้ จิ่นหลีกล่าวอย่างสบาย ๆหลิง อี้หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ‘ไม่เอาน่า มันไม่ใช่ประเด็นเลย’เมื่อรถยนต์คันหรูมาถึงที่จัดงานแสดงสินค้า หลิง อี้หรานได้ดูข้อมูลคร่าว ๆ มาบ้างแล้วและรู้ว่างานวันนี้จะมีผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานเป็นส่วนใหญ่ นอกจากผู้ประกอบการจากเมืองเฉินแล้ว ยังมีผู้ประกอบการอีกสองสามรายจากเมืองอื่นพูดได้ว่างานจัดแสดงดังกล่าวสามารถส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจได้มากมายและช่วยให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นสร้างความสัมพันธ์ต่อกันงานแสดงสินค้าในวันนี้เป็นงานระดับสูง ดังนั้นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากจึงไม่ได้รับคำเชิญหลายคนถึงกลับยอมจ่ายแพงสำหรับการได้รับคำเชิญทางออนไลน์ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจคือสิ่งสำคัญในทุกวันนี้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากต้องการคำเชิญเพื่อใ
ในตอนนั้น หัวใจของเธอแหลกสลายด้วยการใช้ยาและกายภาพบำบัดร่วมกันในทุกวันนี้ ทำให้ข้อนิ้วของเธอดีขึ้นมากและปราศจากความเจ็บปวดมาเป็นเวลานานแต่เมื่อเธอเห็นเซียว จื่อฉีกับห่าว อี้เหมิงอยู่ด้วยกัน มันทำให้เธอนึกถึงภาพที่เล็บของเธอที่ถูกดึงออกมาแล้วมือของเธอ... ก็เริ่มเจ็บอีกครั้งทันใดนั้น มือใหญ่คู่หนึ่งก็กุมมือที่สั่นเทาและเจ็บปวดของเธอเอาไว้ น้ำเสียงห่วงใยดังก้องอยู่ในหูของเธอ “มือพี่เย็นจัง”“ไม่... ไม่มีอะไรเลย อยู่ ๆ ฉันก็เจ็บมือน่ะ เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น” หลิง อี้หรานพูด เธอรู้อยู่ในใจว่าความเจ็บปวดในมือของเธอนั้นมีผลต่อจิตใจมากกว่าร่างกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น อี้ จิ่นหลีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและจับมือเธอกระชับมากขึ้น เขาลดศีรษะลงขณะหายใจเข้าอย่างนุ่มนวลตอนนี้เป็นเดือนกรกฎาคมแล้วและเป็นวันที่อากาศร้อน แม้ว่าเครื่องปรับอากาศในงานแสดงสินค้าจะเปิดอยู่ก็ตามพฤติกรรมของอี้ จิ่นหลีดูแปลกไปเนื่องจากปกติ อี้ จิ่นหลีจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ ผู้คนจำนวนมากที่เข้าร่วมงานจึงไม่รู้จักเขาแต่เขากลับดึงดูดสายตามากพอและสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้อย่างมากแม้ว่ามันจะดูแปลก
‘นี่คือหลิง อี้หรานจริง ๆ เหรอ?’‘ผู้หญิงที่ฉันเคยเหยียบย่ำ?’“รู้สึกดีขึ้นไหม?” อี้ จิ่นหลีถามด้วยความกังวลราวกับว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวที่เขาใส่ใจหลิง อี้หรานสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในมือเธอ ขณะที่เขาหายใจรดมือเธอเพื่อปัดเป่าความเหน็บหนาว ความเจ็บปวดในนิ้วมือของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป“ดีขึ้นมากแล้ว” เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจเขามองดูใบหน้าของเธอที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องพาเธอไปหาหมออีกครั้ง มันยังไม่หายขาดเลย”“จริง ๆ แล้วมือของฉันก็ดีขึ้นมาก บางทีอาจเป็นเพราะการตอบสนองทางจิตใจที่ทำให้มือของฉันสั่น” หลิง อี้หรานพูด“เป็นเพราะเซียว จื่อฉีกับห่าว อี้เหมิงเหรอ? มือของเธอเจ็บเพราะพวกเขาทำลายมือของเธอใช่ไหม?” อี้ จิ่นหลีถามหลิง อี้หรานตกตะลึงแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ‘ใช่ เขาต้องตามสืบฉันแน่ ๆ ตอนที่เขาเข้าหาฉัน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามือของฉันเกือบจะถูกทำลาย?’“ทำไมไม่ให้ฉันให้ความยุติธรรมกับเธอล่ะ?” อี้ จิ่นหลีพึมพำหลิง อี้หรานตกตะลึง ‘ให้ความยุติธรรม? เขาจะให้มันได้อย่างไร?’ริมฝีปากบางของเขาแยกจากกันโดยพูดว่า “ฉันจะปล่อยให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเป็นสองเท่า
เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะใช้วิธีการที่สมเหตุสมผลและถูกกฎหมายเพื่อแสวงหาความยุติธรรมให้ตัวเองด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เธอจะคู่ควรกับเสื้อคลุมของทนายความที่เธอสวม นอกจากนี้ การที่เธอเวลาเรียนกฎหมายมานานหลายปีจะไม่สูญเปล่าอีกด้วย!อี้ จิ่นหลีจ้องมองคนตรงหน้าเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อยจนเธอแทบสังเกตไม่ได้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาแทบจะไม่ละสายตาไปจากเธอราวกับว่าเธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เธอเปลี่ยนไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวและเธอยังสวยขึ้น!‘ทำไมอี้หรานถึงไม่พึ่งพาฉันให้มากกว่านี้? แต่นี่อาจเป็นตัวตนของเธอก็ได้’“มันง่ายเกินไปที่จะไว้ชีวิตพวกเขาทั้งสอง แล้วฉันจะทำให้พวกเขาเสียใจกับสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอได้ยังไง?” อี้ จิ่นหลีพูดก่อนที่หลิง อี้หรานจะดึงสติตัวเองกลับ อี้ จิ่นหลีก็จูงมือหลิง อี้หรานไปทางเซียว จื่อฉีกับห่าว อี้เหมิงหลายคนรอบข้างต่างรู้จักเซียว จื่อฉีกับห่าว อี้เหมิง เพราะห่าว อี้เหมิงเป็นคนดังที่มักปรากฏตัวในสื่อและเซียว จื่อฉีซึ่งเป็นคู่หมั้นของห่าว อี้เหมิงก็ได้รับความนิยมในสื่อมากกว่าผู้ประกอบการทั่วไปเซียว จื่อฉีกับห่าว อี้เหมิงตะลึง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเมื่อเห็นอี้ จิ่นหลีเดินเ
‘ผู้กระทำผิดบอกให้เหยื่อลืมอดีตอย่างนั้นเหรอ? ห่าว อี้เหมิงมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้?’ใบหน้าของห่าว อี้เหมิงเปลี่ยนเป็นสีซีดจางลงทันที “คุณหลิง ฉันแค่หวังว่าเราจะสามารถตกลงกันได้”“ฉันไม่คิดว่าเราจะสามารถสงบศึกกันได้” หลิง อี้หรานตอกกลับห่าว อี้เหมิงต้องการพูดมากกว่านี้ แต่อี้ จิ่นหลีกลับพูดแทรกขึ้นมา “ถ้าอี้หรานบอกว่าเธอจะไม่ยกโทษให้คุณก็คือไม่ยกโทษให้”ห่าว อี้เหมิงตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่งและแทบจะยืนนิ่งไม่ไหวติง ทันใดนั้นเซียว จื่อฉีก็พูดสนับสนุนคู่หมั้นของเขาทันทีหลิง อี้หรานหันหน้าไปหาอี้ จิ่นหลีและพูดว่า “จิน ฉันอยากไปที่อื่นแล้ว” เธอรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องเผชิญหน้ากับคนสองคนที่เคยทำร้ายเธอ“ได้สิ” อี้ จิ่นหลีตอบ เขากำลังจะพาเธอไปที่อื่นขณะที่ทั้งสองหันหลังกลับไป เซียว จื่อฉีก็พูดขึ้นทันทีว่า “อี้หราน ผมขอโทษ”หลิง อี้หรานหยุดเดินแต่ไม่หันหลังกลับ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขาปล่อยให้ห่าว อี้เหมิงทำลายมือของเธออี้ จิ่นหลีหันกลับมาและเหลือบมองเซียว จื่อฉีอย่างเย็นชาทันใดนั้น เซียว จื่อฉีก็รู้สึกถึงความเหน็บหนาวจากฝ่าเท้าของเขาซึ่งในไม่ช้าความเหน็บหนาวนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วร่างก
คำเตือนจากอี้ จิ่นหลีเพียงพอที่จะทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ควรมีหลิง อี้หรานอยู่ในใจมิฉะนั้น อี้ จิ่นหลีอาจจะทำอันตรายแก่เขาแต่... หลังจากที่รู้ว่าหลิง อี้หรานถูกใส่ร้าย บางครั้งเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุครั้งนั้น เขากับหลิง อี้หรานจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้เธออีกต่อไปบางทีในอนาคตเขาอาจจะต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ......ในทางกลับกัน อี้ จิ่นหลีมองดูหลิง อี้หรานและถามว่า “เธอยังโกรธคำพูดของห่าว อี้เหมิงอยู่ไหม?”เธอพยักหน้า “ประมาณนั้น ฉันรู้ดีว่าเธอขอโทษฉันเพราะคุณ เธอกล้าดียังไงถึงมาขอโทษและบอกให้ฉันยกโทษให้เธอ มันไร้สาระ”คำขอโทษธรรมดา ๆ จะชดเชยความเสียหายที่เธอได้รับได้อย่างไร?ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายในขณะที่เขาจับมือเธออีกครั้งเพื่อมองดูข้อนิ้วที่ผิดรูปเล็กน้อยของเธอเขารู้ว่าเธอไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเมื่อเธออยู่ในคุก“เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเธอไม่สามารถให้อภัยคนที่ทำร้ายเธอได้?” เขาพยายามพูดประโยคนี้ออกมา แม้ว่ามันยากที่จะพูด“ใช่” เธอตอบคำตอบนั้นทำให้หัวใจของเขาดิ่งลงเหว “ต่อให้... เขาไม่ได้ตั้ง
อี้ จิ่นหลีนำหลิง อี้หรานไปข้างหน้า เย่ เหวินหมิงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทั้งสองคน “เราพบกันอีกแล้ว ผมไม่คิดเลยว่านายน้อยอี้จะสนใจงานออกแบบนี้”“ผมมาที่นี่เพื่อพบทนายเหวิน” อี้ จิ่นหลีพูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเหวิน เหอและพูดว่า “สวัสดีครับ ทนายเหวิน ผมชื่ออี้ จิ่นหลีและนี่คือคู่หมั้นของผม หลิง อี้หราน เธออยากเจอคุณมาก”“เจอฉันเหรอคะ?” เหวิน เหอตกใจเมื่ออี้ จิ่นหลีบอกชื่อของเขากับเธอ‘อี้ จิ่นหลี! ผู้ปกครองแห่งเมืองเฉินใช่ไหม? เขาเป็นคนที่ผู้คนในเมืองเฉินไม่กล้าไปรุกราน’เขายังอายุน้อยและมีเสน่ห์มากกว่าที่เธอคิดจากนั้น สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่หลิง อี้หรานเนื่องจากเธอต้องการมาที่เมืองเฉิน เธอจึงติดตามข่าวของเมืองเฉินด้วย ข่าวการพลิกของคดีเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วไม่เพียงแต่กลายเป็นประเด็นร้อนบนหน้าหนังสือพิมพ์แต่ยังรวมถึงวงการทนายความด้วย“ฉันรู้จักคุณค่ะ” เหวิน เหอพูดกับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตกตะลึง จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเหวิน เหอคงรู้เรื่องคดีของเธอแล้ว!เหวิน เหออายุประมาณ 40 ปี สวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแทนที่จะเป็นชุดเดรสเสื้อคลุม ทำให้บุคลิกของเธอดูดี ดูมีความสามารถและสง่างาม
แม้ว่าเย่ เหวินหมิงอาจจะไม่ต้องการลูกชายคนนี้ แต่พี่โจวก็ยังกลัวว่าเขาจะพรากลูกชายคนนี้ไปจากเธออยู่ดี“ผมชอบเด็กคนนั้นจัง” เย่ เหวินหมิงกล่าว ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอยู่ “ผมสงสัยว่าผมจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งไหม ผมเลยกลับเยี่ยมเมืองเฉิน”‘เขาอยากเจออาหยันน้อยเหรอ?’ หลิง อี้หรานรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยนี่คือผู้ชายที่ทำให้พี่โจวทุกข์ทรมานและทิ้งอาหยันน้อยโดยไร้พ่อตั้งแต่แรกเกิดในขณะที่เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีคนคอยรับใช้ แต่พี่โจวกลับต้องติดอยู่ในคุกแต่ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าเขาต้องการพบหยันน้อย ลูกชายที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนอยู่ มันเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี“ไม่” หลิง อี้หรานพูดปฏิเสธออกมาโดยไม่รู้ตัวเธอพูดปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ ทำให้เย่ เหวินหมิงตกตะลึงเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน“คุณหลิง ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจ คุณให้ข้อมูลติดต่อของเขามาก็ได้นะครับ ผมจะไปเยี่ยมเขาเอง ผมอยากจะซื้อของเล่นให้เด็กคนนั้น ผมชอบเขามาก ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะให้เงินทุนแก่เขาและให้การรักษาที่ดีขึ้นแก่เขาด้วย” เย่ เหวินหมิงพูดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็มักจะแปลกใจที่เขามั