อี้ จิ่นหลีนำหลิง อี้หรานไปข้างหน้า เย่ เหวินหมิงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทั้งสองคน “เราพบกันอีกแล้ว ผมไม่คิดเลยว่านายน้อยอี้จะสนใจงานออกแบบนี้”“ผมมาที่นี่เพื่อพบทนายเหวิน” อี้ จิ่นหลีพูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเหวิน เหอและพูดว่า “สวัสดีครับ ทนายเหวิน ผมชื่ออี้ จิ่นหลีและนี่คือคู่หมั้นของผม หลิง อี้หราน เธออยากเจอคุณมาก”“เจอฉันเหรอคะ?” เหวิน เหอตกใจเมื่ออี้ จิ่นหลีบอกชื่อของเขากับเธอ‘อี้ จิ่นหลี! ผู้ปกครองแห่งเมืองเฉินใช่ไหม? เขาเป็นคนที่ผู้คนในเมืองเฉินไม่กล้าไปรุกราน’เขายังอายุน้อยและมีเสน่ห์มากกว่าที่เธอคิดจากนั้น สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่หลิง อี้หรานเนื่องจากเธอต้องการมาที่เมืองเฉิน เธอจึงติดตามข่าวของเมืองเฉินด้วย ข่าวการพลิกของคดีเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วไม่เพียงแต่กลายเป็นประเด็นร้อนบนหน้าหนังสือพิมพ์แต่ยังรวมถึงวงการทนายความด้วย“ฉันรู้จักคุณค่ะ” เหวิน เหอพูดกับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตกตะลึง จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเหวิน เหอคงรู้เรื่องคดีของเธอแล้ว!เหวิน เหออายุประมาณ 40 ปี สวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแทนที่จะเป็นชุดเดรสเสื้อคลุม ทำให้บุคลิกของเธอดูดี ดูมีความสามารถและสง่างาม
แม้ว่าเย่ เหวินหมิงอาจจะไม่ต้องการลูกชายคนนี้ แต่พี่โจวก็ยังกลัวว่าเขาจะพรากลูกชายคนนี้ไปจากเธออยู่ดี“ผมชอบเด็กคนนั้นจัง” เย่ เหวินหมิงกล่าว ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอยู่ “ผมสงสัยว่าผมจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งไหม ผมเลยกลับเยี่ยมเมืองเฉิน”‘เขาอยากเจออาหยันน้อยเหรอ?’ หลิง อี้หรานรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยนี่คือผู้ชายที่ทำให้พี่โจวทุกข์ทรมานและทิ้งอาหยันน้อยโดยไร้พ่อตั้งแต่แรกเกิดในขณะที่เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีคนคอยรับใช้ แต่พี่โจวกลับต้องติดอยู่ในคุกแต่ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าเขาต้องการพบหยันน้อย ลูกชายที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนอยู่ มันเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี“ไม่” หลิง อี้หรานพูดปฏิเสธออกมาโดยไม่รู้ตัวเธอพูดปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ ทำให้เย่ เหวินหมิงตกตะลึงเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน“คุณหลิง ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจ คุณให้ข้อมูลติดต่อของเขามาก็ได้นะครับ ผมจะไปเยี่ยมเขาเอง ผมอยากจะซื้อของเล่นให้เด็กคนนั้น ผมชอบเขามาก ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะให้เงินทุนแก่เขาและให้การรักษาที่ดีขึ้นแก่เขาด้วย” เย่ เหวินหมิงพูดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็มักจะแปลกใจที่เขามั
‘แม่งเอ๊ย!’เพล้ง!แก้วในมือของเย่ เหวินหมิงก็แตกสลายคามือของเขาทันใดนั้นเลือดก็ไหลลงมาจากมือข้างขวาของเขาเขาบีบแก้วในมือแน่นจนมันแตกคามือ!เหวิน เหออ้าปากค้าง “คุณ...”“ไม่มีอะไร ผมแค่คิดอะไรบางอย่าง ขอโทษ ผมเสียสติไปนิดหน่อย” เย่ เหวินหมิงพูดเบา ๆมือขวาของเขายังมีเลือดไหลอยู่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร…“ผมพาพี่มาที่นี่วันนี้เพื่อให้กำลังใจพี่ โดยปล่อยให้พี่ได้ไปพบกับเหวิน เหอ แต่พี่กลับรู้สึกโกรธแทน” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่ ฉันดีใจที่ได้พบเหวิน เหอ จิน ขอบคุณนะ” หลิง อี้หรานพูด“เย่ เหวินหมิงทำให้พี่โกรธไม่ใช่เหรอ?” เขาถาม“ฉันโกรธเย่ เหวินหมิง ไม่ใช่คุณสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกเสียใจแทนพี่โจวและอาหยันน้อย เขาไปอยู่ที่ไหนมาตอนที่พี่โจวคลอดอาหยันน้อยในคุก แล้วตอนนี้เขามาบอกว่าเขาต้องการให้เงินทุนในการรักษาอาหยันน้อยเหรอ? มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ? นั่นลูกของเขานะ!” หลิง อี้หรานพูดหลิง อี้หรานสำลักเล็กน้อยขณะที่เธอพูด “ลูกของเขาเกิดมาพร้อมกับปัญหาการได้ยิน พี่โจวต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ตื่นแต่เช้าและทำงานจนดึกเพื่อที่เธอจะได้ซื้อเครื่องช่วยฟังให้ลูกชายของเขา การซื้อเค
หลิง อี้หรานตกอยู่ในภวังค์เมื่อกู้ ลี่เฉินเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอ“ทำไมถึงมองผมแบบนั้นล่ะ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังก้องในหูของเธอ“อะไรนะ?” จู่ ๆ เธอก็กลับมารู้สึกตัว“เหมือนกับคุณกำลังมองหาบางอย่างในตัวผม” เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ดวงตาของเธอมากขึ้น “ผมนึกว่าคุณสนใจแต่อี้ จิ่นหลีเท่านั้น ทำไมคุณถึงสนใจในตัวผมล่ะ?”เธอก้าวถอยหลังพยายามหลีกเลี่ยงเขาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากส้นสูงที่สูงและชุดที่เป็นอุปสรรค ทำให้เธอเกือบสะดุดล้มลงจากการก้าวถอยหลังเธอทำได้เพียงแค่เอื้อมมือออกไปและคว้าอะไรบางอย่างโดยสัญชาตญาณ!ฟุบ!มือของเธอจับอีกมือหนึ่งไว้ ราวกับว่าเธอเป็นคนที่กำลังจะตกลงมาจากหน้าผาและในที่สุดก็มีโอกาสรอด เธอกำมือของอีกคนแน่นแขนของเขาโอบรอบเอวเธอเอาไว้และป้องกันไม่ให้เธอล้มลง“คุณเป็นอะไรไหม?” เธอได้ยินเสียงของกู้ ลี่เฉินหลิง อี้หรานยืนขึ้นด้วยความตกใจ เธอหอบและจ้องมองดูมือของเธอเธอกำลังจับมือของกู้ ลี่เฉินเธอกำมือของเขาแน่น!นี่เป็นวิธีที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จับมือเด็กชายเอาไว้ในความฝันของเธอหัวของเธอ... ปวดอีกแล้ว!ราวกับเข็มทิ่มแทงที่ศีรษะขอ
แต่กู้ ลี่เฉินกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือเธอ“หลิง อี้หราน ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” เขาพูด‘ไปกันเถอะ? ไม่ ฉันปล่อยไปไม่ได้เพราะ...’“ฉัน... ฉันจะไม่ปล่อย ฉัน... ฉันจะพานายขึ้นไปที่นั่น นายต้องจับฉันไว้...” หลิง อี้หรานพูดคำเหล่านี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่เธอยังคงปวดหัวเมื่อกู้ ลี่เฉินได้ยินคำพูดเหล่านั้น ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อในทันที แม้กระทั้งหยุดหายใจ‘คำพูดนี้... คำพูดพวกนี้...’ดวงตาของนกฟีนิกซ์สีเข้มของเขาจ้องมองคนตรงหน้าและใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น ขณะที่เขาพยายามฟังเสียงพึมพำที่คลุมเครือที่ออกมาจากปากของเธอ‘ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น? ‘เธอ’ เท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้!’ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ลี่เฉิน นายพยายามทำอะไรกับคู่หมั้นของฉัน?”วินาทีต่อมา ร่างของหลิง อี้หรานก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนหนึ่ง แต่มือของเธอยังคงจับมือของกู้ ลี่เฉินไว้แน่น เธอไม่ยอมปล่อยอี้ จิ่นหลีจ้องมองมือที่กำแน่นของเธออย่างเศร้าโศก จากนั้นเขามองลงไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวและเจ็บปวดของหลิง อี้หราน“อี้หราน เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” สีหน้าเขาเปลี่ยนเป
เธอปล่อยมือกู้ ลี่เฉิน แต่เขากลับคว้ามือของเธอเอาไว้แทน“คุณเป็นใครกันแน่?” ดวงตาฟีนิกซ์ที่เข้มข้นของเขาคมราวกับดาบ พยายามกรีดเธอเพื่อเปิดดูใกล้ ๆ!หลิง อี้หรานตกตะลึงและอี้ จิ่นหลีก็ปัดมือของกู้ ลี่เฉินออกไป“ไปกันเถอะ!” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชากู้ ลี่เฉินไม่สนใจอี้ จิ่นหลี ดวงตาฟีนิกซ์ของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หลิง อี้หราน “คุณเป็นใครกันแน่?!”ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็บีบข้อมือของกู้ ลี่เฉินอย่างแรงคนธรรมดาคงจะปล่อยมือไปแล้วในตอนนี้ แต่กู้ ลี่เฉินกลับยังคงจับมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังพยายามยึดสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไว้บรรยากาศชวนให้หายใจไม่ออกสภาพที่ไม่ธรรมดาของทั้งสามคนได้รับความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมา หลายคนจำอี้ จิ่นหลีและกู้ ลี่เฉินได้ชายสองคนที่แข็งแกร่งในเมืองเฉิน กำลังโต้เถียงกันเรื่องผู้หญิงแน่นอนว่าฉากแบบนี้ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจหวา ลี่ฟางเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำเพื่อมองหากู้ ลี่เฉินช่วงเวลาที่เธอได้ยินกู้ ลี่เฉินถามหลิง อี้หรานว่า “คุณเป็นใครกันแน่?” หวา ลี่ฟางก็รู้สึกราวกับว่
จากนั้นกู้ ลี่เฉินก็สังเกตเห็นหวา ลี่ฟาง ความโศกเศร้าแวบเข้ามาในดวงตาของเขาทันที‘เกิดอะไรขึ้นบฉัน? ลี่ฟางอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะสงสัยอะไรอีก?’‘หรือฉันควรจะพูดว่า... ฉันกำลังหวังอะไรอยู่?’ในที่สุด กู้ ลี่เฉินก็ปล่อยมือออกจากเธอและหลิง อี้หรานก็ดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลีอุ้มหลิง อี้หรานไว้ในอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้านิ่งขรึม“จิน ฉันเดินเองได้” หลิง อี้หรานพูดอย่างรวดเร็ว“พี่เพิ่งปวดหัว ให้ผมพาพี่ไปที่รถดีกว่า” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาเดินไปที่ทางออกของงานกู้ ลี่เฉินเฝ้าดูจนกระทั่งพวกเขาหายไปจากสายตา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงและเห็นรอยแดงบนข้อมือของเขาแม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบีบมือของเขาจนแน่น แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือเท่านั้น“ลี่เฉิน เป็นอะไรไหม? เจ็บไหม?” หวา ลี่ฟางมองดูข้อมือของกู้ ลี่เฉินด้วยแววตาเจ็บปวด แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “อี้ จิ่นหลีทำเกินไป ถ้าเขาหักมือของคุณจริง ๆ ฉันก็ยอมสละชีวิตเพื่อเอาความยุติธรรมมาให้คุณ”เธอพูดราวกับว่าเธอกล้าหาญและเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อกู้ ลี่เฉินแต่กู้ ลี่เฉินกลับคิดว่าคำพูดของเธอเป็นเรื่องตลกตอนที่เขาเผชิญหน้ากับอี้ จิ่นหลี ล
“ฉันบังเอิญเจอเขา แล้วฉันเกือบหกล้มลง ฉันเลยจับมือเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้น ฉันก็ปวดหัว” เธอพยายามอธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าเขาจะเข้าใจเธอผิด“สิ่งที่พี่พูดกับเขานั้นเป็นเรื่องไร้สาระจริงหรือเปล่า?” เขาถามอีกครั้งเธอตกตะลึง เสียงของเธอติดอยู่ในลำคอและเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้!‘ไร้สาระ? นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ นี่คือสิ่งที่เด็กผู้ไม่ไม่หญิงพูดกับเด็กชายในฝันของฉัน’‘แต่ฉันจะตอบคำถามนั้นได้อย่างไร?’‘ฉันไม่ต้องการที่จะโกหกเขา แต่ฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจสถานการณ์ผิดก่อนที่ฉันจะค้นพบความจริง’“ทำไม คำถามนี้ตอบยากเหรอ?” ความเงียบของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองดูเธอ“ฉัน... รู้สึกมึนและปวดหัวมากจนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป” หลิง อี้หรานพูด นี่เป็นความจริงสำหรับส่วนที่เหลือ เธออาจต้องรอจนกว่าเธอจะค้นพบความจริงก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบเขาได้“อย่างนั้นเหรอ?” เขาพึมพำในขณะที่เขายังคงถูรอยฟกช้ำบนแขนของเธอ “แต่ตอนนั้นพี่จับเขาแน่นมาก ทั้งที่ปวดหัว”“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะฉันกำลังจะหมดสติและล้มลง ก็เหมือนกับการคว้าสายชูชีพตอนกำลังจะจมน้ำ