คำเตือนจากอี้ จิ่นหลีเพียงพอที่จะทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ควรมีหลิง อี้หรานอยู่ในใจมิฉะนั้น อี้ จิ่นหลีอาจจะทำอันตรายแก่เขาแต่... หลังจากที่รู้ว่าหลิง อี้หรานถูกใส่ร้าย บางครั้งเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุครั้งนั้น เขากับหลิง อี้หรานจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้เธออีกต่อไปบางทีในอนาคตเขาอาจจะต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อมองผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ......ในทางกลับกัน อี้ จิ่นหลีมองดูหลิง อี้หรานและถามว่า “เธอยังโกรธคำพูดของห่าว อี้เหมิงอยู่ไหม?”เธอพยักหน้า “ประมาณนั้น ฉันรู้ดีว่าเธอขอโทษฉันเพราะคุณ เธอกล้าดียังไงถึงมาขอโทษและบอกให้ฉันยกโทษให้เธอ มันไร้สาระ”คำขอโทษธรรมดา ๆ จะชดเชยความเสียหายที่เธอได้รับได้อย่างไร?ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเป็นประกายในขณะที่เขาจับมือเธออีกครั้งเพื่อมองดูข้อนิ้วที่ผิดรูปเล็กน้อยของเธอเขารู้ว่าเธอไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเมื่อเธออยู่ในคุก“เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเธอไม่สามารถให้อภัยคนที่ทำร้ายเธอได้?” เขาพยายามพูดประโยคนี้ออกมา แม้ว่ามันยากที่จะพูด“ใช่” เธอตอบคำตอบนั้นทำให้หัวใจของเขาดิ่งลงเหว “ต่อให้... เขาไม่ได้ตั้ง
อี้ จิ่นหลีนำหลิง อี้หรานไปข้างหน้า เย่ เหวินหมิงแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทั้งสองคน “เราพบกันอีกแล้ว ผมไม่คิดเลยว่านายน้อยอี้จะสนใจงานออกแบบนี้”“ผมมาที่นี่เพื่อพบทนายเหวิน” อี้ จิ่นหลีพูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเหวิน เหอและพูดว่า “สวัสดีครับ ทนายเหวิน ผมชื่ออี้ จิ่นหลีและนี่คือคู่หมั้นของผม หลิง อี้หราน เธออยากเจอคุณมาก”“เจอฉันเหรอคะ?” เหวิน เหอตกใจเมื่ออี้ จิ่นหลีบอกชื่อของเขากับเธอ‘อี้ จิ่นหลี! ผู้ปกครองแห่งเมืองเฉินใช่ไหม? เขาเป็นคนที่ผู้คนในเมืองเฉินไม่กล้าไปรุกราน’เขายังอายุน้อยและมีเสน่ห์มากกว่าที่เธอคิดจากนั้น สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่หลิง อี้หรานเนื่องจากเธอต้องการมาที่เมืองเฉิน เธอจึงติดตามข่าวของเมืองเฉินด้วย ข่าวการพลิกของคดีเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วไม่เพียงแต่กลายเป็นประเด็นร้อนบนหน้าหนังสือพิมพ์แต่ยังรวมถึงวงการทนายความด้วย“ฉันรู้จักคุณค่ะ” เหวิน เหอพูดกับหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานตกตะลึง จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเหวิน เหอคงรู้เรื่องคดีของเธอแล้ว!เหวิน เหออายุประมาณ 40 ปี สวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มแทนที่จะเป็นชุดเดรสเสื้อคลุม ทำให้บุคลิกของเธอดูดี ดูมีความสามารถและสง่างาม
แม้ว่าเย่ เหวินหมิงอาจจะไม่ต้องการลูกชายคนนี้ แต่พี่โจวก็ยังกลัวว่าเขาจะพรากลูกชายคนนี้ไปจากเธออยู่ดี“ผมชอบเด็กคนนั้นจัง” เย่ เหวินหมิงกล่าว ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอยู่ “ผมสงสัยว่าผมจะได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้งไหม ผมเลยกลับเยี่ยมเมืองเฉิน”‘เขาอยากเจออาหยันน้อยเหรอ?’ หลิง อี้หรานรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยนี่คือผู้ชายที่ทำให้พี่โจวทุกข์ทรมานและทิ้งอาหยันน้อยโดยไร้พ่อตั้งแต่แรกเกิดในขณะที่เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีคนคอยรับใช้ แต่พี่โจวกลับต้องติดอยู่ในคุกแต่ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าเขาต้องการพบหยันน้อย ลูกชายที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนอยู่ มันเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี“ไม่” หลิง อี้หรานพูดปฏิเสธออกมาโดยไม่รู้ตัวเธอพูดปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ ทำให้เย่ เหวินหมิงตกตะลึงเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน“คุณหลิง ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจ คุณให้ข้อมูลติดต่อของเขามาก็ได้นะครับ ผมจะไปเยี่ยมเขาเอง ผมอยากจะซื้อของเล่นให้เด็กคนนั้น ผมชอบเขามาก ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะให้เงินทุนแก่เขาและให้การรักษาที่ดีขึ้นแก่เขาด้วย” เย่ เหวินหมิงพูดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็มักจะแปลกใจที่เขามั
‘แม่งเอ๊ย!’เพล้ง!แก้วในมือของเย่ เหวินหมิงก็แตกสลายคามือของเขาทันใดนั้นเลือดก็ไหลลงมาจากมือข้างขวาของเขาเขาบีบแก้วในมือแน่นจนมันแตกคามือ!เหวิน เหออ้าปากค้าง “คุณ...”“ไม่มีอะไร ผมแค่คิดอะไรบางอย่าง ขอโทษ ผมเสียสติไปนิดหน่อย” เย่ เหวินหมิงพูดเบา ๆมือขวาของเขายังมีเลือดไหลอยู่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร…“ผมพาพี่มาที่นี่วันนี้เพื่อให้กำลังใจพี่ โดยปล่อยให้พี่ได้ไปพบกับเหวิน เหอ แต่พี่กลับรู้สึกโกรธแทน” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่ ฉันดีใจที่ได้พบเหวิน เหอ จิน ขอบคุณนะ” หลิง อี้หรานพูด“เย่ เหวินหมิงทำให้พี่โกรธไม่ใช่เหรอ?” เขาถาม“ฉันโกรธเย่ เหวินหมิง ไม่ใช่คุณสักหน่อย ฉันแค่รู้สึกเสียใจแทนพี่โจวและอาหยันน้อย เขาไปอยู่ที่ไหนมาตอนที่พี่โจวคลอดอาหยันน้อยในคุก แล้วตอนนี้เขามาบอกว่าเขาต้องการให้เงินทุนในการรักษาอาหยันน้อยเหรอ? มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ? นั่นลูกของเขานะ!” หลิง อี้หรานพูดหลิง อี้หรานสำลักเล็กน้อยขณะที่เธอพูด “ลูกของเขาเกิดมาพร้อมกับปัญหาการได้ยิน พี่โจวต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ตื่นแต่เช้าและทำงานจนดึกเพื่อที่เธอจะได้ซื้อเครื่องช่วยฟังให้ลูกชายของเขา การซื้อเค
หลิง อี้หรานตกอยู่ในภวังค์เมื่อกู้ ลี่เฉินเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอ“ทำไมถึงมองผมแบบนั้นล่ะ?” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังก้องในหูของเธอ“อะไรนะ?” จู่ ๆ เธอก็กลับมารู้สึกตัว“เหมือนกับคุณกำลังมองหาบางอย่างในตัวผม” เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ดวงตาของเธอมากขึ้น “ผมนึกว่าคุณสนใจแต่อี้ จิ่นหลีเท่านั้น ทำไมคุณถึงสนใจในตัวผมล่ะ?”เธอก้าวถอยหลังพยายามหลีกเลี่ยงเขาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากส้นสูงที่สูงและชุดที่เป็นอุปสรรค ทำให้เธอเกือบสะดุดล้มลงจากการก้าวถอยหลังเธอทำได้เพียงแค่เอื้อมมือออกไปและคว้าอะไรบางอย่างโดยสัญชาตญาณ!ฟุบ!มือของเธอจับอีกมือหนึ่งไว้ ราวกับว่าเธอเป็นคนที่กำลังจะตกลงมาจากหน้าผาและในที่สุดก็มีโอกาสรอด เธอกำมือของอีกคนแน่นแขนของเขาโอบรอบเอวเธอเอาไว้และป้องกันไม่ให้เธอล้มลง“คุณเป็นอะไรไหม?” เธอได้ยินเสียงของกู้ ลี่เฉินหลิง อี้หรานยืนขึ้นด้วยความตกใจ เธอหอบและจ้องมองดูมือของเธอเธอกำลังจับมือของกู้ ลี่เฉินเธอกำมือของเขาแน่น!นี่เป็นวิธีที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จับมือเด็กชายเอาไว้ในความฝันของเธอหัวของเธอ... ปวดอีกแล้ว!ราวกับเข็มทิ่มแทงที่ศีรษะขอ
แต่กู้ ลี่เฉินกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือเธอ“หลิง อี้หราน ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” เขาพูด‘ไปกันเถอะ? ไม่ ฉันปล่อยไปไม่ได้เพราะ...’“ฉัน... ฉันจะไม่ปล่อย ฉัน... ฉันจะพานายขึ้นไปที่นั่น นายต้องจับฉันไว้...” หลิง อี้หรานพูดคำเหล่านี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่เธอยังคงปวดหัวเมื่อกู้ ลี่เฉินได้ยินคำพูดเหล่านั้น ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อในทันที แม้กระทั้งหยุดหายใจ‘คำพูดนี้... คำพูดพวกนี้...’ดวงตาของนกฟีนิกซ์สีเข้มของเขาจ้องมองคนตรงหน้าและใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้น ขณะที่เขาพยายามฟังเสียงพึมพำที่คลุมเครือที่ออกมาจากปากของเธอ‘ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น? ‘เธอ’ เท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้!’ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ลี่เฉิน นายพยายามทำอะไรกับคู่หมั้นของฉัน?”วินาทีต่อมา ร่างของหลิง อี้หรานก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนหนึ่ง แต่มือของเธอยังคงจับมือของกู้ ลี่เฉินไว้แน่น เธอไม่ยอมปล่อยอี้ จิ่นหลีจ้องมองมือที่กำแน่นของเธออย่างเศร้าโศก จากนั้นเขามองลงไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวและเจ็บปวดของหลิง อี้หราน“อี้หราน เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” สีหน้าเขาเปลี่ยนเป
เธอปล่อยมือกู้ ลี่เฉิน แต่เขากลับคว้ามือของเธอเอาไว้แทน“คุณเป็นใครกันแน่?” ดวงตาฟีนิกซ์ที่เข้มข้นของเขาคมราวกับดาบ พยายามกรีดเธอเพื่อเปิดดูใกล้ ๆ!หลิง อี้หรานตกตะลึงและอี้ จิ่นหลีก็ปัดมือของกู้ ลี่เฉินออกไป“ไปกันเถอะ!” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชากู้ ลี่เฉินไม่สนใจอี้ จิ่นหลี ดวงตาฟีนิกซ์ของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หลิง อี้หราน “คุณเป็นใครกันแน่?!”ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็บีบข้อมือของกู้ ลี่เฉินอย่างแรงคนธรรมดาคงจะปล่อยมือไปแล้วในตอนนี้ แต่กู้ ลี่เฉินกลับยังคงจับมือของหลิง อี้หรานเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังพยายามยึดสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไว้บรรยากาศชวนให้หายใจไม่ออกสภาพที่ไม่ธรรมดาของทั้งสามคนได้รับความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมา หลายคนจำอี้ จิ่นหลีและกู้ ลี่เฉินได้ชายสองคนที่แข็งแกร่งในเมืองเฉิน กำลังโต้เถียงกันเรื่องผู้หญิงแน่นอนว่าฉากแบบนี้ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจหวา ลี่ฟางเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำเพื่อมองหากู้ ลี่เฉินช่วงเวลาที่เธอได้ยินกู้ ลี่เฉินถามหลิง อี้หรานว่า “คุณเป็นใครกันแน่?” หวา ลี่ฟางก็รู้สึกราวกับว่
จากนั้นกู้ ลี่เฉินก็สังเกตเห็นหวา ลี่ฟาง ความโศกเศร้าแวบเข้ามาในดวงตาของเขาทันที‘เกิดอะไรขึ้นบฉัน? ลี่ฟางอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะสงสัยอะไรอีก?’‘หรือฉันควรจะพูดว่า... ฉันกำลังหวังอะไรอยู่?’ในที่สุด กู้ ลี่เฉินก็ปล่อยมือออกจากเธอและหลิง อี้หรานก็ดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลีอุ้มหลิง อี้หรานไว้ในอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้านิ่งขรึม“จิน ฉันเดินเองได้” หลิง อี้หรานพูดอย่างรวดเร็ว“พี่เพิ่งปวดหัว ให้ผมพาพี่ไปที่รถดีกว่า” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาเดินไปที่ทางออกของงานกู้ ลี่เฉินเฝ้าดูจนกระทั่งพวกเขาหายไปจากสายตา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงและเห็นรอยแดงบนข้อมือของเขาแม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบีบมือของเขาจนแน่น แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือเท่านั้น“ลี่เฉิน เป็นอะไรไหม? เจ็บไหม?” หวา ลี่ฟางมองดูข้อมือของกู้ ลี่เฉินด้วยแววตาเจ็บปวด แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “อี้ จิ่นหลีทำเกินไป ถ้าเขาหักมือของคุณจริง ๆ ฉันก็ยอมสละชีวิตเพื่อเอาความยุติธรรมมาให้คุณ”เธอพูดราวกับว่าเธอกล้าหาญและเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อกู้ ลี่เฉินแต่กู้ ลี่เฉินกลับคิดว่าคำพูดของเธอเป็นเรื่องตลกตอนที่เขาเผชิญหน้ากับอี้ จิ่นหลี ล
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค