จากนั้นกู้ ลี่เฉินก็สังเกตเห็นหวา ลี่ฟาง ความโศกเศร้าแวบเข้ามาในดวงตาของเขาทันที‘เกิดอะไรขึ้นบฉัน? ลี่ฟางอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะสงสัยอะไรอีก?’‘หรือฉันควรจะพูดว่า... ฉันกำลังหวังอะไรอยู่?’ในที่สุด กู้ ลี่เฉินก็ปล่อยมือออกจากเธอและหลิง อี้หรานก็ดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็วอี้ จิ่นหลีอุ้มหลิง อี้หรานไว้ในอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้านิ่งขรึม“จิน ฉันเดินเองได้” หลิง อี้หรานพูดอย่างรวดเร็ว“พี่เพิ่งปวดหัว ให้ผมพาพี่ไปที่รถดีกว่า” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาเดินไปที่ทางออกของงานกู้ ลี่เฉินเฝ้าดูจนกระทั่งพวกเขาหายไปจากสายตา จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงและเห็นรอยแดงบนข้อมือของเขาแม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะบีบมือของเขาจนแน่น แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือเท่านั้น“ลี่เฉิน เป็นอะไรไหม? เจ็บไหม?” หวา ลี่ฟางมองดูข้อมือของกู้ ลี่เฉินด้วยแววตาเจ็บปวด แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ “อี้ จิ่นหลีทำเกินไป ถ้าเขาหักมือของคุณจริง ๆ ฉันก็ยอมสละชีวิตเพื่อเอาความยุติธรรมมาให้คุณ”เธอพูดราวกับว่าเธอกล้าหาญและเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อกู้ ลี่เฉินแต่กู้ ลี่เฉินกลับคิดว่าคำพูดของเธอเป็นเรื่องตลกตอนที่เขาเผชิญหน้ากับอี้ จิ่นหลี ล
“ฉันบังเอิญเจอเขา แล้วฉันเกือบหกล้มลง ฉันเลยจับมือเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้น ฉันก็ปวดหัว” เธอพยายามอธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าเขาจะเข้าใจเธอผิด“สิ่งที่พี่พูดกับเขานั้นเป็นเรื่องไร้สาระจริงหรือเปล่า?” เขาถามอีกครั้งเธอตกตะลึง เสียงของเธอติดอยู่ในลำคอและเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้!‘ไร้สาระ? นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ นี่คือสิ่งที่เด็กผู้ไม่ไม่หญิงพูดกับเด็กชายในฝันของฉัน’‘แต่ฉันจะตอบคำถามนั้นได้อย่างไร?’‘ฉันไม่ต้องการที่จะโกหกเขา แต่ฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจสถานการณ์ผิดก่อนที่ฉันจะค้นพบความจริง’“ทำไม คำถามนี้ตอบยากเหรอ?” ความเงียบของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองดูเธอ“ฉัน... รู้สึกมึนและปวดหัวมากจนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไป” หลิง อี้หรานพูด นี่เป็นความจริงสำหรับส่วนที่เหลือ เธออาจต้องรอจนกว่าเธอจะค้นพบความจริงก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบเขาได้“อย่างนั้นเหรอ?” เขาพึมพำในขณะที่เขายังคงถูรอยฟกช้ำบนแขนของเธอ “แต่ตอนนั้นพี่จับเขาแน่นมาก ทั้งที่ปวดหัว”“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะฉันกำลังจะหมดสติและล้มลง ก็เหมือนกับการคว้าสายชูชีพตอนกำลังจะจมน้ำ
รูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้... หลิง อี้หรานรู้ว่าการปรากฏตัวของเธอในตอนนี้จะทำให้คนรับใช้เข้าใจผิดตอนนี้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงและริมฝีปากของเธอก็เละไปทั่วขอบปากจากการปจูบอี้ จิ่นหลีเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับหลิง อี้หรานในอ้อมแขนของเขาและวางเธอลงบนเตียงนิ้วเรียวยาวของเขาเริ่มปลดเนคไทและเสื้อสูทของเขา...หลิง อี้หรานพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง “จิน ฟังฉันนะ”“ได้ พูดมา ฉันจะฟัง” เขาพูดเสียงเข้ม อย่างไรก็ตาม เรียวนิ้วยาวของเขากลับเริ่มปลดกระดุมเสื้อที่อยู่ด้านบนสุดและดวงตาของเขาจ้องมองมาที่เธอด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรงใบหน้าของหลิง อี้หรานซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงในรถ ยิ่งแดงเข้าไปอีกเธอก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปแต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเธอต้องอธิบายทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน!“ฉันใช้คำผิดตอนที่ฉันพูดว่าสายชูชีพ จริง ๆ แล้วฉันหมายความว่ามันเป็นเหตุฉุกเฉิน ฉันเลยคว้า... มือของเขา...”เสียงของเธอขาดหายไปในขณะที่เธอพูด เพราะเขาถอดเสื้อของเขาออกและเผยให้เห็นแผ่นอกที่แข็งแกร่ง...เขาเดินเข้ามาหาเธอ เอนตัวไปข้างหน้าและเอามือวางบนขอบเตียง เมื่อเขามองมาที่เธอ เขาพูดว่า “ไม่ว่าเธอจะใช้คำผิดหรือเ
เขาย่อตัวลงและคุกเข่าต่อหน้าเธอ ค่อย ๆ ถอดรองเท้าส้นสูงของเธอออก จากนั้นเขาก็จับเท้าของเธอด้วยมือของเขา “อี้หราน คนเดียวในโลกนี้ที่ครอบครองฉันได้คือเธอเท่านั้น!”เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ก้มศีรษะลงและจูบที่หลังเท้าของเธอ…หลิง อี้หรานถอนหายใจ เขาดู... เหมือนกับว่าเขากำลังให้คำมั่นสัญญา ราวกับว่าเขาวางชีวิตของเขาไว้ในมือของเธอปลายเท้าของเธอเริ่มร้อนทันทีและเธอก็สัมผัสได้ถึงริมฝีปากของเขาเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลำคอของเธอกลับแห้งพรากอย่างน่ากลัว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความขี้เล่น‘เธอรู้ไหมว่าฉันสามารถให้เธอได้ทุกอย่างตราบใดที่เธอไม่ทรยศฉัน?’‘เธอรู้ไหมว่าฉันรักเธอมากจนไม่เป็นตัวของตัวเอง? ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันจะรู้สึกสับสนกับผู้หญิงมากขนาดนี้’‘เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันสามารถแสดงด้านที่ดีที่สุดของฉันให้เธอเห็นได้คนเดียว? และฉันจะรักเธอคนเดียวเท่านั้น’‘เธอสามารถทำอะไรกับฉันได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ’“อี้หราน อย่าทิ้งฉันนะ” คำพูดผุดขึ้นจากลำคอของเขาในขณะนั้นเขางดงามอย่างน่าทึ่ง เขาสง่างามจนเธอไม่สามารถละสายตาได้‘ฉันจะไม่ต้องการเขาได้อย่างไรใ
“พี่พยายามหลีกเลี่ยงเย่ เหวินหมิงเหรอคะ?” หลิง อี้หรานถามแต่ถ้าหากพี่โจวคดีพลิกได้ เธออาจจะต้องพบกับเย่ เหวินหมิงอีกครั้ง“ฉันรับความเสี่ยงไม่ได้ ฉันไม่อยากให้เขารู้เรื่องของอาหยันน้อย ถ้าเขารู้ แล้วเขาคิดจะทำอะไร... ถ้าเขาต้องการตัวอาหยันน้อย ฉันคงเป็นบ้าจริง ๆ อี้หราน อาหยันน้อยคือชีวิตของฉัน!” โจว เชียนหยุนพูดหลิง อี้หรานสามารถเข้าใจความรู้สึกของโจว เชียนหยุนที่มีต่อหยันน้อยได้!แม้ว่าเธอจะไม่เคยเป็นแม่มาก่อน แต่เธอก็คิดว่าถ้าเธออยู่ในตำแหน่งเดียวกับโจว เชียนหยุนในตอนนี้ เธอก็อาจจะเลือกแบบเดียวกันการดูแลหนึ่งคนหนึ่งไว้นั่นย่อมดีกว่าการได้พลิกคดี!“เมื่อวานฉันเจอเย่ เหวินหมิงค่ะ” หลิง อี้หรานพูดดวงตาของโจว เชียนหยุนเบิกกว้างขึ้นทันทีขณะที่เธอมองไปที่หลิง อี้หรานด้วยความตกใจ“ฉันเจอเขาที่งานแสดงสินค้า เย่ เหวินหมิงจำอาหยันน้อยได้และต้องการเจอหยันน้อยอีกครั้ง” หลิง อี้หรานพูดร่างกายของโจว เชียนหยุนสั่นไหว ‘เขา... ต้องการเจออาหยันน้อยอีกครั้งเหรอ? เด็กที่เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการ… แล้วเขาจะต้องการพบอาหยันน้อยเหรอ?’น่าขำสิ้นดี!“โจว เชียนหยุน เธอฟังนะ เธอไม่มีคุณสมบัติพอที
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องรับรู้ไปถึงก้นบึ้งของความฝันและอาการปวดหัวให้ได้!หลิง อี้หรานตัดสินใจและนัดหมายกับหมอเหลิ่งทางโทรศัพท์หลังจากที่หลิง อี้หรานวางสาย เกา ฉงหมิงก็เคาะประตูและเข้าไปในห้องทำงานของอี้ จิ่นหลี“นายน้อยอี้ คุณหลิงเพิ่งติดต่อกับจิตแพทย์นามสกุลเหลิ่งเพื่อทำการนัดหมายวันมะรืนนี้ครับ”อี้ จิ่นหลีหลับตาลง เรียวนิ้วยาวของเขาที่กำลังถือปากกาไว้ในมือ ยังคงเซ็นชื่อบนกระดาษอย่างราบรื่น “อืม เข้าใจแล้ว”จากนั้น เกา ฉงหมิงก็ออกมาจากห้องทำงานขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง เขาก็ได้ยินเสียงแตกเบา ๆ ดังเข้ามาในรูหูของเขาราวกับว่ามีบางอย่างแตกร้าวประตูห้องทำงานของท่านประธานปิดลงและอี้ จิ่นหลีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟา ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่เขากลับหยุดสนใจที่จะเซ็นชื่อลงบนกระดาษต่อปากกาในมือของเขาหักออกเป็นสองส่วนและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยความมืดมน‘อี้หราน... ยังคงพยายามเอาความทรงจำที่หายไปของเธอกลับคืนมา? เธอกำลังพยายามเรียกคืนความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับกู้ ลี่เฉินใช่ไหม?’‘ทำไมล่ะ? เธอบอกว่าเธออยากจะแก่ไปพร้อมกับฉัน แต่ทำไมเธอถึงต้องการเอาความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับผู
แต่หลังจากพบหวา ลี่ฟาง เขากลับไม่ได้มอบชุดให้เธอเขาไม่รู้ว่าทำไม เช่นเดียวกับสร้อยข้อมือเงินเส้นเล็ก เขาก็ไม่ได้มอบมันให้ลี่ฟางเช่นกันราวกับว่าถ้าเขามอบมันให้กับลี่ฟาง ความคิดทั้งหมดของเขาจะจบลง‘นี่มันเกิดบ้า... อะไรขึ้น?’สองวันที่เขาคิดได้คือคำพูดที่เธอพูดตอนที่เธอปวดหัวในเมื่อวันก่อน‘นั่นเป็นเรื่องไร้สาระจริง ๆ เหรอ?’รอยแดงบนข้อมือของเขาจางลง แต่ความรู้สึกที่เธอจับมือของเขาเอาไว้ ยังคงอยู่ที่นั่น“หลิง อี้หราน บอกมาสิว่านั่นคือเรื่องจริง!” กู้ ลี่เฉินพึมพำขณะที่มือของเขาโอบรอบชุดเดรสสีม่วงยาวที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าเหมือนได้กอดคนรักที่สนิทสนมที่สุด......“อ๊า!” หลิง อี้หรานตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด แต่เมื่อเธอสัมผัสหน้าผากของเธอ เธอกลับพบกับหน้าที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเธอฝันอีกแล้ว ในความฝัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ กำลังแบกเด็กชายไว้บนหลังของเธอขณะที่เธอเดินบนเนินเขา เธอสัมผัสได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของเด็กหญิงตัวน้อยแต่เด็กหญิงในความฝันของเธอยังคงยืนหยัดราวกับว่าเธอจะไม่ทิ้งเด็กชายไว้ตามลำพัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเธอฝันถึงความฝันนี้บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงนี้ และฉา
‘ทำไมเขาถึงรีบแสวงหาความตาย? ทำไมเขาถึงไม่คิดถึงลูกชายที่เขายังมีอยู่? เขารู้บ้างไหมว่าการตายของเขา ทำให้จินที่อายุยังน้อยในตอนนั้นรู้สึกอย่างไร?’‘ชายผู้นี้คิดจริง ๆ เหรอว่าการส่งจินกลับมาหาตระกูลอี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด? เขาลืมไปหรือเปล่าว่าลูกของเขาต้องการพ่อ’‘จินสูญเสียแม่ของเขาไปแล้ว แล้วเขาก็สูญเสียพ่อไปด้วย’‘เขาต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมด้วยปู่ที่เกลียดชังเลือดอีกครึ่งหนึ่งของเขา!’เธอแทบจะจินตนาการได้ว่าเขาต้องยากลำบากอย่างไรเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กในคฤหาสน์หลังนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความรักระหว่างปู่กับหลาน มีเพียงเด็กที่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด!หลิง อี้หรานเดินผ่านห้องโถงด้านหน้าและเข้าไปในห้องชั้นในที่ละก้าวการตกแต่งภายในนั้นเหมือนกับที่เธอเคยเห็นก่อนหน้านี้ มีการประดับแผ่นจารึกของพ่อของจินบนแท่นบูชาเธอเห็นร่างสูงยืนนิ่งราวกับรูปปั้นประติมากรรมตรงหน้าแผ่นจารึกที่ระลึกหลังของเขาตั้งตรงและมีเพียงแสงสลัวของตะเกียงส่องมาที่เขา ความสว่างเพียงเล็กน้อยที่ปะปนอยู่กับความมืดมิดความอ้างว้างแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวท