เธอจินตนาการได้ว่าเขาในตอนเด็กจะรู้สึกหวาดกลัวมากแค่ไหนเมื่อเขาต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าเขาจะมีครอบครัว แต่เขากลับไม่ได้รับความรักและต้องคอยกังวลว่าจะถูกคนอื่นมาแทนที่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นและเขาไม่สามารถที่จะ ‘อ่อนแอ’ ได้ถ้าเกิดเขา ‘อ่อนแอ’ เขาจะถูกทอดทิ้ง“มัน... เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากใช่ไหม?” หลิง อี้หรานถามด้วยเสียงพึมพำ รู้สึกสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้ยินคนอื่นพูดถึงเขา เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่เก่งกาจอย่างเขาสามารถครอบครองอะไรก็ได้ที่เขาต้องการและสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างง่ายดาย เขาเปรียบเสมือนผู้ชนะในชีวิตแต่ตอนนี้เธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชนะ ยิ่งเขารุ่งโรจน์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อมันมากขึ้นเท่านั้นเขาต้องแบกรับภาระมากมากตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็ก“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” อี้ จิ่นหลีตอบ เขาโบกมือตอบเธอเพื่อให้เธอรับรู้ว่าตอนนี้เขาสบายดีสายตาของเธอเต็มไปด้วยเงาของเขา!“ตอนนี้มันจบลงแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแทนที่ผม” อี้ จิ่นหลีตอบ ในตอนนี้เขาเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมของตัวเอง“ใช่
หลิง อี้หรานเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับชุดแต่งงานในมือ ในขณะที่ชิน เหลียนอีเข้าไปช่วยส่วนอี้ จิ่นหลีและไป๋ ทิงซินนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกเงียบ ๆไป๋ ทิงซินมองไปที่อี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้างหน้าเขา พูดตามตรง เขาค่อนข้างแปลกใจที่อี้ จิ่นหลีจะแต่งงานกับหลิง อี้หรานในไม่ช้านี้“ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังช่วยคุณหลิงแก้ไขคดี” ไป๋ ทิงซินริเริ่มที่จะพูดโดยพยายามหาหัวข้อสนทนากับอี้ จิ่นหลี“นายก็รู้ดีหนิ” อี้ จิ่นหลีตอบขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋ ทิงซิน“ก็เพราะว่าเหลียนอีกังวลเกี่ยวกับคดีของคุณหลิง ผมเลยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น ผมได้ยินมาว่าคุณยื่นอุทธรณ์กับสำนักงานกฎหมายที่คุณแต่งตั้ง ผู้กระทำผิดในคดีนี้คือว่าน หยวี่หมิงใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลีหรี่ตาลงเล็กน้อยและไม่ตอบโต้อะไร ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจ้องมองทิงซินด้วยแววตาเยือกเย็น“ผมได้ตรวจสอบคดีของคุณหลิงแล้ว ถึงว่าน หยวี่หมิงจะพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการตำหนิคุณหลิง แต่ทำไมตระกูลห่าวถึงไม่สงสัยอะไรเขาเลย ในเมื่อว่าน หยวี่หมิงลาออกทันทีหลังจากสำนวนถูกพิพาก?” ไป๋ ทิงซินพูดอี้ จิ่นหลีถามอย่างเย็นชา “นายกำลังพยายามจะพูด
‘นางฟ้า…’ อี้ จิ่นหลีกระพริบตา เธอเป็นเหมือนนางฟ้าสำหรับเขาเธอช่วยเขาให้หลุดพ้นจากขุมนรก ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรหากไม่มีเธอ เขาคงจะใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย“คิดว่าไงบ้าง จิน?” หลิง อี้หรานถาม เธอมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนตัวเองคนเดิมแม้ว่าชุดนี้จะไม่ใช่ชุดแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ก็สวยงามจนทำให้เธอตกตะลึง ผู้หญิงทุกคนล้วนชื่นชอบชุดแต่งงานเธอจำได้ว่าตอนเธอเป็นเด็ก เธอเคยเห็นเจ้าสาวแสนสวยอยู่ในชุดแต่งงานและคิดว่ามันเป็นชุดที่สวยมาก เธอได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะสวมชุดแบบนี้บ้างและเจ้าชายในเทพนิยายจะหาเธอเจอหรือไม่และตอนนี้... เธอได้พบกับเจ้าชายของเธอแล้ว!หลิง อี้หรานจ้องมองอี้ จิ่นหลีขณะที่เขาเขยิบเข้ามาหาเธอ เขาสวมชุดสูททันสมัย ร่างสูงผอมเพรียว ไหล่กว้าง เอวแคบและขาที่ยาวของเขาทำให้เขาดูดี แม้แต่การสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายก็ยังดูเข้ากันได้ดีสำหรับเขาใบหน้าที่หล่อเหลาและได้สัดสวน ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาดูดี“สวย” ริมฝีปากบางกระซิบ“ฉันก็คิดว่าชุดนี้สวยเหมือนกัน” หลิง อี้หรานตอบ“ผมไม่ได้หมายถึงชุด ผมพูดถึงพี่” อี้ จิ่นหลีพูดใบหน้าของหล
“โชว์เนื้อหนังเหรอ?” ชิน เหลียนอีมองดูชุดของเธอ มันเป็นชุดเดรสปาดไหล่จึงเผยให้เห็นไหล่อีกข้างและกระโปรงที่ด้านหน้าสั้นส่วนด้านหลังยาว ชุดเดรสนี้ช่วยยกหน้าอกของเธอให้ได้รูปและเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นอย่างดีทำให้เธอดูมีหน้าอกและเอวคอดขึ้นนี่คือรูปร่างที่ผู้หญิงทั้งหมดใฝ่ฝัน!ชิน เหลียนอียกมือขึ้นจับหน้าอกของเธอและพูดกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไม่คิดว่าฉันดูเซ็กซี่ในชุดแบบนี้เหรอ? หุ่นของฉันดูดีขึ้นมาก”ไป๋ ทิงซินถึงกับพูดไม่ออก นี่… เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน? เธอกำลังพูดถึงสรีระ ‘เซ็กซี่’ ต่อหน้าเขา! เธอไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายบ้างเลยหรืออย่างไร?แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นแฟนของเธอเลย!เขาคงเป็นเพียงเจ้าหนี้ในสายตาของเธอ!“ถ้าคุณจะใส่ชุดนี้ไปงานแต่ง ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ได้ไปงานแต่งอย่างแน่นอน!” ไป๋ ทิงซินพูด“คุณ…” ชิน เหลียนอีจ้องมองไป๋ ทิงซิน “กล้าดียังไง? นี่มันเป็นแค่ชุดเดรส!”“ก็ลองดูว่าผมจะทำอะไร ไม่มีใครชอบเห็นแฟนของตัวเองใส่ชุดที่โชว์เนื้อหนังเกินไปหรอก” ไป๋ ทิงซินตอบชุดของเธอดูน่าทึ่งและจะเป็นที่ดึงดูดในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน… แต่เขาคว
ระหว่างทาง เธอกำโทรศัพท์ไว้ในมือขณะที่ตาแดงก่ำ‘คุณยายออกจากโรงพยาบาลเพื่อมารักษาตัวที่บ้าน ฉันคิดว่าคุณยายอาการดีขึ้นแล้ว แต่... เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’สายที่โทรเข้ามาก่อนหน้านี้มาจากพยาบาลที่โรงพยาบาล คุณยายขอให้พยาบาลโทรหาเธอและบอกเธอว่าตอนนี้คุณยายอยู่ที่โรงพยาบาล คุณยายอาการทรุดลงและโคม่าเป็นครั้งคราว ความปรารถนาสุดท้ายของคุณยายคือการได้เจอเธอก่อนตาย!ตามที่พยาบาลบอก คุณยายของเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาสามวันแล้ว แต่ลุงใหญ่ ลุงรอง และป้ากลับไม่โทรมาบอกเธอ!ถ้าวันนี้พยาบาลไม่โทรมาหาเธอ เธอก็คงจะไม่ได้เจอคุณยายเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม?‘ไม่ นี่ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของคุณยาย’ เธอยังคงพูดกับตัวเองในใจ แต่มือของเธอกลับสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เธอถือโทรศัพท์ทันใดนั้น มือขนาดใหญ่ก็จับมือที่สั่นเทาของเธอไว้ ขณะที่เสียงพูดของคนข้าง ๆ ดังขึ้นในหูของเธอ “ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างพี่”หลิง อี้หรานเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “จิน ถ้าคุณยาย...” คำว่า ‘ตาย’ ติดอยู่ในคอของเธอและเธอไม่สามารถพูดมันออกไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ฉันควรทำยังไ
คุณยายยังไม่ทันพูดจบประโยค เธอก็จากไปเสียก่อน แม้ว่าตาและปากของเธอยังคงเปิดอยู่ แต่เธอกลับไม่หายใจแล้วหลิง อี้หรานจ้องมองหญิงชราอย่างว่างเปล่าขณะที่น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาแพทย์และพยาบาลที่อยู่ข้าง ๆ ได้กำหนดเวลาการตายของคุณยายของเธอ และกล่าวกับหลิง อี้หรานว่า “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ คุณหลิง”‘ขอแสดงความเสียใจ...’ ครอบครัวคนเดียวที่เธอเหลืออยู่กลับจากเธอไป!จู่ ๆ หลิง อี้หรานก็กรีดร้องออกมาและนอนลงข้าง ๆ ร่างกายที่ไร้ลมหายใจของคุณยายร่างกายของคุณยาย... ยังอุ่นอยู่ แต่เธอกลับไม่หายใจแล้ว เธอจะไม่ได้ยินคุณยายเรียกเธอว่า อี้หรานอีกต่อไปและเธอก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของคุณยายอีก...หลิง อี้หรานร้องไห้ขณะที่อี้ จิ่นหลียืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบเขารู้ว่าเธอเสียใจมากในตอนนี้ คุณยายของเธอเป็นผู้อุปถัมภ์ คุณยายเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ของเธอหลังจากที่เธอสูญเสียแม่ไปและเธอจะไม่มีวันได้คุณยายกลับคืนมาอีกเขาเข้าใจความเจ็บปวดของการสูญเสียคนที่รัก ตอนที่พ่อของเขาถูกแช่แข็งตายต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในโลกนี้ต่อมาเมื่อเขายอมรับสายเลือดของเขาและได้รับการยอมรับ
เพียงสองชั่วโมงหลังจากที่คุณยายของเธอเสียชีวิต ลุงใหญ่ ลุงรองและป้าของหลิง อี้หรานก็มาถึงโรงพยาบาลกันทีละคนตามการแจ้งข่าวของโรงพยาบาลสำหรับตาของหลิง อี้หราน ตาหมันลู่ เขาไม่ได้มาที่โรงพยาบาลโดยอ้างว่าสุขภาพไม่ดี เขากลัวว่าเขาจะเสียใจเกินไปและทำให้สุขภาพของเขาแย่ลงหลังจากได้เห็นร่างของหญิงชราหลิง อี้หรานไม่รู้ว่าคุณยายของเธอจะรู้สึกอย่างไรกับความคิดเห็นของตาของเธอเมื่อลุงใหญ่ ลุงรองและป้ามาเห็นหลิง อี้หราน พวกเขาก็ขอให้หลิง อี้หรานจ่ายค่าฝังศพและงานศพของคุณยายแทนแม่ของเธอ เธอไม่สามารถหนีจากการถูกยัดเยียดได้! หลิง อี้หรานรู้สึกโกรธ คุณยายของเธอเพิ่งจะจากไป แต่ลุงใหญ่ ลุงรองและป้าสนใจแต่เรื่องเงินเท่านั้น!“จ่ายเหรอ?” อี้ จิ่นหลีที่เงียบมาตลอด ถามขึ้นจากนั้น เมื่อลุงใหญ่และลุงรองรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในห้อง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าหลานสาวของพวกเขากำลังสวมชุดแต่งงานอยู่ลุงใหญ่และลุงรองหน้าซีดทันทีเมื่อรู้ว่าเขาคือคนเดียวกันกับที่พวกเขาเคยเจอที่บ้านของตระกูลเฟิงในคืนนั้นในตอนแรกพวกเขาต้องการส่งหลิง อี้หรานไปที่บ้านของตระกูลเฟิงเพื่อแต่งงานกับลูกชายของพวกเขา แต่ในคืนนั้นผู้ชายคนนี้ก็
ลุงใหญ่พูดและกัดฟันแน่นว่า “ไอ้หนู แกขังเราไว้นานมาก ทำไมแกไม่ขอโทษและจ่ายเงินให้เราตอนนี้ซะเลยล่ะ?”“ไม่เคยมีใครกล้าขอให้ฉันพูดขอโทษ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหลิง อี้หรานรู้สึกสับสน ‘เกิดอะไรขึ้น? ลุงใหญ่และลุงรองที่กลัวจินในตอนแรก แต่หลังจากที่ป้าพูดออกมา ท่าทางของพวกเขากลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง’‘เป็นไปได้ไหมว่าลูกสาวของป้า ลี่ฟาง เจอคนที่จะคอยคุ้มครองพวกเขาแล้ว?’เธอจำได้ว่าลี่ฟางทำธุรกิจโรงตีเหล็กเล็ก ๆ กับสามีของเธอ โดยมีรายได้เพียงเล็กน้อยพอ ๆ กับชาวเมืองส่วนใหญ่ เธอได้รับการคุ้มครองแบบไหน?“ตกลง แกจะไม่ขอโทษฉันใช่ไหม? ต่อให้แกคุกเข่าขอโทษที่หลัง มันก็จะไม่จบง่าย ๆ หรอก!” ลุงใหญ่พูดอย่างดุดันป้าคนเล็กพูดอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าเธอกำลังดูละครน้ำเน่า “อี้หราน ในฐานะที่ฉันเป็นป้าของเธอ ฉันขอเตือนให้แฟนของเธอขอโทษลุงใหญ่และลุงรองซะ พร้อมทั้งชดเชยค่าเสียหายให้พวกเขา เธอก็รู้ว่าน้องลี่ฟางของเธอสนิทกับลุงใหญ่และลุงรอง เธอทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นคุณลุงของเธอถูกรังแก”หลิง อี้หรานตระหนักได้ว่าการแต่งกายของป้าไม่เหมือนเดิม เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว เสื้อผ้าของป้าดูดีและมีราค