เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เพราะนายท่านที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตของเขาแต่ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ เพราะนายท่านแก่ตัวลงไปมากแล้วพวกเขาเป็นเพียงปู่และหลานชาย แม้จะมีสีสายเลือดเดียวกัน แต่พวกเขากลับไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น“ผมจะแต่งงานกับหลิง อี้หราน” เสียงเยือกเย็นทำลายความเงียบในห้อง “แต่งงานเหรอ?” นายท่านอี้หัวเราะ “ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับตระกูลอี้”“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ว่าเธอสมควรได้รับมันหรือไม่” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชานายท่านอี้คำราม “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังช่วยผู้หญิงคนนั้นแก้ไขคดีอย่างนั้นเหรอ?”อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่านายท่านรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างดี“ผู้หญิงคนนั้นรู้ไหมว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเธอ?” นายท่านอี้ถามใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “ผมบอกแล้วไงว่าเธอจะไม่มีวันรู้”“ถ้าฉันบอกเธอล่ะ? ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเต็มใจแต่งงานกับแกอยู่หรือเปล่าหลังจากที่เธอรู้ความจริง แต่ถ้าเธอชอบเงิน เธอก็คงจะแต่งงานกับ
นายท่านอี้เงียบ เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้เขาแก่ตัวขึ้นในขณะที่เด็กคนนี้แข็งแรงขึ้น“แกนี่... เป็นเหมือนพ่อของแกมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ” นายท่านอี้มองหลานชายของเขาด้วยความรู้สึกผสมปนเป เขายังคงจำได้ว่าลูกชายของเขาบอกกับเขาว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ไม่สำคัญว่าเขาจะต้องละทิ้งฐานะนายน้อยของตระกูลอี้ไปหรือไม่ราวกับว่าทรัพย์สมบัติในตระกูลอี้ไม่มีอะไรน่าสนใจอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าหากันและไม่พูดอะไรจากนั้นนายท่านอี้จึงพูดเสริมว่า “วันหนึ่งแกจะต้องเสียใจเช่นเดียวกับพ่อของแก...” ทุกอย่างสายเกินแก้และพ่อของอี้ จิ่นหลีก็จบชีวิตลง“ผมจะไม่เสียใจกับการตกหลุมรักเธอและได้แต่งงานกับเธอ มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะเสียใจ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยความมั่นใจ“อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า…” นายท่านอี้หัวเราะออกมาทันที “แกจะไม่เสียใจอย่างนั้นเหรอ... พูดง่ายเสียจริง ฉันแก่แล้วและใกล้จะลงโลงเต็มที บางทีฉันอาจจะตายก่อนที่แกจะเสียใจ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้อายุยืนแล้วกันครับ” อี้ จิ่นหลีจ้องมองนายท่านอี้ขณะที่เขาพูดว่า “ขอให้ปู่มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อที่ปู่จะ
“แต่อะไรหรือ?” เขาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“ฉันมีรอยแผลเป็นบนตัวเยอะมาก ดังนั้นต้องออกแบบชุดแต่งงานแบบปกปิดเท่านั้น ถ้าเกิดเปิดเผยมากเกินไป ผู้คนก็จะเห็นรอยแผลเป็นของฉันด้วย” เธอพูดด้วยความขวยเขินเขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจ “ดีแล้วที่ออกแบบชุดให้ปกปิดเอาไว้ ผมไม่ชอบชุดเจ้าสาวที่เปิดเผยมากเกินไป” มุมปากของอี้ จิ่นหลียกยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาโอบแขนไปกอดหลิง อี้หรานเอาไว้ ก่อนที่จะพูดว่า “ผมอยากเห็นชุดแต่งงานของพี่ที่ปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่รู้อะไรไหม? เพราะผมเป็นเจ้าของพี่ ผมคงทนไม่ได้ ถ้าให้คนอื่นมาเห็นผิวของพี่มากเกินไป”แม้ว่าในตอนแรกเธอจะรู้สึกอับอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้เธอโล่งใจ“ขอบคุณนะจิน” เธอพึมพำ“ผมไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดปลอบโยนพี่” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาไล่ริมฝีปากเบา ๆ บนแก้มของหลิง อี้หราน “ถึงพี่จะมีรอยแผลเป็นบนผิวหนัง แต่พี่ก็ยังสวยพอที่จะทำให้ผมหลงใหล ผมอยากจะขังพี่ไว้บนเกาะที่ห่างไกล จะได้มีแค่ผมคนเดียวที่มองเห็นพี่ได้ ผมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาพรากพี่ไปจากผม”หลิง อี้หรานหัวเราะ “ใครกันที่จะพรากฉันไปจากคุณ?”เขาเม้มปากแน่นแต่ไม่ตอบ
เธอจินตนาการได้ว่าเขาในตอนเด็กจะรู้สึกหวาดกลัวมากแค่ไหนเมื่อเขาต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าเขาจะมีครอบครัว แต่เขากลับไม่ได้รับความรักและต้องคอยกังวลว่าจะถูกคนอื่นมาแทนที่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นและเขาไม่สามารถที่จะ ‘อ่อนแอ’ ได้ถ้าเกิดเขา ‘อ่อนแอ’ เขาจะถูกทอดทิ้ง“มัน... เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากใช่ไหม?” หลิง อี้หรานถามด้วยเสียงพึมพำ รู้สึกสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้ยินคนอื่นพูดถึงเขา เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่เก่งกาจอย่างเขาสามารถครอบครองอะไรก็ได้ที่เขาต้องการและสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างง่ายดาย เขาเปรียบเสมือนผู้ชนะในชีวิตแต่ตอนนี้เธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชนะ ยิ่งเขารุ่งโรจน์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อมันมากขึ้นเท่านั้นเขาต้องแบกรับภาระมากมากตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็ก“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” อี้ จิ่นหลีตอบ เขาโบกมือตอบเธอเพื่อให้เธอรับรู้ว่าตอนนี้เขาสบายดีสายตาของเธอเต็มไปด้วยเงาของเขา!“ตอนนี้มันจบลงแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแทนที่ผม” อี้ จิ่นหลีตอบ ในตอนนี้เขาเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมของตัวเอง“ใช่
หลิง อี้หรานเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับชุดแต่งงานในมือ ในขณะที่ชิน เหลียนอีเข้าไปช่วยส่วนอี้ จิ่นหลีและไป๋ ทิงซินนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกเงียบ ๆไป๋ ทิงซินมองไปที่อี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้างหน้าเขา พูดตามตรง เขาค่อนข้างแปลกใจที่อี้ จิ่นหลีจะแต่งงานกับหลิง อี้หรานในไม่ช้านี้“ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังช่วยคุณหลิงแก้ไขคดี” ไป๋ ทิงซินริเริ่มที่จะพูดโดยพยายามหาหัวข้อสนทนากับอี้ จิ่นหลี“นายก็รู้ดีหนิ” อี้ จิ่นหลีตอบขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋ ทิงซิน“ก็เพราะว่าเหลียนอีกังวลเกี่ยวกับคดีของคุณหลิง ผมเลยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น ผมได้ยินมาว่าคุณยื่นอุทธรณ์กับสำนักงานกฎหมายที่คุณแต่งตั้ง ผู้กระทำผิดในคดีนี้คือว่าน หยวี่หมิงใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลีหรี่ตาลงเล็กน้อยและไม่ตอบโต้อะไร ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจ้องมองทิงซินด้วยแววตาเยือกเย็น“ผมได้ตรวจสอบคดีของคุณหลิงแล้ว ถึงว่าน หยวี่หมิงจะพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการตำหนิคุณหลิง แต่ทำไมตระกูลห่าวถึงไม่สงสัยอะไรเขาเลย ในเมื่อว่าน หยวี่หมิงลาออกทันทีหลังจากสำนวนถูกพิพาก?” ไป๋ ทิงซินพูดอี้ จิ่นหลีถามอย่างเย็นชา “นายกำลังพยายามจะพูด
‘นางฟ้า…’ อี้ จิ่นหลีกระพริบตา เธอเป็นเหมือนนางฟ้าสำหรับเขาเธอช่วยเขาให้หลุดพ้นจากขุมนรก ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรหากไม่มีเธอ เขาคงจะใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย“คิดว่าไงบ้าง จิน?” หลิง อี้หรานถาม เธอมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนตัวเองคนเดิมแม้ว่าชุดนี้จะไม่ใช่ชุดแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ก็สวยงามจนทำให้เธอตกตะลึง ผู้หญิงทุกคนล้วนชื่นชอบชุดแต่งงานเธอจำได้ว่าตอนเธอเป็นเด็ก เธอเคยเห็นเจ้าสาวแสนสวยอยู่ในชุดแต่งงานและคิดว่ามันเป็นชุดที่สวยมาก เธอได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะสวมชุดแบบนี้บ้างและเจ้าชายในเทพนิยายจะหาเธอเจอหรือไม่และตอนนี้... เธอได้พบกับเจ้าชายของเธอแล้ว!หลิง อี้หรานจ้องมองอี้ จิ่นหลีขณะที่เขาเขยิบเข้ามาหาเธอ เขาสวมชุดสูททันสมัย ร่างสูงผอมเพรียว ไหล่กว้าง เอวแคบและขาที่ยาวของเขาทำให้เขาดูดี แม้แต่การสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายก็ยังดูเข้ากันได้ดีสำหรับเขาใบหน้าที่หล่อเหลาและได้สัดสวน ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาดูดี“สวย” ริมฝีปากบางกระซิบ“ฉันก็คิดว่าชุดนี้สวยเหมือนกัน” หลิง อี้หรานตอบ“ผมไม่ได้หมายถึงชุด ผมพูดถึงพี่” อี้ จิ่นหลีพูดใบหน้าของหล
“โชว์เนื้อหนังเหรอ?” ชิน เหลียนอีมองดูชุดของเธอ มันเป็นชุดเดรสปาดไหล่จึงเผยให้เห็นไหล่อีกข้างและกระโปรงที่ด้านหน้าสั้นส่วนด้านหลังยาว ชุดเดรสนี้ช่วยยกหน้าอกของเธอให้ได้รูปและเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นอย่างดีทำให้เธอดูมีหน้าอกและเอวคอดขึ้นนี่คือรูปร่างที่ผู้หญิงทั้งหมดใฝ่ฝัน!ชิน เหลียนอียกมือขึ้นจับหน้าอกของเธอและพูดกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไม่คิดว่าฉันดูเซ็กซี่ในชุดแบบนี้เหรอ? หุ่นของฉันดูดีขึ้นมาก”ไป๋ ทิงซินถึงกับพูดไม่ออก นี่… เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน? เธอกำลังพูดถึงสรีระ ‘เซ็กซี่’ ต่อหน้าเขา! เธอไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายบ้างเลยหรืออย่างไร?แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นแฟนของเธอเลย!เขาคงเป็นเพียงเจ้าหนี้ในสายตาของเธอ!“ถ้าคุณจะใส่ชุดนี้ไปงานแต่ง ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ได้ไปงานแต่งอย่างแน่นอน!” ไป๋ ทิงซินพูด“คุณ…” ชิน เหลียนอีจ้องมองไป๋ ทิงซิน “กล้าดียังไง? นี่มันเป็นแค่ชุดเดรส!”“ก็ลองดูว่าผมจะทำอะไร ไม่มีใครชอบเห็นแฟนของตัวเองใส่ชุดที่โชว์เนื้อหนังเกินไปหรอก” ไป๋ ทิงซินตอบชุดของเธอดูน่าทึ่งและจะเป็นที่ดึงดูดในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน… แต่เขาคว
ระหว่างทาง เธอกำโทรศัพท์ไว้ในมือขณะที่ตาแดงก่ำ‘คุณยายออกจากโรงพยาบาลเพื่อมารักษาตัวที่บ้าน ฉันคิดว่าคุณยายอาการดีขึ้นแล้ว แต่... เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’สายที่โทรเข้ามาก่อนหน้านี้มาจากพยาบาลที่โรงพยาบาล คุณยายขอให้พยาบาลโทรหาเธอและบอกเธอว่าตอนนี้คุณยายอยู่ที่โรงพยาบาล คุณยายอาการทรุดลงและโคม่าเป็นครั้งคราว ความปรารถนาสุดท้ายของคุณยายคือการได้เจอเธอก่อนตาย!ตามที่พยาบาลบอก คุณยายของเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาสามวันแล้ว แต่ลุงใหญ่ ลุงรอง และป้ากลับไม่โทรมาบอกเธอ!ถ้าวันนี้พยาบาลไม่โทรมาหาเธอ เธอก็คงจะไม่ได้เจอคุณยายเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม?‘ไม่ นี่ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของคุณยาย’ เธอยังคงพูดกับตัวเองในใจ แต่มือของเธอกลับสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เธอถือโทรศัพท์ทันใดนั้น มือขนาดใหญ่ก็จับมือที่สั่นเทาของเธอไว้ ขณะที่เสียงพูดของคนข้าง ๆ ดังขึ้นในหูของเธอ “ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างพี่”หลิง อี้หรานเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “จิน ถ้าคุณยาย...” คำว่า ‘ตาย’ ติดอยู่ในคอของเธอและเธอไม่สามารถพูดมันออกไปได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ฉันควรทำยังไ