เธอรีบบ้วนปากแล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “จริงเหรอ?”“พี่คิดว่าผมโกหกเหรอ?” เขาถามเธอลังเลและพยายามจำสิ่งที่เกิดขึ้นในบาร์เมื่อวานนี้ ‘ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นจะสนใจเขา’‘จากนั้นฉันก็โกรธเพราะฉันไม่ชอบผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาหาเขาแบบนั้น ฉันเลย... อืม... ฉันจำไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก’เธอกลัวว่าเธอทำอย่างนั้นจริง ๆ“ผมมีความสุข เพราะผมไม่เคยเห็นมีแสดงความเป็นเจ้าของของผมบ่อย ๆ ผมชอบที่พี่บอกกับผู้หญิงคนอื่นว่าผมเป็นของพี่” อี้ จิ่นหลีกล่าวมุมปากของเขายกยิ้มขึ้น แม้ดวงตาของเขาก็ยังกลายเป็นรูปสระอิหลิง อี้หรานจ้องมองรอยยิ้มของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายหลังจากอาบน้ำเสร็จ หลิง อี้หรานรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอทานซุปแก้เมาค้างอี้ จิ่นหลีหันไปหาหลิง อี้หรานและพูดว่า “ผมจะขอให้เกา ฉงหมิงเชิญนักออกแบบชุดสองคนมาในวันนี้เพื่อออกแบบชุดแต่งงาน พี่จะได้ดูว่าพี่ชอบนักออกแบบคนไหนมากที่สุด”หลิง อี้หรานเกือบสำลัก‘เวลาที่คนเราแต่งงานกัน พวกเขาจะเลือกชุดแต่งงาน แต่ฉัน... กลับได้เลือกนักออกแบบชุดก่อน’เกา ฉงหมิงมาถึงในตอนบ่ายพร้อมกับหนังส
เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เพราะนายท่านที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตของเขาแต่ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ เพราะนายท่านแก่ตัวลงไปมากแล้วพวกเขาเป็นเพียงปู่และหลานชาย แม้จะมีสีสายเลือดเดียวกัน แต่พวกเขากลับไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น“ผมจะแต่งงานกับหลิง อี้หราน” เสียงเยือกเย็นทำลายความเงียบในห้อง “แต่งงานเหรอ?” นายท่านอี้หัวเราะ “ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับตระกูลอี้”“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ว่าเธอสมควรได้รับมันหรือไม่” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชานายท่านอี้คำราม “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังช่วยผู้หญิงคนนั้นแก้ไขคดีอย่างนั้นเหรอ?”อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่านายท่านรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างดี“ผู้หญิงคนนั้นรู้ไหมว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเธอ?” นายท่านอี้ถามใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “ผมบอกแล้วไงว่าเธอจะไม่มีวันรู้”“ถ้าฉันบอกเธอล่ะ? ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเต็มใจแต่งงานกับแกอยู่หรือเปล่าหลังจากที่เธอรู้ความจริง แต่ถ้าเธอชอบเงิน เธอก็คงจะแต่งงานกับ
นายท่านอี้เงียบ เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้เขาแก่ตัวขึ้นในขณะที่เด็กคนนี้แข็งแรงขึ้น“แกนี่... เป็นเหมือนพ่อของแกมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ” นายท่านอี้มองหลานชายของเขาด้วยความรู้สึกผสมปนเป เขายังคงจำได้ว่าลูกชายของเขาบอกกับเขาว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ไม่สำคัญว่าเขาจะต้องละทิ้งฐานะนายน้อยของตระกูลอี้ไปหรือไม่ราวกับว่าทรัพย์สมบัติในตระกูลอี้ไม่มีอะไรน่าสนใจอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าหากันและไม่พูดอะไรจากนั้นนายท่านอี้จึงพูดเสริมว่า “วันหนึ่งแกจะต้องเสียใจเช่นเดียวกับพ่อของแก...” ทุกอย่างสายเกินแก้และพ่อของอี้ จิ่นหลีก็จบชีวิตลง“ผมจะไม่เสียใจกับการตกหลุมรักเธอและได้แต่งงานกับเธอ มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะเสียใจ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยความมั่นใจ“อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า…” นายท่านอี้หัวเราะออกมาทันที “แกจะไม่เสียใจอย่างนั้นเหรอ... พูดง่ายเสียจริง ฉันแก่แล้วและใกล้จะลงโลงเต็มที บางทีฉันอาจจะตายก่อนที่แกจะเสียใจ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้อายุยืนแล้วกันครับ” อี้ จิ่นหลีจ้องมองนายท่านอี้ขณะที่เขาพูดว่า “ขอให้ปู่มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อที่ปู่จะ
“แต่อะไรหรือ?” เขาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“ฉันมีรอยแผลเป็นบนตัวเยอะมาก ดังนั้นต้องออกแบบชุดแต่งงานแบบปกปิดเท่านั้น ถ้าเกิดเปิดเผยมากเกินไป ผู้คนก็จะเห็นรอยแผลเป็นของฉันด้วย” เธอพูดด้วยความขวยเขินเขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจ “ดีแล้วที่ออกแบบชุดให้ปกปิดเอาไว้ ผมไม่ชอบชุดเจ้าสาวที่เปิดเผยมากเกินไป” มุมปากของอี้ จิ่นหลียกยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาโอบแขนไปกอดหลิง อี้หรานเอาไว้ ก่อนที่จะพูดว่า “ผมอยากเห็นชุดแต่งงานของพี่ที่ปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่รู้อะไรไหม? เพราะผมเป็นเจ้าของพี่ ผมคงทนไม่ได้ ถ้าให้คนอื่นมาเห็นผิวของพี่มากเกินไป”แม้ว่าในตอนแรกเธอจะรู้สึกอับอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้เธอโล่งใจ“ขอบคุณนะจิน” เธอพึมพำ“ผมไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดปลอบโยนพี่” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาไล่ริมฝีปากเบา ๆ บนแก้มของหลิง อี้หราน “ถึงพี่จะมีรอยแผลเป็นบนผิวหนัง แต่พี่ก็ยังสวยพอที่จะทำให้ผมหลงใหล ผมอยากจะขังพี่ไว้บนเกาะที่ห่างไกล จะได้มีแค่ผมคนเดียวที่มองเห็นพี่ได้ ผมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาพรากพี่ไปจากผม”หลิง อี้หรานหัวเราะ “ใครกันที่จะพรากฉันไปจากคุณ?”เขาเม้มปากแน่นแต่ไม่ตอบ
เธอจินตนาการได้ว่าเขาในตอนเด็กจะรู้สึกหวาดกลัวมากแค่ไหนเมื่อเขาต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าเขาจะมีครอบครัว แต่เขากลับไม่ได้รับความรักและต้องคอยกังวลว่าจะถูกคนอื่นมาแทนที่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นและเขาไม่สามารถที่จะ ‘อ่อนแอ’ ได้ถ้าเกิดเขา ‘อ่อนแอ’ เขาจะถูกทอดทิ้ง“มัน... เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากใช่ไหม?” หลิง อี้หรานถามด้วยเสียงพึมพำ รู้สึกสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้ยินคนอื่นพูดถึงเขา เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่เก่งกาจอย่างเขาสามารถครอบครองอะไรก็ได้ที่เขาต้องการและสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างง่ายดาย เขาเปรียบเสมือนผู้ชนะในชีวิตแต่ตอนนี้เธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชนะ ยิ่งเขารุ่งโรจน์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อมันมากขึ้นเท่านั้นเขาต้องแบกรับภาระมากมากตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็ก“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” อี้ จิ่นหลีตอบ เขาโบกมือตอบเธอเพื่อให้เธอรับรู้ว่าตอนนี้เขาสบายดีสายตาของเธอเต็มไปด้วยเงาของเขา!“ตอนนี้มันจบลงแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแทนที่ผม” อี้ จิ่นหลีตอบ ในตอนนี้เขาเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมของตัวเอง“ใช่
หลิง อี้หรานเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับชุดแต่งงานในมือ ในขณะที่ชิน เหลียนอีเข้าไปช่วยส่วนอี้ จิ่นหลีและไป๋ ทิงซินนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกเงียบ ๆไป๋ ทิงซินมองไปที่อี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้างหน้าเขา พูดตามตรง เขาค่อนข้างแปลกใจที่อี้ จิ่นหลีจะแต่งงานกับหลิง อี้หรานในไม่ช้านี้“ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังช่วยคุณหลิงแก้ไขคดี” ไป๋ ทิงซินริเริ่มที่จะพูดโดยพยายามหาหัวข้อสนทนากับอี้ จิ่นหลี“นายก็รู้ดีหนิ” อี้ จิ่นหลีตอบขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋ ทิงซิน“ก็เพราะว่าเหลียนอีกังวลเกี่ยวกับคดีของคุณหลิง ผมเลยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น ผมได้ยินมาว่าคุณยื่นอุทธรณ์กับสำนักงานกฎหมายที่คุณแต่งตั้ง ผู้กระทำผิดในคดีนี้คือว่าน หยวี่หมิงใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลีหรี่ตาลงเล็กน้อยและไม่ตอบโต้อะไร ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจ้องมองทิงซินด้วยแววตาเยือกเย็น“ผมได้ตรวจสอบคดีของคุณหลิงแล้ว ถึงว่าน หยวี่หมิงจะพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการตำหนิคุณหลิง แต่ทำไมตระกูลห่าวถึงไม่สงสัยอะไรเขาเลย ในเมื่อว่าน หยวี่หมิงลาออกทันทีหลังจากสำนวนถูกพิพาก?” ไป๋ ทิงซินพูดอี้ จิ่นหลีถามอย่างเย็นชา “นายกำลังพยายามจะพูด
‘นางฟ้า…’ อี้ จิ่นหลีกระพริบตา เธอเป็นเหมือนนางฟ้าสำหรับเขาเธอช่วยเขาให้หลุดพ้นจากขุมนรก ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรหากไม่มีเธอ เขาคงจะใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย“คิดว่าไงบ้าง จิน?” หลิง อี้หรานถาม เธอมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนตัวเองคนเดิมแม้ว่าชุดนี้จะไม่ใช่ชุดแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ก็สวยงามจนทำให้เธอตกตะลึง ผู้หญิงทุกคนล้วนชื่นชอบชุดแต่งงานเธอจำได้ว่าตอนเธอเป็นเด็ก เธอเคยเห็นเจ้าสาวแสนสวยอยู่ในชุดแต่งงานและคิดว่ามันเป็นชุดที่สวยมาก เธอได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะสวมชุดแบบนี้บ้างและเจ้าชายในเทพนิยายจะหาเธอเจอหรือไม่และตอนนี้... เธอได้พบกับเจ้าชายของเธอแล้ว!หลิง อี้หรานจ้องมองอี้ จิ่นหลีขณะที่เขาเขยิบเข้ามาหาเธอ เขาสวมชุดสูททันสมัย ร่างสูงผอมเพรียว ไหล่กว้าง เอวแคบและขาที่ยาวของเขาทำให้เขาดูดี แม้แต่การสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายก็ยังดูเข้ากันได้ดีสำหรับเขาใบหน้าที่หล่อเหลาและได้สัดสวน ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาดูดี“สวย” ริมฝีปากบางกระซิบ“ฉันก็คิดว่าชุดนี้สวยเหมือนกัน” หลิง อี้หรานตอบ“ผมไม่ได้หมายถึงชุด ผมพูดถึงพี่” อี้ จิ่นหลีพูดใบหน้าของหล
“โชว์เนื้อหนังเหรอ?” ชิน เหลียนอีมองดูชุดของเธอ มันเป็นชุดเดรสปาดไหล่จึงเผยให้เห็นไหล่อีกข้างและกระโปรงที่ด้านหน้าสั้นส่วนด้านหลังยาว ชุดเดรสนี้ช่วยยกหน้าอกของเธอให้ได้รูปและเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นอย่างดีทำให้เธอดูมีหน้าอกและเอวคอดขึ้นนี่คือรูปร่างที่ผู้หญิงทั้งหมดใฝ่ฝัน!ชิน เหลียนอียกมือขึ้นจับหน้าอกของเธอและพูดกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไม่คิดว่าฉันดูเซ็กซี่ในชุดแบบนี้เหรอ? หุ่นของฉันดูดีขึ้นมาก”ไป๋ ทิงซินถึงกับพูดไม่ออก นี่… เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน? เธอกำลังพูดถึงสรีระ ‘เซ็กซี่’ ต่อหน้าเขา! เธอไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายบ้างเลยหรืออย่างไร?แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นแฟนของเธอเลย!เขาคงเป็นเพียงเจ้าหนี้ในสายตาของเธอ!“ถ้าคุณจะใส่ชุดนี้ไปงานแต่ง ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ได้ไปงานแต่งอย่างแน่นอน!” ไป๋ ทิงซินพูด“คุณ…” ชิน เหลียนอีจ้องมองไป๋ ทิงซิน “กล้าดียังไง? นี่มันเป็นแค่ชุดเดรส!”“ก็ลองดูว่าผมจะทำอะไร ไม่มีใครชอบเห็นแฟนของตัวเองใส่ชุดที่โชว์เนื้อหนังเกินไปหรอก” ไป๋ ทิงซินตอบชุดของเธอดูน่าทึ่งและจะเป็นที่ดึงดูดในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน… แต่เขาคว
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค