จูบของพวกเขาเริ่มหนักหน่วงขึ้น เธอเป็นเหมือนเด็กซน เธอจูบเขาขณะที่มือของเธอกำลังเล่นซุกซนอยู่กับร่างกายของเขาอี้ จิ่นหลีรู้สึกเหมือนเขากำลังสูญเสียการควบคุมทันใดนั้น เขาก็คว้ามือเธอไว้และพูดขึ้น “พอ... พอแล้ว... อี้หราน”ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาอาจจะได้ทำกับเธอในรถหลิง อี้หรานกระพริบตาราวกับเด็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน‘พอแล้ว? ทำไมฉันถึงคิดว่ามันยังไม่พอล่ะ... ยังไม่พอ?’‘ฉันต้องการเขา! ฉันอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เวลาที่ได้อยู่กับเขา ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร!’“จิน...” เธอพึมพำ พร้อมกับยกมือสัมผัสแก้มของเขา เธอพยายามจ้องจดจ่ออยู่ที่เขาด้วยสายตาพร่ามัว “คุณ... อึก... ดูดีมาก" เธอพึมพำและสะอึกระหว่างพูดคิ้วและดวงตาที่งดงามนั้นดูราวกับภาพวาดของศิลปินชื่อดัง ‘ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนฉันจริง ๆ เหรอ? เขา... จะแต่งงานกับฉันเหรอ?’“ฉันเคยเห็นรูปถ่ายของ... ห่าว เหมยยวี่ เธอสวยจัง... คุณกับเธอ... ดูเข้ากันได้ดี ในข่าวมักจะบอกว่าพวกคุณ… เป็นคู่รักกิ่งทองใบหยก...” เธอ พึมพำต่อไปว่า “คุณ... คุณรักเธอไหม... ทำไม... คุณไม่ตามหาความจริงในตอนนั้น... ตอนที่เธอเสียชีวิต...”คำพู
“ยกโทษให้ผมได้ไหม อี้หราน ยกโทษให้ผมไม่ว่าจะเกิดอะไร ได้ไหม?”เขาทำได้เพียงอ้อนวอนตอนเธอหลับ เพราะเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอเมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเสร็จแล้ว เขาก็ห่มผ้าให้เธอ และกำลังจะลุกขึ้น แต่มือของเธอกลับเอื้อมมาจับแขนเสื้อของเขาไว้ จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น “ฉันยกโทษให้ จิน...”เขาตกใจและเขามองดูเธอด้วยความประหลาดใจ ‘เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังพูดอะไร?’มุมปากของเธอยกขึ้นราวกับว่าเธอกำลังยิ้มและดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้ก่อนหน้านี้ มันสร้างประหลาดใจให้กับเขา “ฉัน... ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงขอให้ฉันยกโทษให้คุณ แต่ฉันจะให้อภัยคุณ ฉันจะยกโทษให้คุณ... เพราะ... คุณคือจิน...”เมื่อพูดจบ เธอก็หลับตาลงและผล็อยหลับไปอีกครั้งอี้ จิ่นหลีจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบหน้าผากของเธอ“ใช่ ผมคือจิน จินของพี่...” เขาพึมพำ ‘แม้ว่า... พี่จะไม่ยกโทษให้ผม ผมก็จะไม่มีวันปล่อยพี่ไป!’เพราะเธอคือคนสำคัญสำหรับเขา...หลิง อี้หรานตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นด้วยศีรษะที่หนักอึ้ง‘เพราะฉันดื่มมากเกินไปสินะ!’ เธอหลับตาลงและนวดขมับของตัวเอง“พี่ปวดหัวหรือเปล่า?” เสียงหนึ่งด
เธอรีบบ้วนปากแล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “จริงเหรอ?”“พี่คิดว่าผมโกหกเหรอ?” เขาถามเธอลังเลและพยายามจำสิ่งที่เกิดขึ้นในบาร์เมื่อวานนี้ ‘ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นจะสนใจเขา’‘จากนั้นฉันก็โกรธเพราะฉันไม่ชอบผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาหาเขาแบบนั้น ฉันเลย... อืม... ฉันจำไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก’เธอกลัวว่าเธอทำอย่างนั้นจริง ๆ“ผมมีความสุข เพราะผมไม่เคยเห็นมีแสดงความเป็นเจ้าของของผมบ่อย ๆ ผมชอบที่พี่บอกกับผู้หญิงคนอื่นว่าผมเป็นของพี่” อี้ จิ่นหลีกล่าวมุมปากของเขายกยิ้มขึ้น แม้ดวงตาของเขาก็ยังกลายเป็นรูปสระอิหลิง อี้หรานจ้องมองรอยยิ้มของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายหลังจากอาบน้ำเสร็จ หลิง อี้หรานรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอทานซุปแก้เมาค้างอี้ จิ่นหลีหันไปหาหลิง อี้หรานและพูดว่า “ผมจะขอให้เกา ฉงหมิงเชิญนักออกแบบชุดสองคนมาในวันนี้เพื่อออกแบบชุดแต่งงาน พี่จะได้ดูว่าพี่ชอบนักออกแบบคนไหนมากที่สุด”หลิง อี้หรานเกือบสำลัก‘เวลาที่คนเราแต่งงานกัน พวกเขาจะเลือกชุดแต่งงาน แต่ฉัน... กลับได้เลือกนักออกแบบชุดก่อน’เกา ฉงหมิงมาถึงในตอนบ่ายพร้อมกับหนังส
เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เพราะนายท่านที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตของเขาแต่ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ เพราะนายท่านแก่ตัวลงไปมากแล้วพวกเขาเป็นเพียงปู่และหลานชาย แม้จะมีสีสายเลือดเดียวกัน แต่พวกเขากลับไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น“ผมจะแต่งงานกับหลิง อี้หราน” เสียงเยือกเย็นทำลายความเงียบในห้อง “แต่งงานเหรอ?” นายท่านอี้หัวเราะ “ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับตระกูลอี้”“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ว่าเธอสมควรได้รับมันหรือไม่” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชานายท่านอี้คำราม “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังช่วยผู้หญิงคนนั้นแก้ไขคดีอย่างนั้นเหรอ?”อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่านายท่านรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างดี“ผู้หญิงคนนั้นรู้ไหมว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเธอ?” นายท่านอี้ถามใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “ผมบอกแล้วไงว่าเธอจะไม่มีวันรู้”“ถ้าฉันบอกเธอล่ะ? ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเต็มใจแต่งงานกับแกอยู่หรือเปล่าหลังจากที่เธอรู้ความจริง แต่ถ้าเธอชอบเงิน เธอก็คงจะแต่งงานกับ
นายท่านอี้เงียบ เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมเด็กคนนี้ได้เขาแก่ตัวขึ้นในขณะที่เด็กคนนี้แข็งแรงขึ้น“แกนี่... เป็นเหมือนพ่อของแกมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ” นายท่านอี้มองหลานชายของเขาด้วยความรู้สึกผสมปนเป เขายังคงจำได้ว่าลูกชายของเขาบอกกับเขาว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ไม่สำคัญว่าเขาจะต้องละทิ้งฐานะนายน้อยของตระกูลอี้ไปหรือไม่ราวกับว่าทรัพย์สมบัติในตระกูลอี้ไม่มีอะไรน่าสนใจอี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าหากันและไม่พูดอะไรจากนั้นนายท่านอี้จึงพูดเสริมว่า “วันหนึ่งแกจะต้องเสียใจเช่นเดียวกับพ่อของแก...” ทุกอย่างสายเกินแก้และพ่อของอี้ จิ่นหลีก็จบชีวิตลง“ผมจะไม่เสียใจกับการตกหลุมรักเธอและได้แต่งงานกับเธอ มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะเสียใจ” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยความมั่นใจ“อย่างนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า…” นายท่านอี้หัวเราะออกมาทันที “แกจะไม่เสียใจอย่างนั้นเหรอ... พูดง่ายเสียจริง ฉันแก่แล้วและใกล้จะลงโลงเต็มที บางทีฉันอาจจะตายก่อนที่แกจะเสียใจ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้อายุยืนแล้วกันครับ” อี้ จิ่นหลีจ้องมองนายท่านอี้ขณะที่เขาพูดว่า “ขอให้ปู่มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อที่ปู่จะ
“แต่อะไรหรือ?” เขาถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“ฉันมีรอยแผลเป็นบนตัวเยอะมาก ดังนั้นต้องออกแบบชุดแต่งงานแบบปกปิดเท่านั้น ถ้าเกิดเปิดเผยมากเกินไป ผู้คนก็จะเห็นรอยแผลเป็นของฉันด้วย” เธอพูดด้วยความขวยเขินเขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจ “ดีแล้วที่ออกแบบชุดให้ปกปิดเอาไว้ ผมไม่ชอบชุดเจ้าสาวที่เปิดเผยมากเกินไป” มุมปากของอี้ จิ่นหลียกยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาโอบแขนไปกอดหลิง อี้หรานเอาไว้ ก่อนที่จะพูดว่า “ผมอยากเห็นชุดแต่งงานของพี่ที่ปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า พี่รู้อะไรไหม? เพราะผมเป็นเจ้าของพี่ ผมคงทนไม่ได้ ถ้าให้คนอื่นมาเห็นผิวของพี่มากเกินไป”แม้ว่าในตอนแรกเธอจะรู้สึกอับอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้เธอโล่งใจ“ขอบคุณนะจิน” เธอพึมพำ“ผมไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดปลอบโยนพี่” อี้ จิ่นหลีพูดขณะที่เขาไล่ริมฝีปากเบา ๆ บนแก้มของหลิง อี้หราน “ถึงพี่จะมีรอยแผลเป็นบนผิวหนัง แต่พี่ก็ยังสวยพอที่จะทำให้ผมหลงใหล ผมอยากจะขังพี่ไว้บนเกาะที่ห่างไกล จะได้มีแค่ผมคนเดียวที่มองเห็นพี่ได้ ผมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาพรากพี่ไปจากผม”หลิง อี้หรานหัวเราะ “ใครกันที่จะพรากฉันไปจากคุณ?”เขาเม้มปากแน่นแต่ไม่ตอบ
เธอจินตนาการได้ว่าเขาในตอนเด็กจะรู้สึกหวาดกลัวมากแค่ไหนเมื่อเขาต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ เขาต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าเขาจะมีครอบครัว แต่เขากลับไม่ได้รับความรักและต้องคอยกังวลว่าจะถูกคนอื่นมาแทนที่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นและเขาไม่สามารถที่จะ ‘อ่อนแอ’ ได้ถ้าเกิดเขา ‘อ่อนแอ’ เขาจะถูกทอดทิ้ง“มัน... เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากใช่ไหม?” หลิง อี้หรานถามด้วยเสียงพึมพำ รู้สึกสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้ยินคนอื่นพูดถึงเขา เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่เก่งกาจอย่างเขาสามารถครอบครองอะไรก็ได้ที่เขาต้องการและสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างง่ายดาย เขาเปรียบเสมือนผู้ชนะในชีวิตแต่ตอนนี้เธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชนะ ยิ่งเขารุ่งโรจน์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อมันมากขึ้นเท่านั้นเขาต้องแบกรับภาระมากมากตั้งแต่เมื่อเขายังเป็นเด็ก“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” อี้ จิ่นหลีตอบ เขาโบกมือตอบเธอเพื่อให้เธอรับรู้ว่าตอนนี้เขาสบายดีสายตาของเธอเต็มไปด้วยเงาของเขา!“ตอนนี้มันจบลงแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแทนที่ผม” อี้ จิ่นหลีตอบ ในตอนนี้เขาเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมของตัวเอง“ใช่
หลิง อี้หรานเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับชุดแต่งงานในมือ ในขณะที่ชิน เหลียนอีเข้าไปช่วยส่วนอี้ จิ่นหลีและไป๋ ทิงซินนั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกเงียบ ๆไป๋ ทิงซินมองไปที่อี้ จิ่นหลีที่อยู่ข้างหน้าเขา พูดตามตรง เขาค่อนข้างแปลกใจที่อี้ จิ่นหลีจะแต่งงานกับหลิง อี้หรานในไม่ช้านี้“ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังช่วยคุณหลิงแก้ไขคดี” ไป๋ ทิงซินริเริ่มที่จะพูดโดยพยายามหาหัวข้อสนทนากับอี้ จิ่นหลี“นายก็รู้ดีหนิ” อี้ จิ่นหลีตอบขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋ ทิงซิน“ก็เพราะว่าเหลียนอีกังวลเกี่ยวกับคดีของคุณหลิง ผมเลยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น ผมได้ยินมาว่าคุณยื่นอุทธรณ์กับสำนักงานกฎหมายที่คุณแต่งตั้ง ผู้กระทำผิดในคดีนี้คือว่าน หยวี่หมิงใช่ไหม?”อี้ จิ่นหลีหรี่ตาลงเล็กน้อยและไม่ตอบโต้อะไร ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจ้องมองทิงซินด้วยแววตาเยือกเย็น“ผมได้ตรวจสอบคดีของคุณหลิงแล้ว ถึงว่าน หยวี่หมิงจะพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยการตำหนิคุณหลิง แต่ทำไมตระกูลห่าวถึงไม่สงสัยอะไรเขาเลย ในเมื่อว่าน หยวี่หมิงลาออกทันทีหลังจากสำนวนถูกพิพาก?” ไป๋ ทิงซินพูดอี้ จิ่นหลีถามอย่างเย็นชา “นายกำลังพยายามจะพูด