หลิง อี้หรานค่อย ๆ จิบไวน์และปล่อยให้ความรู้สึกเบาสบายล้อมรอบเธออี้ จิ่นหลีคอยเติมไวน์ให้เธอทุกครั้งทีเธอดื่มจนหมดแก้ว“บางครั้งฉันก็คิดว่าโชคชะตาเล่นตลกกับฉัน” หลิง อี้หรานบ่นพลางหมุนแก้วไวน์ในมือ“พี่หมายความว่ายังไง?” เขาถาม“คุณก็รู้ ตอนนั้นหลักฐานทุกอย่างล้วนชี้มาที่ฉัน จนฉันเถียงไม่ได้ ในช่วงเวลาสามปีนั้นในคุก ฉันใช้เวลาทุกวันคิดว่าความจริงของคดีคืออะไร ใครใส่ร้ายฉันและจะเขาทำให้พยานและหลักฐานทั้งหมดชี้มาที่ฉันได้อย่างไร...”หลิง อี้หรานหัวเราะเยาะตัวเองขณะที่เธอพูด “ฉันถึงกับสงสัยทุกคนที่อยู่รอบตัวฉัน ฉันสงสัยว่ามันเป็นใครและใครที่โกรธแค้นฉันถึงขนาดนี้”คำพูดของเธอดังก้องในหูของเขา ทุกประโยคของเธอราวกับค้อนขนาดใหญ่ทุบเข้าที่หัวใจเขาอย่างแรงจนหัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าและหันไปทางเขาเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณรู้อะไรไหม จิน? ฉันคิดมาตลอดเลยว่า... คนที่ต้องการใส่ร้ายฉันคือคนที่ต่อต้านฉัน เขาไม่ได้ต่อต้านห่าว เหมยยวี่ เขาทำลายชีวิตฉันต่างหาก โดยกลัวการที่จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ!”สามปีในคุกเป็นเหมือนฝันร้ายที่ยาวนาน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้รับบาดเ
เขาเตรียมอาหารและป้อนให้เธออย่างระมัดระวังหากใครมาเห็นอี้ จิ่นหลีในตอนนี้ พวกเขาคงจะอ้าปากค้าง ผู้ชายอย่างอี้ จิ่นหลีเคยทำแบบนี้เพื่อใครที่ไหน?คนในบาร์ต่างมองดูเหตุการณ์เหล่านี้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวช่วงเวลาได้ลุล่วงไป ทำให้คนเริ่มทยอยเข้ามาในบาร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนจำนวนมากต่างมองดูอี้ จิ่นหลีและหลิง อี้หรานอี้ จิ่นหลีดูดีมากในบาร์แห่งนี้ เขากลายเป็นหนุ่มสุดฮอตที่ผู้หญิงต้องการเข้าหาผู้หญิงจำนวนมากเริ่มตกหลุมรักเขา เมื่อพวกเธอเห็นอี้ จิ่นหลีกำลังป้อนอาหารให้หลิง อี้หรานอย่างระมัดระวัง ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการถูกป้อนอาหารจากผู้ชายที่ดูแลคุณราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าของเขาแม้ว่าอี้ จิ่นหลีจะมีหลิง อี้หรานอยู่เคียงข้างเขา แต่ผู้หญิงหลายคนก็ยังอยากที่จะลองเชิงกับเขาและทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นได้ในบาร์แห่งนี้ครู่ต่อมา หญิงงามในชุดรัดรูปก็เดินเข้ามา เธอส่งยิ้มหวานให้อี้ จิ่นหลีและพูดว่า “ขอฉันนั่งตรงนี้ด้วยคนได้ไหมคะ? วันนี้ฉันอยู่คนเดียว” ขณะที่เธอพูดขณะขยิบตาให้อี้ จิ่นหลี เธอพบว่าเขาหล่อมากเมื่อจ้องมองเขาใกล้ ๆถ้าเป็นเขา เธอก็เต็มใจยอม แม้จะเป็นแค่คู่นอนชั่วคราว!แต่อี้ จิ่นหลี
ผู้หญิงคนนั้นคิดในใจ เธอกลัวผู้ชายคนนี้ เพราะฉะนั้นเธอจึงอยากที่จะรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ในบาร์นี้มีเหยื่อรอเธออยู่มากมาย!“ฉัน... ฉันคิดว่าฉันควรไปได้แล้ว...” หญิงสาวยิ้มอย่างเชื่องช้าและก้าวขากำลังจะเดินจากไป“เดี๋ยว...” หลิง อี้หรานพูดออกมา เธอดูหงุดหงิดเล็กน้อย‘เดี๋ยว? ฉันต้องรออะไรอีกล่ะเนี่ย?!’ ผู้หญิงคนนั้นก้าวออกไป โดยไม่มีท่าทีจะหยุดจากนั้นเสียงที่เย็นชาของอี้ จิ่นหลีก็ดังขึ้น “รอสักครู่”‘ห๊ะ?’ ผู้หญิงคนนั้นตกตะลึง แต่ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เธอกลับถูกชายร่างใหญ่สองคนหยุดเธอไว้ เธอถูกบังคับให้กลับไปที่โต๊ะผู้หญิงคนนั้นเริ่มคิดเสียใจ ทำไมเธอต้องเข้ามาหาเขาด้วย? เมื่อมองดูจากเหตุการณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนประเภทที่ควรเข้าไปยุ่งด้วย‘ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันทีหลังล่ะ!’“ก็... งั้นเรามาคุยกันเถอะ ถ้าฉันพูดอะไรผิดหรือทำอะไรผิดไป ฉัน... ฉันต้องขอโทษคุณทั้งคู่จริง ๆ ค่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาอย่างสุภาพอี้ จิ่นหลีไม่สนใจเธอและมองไปที่หลิง อี้หราน เขาพูดว่า “เธอกลับมาแล้ว”หน้าตาที่เย้ายวนนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อผู้ห
“ผู้ชายคนนี้เป็นของฉันจริง ๆ เหรอ?”เธอเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัวจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเขาพูดว่า “ใช่ ผมเป็นของพี่”เสียงไพเราะดังก้องขึ้นราวกับเป็นเสียงตอบรับจากสรวงสวรรค์เธอยกตัวขึ้นและประกบเข้ากับริมฝีปากของเขาอย่างเชื่องช้า ‘ถ้าเขาเป็นของฉันล่ะก็... ฉันจะจูบเขาที่ไหนก็ได้!’...ผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ในบาร์ เธอดูมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ‘ใครวะ... ผู้ชายคนนั้น? เขาดูต่างออกไป แถมยังมีบอดี้การ์ดคอยปกป้องเขาอีก’ ผู้ชายที่ชื่อจินออกไปจากบาร์ขณะที่อุ้มหญิงขี้เมาไว้ในอ้อมแขน เธอก็เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือที่เขาสวมอยู่ เป็นนาฬิการุ่นหายากของแบรนด์ดังที่เธอเคยเห็นบนอินเทอร์เน็ตมาก่อนนาฬิกาเรือนนั้นมีเพียงสามเรือนในโลกและมีราคาหลายร้อยล้านดอลลาร์!แต่บางทีเธออาจจะคิดผิด ผู้ชายคนนั้นอาจจะใส่ของปลอมก็ได้‘แต่... ถ้าผู้ชายคนนั้นใส่ของจริงล่ะ?’ หัวใจของหญิงสาวกระตุกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้‘ถ้าผู้ชายที่ชื่อจินใช้นาฬิกามูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญล่ะก็... เขาเป็นคนแบบไหนกันนะ?’‘เขา... เป็นใคร?’อี้ จิ่นหลีขึ้นรถมาพร้อมกับหลิง อี้หรานในอ้อมแขนของเขา ตอนนี้เธอหน้าแดง เธอดูมึนเมาอย่างเห็น
จูบของพวกเขาเริ่มหนักหน่วงขึ้น เธอเป็นเหมือนเด็กซน เธอจูบเขาขณะที่มือของเธอกำลังเล่นซุกซนอยู่กับร่างกายของเขาอี้ จิ่นหลีรู้สึกเหมือนเขากำลังสูญเสียการควบคุมทันใดนั้น เขาก็คว้ามือเธอไว้และพูดขึ้น “พอ... พอแล้ว... อี้หราน”ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาอาจจะได้ทำกับเธอในรถหลิง อี้หรานกระพริบตาราวกับเด็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน‘พอแล้ว? ทำไมฉันถึงคิดว่ามันยังไม่พอล่ะ... ยังไม่พอ?’‘ฉันต้องการเขา! ฉันอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เวลาที่ได้อยู่กับเขา ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร!’“จิน...” เธอพึมพำ พร้อมกับยกมือสัมผัสแก้มของเขา เธอพยายามจ้องจดจ่ออยู่ที่เขาด้วยสายตาพร่ามัว “คุณ... อึก... ดูดีมาก" เธอพึมพำและสะอึกระหว่างพูดคิ้วและดวงตาที่งดงามนั้นดูราวกับภาพวาดของศิลปินชื่อดัง ‘ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนฉันจริง ๆ เหรอ? เขา... จะแต่งงานกับฉันเหรอ?’“ฉันเคยเห็นรูปถ่ายของ... ห่าว เหมยยวี่ เธอสวยจัง... คุณกับเธอ... ดูเข้ากันได้ดี ในข่าวมักจะบอกว่าพวกคุณ… เป็นคู่รักกิ่งทองใบหยก...” เธอ พึมพำต่อไปว่า “คุณ... คุณรักเธอไหม... ทำไม... คุณไม่ตามหาความจริงในตอนนั้น... ตอนที่เธอเสียชีวิต...”คำพู
“ยกโทษให้ผมได้ไหม อี้หราน ยกโทษให้ผมไม่ว่าจะเกิดอะไร ได้ไหม?”เขาทำได้เพียงอ้อนวอนตอนเธอหลับ เพราะเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอเมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเสร็จแล้ว เขาก็ห่มผ้าให้เธอ และกำลังจะลุกขึ้น แต่มือของเธอกลับเอื้อมมาจับแขนเสื้อของเขาไว้ จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น “ฉันยกโทษให้ จิน...”เขาตกใจและเขามองดูเธอด้วยความประหลาดใจ ‘เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังพูดอะไร?’มุมปากของเธอยกขึ้นราวกับว่าเธอกำลังยิ้มและดวงตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้ก่อนหน้านี้ มันสร้างประหลาดใจให้กับเขา “ฉัน... ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงขอให้ฉันยกโทษให้คุณ แต่ฉันจะให้อภัยคุณ ฉันจะยกโทษให้คุณ... เพราะ... คุณคือจิน...”เมื่อพูดจบ เธอก็หลับตาลงและผล็อยหลับไปอีกครั้งอี้ จิ่นหลีจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบหน้าผากของเธอ“ใช่ ผมคือจิน จินของพี่...” เขาพึมพำ ‘แม้ว่า... พี่จะไม่ยกโทษให้ผม ผมก็จะไม่มีวันปล่อยพี่ไป!’เพราะเธอคือคนสำคัญสำหรับเขา...หลิง อี้หรานตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นด้วยศีรษะที่หนักอึ้ง‘เพราะฉันดื่มมากเกินไปสินะ!’ เธอหลับตาลงและนวดขมับของตัวเอง“พี่ปวดหัวหรือเปล่า?” เสียงหนึ่งด
เธอรีบบ้วนปากแล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ “จริงเหรอ?”“พี่คิดว่าผมโกหกเหรอ?” เขาถามเธอลังเลและพยายามจำสิ่งที่เกิดขึ้นในบาร์เมื่อวานนี้ ‘ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นจะสนใจเขา’‘จากนั้นฉันก็โกรธเพราะฉันไม่ชอบผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาหาเขาแบบนั้น ฉันเลย... อืม... ฉันจำไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก’เธอกลัวว่าเธอทำอย่างนั้นจริง ๆ“ผมมีความสุข เพราะผมไม่เคยเห็นมีแสดงความเป็นเจ้าของของผมบ่อย ๆ ผมชอบที่พี่บอกกับผู้หญิงคนอื่นว่าผมเป็นของพี่” อี้ จิ่นหลีกล่าวมุมปากของเขายกยิ้มขึ้น แม้ดวงตาของเขาก็ยังกลายเป็นรูปสระอิหลิง อี้หรานจ้องมองรอยยิ้มของเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายหลังจากอาบน้ำเสร็จ หลิง อี้หรานรู้สึกสบายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอทานซุปแก้เมาค้างอี้ จิ่นหลีหันไปหาหลิง อี้หรานและพูดว่า “ผมจะขอให้เกา ฉงหมิงเชิญนักออกแบบชุดสองคนมาในวันนี้เพื่อออกแบบชุดแต่งงาน พี่จะได้ดูว่าพี่ชอบนักออกแบบคนไหนมากที่สุด”หลิง อี้หรานเกือบสำลัก‘เวลาที่คนเราแต่งงานกัน พวกเขาจะเลือกชุดแต่งงาน แต่ฉัน... กลับได้เลือกนักออกแบบชุดก่อน’เกา ฉงหมิงมาถึงในตอนบ่ายพร้อมกับหนังส
เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เพราะนายท่านที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตของเขาแต่ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ เพราะนายท่านแก่ตัวลงไปมากแล้วพวกเขาเป็นเพียงปู่และหลานชาย แม้จะมีสีสายเลือดเดียวกัน แต่พวกเขากลับไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น“ผมจะแต่งงานกับหลิง อี้หราน” เสียงเยือกเย็นทำลายความเงียบในห้อง “แต่งงานเหรอ?” นายท่านอี้หัวเราะ “ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับตระกูลอี้”“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ว่าเธอสมควรได้รับมันหรือไม่” อี้ จิ่นหลีพูดอย่างเย็นชานายท่านอี้คำราม “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังช่วยผู้หญิงคนนั้นแก้ไขคดีอย่างนั้นเหรอ?”อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่านายท่านรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ เป็นอย่างดี“ผู้หญิงคนนั้นรู้ไหมว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเธอ?” นายท่านอี้ถามใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “ผมบอกแล้วไงว่าเธอจะไม่มีวันรู้”“ถ้าฉันบอกเธอล่ะ? ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยังเต็มใจแต่งงานกับแกอยู่หรือเปล่าหลังจากที่เธอรู้ความจริง แต่ถ้าเธอชอบเงิน เธอก็คงจะแต่งงานกับ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค