“เธอรู้จักเขาดีพอหรือเปล่า?” ชิน เหลียนอีถาม“ประมาณนั้น ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับตระกูล อาชีพ ชีวิตและบุคลิกภาพของเขา แถมฉันยังอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์อี้มาระยะหนึ่งแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าว“แล้วด้านมืดของเขาล่ะ?” ชิน เหลียนอีโพล่งออกมาหลิง อี้หรานมองเพื่อนของเธอด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ชิน เหลียนอีทำตัวไม่ถูก “ฉันหมายถึงว่า เขาคืออี้ จิ่นหลี คนมักจะพูดกันว่าเขาโหดเหี้ยมและถ้าใครทำให้เขาขุ่นเคือง ก็จะไม่จบลงด้วยดีไม่ใช่เหรอ?”หลิง อี้หรานหลับตาลงเล็กน้อย เธอรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอหมายถึงอะไรใน เหมือนตอนที่เธออยู่ในคุก หลายคนเลือกทำลายเธอเพราะอี้ จิ่นหลีอย่างไรก็ตาม... “เหลียนอี ถ้าเธอไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เธอจะไม่มีทางรู้ว่าอนาคตของเธอจะเป็นยังไง ฉันต้องการทำแบบนั้นเพราะฉันคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้จะรักฉันมากไปกว่าเขาอีกแล้ว” หลิง อี้หรานกล่าวขณะที่เธอมองไปที่ชิน เหลียนอีหัวใจของชิน เหลียนอีสั่นสะท้านเมื่อเธอมาไปที่เพื่อนสนิทของเธอ ทั้งสองรู้จักกันมาหลายปี เธอรู้ว่าอี้หรานต้องการมีครอบครัวมากแค่ไหนนั่นคือสิ่งที่ผู้คนเป็น ยิ่งพวกเขาขาดอะไรไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งต้องการมันมากขึ้นเท
เขาน่าจะกอดเธอไว้ให้แน่นตั้งแต่แรก!“เฮ้ ทำไมนายมาดื่มคนเดียวล่ะ?” เสียงของเย่ ฉงเว่ยดังขึ้นขัดจังหวะกู้ ลี่เฉิน “นายมาที่นี่ไม่บ่อย ดื่มคนเดียวไม่น่าเบื่อเหรอ?”‘น่าเบื่อเหรอ?’กู้ ลี่เฉินหมุนแก้วในมือและเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขาเหตุผลเดียวที่เขาตกลงเข้าร่วมงานของเย่ ฉงเว่ยในวันนี้เพราะเขาต้องการขจัดความเครียดของเขาแต่เขากลับพบว่ามันมีค่าเท่าเดิมเขาเอาแต่นึกถึงหลิง อี้หรานและไม่สามารถเอาเธอออกจากหัวได้“ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่านายกับจิ่นหลีทะเลาะกันเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” เย่ ฉงเว่ยถามกู้ ลี่เฉินหันไปมองเพื่อนสนิทขณะที่ยิ้มมุมปาก “นายก็รู้อยู่แล้วหนิ”เย่ ฉงเว่ยตกตะลึง “จริงดิ?” เขาได้ยินข่าวโครมลอยแต่มันกลับกลายเป็นเรื่องจริง “นายทะเลาะกับจิ่นหลีได้ยังไง?”พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เย่ ฉงเว่ยคิดมาตลอดว่าบุคคลที่จะมีปัญหากันน้อยสุดคืออี้ จิ่นหลีกับกู้ ลี่เฉินผู้ชายทั้งสองคนนี้ต่างมีเหตุผลและชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของทุกสิ่งอย่าง อี้ จิ่นหลีไม่เคยแยแสกับอะไร แน่นอนว่านั่นคือก่อนที่เขาได้พบกับหลิง อี้หราน เย่ ฉงเว่ยสังเกตได้ว่าเขาห่วงใยผู้หญิงคนนั้นมากสำหรับลี่เฉิน ใน
‘เกิดอะไรขึ้น?’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลี่เฉินแสดงอาการวิตกกังวลและประหม่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง และ... รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!‘หลิง อี้หรานเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?’เขาคิดว่ามันเป็นแค่ความขัดแย้งที่โง่เขลา แม้ว่าจะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งก็ตามตอนนี้... เขารู้สึกถึงความกังวลที่คลุมเครือ ถ้าสองคนนี้ทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงผู้หญิงจริง ๆ... เมืองเฉินก็คงจะถล่มลงมาราวกับสายฟ้าฟาด!‘เดี๋ยวนะ! แล้วลี่เฉินไม่ตามหาเจ้าของสร้อยข้อมือแล้วเหรอ?’‘เว้นแต่ว่า…’ เย่ ฉงเว่ยรู้สึกกลัวที่สันนิฐานเรื่องนี้ข้อสันนิฐานในใจเขา จุดประกายขึ้นจนเขารู้สึกกลัว!...กู้ ลี่เฉินขับรถไปที่ร้านอาหาร‘แต่งงาน? เธอจะแต่งงานกับอี้ จิ่นหลีจริง ๆ หรือเปล่า?’ก่อนที่เขาจะค้นพบความจริง... ไม่ ไม่มีวัน เขาจะไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับอี้ จิ่นหลี!เขาตามหาเธอมาหลายปี น้ำเสียงและใบหน้าของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขา แล้วเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?กู้ ลี่เฉินกำพวงมาลัยแน่น...อีกด้านหนึ่งในร้านอาหาร หลิง อี้หรานพูดคุยกับโจว เชียนหยุนอย่างเขินอายว่าเธอกำลังจะออกจากงานหลังจากนี้อีกไม่นานเพราะถ้าหากจะแต่งงานกัน
เธอรับไม่ได้ เธอไม่สามารถสูญเสียอาหยันน้อยไปได้ อาหยันน้อยเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมีชีวิตอยู่!หลิง อี้หรานรู้ว่าเธอไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ดังนั้นเธอจึงพูดเพียงว่า “เมื่อไหร่ที่พี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน พี่บอกฉันได้เสมอนะคะ”“ขอบใจนะ!” โจว เชียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริง เธอช่วยฉันมามากพอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ อาหยันน้อยอาจจะไม่สามารถ…”ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็บุกเข้ามาในร้านอาหาร ขัดจังหวะการสนทนาของโจว เชียนหยุนกู้ ลี่เฉินวิ่งหอบเข้ามา ดวงตาของโจว เชียนหยุนและหลิง อี้หรานเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาคว้าแขนหลิง อี้หรานและถามว่า “คุณกำลังจะแต่งงานกับอี้ จิ่นหลีเหรอ?”หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอยังไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะชน เธอพูดเรื่องนี้กับเหลียนอีและพี่โจวเท่านั้น“ค่ะ” เธอตอบตกลง“ทำไม?”“เพราะฉันรักเขาและเขาก็รักฉัน มันยังไม่สำคัญพอที่เราจะแต่งงานกันเหรอ?” เธอจ้องมองเขาด้วยท่าทีนิ่งเฉยและพูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันค่ะ คุณกู้!”โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วและใกล้จะปิดร้าน จึงมีลูกค้าเพียงไม่กี่คนในร้าน มิเช่นนั้นอาจเกิดการรบกวนลูกค้าขึ้นอีก“คุณรักเข
“คุณเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น คุณกู้ ถึงคุณจะไม่ได้เข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น มันก็ไม่ต่างกันเลย เพราะคนที่ฉันรักคือจิ่นหลีและเขาก็เป็นคนที่ฉันอยากแต่งงานด้วย ฉันจะไม่มีวันมีความรู้สึกอะไรกับคุณ” หลิง อี้หรานกล่าวเธอพูดออกมาอย่างเลือดเย็น ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อ หลิง อี้หรานใช้โอกาสนี้ดึงแขนของเธอออกจากมือของเขา “ฉันหวังว่าคุณจะไม่มาถามหาเรื่องนี้กับฉันอีกในอนาคต ไม่ว่าฉันจะเป็นเธอหรือไม่ก็ตาม”ด้วยเหตุนี้ หลิง อี้หรานจึงหันไปมองโจว เชียนหยุนและพูดว่า “ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ พี่โจว”“ได้สิ” โจว เชียนหยุนตอบหลิง อี้หรานเดินออกมาจากร้านอาหาร แต่กู้ ลี่เฉินยังคงยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่จ้องมองมือของเขาอย่างว่างเปล่าว่างเปล่า!‘มันไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลยว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้น’‘ทำไมล่ะ? ทำไม?’ กู้ ลี่เฉินค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมาและกำหมัดแน่น เขาจิกเล็บแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือของตัวเองโจว เชียนหยุนจ้องมองกู้ ลี่เฉินด้วยใบหน้าตกใจใบหน้าของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงดูโศกเศร้าและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับว่าเขาสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไป!…“นายรู้อะไรไหม? ฉันรู้ส
‘เกิดอะไรขึ้น?’ สิ่งที่เด็กคนนั้นพูดในความฝันของเธอคล้ายกับที่ประโยคที่กู้ ลี่เฉินพูดกับเธอก่อนหน้า‘เป็นเพราะฉันเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาฝันหรือเปล่า?’หลิง อี้หรานขมวดคิ้วกับความคิดนี้และรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง“ทำไม? พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของอี้ จิ่นหลีดังขึ้น“ไม่มีอะไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย” เธอตอบเขายกมือขึ้น เอาปลายนิ้วของเขานวดเบา ๆ บนหน้าผากและขมับของเธอ การนวดของเขา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ดีขึ้นไหม?” เขาถาม“อืม ดีขึ้น” เธอตอบพร้อมกับพยักหน้า“ทำไมพรุ่งนี้ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายดูล่ะ? เราจะได้หาสาเหตุของอาการปวดหัว” อี้ จิ่น หลีถาม“ไม่ล่ะ ขอบคุณ อาการปวดหัวของฉันคงเป็นเพราะเรื่องที่ฉันฝันถึง น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่ก็ ลี่เฉินพูด” หลิง อี้หรานตอบอี้ จิ่นหลีหยุดนวดทันที “พี่พูดว่าอะไรนะ? กู้ ลี่เฉินพูดอะไร?”“วันนี้เขามาที่ร้านอาหาร เขายังคิดว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาและพูดจาแปลก ๆ ใส่ฉัน… ฉันเลยฝันถึง ฉันฝันถึงเด็กสองคนพูดคุยกันแบบเดียวกับที่กู้ ลี่เฉินพูดกับฉันในวันนี้” หลิง อี้หรานอธิบายใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “พี่ฝันเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”หลิง อี้
“อือ” เธอตอบรับแล้วหลับตาลงช้า ๆ พร้อมกับเรียวนิ้วยาวที่นวดลงบนศีรษะของเธอ“แต่จิน... ดูเหมือนกู้ ลี่เฉินจะสนใจผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ นะ” หลิง อี้หรานพึมพำ เธอเคยคิดว่ากู้ ลี่เฉินเป็นคนเจ้าชู้ แต่การที่ชายคนนี้ยืนกรานที่จะตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เธอตกตะลึงเล็กน้อยเขากำลังตามหาเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาเคยเจอเธอเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ถ้าเขาเจอผู้หญิงคนนั้นตอนที่เขายังเป็นเด็ก แสดงว่าเขาตามหาคนคนนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? สิบปี? หรือยี่สิบปี?เขาใช้เวลาอยู่นานในการตามหาใครสักคน… นี่คือความพยายามที่หลายคนไม่มี“เขาตามหาเธอมานานมากแล้ว คุณคิดว่าเขาจะเจอเธอไหม?” หลิง อี้หรานถาม“แล้วพี่อยากให้เขาหาเธอเจอไหม?” เขาถาม“ฉันหวังว่าเขาจะหาเธอเจอ เขาจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดว่าฉันเป็นเธออีกต่อไป” เธอตอบเธอหลับตาลงและไม่ทันได้เห็นความโศกเศร้าในดวงตาของอี้ จิ่นหลีเข้าใจผิด? ไม่ กู้ ลี่เฉินไม่ได้เข้าใจผิด! แต่... เขาจะทำให้กู้ ลี่เฉินคิดว่าตัวเองคิดผิด! อี้หรานต้องเป็นของเขาเท่านั้น เขาจะไม่ยอมยกอี้หรานให้ใคร!“ลองคิดดูแล้ว น่าสงสารที่เขาต้องคอยหาตัวสำรองอยู่เรื่อย” หลิง อี้หรานค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมอง
เธอจำได้ว่ามันถูกขายไปในราคาหลายร้อยล้านเหรียญและพูดติดตลกว่าใครจะได้สวมเพชรราคาแพงเช่นนี้แต่เพชรเม็ดนี้กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง“นี่คือ… Frozen Heart เหรอ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ“พี่เคยเห็นมันมาก่อนเหรอ?” เขาแปลกใจเล็กน้อย“ใช่” เธอพยักหน้า“ผมจะใช้เพชรเม็ดนี้สำหรับแหวนแต่งงานของพี่ พี่ลองดูว่าพี่ชอบเซ็ตแหวนแบบไหนหรือจะให้นักออกแบบออกแบบตามที่พี่ต้องการก็ได้” อี้ จิ่นหลีกล่าว‘แหวนแต่งงาน?’ หลิง อี้หรานกระพริบตาด้วยความประหลาดใจเพชรที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญกำลังถูกออกแบบเป็นแหวนแต่งงานของเธอ? หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอฝันไป“ไม่ชอบเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมจะลองดูว่ามีเพชรเม็ดอื่นที่เหมาะสมอีกไหม เผื่อพี่จะชอบเพชรเม็ดอื่น”“ไม่ใช่!” เธอปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบ มันเป็นแค่... “เพชรเม็ดนี้ราคาแพงเกินไป คุณจะใช้มันทำแหวนแต่งงานจริง ๆ เหรอ?”“งั้นจะใช้ทำอะไรอีกล่ะ?” เขาหัวเราะพรืด ท่าทางของเธอดูน่ารัก “จะใช้เป็นสร้อยคอก็ได้นะ ส่วนราคา...”เขาหยุดและจับมือขวาของเธอไว้ จากนั้นโน้มตัวลงเล็กน้อพลางจูบลงบนนิ้วนางของเธอที่ “ต่อให้แหวนร
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค