“คุณเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น คุณกู้ ถึงคุณจะไม่ได้เข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น มันก็ไม่ต่างกันเลย เพราะคนที่ฉันรักคือจิ่นหลีและเขาก็เป็นคนที่ฉันอยากแต่งงานด้วย ฉันจะไม่มีวันมีความรู้สึกอะไรกับคุณ” หลิง อี้หรานกล่าวเธอพูดออกมาอย่างเลือดเย็น ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อ หลิง อี้หรานใช้โอกาสนี้ดึงแขนของเธอออกจากมือของเขา “ฉันหวังว่าคุณจะไม่มาถามหาเรื่องนี้กับฉันอีกในอนาคต ไม่ว่าฉันจะเป็นเธอหรือไม่ก็ตาม”ด้วยเหตุนี้ หลิง อี้หรานจึงหันไปมองโจว เชียนหยุนและพูดว่า “ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ พี่โจว”“ได้สิ” โจว เชียนหยุนตอบหลิง อี้หรานเดินออกมาจากร้านอาหาร แต่กู้ ลี่เฉินยังคงยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่จ้องมองมือของเขาอย่างว่างเปล่าว่างเปล่า!‘มันไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลยว่าเธอจะใช่หรือไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้น’‘ทำไมล่ะ? ทำไม?’ กู้ ลี่เฉินค่อย ๆ ดึงมือตัวเองกลับมาและกำหมัดแน่น เขาจิกเล็บแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือของตัวเองโจว เชียนหยุนจ้องมองกู้ ลี่เฉินด้วยใบหน้าตกใจใบหน้าของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงดูโศกเศร้าและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวกับว่าเขาสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาไป!…“นายรู้อะไรไหม? ฉันรู้ส
‘เกิดอะไรขึ้น?’ สิ่งที่เด็กคนนั้นพูดในความฝันของเธอคล้ายกับที่ประโยคที่กู้ ลี่เฉินพูดกับเธอก่อนหน้า‘เป็นเพราะฉันเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาฝันหรือเปล่า?’หลิง อี้หรานขมวดคิ้วกับความคิดนี้และรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง“ทำไม? พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของอี้ จิ่นหลีดังขึ้น“ไม่มีอะไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย” เธอตอบเขายกมือขึ้น เอาปลายนิ้วของเขานวดเบา ๆ บนหน้าผากและขมับของเธอ การนวดของเขา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ดีขึ้นไหม?” เขาถาม“อืม ดีขึ้น” เธอตอบพร้อมกับพยักหน้า“ทำไมพรุ่งนี้ไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายดูล่ะ? เราจะได้หาสาเหตุของอาการปวดหัว” อี้ จิ่น หลีถาม“ไม่ล่ะ ขอบคุณ อาการปวดหัวของฉันคงเป็นเพราะเรื่องที่ฉันฝันถึง น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่ก็ ลี่เฉินพูด” หลิง อี้หรานตอบอี้ จิ่นหลีหยุดนวดทันที “พี่พูดว่าอะไรนะ? กู้ ลี่เฉินพูดอะไร?”“วันนี้เขามาที่ร้านอาหาร เขายังคิดว่าฉันเป็นคนที่เขาตามหาและพูดจาแปลก ๆ ใส่ฉัน… ฉันเลยฝันถึง ฉันฝันถึงเด็กสองคนพูดคุยกันแบบเดียวกับที่กู้ ลี่เฉินพูดกับฉันในวันนี้” หลิง อี้หรานอธิบายใบหน้าของอี้ จิ่นหลีหม่นหมองลง “พี่ฝันเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”หลิง อี้
“อือ” เธอตอบรับแล้วหลับตาลงช้า ๆ พร้อมกับเรียวนิ้วยาวที่นวดลงบนศีรษะของเธอ“แต่จิน... ดูเหมือนกู้ ลี่เฉินจะสนใจผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ นะ” หลิง อี้หรานพึมพำ เธอเคยคิดว่ากู้ ลี่เฉินเป็นคนเจ้าชู้ แต่การที่ชายคนนี้ยืนกรานที่จะตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เธอตกตะลึงเล็กน้อยเขากำลังตามหาเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาเคยเจอเธอเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ถ้าเขาเจอผู้หญิงคนนั้นตอนที่เขายังเป็นเด็ก แสดงว่าเขาตามหาคนคนนี้มานานเท่าไหร่แล้ว? สิบปี? หรือยี่สิบปี?เขาใช้เวลาอยู่นานในการตามหาใครสักคน… นี่คือความพยายามที่หลายคนไม่มี“เขาตามหาเธอมานานมากแล้ว คุณคิดว่าเขาจะเจอเธอไหม?” หลิง อี้หรานถาม“แล้วพี่อยากให้เขาหาเธอเจอไหม?” เขาถาม“ฉันหวังว่าเขาจะหาเธอเจอ เขาจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดว่าฉันเป็นเธออีกต่อไป” เธอตอบเธอหลับตาลงและไม่ทันได้เห็นความโศกเศร้าในดวงตาของอี้ จิ่นหลีเข้าใจผิด? ไม่ กู้ ลี่เฉินไม่ได้เข้าใจผิด! แต่... เขาจะทำให้กู้ ลี่เฉินคิดว่าตัวเองคิดผิด! อี้หรานต้องเป็นของเขาเท่านั้น เขาจะไม่ยอมยกอี้หรานให้ใคร!“ลองคิดดูแล้ว น่าสงสารที่เขาต้องคอยหาตัวสำรองอยู่เรื่อย” หลิง อี้หรานค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมอง
เธอจำได้ว่ามันถูกขายไปในราคาหลายร้อยล้านเหรียญและพูดติดตลกว่าใครจะได้สวมเพชรราคาแพงเช่นนี้แต่เพชรเม็ดนี้กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง“นี่คือ… Frozen Heart เหรอ?” เธอถามด้วยความประหลาดใจ“พี่เคยเห็นมันมาก่อนเหรอ?” เขาแปลกใจเล็กน้อย“ใช่” เธอพยักหน้า“ผมจะใช้เพชรเม็ดนี้สำหรับแหวนแต่งงานของพี่ พี่ลองดูว่าพี่ชอบเซ็ตแหวนแบบไหนหรือจะให้นักออกแบบออกแบบตามที่พี่ต้องการก็ได้” อี้ จิ่นหลีกล่าว‘แหวนแต่งงาน?’ หลิง อี้หรานกระพริบตาด้วยความประหลาดใจเพชรที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญกำลังถูกออกแบบเป็นแหวนแต่งงานของเธอ? หลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอฝันไป“ไม่ชอบเหรอ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมจะลองดูว่ามีเพชรเม็ดอื่นที่เหมาะสมอีกไหม เผื่อพี่จะชอบเพชรเม็ดอื่น”“ไม่ใช่!” เธอปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบ มันเป็นแค่... “เพชรเม็ดนี้ราคาแพงเกินไป คุณจะใช้มันทำแหวนแต่งงานจริง ๆ เหรอ?”“งั้นจะใช้ทำอะไรอีกล่ะ?” เขาหัวเราะพรืด ท่าทางของเธอดูน่ารัก “จะใช้เป็นสร้อยคอก็ได้นะ ส่วนราคา...”เขาหยุดและจับมือขวาของเธอไว้ จากนั้นโน้มตัวลงเล็กน้อพลางจูบลงบนนิ้วนางของเธอที่ “ต่อให้แหวนร
ทุกสิ่งเป็นไปได้เพราะเขา“พี่ไม่อยากให้คดีพลิกเหรอ? ทำไมถึงเงียบไปล่ะ?” เขาถามเธอเพื่อทำลายความเงียบ“หลักฐานพวกนั้น… เพียงพอที่จะใช้พลิกคดีจริงเหรอ? พวกเขาสามารถ… ให้ความจริงกับฉันได้ใช่ไหม?” หลิง อี้หรานพึมพำความจริง... ดวงตาของอี้ จิ่นหลีกะพริบเล็กน้อย “ใช่ ไม่มีปัญหา เชื่อผมสิ!”น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองของเธอ เธอก็สะอื้นแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะจิน!”เขารู้สึกสับสนไปชั่วขณะ แล้วจึงรีบหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาของเธอ “อย่าร้องไห้สิ ผมไม่ได้ช่วยพี่หาหลักฐานมาพลิกคดีเพื่อเห็นพี่ร้องไห้นะ”น้ำตาของเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของเขาแต่เธอกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม ราวกับว่าความทุกข์ทรมานหลายปีที่ผ่านมาได้ถูกปลดปล่อยออกมาในขณะนี้หลิง อี้หรานกอดเขาแน่นในอ้อมแขนของเธอและร้องไห้เสียงดัง“ฮึก... ฮือ... ฮืออออ...” เธอร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศกและความเจ็บปวด บัดนี้เธอได้ปลดปล่อยมันออกมา!อี้ จิ่นหลีก้มศีรษะลงมองดูคนที่อยู่ในอ้อมแขน เขารู้สึกว่าเสื้อของเขาค่อย ๆ เปียกปอนไปด้วยน้ำตาของเธอหัวใจที่เจ็บปวดของเขากำลังเต้นแรงเขาสามารถล้างมลทินให้เธอได้ แต่ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนและมีเงินมากเ
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ การที่คุณมาช่วยฉันพลิกคดีนั่นเป็นเรื่องที่ดี ฉันร้องไห้เพราะเรื่องนี้มันหนักอึ้งในใจของฉันมายาวนานจนตอนนี้ฉันรับรู้ว่าฉันสามารถย้อนคดีได้ ฉันเลยดีใจจนควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้” เธอกล่าวริมฝีปากบางของเขาเม้มเข้าหากัน จากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอี้หรานไม่รู้ว่าเขากำลังขอโทษอะไร‘ผมขอโทษ’ เพราะเขาไม่แยแสเธอในตอนนั้น ทำให้เธอต้องทนทุกข์กับประสบการณ์ที่เลวร้ายและทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดที่เขาจะทำได้คือล้างมลทินให้เธอแต่เธอจะไม่มีทางรู้ความจริงที่เธอต้องการจะรู้!อี้ จิ่นหลีกอดหลิง อี้หรานไว้แน่น......วันรุ่งขึ้น หลิง อี้หรานลาพักงานและไปที่สำนักงานกฎหมายกับอี้ จิ่นหลี เพราะนี่เป็นคดีความของเธอ เธอจึงรู้สึกประหม่าเป็นพิเศษเธอประหลาดใจที่อี้ จิ่นหลีเลือกสำนักงานกฎหมายที่เธอเคยทำงานมาก่อนหลิง อี้หรานจ้องมองอี้ จิ่นหลีด้วยความประหลาดใจ ‘นี่... ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ’“ผมรู้ว่าพี่เคยทำงานที่นี่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนร่วมงานบางคนของพี่พากันหัวเราะเยาะพี่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเลือกที่นี่ ผมจะช่วยให้พี่ได้รับศักดิ์ศรีที่เสียไปกล
เมื่อหลิง อี้หรานล้างมือเสร็จ เธอก็เหลือบเห็นร่างหนึ่งเข้ามาพวกเขาต่างตกใจกันและคนคนนั้นก็ถามเธอว่า “อะไรหอบเธอมาที่นี่ หลิง อี้หราน?”หลิง อี้หรานไม่คาดคิดว่าเธอจะได้เจอกวาน ลี่หลี่ที่นี่ ปกติเธอจะเห็นลี่หลี่สวมชุดสูทที่เป็นทางการแต่ตอนนี้เธอกลับแต่งตัวเหมือนคนทำความสะอาดในอาคาร“ทำไม? ฉันจะมาที่นี่ไม่ได้เหรอ?” หลิง อี้หรานถามอย่างเย็นชาหลิง อี้หรานรู้สึกรังเกียจกวาน ลี่หลี่ หลังจากที่ลี่หลี่ใช้คดีความของเธอเป็นกรณีศึกษาสำหรับทนายมือใหม่ในบริษัทแม้ว่าคนอื่นจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เธอสัมผัสได้ว่าลี่หลี่มีเจตนาไม่ดีกวาน ลี่หลี่จ้องมองหลิง อี้หรานด้วยสายตาเกลียดชัง ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวตลกในบริษัท ในฐานะทนายความ เธอถูกบังคับให้ทำความสะอาดห้องน้ำ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลิง อี้หรานใครจะคิดว่ากู้ ลี่เฉินจะปกป้องหลิง อี้หราน?หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เธอก็ถูกเจ้านายเรียกมาที่สำนักงานซึ่งเขาเสนอทางเลือกสองทางให้กับเธอ เธอจะลาออกหรือย้ายไปทำงานทำความสะอาดห้องน้ำชั่วคราว การพิจารณาที่เหลือจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลังจากต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างยาวนาน เธอเลือกตัวเลือกที่สอง เพราะถ้า
กวาน ลี่หลี่รู้สึกเจ็บแสบร้อนบนใบหน้าของเธอ เธอเงยหน้ามองดูชายที่ตบหน้าเธอ นั่นคือแฟนของหลิง อี้หรานที่เธอเคยเจอมาก่อน“คุณ… คุณตบฉันเหรอ?” กวาน ลี่หลี่พูดตะกุกตะกัก“อะไร? ผมตบคุณไม่ได้เหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามขณะที่เขาหัวเราะ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“ฉัน… ฉันกำลังช่วยคุณอยู่ คุณ… คุณไม่รู้เหรอว่าหลิง อี้หรานแอบคบชู้กับกู้ ลี่เฉิน พวกเขา…” กวาน ลี่หลี่พูดขณะที่กล้ำกลืนความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เธอจะจบ เธอก็ถูกตบหน้าอย่างแรงอีกครั้งแก้มทั้งสองข้างของกวาน ลี่หลี่แดงและบวมกวาน ลี่หลี่ลิ้มรสเลือดในปากของเธอและรับรู้ได้ว่าแรงตบทั้งสองครั้งนั่นแรงแค่ไหนแต่แววตาของเขากลับทำให้เธอตกใจเสียยิ่งกว่า เขาดูเหมือน… มือสังหาร! เธอรู้สึกราวกับว่าชายตรงหน้าสามารถฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ‘เขาเป็น... แค่แฟนของหลิง อี้หราน ไม่ใช่คนใหญ่คนโต ดังนั้นฉันไม่มีอะไรต้องกลัว! ฉัน... ฉันจะไปแจ้งความกับตำรวจและทำให้หลิง อี้หรานและแฟนของเธอต้องอับอาย!’ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น กวาน ลี่หลี่ได้ยินเสียงเจ้านาย “คุณอี้ อ้าว อี้หรานก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ไม่เจอกันนานเลยนะ มาเถอะ เข้าไปข้างในกัน”เ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค