หลายคนในโลกนี้ที่ต้องการปาก้อนหินใส่คนที่กำลังจมน้ำและหลิง อี้หรานก็ไม่รู้สึกเห็นใจหลิง ลั่วอินเธอไม่ใช่พระแม่มารีที่จะเห็นอกเห็นใจคนที่พยายามสร้างปัญหาให้กับเธอ“ทำไมพี่ไม่ให้ผมป่าวประกาศว่าพี่เป็นแฟนของผมล่ะ?” เขาถาม เขาอยากจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะคู่รัก เขาไม่ชอบให้ใครเข้าใจผิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้ ลี่เฉินแต่เธอกลับหยุดเขา “ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่และไม่อยากเป็นข่าว” เธอไม่ได้พยายามปิดบังความจริงที่ว่าพวกเขากำลังคบกันอยู่นอกจากนี้ หลายคนในแวดวงสังคมต่างรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้วแต่ถ้าเขาป่าวประกาศบนอินเทอร์เน็ต เธอก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่และหลายคนคงจะมาที่ร้านอาหารเพื่อพบเธอ นอกจากนี้เธอจะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนทุกครั้งที่เธอไปส่งอาหารและเพราะเธอเคยติดคุก เธอจะต้องทนรับการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหยื่อคือห่าว เมยววี่อดีตคู่หมั้นของอี้ จิ่นหลีเธออาจเพิกเฉยต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของตัวเองได้ แต่เธอก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์ต่อเขาได้ก่อนที่เธอจะพลิกคดีนี้ได้ ผู้คนอาจจะคาดเดาอะไรแย่ ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาอี้ จิ่
ในวันรุ่งขึ้น ข่าวของหลิง ลั่วอินที่เลิกรากับกู้ ลี่เฉินกลายเป็นหัวข้อค้นหาที่กำลังมาแรง คิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตต่างบอกว่าหลิง อี้หรานเป็นตัวกลางทำให้ทั้งคู่เลิกกันถูกลบอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่โพสต์ด้วยเหตุนี้ หลิง อี้หรานจึงไม่มีสวนเกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์แบบเนื่องจากกู้ ลี่เฉินมีแฟนเก่าหลายคน จึงไม่แปลกใจที่สาธารณชนจะทราบว่า “แฟนสาวอีกคนถูกทิ้ง” หลายคนถึงกับบอกว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าหลิง ลั่วอินจะถูกทิ้ง แม้แต่ดาราหญิงที่โด่งดังกว่า สวยกว่าและมีการศึกษามากกว่าเธอ ก็ไม่สามารถหนีจากการถูกทิ้งได้เมื่อเปรียบเทียบกับแฟนเก่าของกู้ ลี่เฉินแล้ว หลิง ลั่วอินมีข้อดีเพียงไม่กี่อย่างหลายคนจึงคาดการณ์ว่าอนาคตของหลิง ลั่วอินน่าจะตกต่ำลง ก่อนหน้านี้ผู้คนยกย่องเธอเพราะเธอเป็นแฟนของกู้ ลี่เฉิน แต่ตอนนี้เธอกลายเป็น “แฟนเก่า” ไปแล้วโดยสิ้นเชิงณ อพาร์ตเมนต์ส่วนตัวของหลิง ลั่วอิน หลิง กว๋อจื้อและฟาง ซุ่ยเอ๋อมองดูลูกสาวของพวกเขาอย่างกังวล พวกเขาได้รับรู้จากเพื่อนบ้านว่าลูกสาวของพวกเขาเลิกกับกู้ ลี่เฉินแล้วเพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงตลกขบขันว่า “อย่าไปกังวลมากเลย เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงชอบคบ
ทั้งหมดเป็นความผิดของหลิง อี้หราน! หลิง อี้หรานทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างที่เธอควรได้รับหลิง ลั่วอินไม่เคยคิดว่าทุกสิ่งที่เธอได้รับก็เป็นเพราะหลิง อี้หราน...เมื่อหลิง อี้หรานไปส่งอาหารเสร็จแล้วกลับมาที่ร้านอาหาร ร่างทั้งสองร่างก็พุ่งเข้ามาทันที หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นและตบหน้าหลิง อี้หรานความแรงที่ฟาดลงมาบนใบหน้า แรงมากจนเธอล้มถอยไปด้านหลังหลายก้าว เธอเงยหน้าขึ้นให้เห็นถึงเลือดที่มุมฝีปาก“นังคนไร้ยางอาย แกอิจฉาริษยาน้องสาวตัวน้อยของแกหรือไง? แกกล้าดียังไงถึงเข้ามาอ่อยแฟนของน้อง? ทำไมตระกูลหลิงต้องมีลูกสาวแบบแกด้วย?” เสียงแหลมดังขึ้นหลิง อี้หรานจ้องมองฟาง ซุ่ยเอ๋อแม่เลี้ยงของเธออย่างเย็นชา เธอยกมือขึ้นเพื่อปัดมืออีกข้างของฟาง ซุ่ยเอ๋อที่กำลังยกขึ้นมาอีกครั้งฟาง ซุ่ยเอ๋ยจ้องมองเธอ “ทำไม แม่จะตีแกไม่ได้หรือไง?”หลิง อี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า "ฉันมีแม่เพียงคนเดียวและแม่ของฉันไม่ใช่คุณ!"“แกคิดว่าแม่ของแกเป็นใคร? ความไร้ยางอายคงส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นสินะ แม่ของแกไร้ยางอายและลูกสาวที่เธอให้กำเนิดก็ไร้ยางอายเช่นกัน สิ่งที่แกทำลงไปคือการอ่อยผู้ชาย...”ก่อนที่ฟาง ซุ่ยเอ๋อจะพูดจบ เธอก็ถู
หลิง กว๋อจื้อจับภรรยาของเขาไว้และตะโกนใส่ลูกสาวคนโตว่า “แกทำกับน้าฟางแบบนี้ได้ยังไง? เธออายุเยอะมากกว่าแกนะ ขอโทษน้าฟางซะ!”หลิง อี้หรานมองพ่อของเธออย่างเย็นชา เธอเคยตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อที่เขาจะได้เห็นใจเธอและปฏิบัติกับเธอเหมือนกับที่เขาปฏิบัติกับหลิง ลั่วอิน แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ต่อความอดทนนั้นแล้ว “ขอโทษเหรอ? ฉันต้องขอโทษอะไรคุณ? คุณคาดหวังให้ฉันยืนเฉย ๆ แล้วปล่อยให้เธอตบตีอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเธออยากจะด่าทอฉันหรือแม้แต่แม่ของฉัน ฉันก็ต้องปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นเหรอ? คุณยังเห็นไม่ชัดอีกเหรอว่าใครเป็นคนที่ทำผิดต่อแม่ของฉันตั้งแต่แรก?”ใบหน้าของหลิง กว๋อจื้อแดงก่ำด้วยความอับอาย ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของฟาง ซุ่ยเอ๋อ เขากล่าวขึ้นว่า “น้าฟางตีเธอแล้วยัง? ทำไมแกไม่พูดออกมาล่ะว่าแกทำอะไรลงไปกับน้องสาวตัวน้อยของแก? ถ้าไม่ใช่เพราะแก เธอคงไม่ถูกทิ้ง”หลิง อี้หรานเยาะเย้ย “ทำไมไม่ถามเธอบ้างว่าเธอทำอะไรลงไป?”“น้องสาวของแกจะกล้าทำเรื่องสกปรกอะไรได้? มาขอโทษน้าฟางเดี๋ยวนี้!” หลิง กว๋อจื้อตะโกนอย่างโกรธจัดฟาง ซุ่ยเอ๋อตะโกน “แกทำร้ายฉัน ฉันจะไปแจ้งความก
อี้หราน... โชคดีกว่าเธอ! โจว เชียนหยุนหรี่ตาลงเมื่อนึกถึงอดีตของเธอ ครั้งหนึ่ง เธอเคยคิดว่าเธอได้พบกับผู้ชายที่เต็มใจจะต่อสู้ทั้งโลกเพื่อเธอแต่ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นกลับมองว่าเธอเป็นศัตรูของเขาน่าสงเพชและไร้สาระ นั่นคือความคิดเห็นของเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครั้งนั้นตอนนี้เธอแค่อยากให้อาหยันน้อยเติบโตมาอย่างดีอี้ จิ่นหลีก้มศีรษะลงมองดูมุมปากของหลิง อี้หรานที่ได้รับบาดเจ็บ เขาเห็นว่าแก้มของเธอก็บวมเช่นกัน มุมปากของเธอยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ เขาขมวดคิ้ว ยกปลายนิ้วเรียวลูบไล้บาดแผลของเธอเบา ๆ “ใครทำพี่?”“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอถามกลับ“ผมเพิ่งทำธุระเสร็จและบังเอิญผ่านมา ก็เลยแวะมาหาพี่” โชคดีที่เขามาหาเธอ ถ้าเขาไม่มา เธอคงโดนพ่อกับแม่เลี้ยงแกล้งไม่หยุด “เมื่อกี้ใครตีพี่?” เขาถามซ้ำ“แม่เลี้ยงของฉัน” หลิง อี้หรานกล่าว ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้คำตอบ “แต่ฉันตบเธอคืนแล้ว”อี้ จิ่นหลีเหลือบมองฟาง ซุ่ยเอ๋อฟาง ซุ่ยเอ๋อรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ความหวาดกลัวก่อเกิดขึ้นในใจของเธอ “คุณต้องการอะไร? แล้วถ้า… ถ้าฉันตีเธอแล้วจะทำไม? เธอจะไปหาหมอก็ได้นะ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้…
เธอลังเลและพูดว่า “จริง ๆ แล้วฉันก็มีความสุขดีที่ได้ทำงานในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ และ…” เธอหยุดและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันอยากหาเงินเลี้ยงตัวเอง จิน ถ้าฉันทำงานที่บริษัทของคุณ ฉันคงจะ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถ้าทุกคนรู้ว่าฉันเป็นแฟนของคุณ ฉันคงจะทำได้แค่นั่งรับเงินเฉย ๆ”“ไม่ดีเหรอ?” เขาถาม“ฉันอยากรู้ว่าฉันจะไปได้ไกลแค่ไหนด้วยลำแข้งของตัวเอง ฉันไม่คิดว่าฉันจะเป็นพนักงานส่งอาหารไปตลอดชีวิตหรอก ฉันยังคงค้นหางานใหม่ ๆ อยู่ และหวังว่าฉันจะมีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต” หลิง อี้หรานกล่าวเธอเริ่มวางแผนสำหรับอาชีพในอนาคตของเธออี้ จิ่นหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมของเธอเธอสูดปากเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดเขาพูดว่า “ไว้ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวผมจะทายาให้นะ ผมบอกให้พี่โทรหาผมเวลามีปัญหาอะไรไง ทำไมพี่ถึงไม่โทรหาผมล่ะ?”ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกถ้าเขาไม่แวะมาหาเธอเธอตอบอย่างงุ่มง่าม “เอ่อ... ฉันลืม...” ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเผชิญหน้ากับพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ จนลืมโทรหาเขาดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ‘นี่หมายความว่าผมยังไม่ใช่คนแรกที่พี่ต้องกา
เมื่อมองผ่านออกไปในกระจก ด้านนอกกลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกจากห้องโถงขนาดใหญ่ รวมถึงการร้องเล่นเต้นรำของนักร้องประจำคลับเมื่อเทียบกับเสียงรบกวนภายนอกแล้ว ห้องส่วนตัวกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาดกู้ ลี่เฉินรินน้ำชาให้ตัวเอง เขาจิบชาและจ้องมองความโกลาหลทางด้านนอกประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันศีรษะกลับไปมองผู้มาเยี่ยม “มาแล้วสินะ รับชาสักถ้วยไหม?”“ไม่เป็นไร ขอบใจ” อี้ จิ่นหลีเดินไปที่เก้าอี้ตรงข้ามกู้ ลี่เฉิน และนั่งลง “ฉันมาเพื่อบอกอะไรนายสองสามอย่าง เสร็จแล้วฉันจะรีบกลับ”กู้ ลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถามจริง? นายต้องการบอกอะไรฉัน?”“มันเป็นเรื่องของนายที่จะเลิกกับหลิง ลั่วอิน แต่อย่ามายุ่งกับอี้หราน ความอดทนของฉันมีจำกัดและฉันจะไม่ยอมให้อี้หรานตกเป็นเป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า” อี้ จิ่นหลีเตือนดวงตาของกู้ ลี่เฉินเป็นประกาย “หมายความว่าไง?”“วันนี้พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินไปหาอี้หรานและบอกว่านายเลิกกับหลิง ลั่วอินเพราะอี้หราน พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินคิดอย่างนั้นเพราะหลิง ลั่วอินหรือเพราะนาย?” อี้ จิ่นหลีกล่าวกู้ ลี่เฉินค่อย ๆ หมุนถ้วยน้ำชาในมือของเ
อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน เขาจะไม่มีวันให้ลี่เฉินรู้ความจริงเด็ดขาด!ในขณะเดียวกัน กู้ ลี่เฉินเอื้อมจับสร้อยคอทองคำขาวที่คอของเขาที่มีสร้อยข้อมือเงินขนาดเล็กห้อยอยู่เรียวนิ้วยาวลูบไล้เบา ๆ กับสร้อยข้อมือที่เขาพยายามขัดมันมาตลอดหลายปีสร้อยข้อมือนี้เป็นเหมือนโลกทั้งใบสำหรับเขาแต่โลกของเขากลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าความเจ็บปวดได้ตกตะกอนลงไปในกระดูกและเลือดของเขา...“คัท!” ผู้กำกับหยุดถ่ายทำอีกครั้ง เขามองหลิง ลั่วอินอย่างขุ่นเคืองก่อนจะพูดว่า “คุณเป็นอะไร? ผมอยากให้คุณดูเศร้ากว่านี้หลังจากที่คุณต้องเสียแม่ไป การแสดงง่าย ๆ แบบนี้ยากนักเหรอ? คุณไม่ได้เพิ่งมาเป็นนักแสดงแค่ปีสองปีนะ...”เมื่อฟังคำวิจารณ์ของผู้กำกับ หลิง ลั่วอินทำได้เพียงพยักหน้าตอบ เธอเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจผู้กำกับเคยเข้าข้างเธอมาตลอด ฉากทั้งหมดที่เธอเคยแสดงถ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่ขอถ่ายใหม่ ผู้กำกับก็ไม่กล้าพูดอะไรแย่ ๆ กับเธอแต่ตอนนี้ผู้กำกับเอาแต่ชี้นิ้วสั่งเธอขณะที่กล่าวด่าทอนักแสดงคนอื่น ๆ รอบตัวพวกเขามองมาที่หลิง ลั่วอินด้วยท่าทางดูถูกและเหยียดหยามขณะที่หลิง ลั่วอินเริ่ม