ทั้งหมดเป็นความผิดของหลิง อี้หราน! หลิง อี้หรานทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างที่เธอควรได้รับหลิง ลั่วอินไม่เคยคิดว่าทุกสิ่งที่เธอได้รับก็เป็นเพราะหลิง อี้หราน...เมื่อหลิง อี้หรานไปส่งอาหารเสร็จแล้วกลับมาที่ร้านอาหาร ร่างทั้งสองร่างก็พุ่งเข้ามาทันที หนึ่งในนั้นยกมือขึ้นและตบหน้าหลิง อี้หรานความแรงที่ฟาดลงมาบนใบหน้า แรงมากจนเธอล้มถอยไปด้านหลังหลายก้าว เธอเงยหน้าขึ้นให้เห็นถึงเลือดที่มุมฝีปาก“นังคนไร้ยางอาย แกอิจฉาริษยาน้องสาวตัวน้อยของแกหรือไง? แกกล้าดียังไงถึงเข้ามาอ่อยแฟนของน้อง? ทำไมตระกูลหลิงต้องมีลูกสาวแบบแกด้วย?” เสียงแหลมดังขึ้นหลิง อี้หรานจ้องมองฟาง ซุ่ยเอ๋อแม่เลี้ยงของเธออย่างเย็นชา เธอยกมือขึ้นเพื่อปัดมืออีกข้างของฟาง ซุ่ยเอ๋อที่กำลังยกขึ้นมาอีกครั้งฟาง ซุ่ยเอ๋ยจ้องมองเธอ “ทำไม แม่จะตีแกไม่ได้หรือไง?”หลิง อี้หรานพูดอย่างเย็นชาว่า "ฉันมีแม่เพียงคนเดียวและแม่ของฉันไม่ใช่คุณ!"“แกคิดว่าแม่ของแกเป็นใคร? ความไร้ยางอายคงส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นสินะ แม่ของแกไร้ยางอายและลูกสาวที่เธอให้กำเนิดก็ไร้ยางอายเช่นกัน สิ่งที่แกทำลงไปคือการอ่อยผู้ชาย...”ก่อนที่ฟาง ซุ่ยเอ๋อจะพูดจบ เธอก็ถู
หลิง กว๋อจื้อจับภรรยาของเขาไว้และตะโกนใส่ลูกสาวคนโตว่า “แกทำกับน้าฟางแบบนี้ได้ยังไง? เธออายุเยอะมากกว่าแกนะ ขอโทษน้าฟางซะ!”หลิง อี้หรานมองพ่อของเธออย่างเย็นชา เธอเคยตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อที่เขาจะได้เห็นใจเธอและปฏิบัติกับเธอเหมือนกับที่เขาปฏิบัติกับหลิง ลั่วอิน แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ต่อความอดทนนั้นแล้ว “ขอโทษเหรอ? ฉันต้องขอโทษอะไรคุณ? คุณคาดหวังให้ฉันยืนเฉย ๆ แล้วปล่อยให้เธอตบตีอย่างนั้นเหรอ? ถ้าเธออยากจะด่าทอฉันหรือแม้แต่แม่ของฉัน ฉันก็ต้องปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นเหรอ? คุณยังเห็นไม่ชัดอีกเหรอว่าใครเป็นคนที่ทำผิดต่อแม่ของฉันตั้งแต่แรก?”ใบหน้าของหลิง กว๋อจื้อแดงก่ำด้วยความอับอาย ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของฟาง ซุ่ยเอ๋อ เขากล่าวขึ้นว่า “น้าฟางตีเธอแล้วยัง? ทำไมแกไม่พูดออกมาล่ะว่าแกทำอะไรลงไปกับน้องสาวตัวน้อยของแก? ถ้าไม่ใช่เพราะแก เธอคงไม่ถูกทิ้ง”หลิง อี้หรานเยาะเย้ย “ทำไมไม่ถามเธอบ้างว่าเธอทำอะไรลงไป?”“น้องสาวของแกจะกล้าทำเรื่องสกปรกอะไรได้? มาขอโทษน้าฟางเดี๋ยวนี้!” หลิง กว๋อจื้อตะโกนอย่างโกรธจัดฟาง ซุ่ยเอ๋อตะโกน “แกทำร้ายฉัน ฉันจะไปแจ้งความก
อี้หราน... โชคดีกว่าเธอ! โจว เชียนหยุนหรี่ตาลงเมื่อนึกถึงอดีตของเธอ ครั้งหนึ่ง เธอเคยคิดว่าเธอได้พบกับผู้ชายที่เต็มใจจะต่อสู้ทั้งโลกเพื่อเธอแต่ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นกลับมองว่าเธอเป็นศัตรูของเขาน่าสงเพชและไร้สาระ นั่นคือความคิดเห็นของเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครั้งนั้นตอนนี้เธอแค่อยากให้อาหยันน้อยเติบโตมาอย่างดีอี้ จิ่นหลีก้มศีรษะลงมองดูมุมปากของหลิง อี้หรานที่ได้รับบาดเจ็บ เขาเห็นว่าแก้มของเธอก็บวมเช่นกัน มุมปากของเธอยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ เขาขมวดคิ้ว ยกปลายนิ้วเรียวลูบไล้บาดแผลของเธอเบา ๆ “ใครทำพี่?”“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เธอถามกลับ“ผมเพิ่งทำธุระเสร็จและบังเอิญผ่านมา ก็เลยแวะมาหาพี่” โชคดีที่เขามาหาเธอ ถ้าเขาไม่มา เธอคงโดนพ่อกับแม่เลี้ยงแกล้งไม่หยุด “เมื่อกี้ใครตีพี่?” เขาถามซ้ำ“แม่เลี้ยงของฉัน” หลิง อี้หรานกล่าว ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้คำตอบ “แต่ฉันตบเธอคืนแล้ว”อี้ จิ่นหลีเหลือบมองฟาง ซุ่ยเอ๋อฟาง ซุ่ยเอ๋อรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ความหวาดกลัวก่อเกิดขึ้นในใจของเธอ “คุณต้องการอะไร? แล้วถ้า… ถ้าฉันตีเธอแล้วจะทำไม? เธอจะไปหาหมอก็ได้นะ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้…
เธอลังเลและพูดว่า “จริง ๆ แล้วฉันก็มีความสุขดีที่ได้ทำงานในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ และ…” เธอหยุดและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันอยากหาเงินเลี้ยงตัวเอง จิน ถ้าฉันทำงานที่บริษัทของคุณ ฉันคงจะ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถ้าทุกคนรู้ว่าฉันเป็นแฟนของคุณ ฉันคงจะทำได้แค่นั่งรับเงินเฉย ๆ”“ไม่ดีเหรอ?” เขาถาม“ฉันอยากรู้ว่าฉันจะไปได้ไกลแค่ไหนด้วยลำแข้งของตัวเอง ฉันไม่คิดว่าฉันจะเป็นพนักงานส่งอาหารไปตลอดชีวิตหรอก ฉันยังคงค้นหางานใหม่ ๆ อยู่ และหวังว่าฉันจะมีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต” หลิง อี้หรานกล่าวเธอเริ่มวางแผนสำหรับอาชีพในอนาคตของเธออี้ จิ่นหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมของเธอเธอสูดปากเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดเขาพูดว่า “ไว้ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวผมจะทายาให้นะ ผมบอกให้พี่โทรหาผมเวลามีปัญหาอะไรไง ทำไมพี่ถึงไม่โทรหาผมล่ะ?”ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกถ้าเขาไม่แวะมาหาเธอเธอตอบอย่างงุ่มง่าม “เอ่อ... ฉันลืม...” ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเผชิญหน้ากับพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ จนลืมโทรหาเขาดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ‘นี่หมายความว่าผมยังไม่ใช่คนแรกที่พี่ต้องกา
เมื่อมองผ่านออกไปในกระจก ด้านนอกกลับเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกจากห้องโถงขนาดใหญ่ รวมถึงการร้องเล่นเต้นรำของนักร้องประจำคลับเมื่อเทียบกับเสียงรบกวนภายนอกแล้ว ห้องส่วนตัวกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาดกู้ ลี่เฉินรินน้ำชาให้ตัวเอง เขาจิบชาและจ้องมองความโกลาหลทางด้านนอกประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นกู้ ลี่เฉินหันศีรษะกลับไปมองผู้มาเยี่ยม “มาแล้วสินะ รับชาสักถ้วยไหม?”“ไม่เป็นไร ขอบใจ” อี้ จิ่นหลีเดินไปที่เก้าอี้ตรงข้ามกู้ ลี่เฉิน และนั่งลง “ฉันมาเพื่อบอกอะไรนายสองสามอย่าง เสร็จแล้วฉันจะรีบกลับ”กู้ ลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ถามจริง? นายต้องการบอกอะไรฉัน?”“มันเป็นเรื่องของนายที่จะเลิกกับหลิง ลั่วอิน แต่อย่ามายุ่งกับอี้หราน ความอดทนของฉันมีจำกัดและฉันจะไม่ยอมให้อี้หรานตกเป็นเป้าหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า” อี้ จิ่นหลีเตือนดวงตาของกู้ ลี่เฉินเป็นประกาย “หมายความว่าไง?”“วันนี้พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินไปหาอี้หรานและบอกว่านายเลิกกับหลิง ลั่วอินเพราะอี้หราน พ่อแม่ของหลิง ลั่วอินคิดอย่างนั้นเพราะหลิง ลั่วอินหรือเพราะนาย?” อี้ จิ่นหลีกล่าวกู้ ลี่เฉินค่อย ๆ หมุนถ้วยน้ำชาในมือของเ
อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน เขาจะไม่มีวันให้ลี่เฉินรู้ความจริงเด็ดขาด!ในขณะเดียวกัน กู้ ลี่เฉินเอื้อมจับสร้อยคอทองคำขาวที่คอของเขาที่มีสร้อยข้อมือเงินขนาดเล็กห้อยอยู่เรียวนิ้วยาวลูบไล้เบา ๆ กับสร้อยข้อมือที่เขาพยายามขัดมันมาตลอดหลายปีสร้อยข้อมือนี้เป็นเหมือนโลกทั้งใบสำหรับเขาแต่โลกของเขากลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าความเจ็บปวดได้ตกตะกอนลงไปในกระดูกและเลือดของเขา...“คัท!” ผู้กำกับหยุดถ่ายทำอีกครั้ง เขามองหลิง ลั่วอินอย่างขุ่นเคืองก่อนจะพูดว่า “คุณเป็นอะไร? ผมอยากให้คุณดูเศร้ากว่านี้หลังจากที่คุณต้องเสียแม่ไป การแสดงง่าย ๆ แบบนี้ยากนักเหรอ? คุณไม่ได้เพิ่งมาเป็นนักแสดงแค่ปีสองปีนะ...”เมื่อฟังคำวิจารณ์ของผู้กำกับ หลิง ลั่วอินทำได้เพียงพยักหน้าตอบ เธอเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจผู้กำกับเคยเข้าข้างเธอมาตลอด ฉากทั้งหมดที่เธอเคยแสดงถ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่ขอถ่ายใหม่ ผู้กำกับก็ไม่กล้าพูดอะไรแย่ ๆ กับเธอแต่ตอนนี้ผู้กำกับเอาแต่ชี้นิ้วสั่งเธอขณะที่กล่าวด่าทอนักแสดงคนอื่น ๆ รอบตัวพวกเขามองมาที่หลิง ลั่วอินด้วยท่าทางดูถูกและเหยียดหยามขณะที่หลิง ลั่วอินเริ่ม
‘ลี่เฉินเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?’หลิง ลั่วอินมองไปรอบ ๆ ทุกคนที่เยาะเย้ยและพูดจาเหยียดหยามเธอก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกโล่งใจ!ฮึ่ม! ถ้าเธอได้กลับไปคบกับลี่เฉินอีกครั้ง เธอจะขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกจากวงการบันเทิงทีละคนหลิง ลั่วอินเดินออกมาอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉิน เธอก็ตระหนักว่ามันอาจจะ... ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดสถานที่ที่เธอไปพบกู้ ลี่เฉินนั้นคือสถานกักกัน พ่อและแม่ของเธอก็ถูกขังอยู่ในศูนย์กักกันกู้ ลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งขณะจิบชาอย่างเกียจคร้านในทางกลับกัน พ่อแม่ของเธอตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกเขาหดตัวซุกอยู่ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะหลิง ลั่วอินกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้สึกถึงท้องไส้ที่ปั่นป่วนเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมลี่เฉินถึงมาที่นี่?เธอรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเธอถูกคุมตัว แต่พวกเขาจะถูกคุมตัวเพียงไม่กี่วัน เธอจึงไม่สนใจมากตราบใดที่ยังไม่มีการรายงานในสื่อแต่ตอนนี้...“ทำไมคุณถึงเลือกมาพบที่นี่ล่ะ ลี่เฉิน?” หลิง ลั่วอินทำให้เสียงอ่อนลงเพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช “โชคดีจังที่คุณมาหาฉัน คุณช่วยฉันได้ไหมคะ? ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ของฉันถูกคุมขังที่นี่เพียงเพราะเรื่องเข้าใจ
กู้ ลี่เฉินมองไปที่หลิง ลั่วอินอย่างเย็นชา ยุติธรรม? โลกนี้เคยมีความยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? หากความสำเร็จมีสัดส่วนเท่ากับความพยายาม เขาคงจะได้พบเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาใช้เวลาหลายปีเพื่อตามหาเธอแล้ว!แต่... เขากลับหาไม่เจอ!ราวกับว่าบุคคลนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้แต่... คนคนนั้นมีอยู่จริง!“ถ้าเธอต้องการให้มันยุติธรรม แม่ของเธอตบหลิง อี้หราน ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม ขอให้เขาตบเธอด้วยสิ” กู้ ลี่เฉินกล่าวเบา ๆหลิง ลั่วอิน, ฟาง ซุ่ยเอ๋อและหลิง กว๋อจื้อหยุดนิ่งทันทีฟาง ซุ่ยเอ๋อลุกจากเก้าอี้และกรีดร้องว่า “ทำไมฉันจะต้องตบลูกสาวของฉันด้วย? คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้แม้ว่าคุณจะรวยและมีอำนาจมากก็เถอะ!”“คุณตบลูกสาวตัวเองไม่ได้เหรอ?” กู้ ลี่เฉินหัวเราะราวกับว่าเขากำลังได้ยินเรื่องตลก “แต่คุณกลับตบลูกเลี้ยงที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณทางสายเลือดได้ง่าย ๆ อย่างนั้น ใช่ไหม?”ฟาง ซุ่ยเอ๋อรู้สึกอับอาย แต่เธอก็ยังเถียง “ง่าย ๆ… งั้นเหรอ หลิง อี้หราน… เป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับลั่วอินอย่างไร้ยางอาย…”ก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าของกู้ ลี่เฉินก็เย็นชาขึ้น ทันใดนั้นบอดี้การ์ดของกู้ ลี่เฉินก็ตบเข้าที่