“โอ้ ดูนั่นสิ เธอโทรเรียกเพื่อน!” ผู้หญิงคนนั้นล้อเลียนชิน เหลียนอีเมื่อเห็นหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานขมวดคิ้วและมองไปที่เพื่อนของเธอ “เหลียนอี เกิดอะไรขึ้น?”“เธออย่ามาล้อเลียนเพื่อนของฉัน” ชิน เหลียนอี กล่าวหญิงสาวระเบิดออกมาราวกับถังน้ำมันที่ติดไฟขณะที่เธอตะโกนว่า “ทำไม? เธอละอายใจบ้างไหมที่ยอมรับว่าเธอล่อลวงแฟนของฉันอย่างไร้ยางอายน่ะ? ถ้าฉันจับเธอไม่ได้ เธอคงจะเปลื้องผ้าขึ้นเตียงไปกับแฟนฉันแล้ว!”ชิน เหลียนอีจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้น "ล่อลวง? คิดว่าฉันสนใจผู้ชายแบบนั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับสมองของเธอ? เธอเอาแต่คิดว่าคนอื่นสร้างปัญหาให้ แต่คุณเคยคิดไหมว่าแฟนเธอนั่นแหละเป็นคนคอยสร้างปัญหา!”“ฉันเห็นกับตา แต่เธอก็ยังกล้ามาเถียงกับฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกน“ตอแหล! เธอเห็นอะไรกับตา?!” ชิน เหลียนอีโต้เถียงกลับ เธอชี้ไปที่ชายที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้องหนึ่ง “ให้ฉันพูดตรง ๆ หน้าตาอย่างเขาน่ะ ต่อให้เธอเสนอให้ ฉันก็ไม่คิดจะมองหรอก นอกจากนี้แฟนของฉันยังดูดีกว่าเขาหลายเท่า มีเหตุผลอะไรให้ฉันสนใจผู้ชายแบบนี้? เขาทำมาจากทองคำหรือธนบัตรหรือไง?”หญิงสาวแสดงท่าทีด้วยการเยาะเย้ย “ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีแฟน
ขณะที่หลิง อี้หรานกำลังดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อประกันตัวชิน เหลียนอีออกไป อี้ จิ่นหลีก็โทรหาเธอ “พี่อยู่ที่สถานีตำรวจใช่ไหม?”“ฮะ?” หลิง อี้หรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเรียกสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว คงเป็นคนขับรถที่บอกเขา“ใช่ ฉันอยู่ที่สถานีตำรวจ มีเรื่องเกิดขึ้นกับเหลียนอี ฉันเลยมาที่นี่เพื่อประกันตัวเธอ”อี้ จิ่นหลีพบว่ามันค่อนข้างน่าขบขัน “เธอต้องการให้พี่ช่วยประกันตัวเธอออกไปเหรอ? ทำไมเธอไม่บอกไป๋ ทิงซินล่ะ? เขาไม่ใช่แฟนของเธอเหรอ?”“...” มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเหลียนอี “ฉันเดาว่าเธอคงมีวิธีคิดของเธอเอง ฉันกำลังทำเอกสารอยู่ ไว้ฉันจะคุยกับคุณทีหลัง!”หลิง อี้หรานวางสายและดำเนินการต่อโจว เจียเหวินยังคงสาปแช่งชิน เหลียนอี เธอยืนกรานว่าชิน เหลียนอีสนใจแฟนหนุ่มของเธอชิน เหลียนอีโกรธมากจนด่าทอโจว เจียเหวินเป็นหมู! เธอมีไป๋ ทิงซินเป็นแฟนของเธอแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นแค่แฟนหนุ่มชั่วคราว และเขาก็ไม่สนว่าที่บางครั้งเธอจะจีบคนทั่วไปหรือเอาเปรียบเขา! แล้วทำไมเธอต้องมาอะไรกับผู้ชายที่เธอไม่ได้สนใจด้วย?บางครั้งเวลาผู้หญิงมีปัญหาในความสัมพันธ์ของพวกเธอ
เฉิน จื่อยวี่พยักหน้าอย่างขี้ขลาด “ช-ชะ-ใช่… ชิน เหลียนอี มาอ่อยฉัน!”ชิน เหลียนอีอยากจะตบผู้ชายคนนั้น!หลิง อี้หรานกังวลว่าพฤติกรรมที่หุนหันของเพื่อนเธอจะทำให้เธอมีปัญหา เธอจึงดึงเพื่อนของเธอไว้และกล่าวกับทั้งคู่ว่า “คุณจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายสำหรับสิ่งที่คุณพูดในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงของบุคคล ทำไมเราไม่กลับไปที่สถานีเพื่อเปิดคดีความเลยล่ะ?”เฉิน จื่อยวี่ตัวสั่นและปิดปากของเขาเงียบโจว เจียเหวินยังคงพูดจาหยาบคาย ขณะเดียวกันอี้ จิ่นหลี มองมาที่เธออย่างเบื่อหน่าย “ช่างเป็นผู้หญิงที่โอ้อวดเสียจริง คุณกำลังบอกว่าแฟนของผมเป็นคนแบบไหนอย่างนั้นเหรอ? แล้วคุณคิดว่าคุณเป็นใคร?”โจว เจียเหวินรู้สึกแย่ คำพูดของอี้ จิ่นหลีเหมือนเป็นการตบหน้าเธอ“ฉัน... ฉันแค่เตือน ฉันกังวลว่าคุณจะโดนหลอก” โจว เจียเหวินพยายามโต้เถียงอี้ จิ่นหลีไม่สนใจฟังสิ่งที่เธอพูด เขาหันไปหาชิน เหลียนอี และกล่าวว่า “คุณถูกตำรวจจับเพราะคนพวกนี้เหรอ? ดูเหมือนไป๋ ทิงซิน จะไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเขารู้ คนพวกนี้คงจะไม่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณในตอนนี้”ชิน เหลียนอีดูอึดอัดใจ“ไปกันเถอะ” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา
ดูเหมือวนว่าชิน เหลียนอีจะมีปัญหาในการอธิบายให้อี้ จิ่นหลีฟัง เธอหวังว่าเธอจะสามารถซ่อนความจริงที่ว่าเธอเป็นคู่รักกับไป๋ ทิงซินได้เธอไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายในชีวิตของเธอ หลังจากที่ต้องเลิกกับเขาถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของเธอบังเอิญรู้เรื่องเขา เธอก็คงไม่บอกพวกเขาด้วยซ้ำ!“ฉัน... ฮ่าฮ่า… ฉันกังวลว่าฉันจะรบกวนเขาในเวลาทำงานน่ะ” ชิน เหลียนอีแก้ตัวแบบขอไปที“แล้วคุณไม่กลัวที่จะรบกวนอี้หรานเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามกลับชิน เหลียนอีกลั้นหายใจ หลิง อี้หรานรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่เป็นอะไรที่จะถูกเหลียนอีรบกวนหรอก” จากนั้นเธอก็หันไปหาชิน เหลียนอี และกล่าวว่า “ถ้ามีปัญหาอะไรอีกในอนาคต เธอต้องบอกฉันนะ เธอเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดที่ฉันมี”ชิน เหลียนอีรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเธอ เธอตอบและมองผ่านกระจกเพื่อดูอี้ จิ่นหลีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หลิง อี้หราน ‘น้ำเสียงของเขาก่อนหน้านี้... อืม ดูเหมือนเขาจะหึงเหรอ? มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกอิจฉา’‘แต่คำถามคือ... ทำไมอี้ จิ่นหลีถึงอิจฉาฉัน? เพราะหลิง อี้หราน เหรอ?’ ความคิดนั้นทำให้ชิน เหลียนอีตัวสั่น!ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะถูกอิจฉาโดยอี้ จิ่นหลีที่เป็
เธออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “คุณจะเปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้”คนหนึ่งคือคนรักในชีวิตของเธอ ส่วนอีกคนหนึ่งคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ มันเป็นความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!เธอครุ่นคิดและกล่าวว่า “คุณทั้งคู่เป็นคนที่ฉันสามารถเสียสละชีวิตให้ได้! ดังนั้นคุณทั้งสองคนมีความสำคัญเท่าเทียมกันสำหรับฉัน”สายตาของเขาเปลี่ยนไป เขาควรจะรู้สึกพอใจที่เธอเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อปกป้องเขา!‘แต่ทำไมเป็นฉันคนเดียวไม่ได้!’สรุปคือเขาโลภเกินไป เขาโลภมากจนอยากเป็นคนเดียวในหัวใจของเธอ เขาโลภมากจนไม่ต้องการให้ใครมามีบทบาทสำคัญกับเธอ“เพราะตอนนั้นเธอช่วยพี่เหรอ?”“ฉันคิดว่าอย่างนั้น ตอนแรกฉันไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรให้ฉันได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกัน” หลิง อี้หรานถอนหายใจ ย้อนกลับไปในตอนนั้น มิตรภาพของเธอกับเหลียนอีค่อนข้างดี แต่บางครั้งเราก็ต้องฝ่าพายุไปด้วยกันก่อนที่เราจะพบว่าคนคนนั้นเป็นอัญมณีหรือขยะหลังจากผ่านความเจ็บปวด เราก็จะมองเห็นคน ๆ หนึ่งได้อย่างชัดเจนและเข้าใจว่าบางคนก็มีค่าแก่หัวใจของเรา“ถ้าไม่มีเหลียนอี ก็คงไม่มีฉันในตอนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เหลียนอีมีความสำคัญต่อฉันมาก”
เธอบอกเขาทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่ที่เธอถูกเพื่อนร่วมงานชายของเธอตามรังควานและถูกเข้าใจผิด ไปจนถึงเรื่องที่เธอทะเลาะกันและไปที่สถานีตำรวจ และสุดท้ายเธอได้รับการประกันตัวได้อย่างไร เธอพูดทุกอย่างในคราวเดียว ทำให้คอของเธอแห้งเมื่อพูดจบไป๋ ทิงซินฟังพร้อมกับขมวดคิ้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากำลังนิ่งเฉย ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากชิน เหลียนอีเล่าจบ เขาก็กล่าวว่า “ทำไมเธอถึงไม่โทรหาฉันตอนที่มีเรื่องล่ะ?”“ฉัน... ฉันกลัวว่าฉันจะรบกวนคุณ คุณกำลังยุ่งอยู่กับงาน เรื่องของฉันมันเรื่องเล็กน้อยเอง” ชิน เหลียนอีกล่าวเพื่อหว่านล้อมเขาไป๋ ทิงซินจ้องไปที่ชิน เหลียนอีจนเธอรู้สึกผิดในใจหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวว่า “แค่เพราะคุณกลัวที่จะรบกวนผมอย่างนั้นเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ” เธอกล่าวด้วยความรู้สึกผิดเขาเม้มริมฝีปากและไม่กล่าวอะไร ทั้งสองยืนอยู่และจ้องมองกันโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ ชิน เหลียนอีบ่นในใจ สงสัยว่าไป๋ ทิงซินจะจ้องมองเธออีกนานแค่ไหน ในขณะที่พวกเขายังคงยืนอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านจัดสรร‘เขาควรจะมีความสุขไหมที่ฉันไม่รบกวนเขาในตอนที่มีปัญหา? ทำไมเขามองดูอย่างกับฉันเ
สำหรับเธอ เธอไม่มีทางปฏิเสธได้...ในที่สุด ชิน เหลียนอีก็พาไป๋ ทิงซินมาที่บ้านของเธอที่บ้านของครอบครัวชิน นายชินและคุณนายชิน ให้การต้อนรับไป๋ ทิงซินอย่างอบอุ่นและขอให้เขาร่วมรับประทานอาหารเย็นกับพวกเขาไป๋ ทิงซินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน ชิน เหลียนอีแอบรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอกังวลว่ายิ่งไป๋ ทิงซิน อยู่นานเท่าไหร่ เขาก็จะมีโอกาสพูดจาไม่ปกติสูงขึ้นกับพ่อแม่ของเธอหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชิน เหลียนอีรีบดึงไป๋ ทิงซินเข้าไปในห้องของเธอ และถามว่า “คุณจะกลับเมื่อไหร่?”“คุณอยากให้ผมรีบออกไปให้เร็วที่สุดเหรอ?” เขาถามพร้อมกับขมวดคิ้วเธอหัวเราะแห้ง “ฉันกลัวว่าความกระตือรือร้นที่มากเกินไปของพ่อแม่จะทำให้คุณรำคาญน่ะสิ พวกเขาคิดว่าคุณเป็นแฟนตัวจริงของฉัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจะหาโอกาสเพื่อขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณ”“ไม่เห็นน่ารำคาญเลย บางครั้งผมก็คิดว่ามันน่าสนใจดีที่ได้พูดคุยกับพวกเขา” ไป๋ ทิงซินกล่าว เมื่อเขาพูดคุยกับพ่อแม่ของเธอ เขาก็สามารถค้นพบสิ่งต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับชิน เหลียนอีได้เช่นกันเขาได้รับรู้เรื่องราวในวัยเด็กของเธอและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่น่าจดจำ เ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น… ฉันไปป่าวประกาศว่าฉันมีแฟนแล้วไม่ได้หรอก” ถ้าเธอทำอย่างนั้น เพื่อนร่วมงานของเธอคงจะคิดว่าเธอเป็นคนบ้า“อย่างนั้นเหรอ? โอเค ผมเข้าใจแล้ว” เขากล่าวเธอกระพริบตา ‘เขาเข้าใจอะไร? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้คุยเรื่องเดียวกันวะเนี่ย?’...วันรุ่งขึ้นชิน เหลียนอีกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท ข่าวลือเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้กำลังแพร่กระจายไปราวกับไฟป่า แววตาของเพื่อนร่วมงานของเธอดูแตกต่างไปจากปกติบางคนถึงกับเยาะเย้ยชิน เหลียนอีต่อหน้าเธอ “เธอมันไร้ยางอายเหลือเกิน! โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ พวกเขาเป็นคู่รักกัน แต่เธอก็ยังอยากมาคั่นกลาง!”“จริง ต่อให้เธออยากเป็นมือที่สาม แต่ก็อย่ามาทำแบบนี้ในบริษัทสิ!”ชิน เหลียนอีพูดจาถากถางกลับ “มือที่สามอะไร? ถ้าเธอไม่รู้ความจริงทั้งหมด ก็ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าฉันมีใจให้เฉิน จื่อยวี่ ฉันคงจะถลนตาตัวเองออกมาแล้ว!”“เธอก็แค่พูดจาโอ้อวด เฉิน จื่อยวี่ทำไมหรือ? เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ อีกไม่นานเขาก็จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมบริษัทแม่ ถึงตอนนั้นเขาจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า”บริษัทที่พวกเขาทำงานเป็