เธออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “คุณจะเปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้”คนหนึ่งคือคนรักในชีวิตของเธอ ส่วนอีกคนหนึ่งคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ มันเป็นความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!เธอครุ่นคิดและกล่าวว่า “คุณทั้งคู่เป็นคนที่ฉันสามารถเสียสละชีวิตให้ได้! ดังนั้นคุณทั้งสองคนมีความสำคัญเท่าเทียมกันสำหรับฉัน”สายตาของเขาเปลี่ยนไป เขาควรจะรู้สึกพอใจที่เธอเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อปกป้องเขา!‘แต่ทำไมเป็นฉันคนเดียวไม่ได้!’สรุปคือเขาโลภเกินไป เขาโลภมากจนอยากเป็นคนเดียวในหัวใจของเธอ เขาโลภมากจนไม่ต้องการให้ใครมามีบทบาทสำคัญกับเธอ“เพราะตอนนั้นเธอช่วยพี่เหรอ?”“ฉันคิดว่าอย่างนั้น ตอนแรกฉันไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรให้ฉันได้มากขนาดนี้ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกัน” หลิง อี้หรานถอนหายใจ ย้อนกลับไปในตอนนั้น มิตรภาพของเธอกับเหลียนอีค่อนข้างดี แต่บางครั้งเราก็ต้องฝ่าพายุไปด้วยกันก่อนที่เราจะพบว่าคนคนนั้นเป็นอัญมณีหรือขยะหลังจากผ่านความเจ็บปวด เราก็จะมองเห็นคน ๆ หนึ่งได้อย่างชัดเจนและเข้าใจว่าบางคนก็มีค่าแก่หัวใจของเรา“ถ้าไม่มีเหลียนอี ก็คงไม่มีฉันในตอนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เหลียนอีมีความสำคัญต่อฉันมาก”
เธอบอกเขาทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่ที่เธอถูกเพื่อนร่วมงานชายของเธอตามรังควานและถูกเข้าใจผิด ไปจนถึงเรื่องที่เธอทะเลาะกันและไปที่สถานีตำรวจ และสุดท้ายเธอได้รับการประกันตัวได้อย่างไร เธอพูดทุกอย่างในคราวเดียว ทำให้คอของเธอแห้งเมื่อพูดจบไป๋ ทิงซินฟังพร้อมกับขมวดคิ้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากำลังนิ่งเฉย ไม่มีใครสามารถเดาได้ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากชิน เหลียนอีเล่าจบ เขาก็กล่าวว่า “ทำไมเธอถึงไม่โทรหาฉันตอนที่มีเรื่องล่ะ?”“ฉัน... ฉันกลัวว่าฉันจะรบกวนคุณ คุณกำลังยุ่งอยู่กับงาน เรื่องของฉันมันเรื่องเล็กน้อยเอง” ชิน เหลียนอีกล่าวเพื่อหว่านล้อมเขาไป๋ ทิงซินจ้องไปที่ชิน เหลียนอีจนเธอรู้สึกผิดในใจหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวว่า “แค่เพราะคุณกลัวที่จะรบกวนผมอย่างนั้นเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ” เธอกล่าวด้วยความรู้สึกผิดเขาเม้มริมฝีปากและไม่กล่าวอะไร ทั้งสองยืนอยู่และจ้องมองกันโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ ชิน เหลียนอีบ่นในใจ สงสัยว่าไป๋ ทิงซินจะจ้องมองเธออีกนานแค่ไหน ในขณะที่พวกเขายังคงยืนอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านจัดสรร‘เขาควรจะมีความสุขไหมที่ฉันไม่รบกวนเขาในตอนที่มีปัญหา? ทำไมเขามองดูอย่างกับฉันเ
สำหรับเธอ เธอไม่มีทางปฏิเสธได้...ในที่สุด ชิน เหลียนอีก็พาไป๋ ทิงซินมาที่บ้านของเธอที่บ้านของครอบครัวชิน นายชินและคุณนายชิน ให้การต้อนรับไป๋ ทิงซินอย่างอบอุ่นและขอให้เขาร่วมรับประทานอาหารเย็นกับพวกเขาไป๋ ทิงซินตอบตกลงอย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน ชิน เหลียนอีแอบรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอกังวลว่ายิ่งไป๋ ทิงซิน อยู่นานเท่าไหร่ เขาก็จะมีโอกาสพูดจาไม่ปกติสูงขึ้นกับพ่อแม่ของเธอหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชิน เหลียนอีรีบดึงไป๋ ทิงซินเข้าไปในห้องของเธอ และถามว่า “คุณจะกลับเมื่อไหร่?”“คุณอยากให้ผมรีบออกไปให้เร็วที่สุดเหรอ?” เขาถามพร้อมกับขมวดคิ้วเธอหัวเราะแห้ง “ฉันกลัวว่าความกระตือรือร้นที่มากเกินไปของพ่อแม่จะทำให้คุณรำคาญน่ะสิ พวกเขาคิดว่าคุณเป็นแฟนตัวจริงของฉัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจะหาโอกาสเพื่อขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณ”“ไม่เห็นน่ารำคาญเลย บางครั้งผมก็คิดว่ามันน่าสนใจดีที่ได้พูดคุยกับพวกเขา” ไป๋ ทิงซินกล่าว เมื่อเขาพูดคุยกับพ่อแม่ของเธอ เขาก็สามารถค้นพบสิ่งต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับชิน เหลียนอีได้เช่นกันเขาได้รับรู้เรื่องราวในวัยเด็กของเธอและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่น่าจดจำ เ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น… ฉันไปป่าวประกาศว่าฉันมีแฟนแล้วไม่ได้หรอก” ถ้าเธอทำอย่างนั้น เพื่อนร่วมงานของเธอคงจะคิดว่าเธอเป็นคนบ้า“อย่างนั้นเหรอ? โอเค ผมเข้าใจแล้ว” เขากล่าวเธอกระพริบตา ‘เขาเข้าใจอะไร? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้คุยเรื่องเดียวกันวะเนี่ย?’...วันรุ่งขึ้นชิน เหลียนอีกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท ข่าวลือเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้กำลังแพร่กระจายไปราวกับไฟป่า แววตาของเพื่อนร่วมงานของเธอดูแตกต่างไปจากปกติบางคนถึงกับเยาะเย้ยชิน เหลียนอีต่อหน้าเธอ “เธอมันไร้ยางอายเหลือเกิน! โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ พวกเขาเป็นคู่รักกัน แต่เธอก็ยังอยากมาคั่นกลาง!”“จริง ต่อให้เธออยากเป็นมือที่สาม แต่ก็อย่ามาทำแบบนี้ในบริษัทสิ!”ชิน เหลียนอีพูดจาถากถางกลับ “มือที่สามอะไร? ถ้าเธอไม่รู้ความจริงทั้งหมด ก็ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าฉันมีใจให้เฉิน จื่อยวี่ ฉันคงจะถลนตาตัวเองออกมาแล้ว!”“เธอก็แค่พูดจาโอ้อวด เฉิน จื่อยวี่ทำไมหรือ? เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ อีกไม่นานเขาก็จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมบริษัทแม่ ถึงตอนนั้นเขาจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า”บริษัทที่พวกเขาทำงานเป็
ชิน เหลียนอีอยากจะพูดจาถากถางพวกเขามากขึ้น แต่บางอย่างด้านหลังโจว เจียเหวินทางด้านทางเข้าบริษัท กลับดึงดูดความสนใจของเธอไป เธอเห็นเจ้านายของเธอเดินเข้ามาที่บริษัท แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา... ไป๋ ทิงซิน?!ชิน เหลียนอีกระพริบตาและตั้งใจมองอีกครั้ง โอเค ดวงตาของเธอไม่ได้ฝาด นั่นคือไป๋ ทิงซิน จริง ๆไป๋ ทิงซินเห็นเธอเช่นกันแต่เขากลับไม่ได้ทักทายเธอ เขาเพียงแค่ส่งยิ้มให้เธอและพูดคุยกับเจ้านายของเธอต่อไปจากมุมมองของชิน เหลียนอี เจ้านายของเธอให้ความเคารพและถ่อมตนต่อไป๋ ทิงซินมากเมื่อพวกเขาคุยกัน พวกเขาเดินและพูดคุยกัน เจ้านายของเธอได้ให้เลขาของเขาชงชาเพื่อไปเสิร์ฟในห้องทำงานของเขาชิน เหลียนอีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเข้าใจว่าทำไม บริษัทออกแบบของพวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงในเมืองเฉินมากนั้น แต่บริษัทแม่ของพวกเขาอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นเล็กน้อย สำหรับบริษัทของพวกเขา นี่เป็นบันไดก้าวไปสู่ความประสบความสำเร็จไป๋ ทิงซินเป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเจ้านายของเธอจะให้ความเคารพกับเขาเป็นพิเศษ หากพวกเขาสามารถร่วมมือกับ ไป๋ เฟ
ชิน เหลียนอีแอบมองไป๋ ทิงซิน ‘หืม เขาดูดีในชุดสูทเหมือนกันแฮะ ดูค่อนข้างหล่อ! เขาดูดีมากจริง ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นฉันจะรีบทำแบบนั้นกับเขาตอนฉันเมา’‘ในบันทึกนั้น เขามีหุ่นที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะผอมไปหน่อย แต่กล้ามเนื้อเขาก็แข็งแรงดี…’ ชิน เหลียนอีหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอเห็นไป๋ ทิงซินเปลือยเปล่าขณะที่เธอมองไปที่เขา...ใบหน้าของเธอแดงทันที และเธอก็มองต่ำลงไปที่พื้นเพื่อบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไป๋ ทิงซินมองเห็นชิน เหลียนที่อยู่ในมุมหนึ่งโดยกำลังก้มศีรษะลง เขาไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจของเธอเมื่อมองไปที่เธอ ริมฝีปากของไป๋ ทิงซินก็โค้งเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจเจ้านายกล่าวกับไป๋ ทิงซินว่า “คุณไป๋ เริ่มได้เลยครับ”“ครับ”เจ้านายจึงเริ่มประชุม เขาเริ่มต้นด้วยการแนะนำไป๋ ทิงซิน จากนั้นเขาก็แนะนำโครงการที่ผ่านมาบางโครงของบริษัทเขาไม่ลืมพูดถึงโจว เจียเหวิน “นี่คือนักออกแบบที่อายุน้อยที่สุดของเรา อย่าคิดว่าอายุของเธอจะเด็กเกินไป เพราะพ่อของเธอก็เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในวงการนี้ เธอเองก็ได้รับรางวัลระดับนานาชาติเช่นกัน การออกแบบบางส่วนของเธอมีความ
ทุกคนในบริษัทออกแบบคิดว่ามันเป็นความจริง ที่ว่าชิน เหลียนอีให้ท่าเฉิน จื่อยวี่ เพียงเพราะเธอไม่มีตัวตนในบริษัทออกแบบมากนัก เธอมาจากครอบครัวธรรมดาและหน้าตาธรรมดาเช่นกัน เป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่จะสนใจผู้ชายอย่างเฉิน จื่อยวี่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อนร่วมงานหลายคนต่างก็เข้าข้างโจว เจียเหวินหลายคนรู้สึกว่า ถึงแม้โจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่จะเก็บความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เป็นความลับโดยไม่มีใครรู้ แต่ชิน เหลียนอีก็ไม่ควรพยายามเข้าไปแทรกกลางแต่ใครจะคิดว่าแฟนของชิน เหลียนอีจะเป็นไป๋ ทิงซิน ท่านประธานแห่ง ไป๋ เฟิง กรุ๊ป!หากพวกเขาเปรียบเทียบไป๋ ทิงซินกับเฉิน จื่อยวี่ ผลลัพธ์คงจะชัดเจน? ไป๋ ทิงซิน ชนะทุกวิถีทาง!ถ้าชิน เหลียนอีมีแฟนเป็นไป๋ ทิงซิน และยังคงหลงเสน่ห์ของเฉิน จื่อยวี่... นั่นคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?ทันใดนั้น เพื่อนร่วมงานหลายคนที่เคยเข้าข้างกับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ ก็ได้เปลี่ยนวิธีคิดและเริ่มสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ ที่โจว เจียเหวินได้กล่าวไว้จิตใจของโจว เจียเหวินเต็มไปด้วยว่างเปล่า เธอคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็
ไป๋ ทิงซินหันกลับมามองเฉิน จื่อยวี่ ครู่ต่อมาเขาหัวเราะและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดจริง ๆ สินะ”เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจด้วยท่าทางที่ดูถูก ใบหน้าของเฉิน จื่อยวี่แดงก่ำด้วยความโกรธไป๋ ทิงซินกำลังบอกเป็นนัยว่าเขาไม่ใช่คนที่ชิน เหลียนอี ต้องการ เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะไป๋ ทิงซินได้ แต่เฉิน จื่อยวี่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ไป๋ ทิงซินหันไปหาชิน เหลียนอีอีกครั้งและกล่าวว่า “บอกผมที หากมีการเข้าใจผิดอีกในครั้งต่อไป อย่าให้คนอื่นมาคิดว่าคุณไม่มีแฟนได้ล่ะ”จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะของชิน เหลียนอีด้วยความรัก ชิน เหลียนอีรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเป็นที่น่าสนใจและกำลังดึงดูดสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาปัญหาคือ... เธอกำลังจะเลิกกับไป๋ ทิงซิน! ยิ่งตอนนี้มีคนอิจฉาเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจะถูกเยาะเย้ยมากขึ้นเท่านั้นในอนาคตชิน เหลียนอีดูน่าเวทนา เธอกำลังทุกข์ทรมานแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้...การประชุมจบลงด้วยความอิจฉาและอับอายสำหรับโจว เจียเหวินกับเฉิน จื่อยวี่ พวกเขาออกจากห้องในทันที เพื่อนร่วมงานของพวกเขาที่เคยเยาะเย้ยชิน เหลียนอีก่อนหน้านี้ ก็หน้าบูดเช่นกันผู้อำนวยการมองไปที่ชิน เหลียนอีด้วยความโล่ง