เขารู้สึกผ่อนคลายเพียงแค่ว่าเธอจะนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาราวกับว่าเพียงแค่ได้มองดูเธอแบบนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจจากความตึงเครียดที่หนักหนาในแต่ละวันที่เขาต้องคอยต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมคนอื่น ๆ ต่างเห็นว่าเขามีอำนาจขนาดไหน แต่เขาก็รู้สึกว่ายิ่งเขายืนสูงเท่าไร ยิ่งมีเงินและอำนาจมากเท่าไร ผู้คนรอบตัวเขาก็จะพยายามชักจูงเขามากขึ้นเท่านั้นมันอาจจะดูน่าสรรเสริญ แต่จริง ๆ แล้วมันอันตราย ความประมาทอาจทำลายอำนาจของตระกูลอี้ได้เขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมากในทุกขั้นตอนที่เขาทำ การวางแผนล่วงหน้าสิบก้าวก่อนที่จะเริ่มก้าวที่หนึ่งเป็นบรรทัดฐานสำคัญสำหรับเขา เขายุ่งอยู่กับการคำนวณทุกความเป็นไปได้จนลืมไปว่าการพักผ่อนเป็นอย่างไรบางทีเธออาจเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เขารู้สึกโล่งใจได้เมื่อขับรถมาถึงปั๊มน้ำมัน อี้ จิ่นหลี่ก็ออกไปซื้อน้ำ ส่วนหลิง อี้หรานยังคงนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า เธอมองไปที่พวงมาลัยเธอยังคงจำความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัสพวงมาลัยเป็นครั้งแรกเมื่อตอนหัดขับรถได้ เงินที่เธอใช้ไปเพื่อสอบใบขับขี่ตามธรรมเนียมทางกฎหมายครั้งแรกของเธอ เธอยังจำมันได้ดีเธอไม่คิดว่าหนึ่งปีหลังจากเรียนขับ
อี้ จิ่นหลีกำลังจะหยิบน้ำที่เขาซื้อให้หลิง อี้หราน แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอ เขาก็รีบถามขึ้น “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า?”เธอส่ายหัว “ฉัน... ฉันแค่…” ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียวในตอนนี้คิ้วของเขาย่นเข้าหากัน แทบไม่มีเลือดบนใบหน้าของเธอเลย หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ มือข้างหนึ่งของเธอกำพวงมาลัยไว้ในขณะที่ตัวของเธอสั่น ดวงตาสีเข้มของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว...เหมือนกับเธอกำลังอยู่ในความตื่นตระหนก“แค่อะไร?” เขาถามโดยวางขวดน้ำไว้ข้าง ๆ และวางมือลงบนมือของเธอที่อยู่บนพวงมาลัย เขาดึงมือเธอออกจากพวงมาลัยทีละน้อย “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”น้ำเสียงอันหนักแน่นและมั่นคงของเขาพลันดังขึ้นในหูของเธอหลิง อี้หรานหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ทำให้ร่างกายที่สั่นเทาของเธอสงบลงมันจบลงแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวเธอพร่ำบอกตัวเองอย่างนั้น จากนั้นเธอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปยังอี้ จิ่นหลี “ไม่เป็นไร ฉันแค่นึกถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น มาลองคิดดู อย่างน้อยฉันก็ยังโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่”ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอไม่มีโชค
แน่นอนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับยาแผนโบราณคือลูกกวาดและช็อกโกแลตหลิง อี้หรานดื่มยาแผนโบราณที่ขมขื่นของเธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกขม เพราะเธอรู้ว่ายาแผนโบราณคือความหวังสำหรับเธอบางทีถ้าเธอโชคดี เธออาจจะมีลูกด้วยตัวของเธอเองได้อี้ จิ่นหลีแกะช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งเพื่อป้อนให้หลิง อี้หราน หลิง อี้หรานอ้าปากเพื่อกินช็อกโกแลตที่เขาป้อนแต่เธอบังเอิญ ‘กิน’ นิ้วของเขาไปด้วยขณะเดียวกัน หลิง อี้หรานพยายามที่จะถอยกลับและเอานิ้วของเขาออกจากปากของเธอแต่มืออีกข้างของเขาก็จับที่ด้านหลังศีรษะของเธอทันที ขณะที่เขายังคงเอานิ้วคาไว้ในปากของเธอหลิง อี้หรานหน้าแดง และตอนนี้เธอไม่สามารถเปิดปากหรือปิดมันได้ ในปากของเธอมีช็อกโกแลตอยู่ซึ่งมันกำลังละลาย“ช็อกโกแลตหวานไหม?” เขาพึมพำ น้ำเสียงอันไพเราะของเขาราวกับสายลมเวลากลางคืนที่พัดผ่านต้นไผ่ เป็นความหลงใหลที่ไม่อาจต้านทานได้เธอไม่สามารถลิ้มรสช็อกโกแลตได้เลย ความสนใจทั้งหมดของเธอกำลังจดจ่ออยู่ที่นิ้วของเขาศีรษะของเธอถูกจับโดยมืออีกข้างหนึ่งของเขา และเธอไม่สามารถขยับศีรษะได้ปลายนิ้วของเขาเหมือนกำลังร่ายเวทมนต์อยู่เงียบ ๆ เธอหน้าแดงมากขึ้นในขณะที่รู้สึกร้อน
มือของเขาสัมผัสแก้มของเธออย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เปิดริมฝีปากบางและกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พี่จะรักผมได้ไหม?”น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังขอร้อง ราวกับว่าเขาโหยหาความรักเธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ทำให้ริมฝีปากของเธอดูบอบบางและเย้ายวนมากยิ่งขึ้น เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาอย่างไร ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนเธอจะยังคิดไม่ออก ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นของเขาใบหน้าที่สวยงามของเธอ, นัยน์ตาสีดำเข้ม, จมูกจิ้มลิ้ม และปากบางของเธอที่กำลังขยับและเลีย ราวกับว่าเธอกำลังยั่วยวนเขา ทำให้เขาไม่สามารถระงับความปรารถนาของตัวเองได้เขาต้องการเธอ เขาต้องการเธอสุด ๆ !ความคิดนั้นก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในจิตใจของเขา เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเธอ ความปรารถนาของเขาก็เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ต้องการบุกทะลุประตูเข้าไป…เขากดริมฝีปากแนบกับเธออีกครั้ง แต่จูบนี้กลับอ่อนโยนและยาวนานกว่าจูบแรกที่รุนแรงและต้องการครอบงำก่อนหน้านี้เหมือนกับว่าเขาพยายามจะทำเครื่องหมายและทิ้งกลิ่นของเขาไว้กับเธอ ทำให้เธอจดจำจูบของเขาเขาพรมจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของเธอออกเธอรู้สึกขน
“พะ... พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่?” ประโยคเรียบง่ายหลุดออกจากปากเขาทีละคำหลังจากพยายามกล่าวมันออกมาด้วยความยากลำบาก เหมือนกับการบีบยาสีฟันหลิง อี้หรานกัดริมฝีปากของเธอ “ฉัน... ฉันรู้”เธอกอดเขาไว้แน่นจนใบหน้าฝังเข้ากับแผ่นหลังของเขา ผ้าห่มที่คลุมร่างกายของเธออยู่ล่วงลงไปอยู่กับพื้น เธอแค่อยากจะทำตามหัวใจของเธอและบอกกับเขาว่าเธอต้องการจะพูดอะไรราวกับว่าเธอได้รวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มีของเธอเพื่อทำสิ่งนี้“ฉันคิดว่าฉันรักนาย จิน!” หลิง อี้หรานเปล่งเสียงออกมา ใช่ เธอต้องการบอกเขาให้รับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ แทนที่จะนิ่งเงียบเมื่อเขาถามว่าเธอรักเขาหรือเปล่า เธอไม่อยากเห็นดวงตาที่เศร้าหมองของเขาอีกต่อไป เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอรู้สึกโดนแทงที่หัวใจที่ละเล็กที่ละน้อยเมื่อเขาพยายามที่จะรับความปรารถนาของเขา และคอยปลอบเธอโดยการบอกว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่เธอไม่ต้องการเลยในสายตาของเขา เขาคิดว่าเธอไม่ได้รักเขา“ฉันไม่รู้ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน และไม่รู้ว่ารักขนาดไหน แต่ฉันรักคุณ” หลิง อี้หรานกล่าวต่อเธอไม่ต้องการปิดบังความรู้สึกของเธอเพราะเธอไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิด เธอไม่ต้องการที่จะเห
ใบหน้าของหลิง อี้หรานร้อนฉ่าเมื่อเธอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นแล้ว แต่ยังคงแกล้งหลับตาต่อไป เธอกลัวจะเห็นอี้ จิ่นหลี ถ้าเธอเห็นเขา เธอจะต้องรู้สึกอึดอัดมากอย่างแน่นอนเธอควรจะพูดอะไรเป็นอย่างแรกเมื่อเห็นเขาเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดนี้?หลิง อี้หรานเริ่มไตร่ตรองเพื่อคิดคำถามก่อนที่เธอจะคิดแผนได้ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “ตื่นหรือยัง? ถ้าพี่จะทำแบบนั้น พี่ไม่จำเป็นต้องหลับตาก็ได้ หรือพี่ไม่อยากเห็นผม?”ร่างของหลิง อี้หรานสั่นระริกเล็กน้อย ขณะที่เธอลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลา... ใบหน้าของอี้ จิ่นหลี!เขาวางมือของเขาอยู่ไว้บนข้างเตียง เพื่อยันลำตัวให้เอียงไปเล็กน้อย และใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว ขณะที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขากำลังโรยรินบนผิวหนังของเธอด้วยระยะทางที่อยู่ใกล้กัน เธอสามารถนับจำนวนขนตาของเขาได้ขนตาดำยาวที่เข้ากันกับดวงตาของเขาเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาสำหรับผู้หญิง... ดวงตาของเธอสบกับสายตาของเขา และเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยั่วยวนที่เรียกหาเธอ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากจะกลืนก
เธอต้องการจะลงจากเตียง เขาก็กล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน”เธอมองดูเขาก้มตัวลงและคุกเข่าต่อหน้าเธอเพื่อช่วยเธอสวมถุงเท้า เขาสวมรองเท้าสำหรับใส่เดินในบ้านให้เธอก่อนที่จะพาเธอไปที่ห้องน้ำ“เอ่อ คุณคิดจะทำอะไร?” เธอถามด้วยความงุนงง“ไม่ไปล้างตัวหน่อยเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถามกลับ‘อืม... โอเค ก็จริง’เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ เขาค่อย ๆ หย่อนเท้าของเธอลงก่อน จากนั้นจึงประคองร่างของเธอให้ยืน แล้วกล่าวกับเธอว่า “ถ้าพี่ยืนไม่ไหว ก็จับตัวผมไว้”“อือ” เธอตอบรับเสียงเบาและมองไปยังกระจกที่อยู่ข้างหน้าเธอพวกเขามองเห็นเงาสะท้อนของพวกเขาในกระจก เธอมองดูเขาผ่านกระจก โดยที่เขากำลังก้มศีรษะลง เพื่อบีบยาสีฟันไว้บนแปรงสีฟันอย่างระมัดระวัง...‘นี่คงเป็นความรู้สึกที่มีใครสักคนคอยดูแล’ หลิง อี้หรานคิด“เสร็จแล้ว” เขากล่าวพร้อมกับส่งแปรงสีฟันให้เธอ “ถ้าพี่แปรงฟันเองไม่ได้ ผมจะทำให้พี่”“ไม่เป็นไร ฉัน... ทำเองได้” เธอก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วเพื่อเริ่มแปรงฟัน เธอไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้เขากำลังจ้องมองเข้าไปในกระจกเพื่อมองดูเธอแปรงฟันขณะก้มศีรษะลงสายตาของอี้ จิ่นหลีเต็มไปด้วยความหลงใหลไม่รู้จบ ‘ในที่สุดพี่ก็ตกหลุมรักผม พี
“คุณคิดว่าพวกเขาจะช่วยเราไหม? คุณคาดหวังให้ตระกูลเซียวต่อสู้กับอี้ จิ่นหลีและกลายเป็นศัตรูของเขาเหรอ? หรือคุณคาดหวังให้ตระกูลเซียวสูบเงินเป็นพันล้านเพื่อช่วยให้หุ้นของเราขึ้นมา” ห่าว ฉี่หลงถามหลิว จื่อเฉวียปิดปากเงียบทันที เธอเข้าใจเกี่ยวกับโลกธุรกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อสามีของเธอกล่าวแบบนั้น เธอก็เข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะขอความช่วยเหลือจากตระกูลเซียวมันไม่ใช่ว่าตระกูลเซียวจะสามารถทำเงินให้ได้สองสามพันล้านในครั้งเดียวหรือไม่ แต่มันคือความจริงที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านอี้ จิ่นหลีได้ “แล้ว... เราควรทำยังไง?” หลิว จื่อเฉวียรู้สึกกังวล “เกิดอะไรขึ้นกับอี้ จิ่นหลี? ทำไมเขาถึงหลงใหลผู้หญิงอย่างหลิง อี้หราน? ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรใส่เขา? นังนั้นเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่จื่อฉีไม่ต้องการ!”ห่าว ฉี่หลงอดไม่ได้ที่จะดุออกมา “พอแล้ว! คุณจะพูดแบบนี้ต่อหน้าผมได้ แต่อย่าไปพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะ ไม่อย่างนั้น คุณจะเจอกับปัญหาไร้สาระมากขึ้น”หลิว จื่อเฉวียรู้สึกไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้อีก“ฉันจะไปพบกับอี้ จิ่นหลีเพื่อดูว่าเขามีเจตนาจะทำอะไร” ห่าว ฉี่หลงกล่าว เขาไม่สามา