ราวกับว่าเธอสามารถรับรู้ได้ถึงความกังวลของเพื่อนสนิทของเธอ หลิง อี้หรานกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะค้นหาความจริงและความยุติธรรมให้กับห่าว เหมยยวี่ และพิสูจน์ว่าฉันบริสุทธิ์!”“ฉันไม่เป็นไร แล้วเธอล่ะ? เธอกับไป๋ ทิงซินเป็นยังไงบ้าง?” หลิง อี้หรานถาม“จะอะไรอีกล่ะ? ก็ตามนั้นแหละ” ชิน เหลียนอียักไหล่และกล่าวว่า “เราก็ดูเหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไป”เป็นเพราะมันดู ‘ธรรมดาเกินไป’ บางครั้งเธอมักจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดว่าเธอกำลังคบกับไป๋ ทิงซินจริง ๆ เธอยังจมอยู่กับความรู้สึก ‘ออกเดท’ นี้ เธอต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก ไป๋ ทิงซินแค่ต้องการแก้แค้นเธอ หลังจากที่เธอตกหลุมรักเขา“ฉันยังไม่เชื่อว่าไป๋ ทิงซิน จะแก้แค้นเธออย่างที่เธอคิด” หลิง อี้หรานกล่าว ถ้าเขาต้องการแก้แค้นเหลียนอี คนอย่างไป๋ ทิงซินมีวิธีมากมายในการทรมานผู้คน เขาไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีที่อ้อมค้อมและใช้เวลานานแบบนี้เลย“ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดเหมือนกัน” ชิน เหลียนอีเบะริมฝีปากของเธออย่างไม่พอใจหลิง อี้หรานรู้ว่าเหลียนอียังคงคิดว่า ไป๋ ทิงซินคบกับเธอเพื่อต้องการแก้แค้น แต่เนื่องจากเธอไม่รู้เกี่ยวกับไป
เมื่อไป๋ ทิงซินเห็นแววตาของชิน เหลียนอี อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อรถขับกลับมาที่เมืองเฉิน พวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์อี้ อี้ จิ่นหลีและหลิง อี้หรานลงจากรถขณะที่ไป๋ ทิงซินเปลี่ยนไปนั่งที่ของคนขับแทน“ไว้เจอกันนะ อี้หราน” ชิน เหลียนอีกล่าวคำอำลา“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบ “ขอบใจสำหรับวันนี้นะ แล้วก็กลับบ้านอย่างปลอดภัยล่ะ!” จากนั้นเธอกับอี้ จิ่นหลีก็เดินผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่เข้าสู่คฤหาสน์อี้ชิน เหลียนอีจับจ้องไปที่อี้ จิ่นหลีกับหลิง อี้หรานที่ตอนนี้อยู่หลังประตูเหล็ก จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่ประชดประชันของไป๋ ทิงซิน “คุณยังดูไม่พออีกหรือไง?”“ฉันก็แค่มองดู แค่นั้นเอง” ชิน เหลียนอีพึมพำ ตอนที่เธอได้พบกับอี้ จิ่นหลีที่บ้านเช่าของอี้หรานก่อนหน้านี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มองว่าเขาเป็นกุ๊ย แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นผู้ปกครองแห่งเมืองเฉิน!จากนั้นมือคู่หนึ่งก็จับใบหน้าของชิน เหลียนอี ใบหน้าของเธอหันไปเผชิญหน้ากับเขา “เมื่อวันก่อนคุณไม่ได้บอกว่าคุณชอบมองหน้าผมเหรอ? ตอนนี้คุณกำลังสนใจอี้ จิ่นหลีใช่ไหม?”ชิน เหลียนอีแทบสำลัก เขากำลังพูดอะไร? ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอสนใจอี้ จิ่นหลี?เธอรู้ส
ใช่สิ ยังไงเขาก็เป็นเจ้าหนี้ของเธออยู่ดี!…หลังจากที่หลิง อี้หรานและอี้ จิ่นหลีกลับไปที่คฤหาสน์อี้ อี้ จิ่นหลีก็ถามว่า “วันนี้พี่ผิดหวังไหม? เราไปที่เมืองเอส แต่ไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์เลย”หลิง อี้หรานส่ายหัว “ไม่หรอก”“พี่ไม่ผิดหวังเหรอ?” เขาดูค่อนข้างแปลกใจ“เพราะคุณเต็มใจที่จะช่วยฉันหาเบาะแส และทำให้ฉันพ้นผิด ฉันก็มีความสุขแล้ว ไม่ว่าเราจะพบสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือไม่ก็ตาม” เธอกล่าวราวกับว่าเขาเชื่อใจเธอจริง ๆ และความบาดหมางระหว่างพวกเขาก็ค่อย ๆ หายไปเขาจ้องมองเธอ เขาเข้าใจว่าความปรารถนาของเธอคือต้องการจะย้อนคดีเท่านั้น... เขาสามารถช่วยเธอให้พ้นผิดได้ แต่เขาไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่เธออยากรู้ก็ตาม“ตราบใดที่พี่มีความสุข” เขายิ้มเล็กน้อยและหลีกเลี่ยงหัวข้อโดยกล่าวว่า “ถ้าพี่ไม่ไปทำงาน แล้วพี่จะทำอะไรในช่วงวันหยุดล่ะ?”“ฉันจะไปเยี่ยมคุณยายในสองสามวันนี้” เธอกล่าว เธอยุ่งกับงานมากจนไม่มีเวลาโทรหายายเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เนื่องจากมันไม่ง่ายที่เธอจะมีวันหยุดในช่วงนี้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะไปเยี่ยมคุณยายของเธอ“ดีสิ พี่จะไปเมื่อไหร่?
“...” เธอพูดไม่ออก ไม่มีใครเคยลิ้มรสยาของคนอื่นเพียงเพื่ออยากจะรู้ว่ามันขมแค่ไหน นอกจากนี้ยังเป็นยาสำหรับสตรีอีกด้วยถึงแม้จะเหลือเพียงเล็กน้อยและไม่ทำให้เขารู้สึกขมมาก แต่... เอ่อ เขาประมาทเล็กน้อยที่ทำแบบนั้น“ทำไมคุณไม่กินขนมสักชิ้นเพื่อบรรเทาความขมล่ะ?” เธอถามในขณะที่ยังอมอมยิ้มอยู่ในปาก“งั้นเหรอ?” เขาตอบ แทนที่จะหยิบขนมบนจาน เขากลับเอนตัวไปเข้าหาเธอ มือของเขาจับด้านหลังศีรษะของเธอในขณะที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ“คุณ...” เธออ้าปากจะพูด แต่ริมฝีปากของเขากลับประกบลงบนริมฝีปากของเธอทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาสอดใส่ลิ้นเข้ามาในปากของเธอ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะสำรวจทุกอย่างของเธอ...เขาจูบอย่างอ้อยอิ่งและครอบงำ ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ความขมขื่นผสมกับความหวาน เมื่อสิ้นสุดการจูบ เธอไม่สามารถบอกได้ว่ารสชาติในปากของเธอคือรสชาติอะไรเมื่อจูบจบลง เธอก็มองเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ มือใหญ่ของเขายังคงอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถมองไปด้านอื่นได้“หวานจัง” ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเขาจ้องมองมาที่เธอ ในขณะที่ริมฝีปากบางของเขากระซิบถ้อย
หลิง อี้หรานลังเลก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง เธอไม่อยากให้พ่อบ้านต้องมาลำบากเพราะเธอหลิง อี้หรานให้คนขับรถพาเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเธอต้องการซื้อของกินและเสื้อผ้าที่เหมาะกับคุณยาย หลิง อี้หราน ลงไปชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร เธอมองไปที่เค้กและขนมต่าง ๆ จากนั้นจึงเลือกขนมที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง มันค่อนข้างแพงไปหน่อย แต่หลิง อี้หรานก็ตัดสินใจซื้อมันอยู่ดี หลังนึกได้ว่าบางครั้งระดับน้ำตาลในเลือดของคุณยายก็สูงเกินไปหลังจากจ่ายค่าขนมแล้ว เธอก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นบนเมื่อเธอไปถึงชั้นสอง ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนที่เธอจะเห็นว่าเขาเป็นใคร เธอก็ถูกตบหน้าอย่างแรงร่างของหลิง อี้หรานเซและเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น เธอกลับมายืนหยัดด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่กล่องขนมของเธอร่วงลงไปกองกับพื้น“ฉันคิดว่าฉันตาฝาก แต่เป็นเธอจริง ๆ ตอนนี้เธอออกจากคุกแล้วหรือยังล่ะ? มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้างั้นเหรอ?” เสียงของบุคคลนั้นดังขึ้นในหูของหลิง อี้หรานหลิง อี้หรานจับแก้มของตัวเอง และจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่โกรธแค้นตรงหน้าเธอด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
“ถามจริง ๆ เธอไม่อายตัวเองบ้างเหรอที่อยู่ในสถานที่แบบนี้น่ะ!" ห่าว ฉี่หลง กล่าวหลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยความโกรธว่า “แค่ฉันเห็นมัน ฉันก็โกรธมากแล้ว บอกฉันทีว่ามันพูดอะไรฟังดูคล้ายกับสิ่งที่คนเขาพูดกันงั้นเหรอ? มันฆ่าเหมยยวี่แต่กลับบอกว่าไม่เคยทำร้ายใคร!”ห่าว ฉี่หลงจ้องมองไปที่หลิง อี้หรานด้วยสายตาที่แข็งกร้าว “เธอได้ออกมา การตัดสินว่าเธอผิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล แต่ถ้าเธอพูดถึงสิทธิ์...”ดวงตาของห่าว ฉี่หลงเต็มไปด้วยความรังเกียจราวกับว่าเขากำลังมองไปที่มดที่เขาสามารถบดขยี้ได้ “เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดถึงสิทธิ์ต่อหน้าฉัน”จากนั้นเขาจึงสั่งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยข้าง ๆ ว่า “ไล่ผู้หญิงคนนั้นออก แล้วส่งรูปของเธอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ และฝ่ายบริหารของห้าง ห้ามให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในห้างอีก”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบรับ และหลิง อี้หรานก็ถูกชายที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวาของเธอ บังคับให้ออกไปจากห้าง“ขะ... ขนมของฉันอยู่ที่พื้น” ที่เขาสามารถสั่งอะไรแบบนี้ได้ นั่นหมายความว่าห้างสรรพสินค้านี้เป็นของตระกูลห่าว หรืออย่างน้อยตระกูลห่าว ก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นร
ดวงตาของห่าว ฉี่หลงกระตุก “มันจะง่ายมากที่จะทำให้คนอย่างเธอต้องเข้าคุกอีกครั้ง ไว้ผมจะออกคำสั่งทีหลัง”เขาพูดง่าย ๆ ราวกับว่าการจัดการชะตากรรมชีวิตของคนอื่นนั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาหลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยแววตาเจิดจรัสพร้อมกับกัดฟัน “คราวนี้ให้โทษจำคุกตลอดชีวิตเลยนะ ฉันอยากให้มันอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต!” มันเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดความเกลียดชังของเธอ“ได้สิ ผมจะทำตามที่คุณต้องการ อย่าคิดมากเกี่ยวกับเหมยยวี่และทำร้ายตัวเองเลย นึกถึงอี้เหมิงไว้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“แน่นอน ตอนนี้อี้เหมิงเป็นลูกสาวคนเดียวของเราแล้ว ฉันจะนึกถึงใครได้อีกล่ะ?” หลิว จื่อเฉวียกล่าว “น่าเสียดายที่ผู้ชายที่ลูกชอบคือนายน้อยเซียว ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลี เราก็อาจจะยังเป็นสะใภ้ของเขาอยู่!” หลิว จื่อเฉวียกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ“เราไม่สามารถโชคดีแบบนั้นได้ตลอดเวลา อย่างน้อย... อี้เหมิงก็ได้รับสิ่งที่ลูกต้องการแล้วตอนนี้” ห่าว ฉี่หลงกล่าว“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องทำให้ฉันได้รับความปรารถนาเร็ว ๆ ด้วย ฉันต้องเห็นหลิง อี้หรานเข้าคุกอีกครั้ง!” หลิว จื่อเฉวียยังคงไม่ลืมเกี่ยวกับหลิง อี้หราน“ได้ ผมจะรีบจัดการ!” ห่าว ฉี่หลงตอบ
หลิว จื่อเฉวียตกตะลึง เธอเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกสาว “ลูกพูดเรื่องไร้สาระอะไร อี้เหมิง? ขอโทษ? ขอโทษหลิง อี้หรานงั้นเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง? มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ทำให้หน้าของมันเสียหาย! ลูกจะคาดหวังจะให้แม่ขอโทษมันได้ยังไง?”“มันจะสายเกินไปถ้าแม่และพ่อไม่ขอโทษเธอตอนนี้” ห่าว อี้เหมิงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา และกำลังจะกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อสายพ่อของเธอ แต่แม่ของเธอก็ฉกเอาไป“มีอะไร? ลูกต้องบอกแม่มาให้ชัดเจน” หลิว จื่อเฉวียกล่าวขณะที่จ้องไปที่ลูกสาวห่าว อี้เหมิงหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนี้หลิง อี้หรานมีอี้ จิ่นหลี คุ้มครองอยู่ แม่ ตระกูลของเราจะทำให้ตระกูล อี้ขุ่นเคืองไม่ได้!”ใบหน้าของหลิว จื่อเฉวียเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ “เป็นไปได้ยังไง? ลูกล้อเล่นหรือเปล่า?”“หนูก็หวังว่าหนูจะล้อเล่นเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง! ทำไมแม่ไม่ถามหนูล่ะว่าทำไมขาของจื่ออี้ถึงไม่หายสนิทสักที หลังจากที่นานขนาดนี้และเธอบาดเจ็บได้ยังไง?” ห่าว อี้เหมิงกล่าวเมื่อดูการแสดงออกที่จริงจังของลูกสาวของเธอ หลิว จื่อเฉวียก็รู้สึกเสียวซ่าบนหนังศีรษะ เธอรู้สึกว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เ