“แล้วถ้าเธอไม่ใช่แฟนฉันล่ะ? เธอจะชอบกู้ ลี่เฉิน ไหม?” อี้ จิ่นหลี หนักแน่นจะเอาคำตอบให้ได้เขา... จะรู้ได้อย่างไร? แต่เนื่องจากเจ้านายของเขาถามเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบว่า “ผมคิดว่าคุณหลิง... ค่อนข้างหัวโบราณเกี่ยวกับความรู้สึก เธอจะไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ เมื่อตกหลุมรักใครสักคน”“อย่างนั้นเหรอ? เธอเคยเป็นแฟนกับเซียว จื่อฉี มาก่อน” อี้ จิ่นหลี ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเกา ฉงหมิง รู้สึกเหมือนกำลังร้องไห้อยู่แต่ไม่มีน้ำตา เขารู้สึกว่าเขากำลังทนทุกข์ในตำแหน่งเลขานุการ “เรื่องของคุณหลิงกับเซียว จื่อฉี จบลงแล้ว ตั้งแต่คุณหลิงถูกเซียว จื่อฉี ทรยศเธอ เธอคงไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาอีกต่อไป”“ทรยศ?” อี้ จิ่นหลี เลิกคิ้วเล็กน้อย“ครับ ไม่ใช่การทรยศเหรอที่เซียว จื่อฉี เลิกกับคุณหลิง เพราะเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก? ด้วยนิสัยของคุณหลิง เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะไม่มีวันให้อภัยคนที่ทรยศเธอ” เกา ฉงหมิง กล่าวใบหน้าของอี้ จิ่นหลี เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ริมฝีปากบางของเขาแทบจะกลายเป็นเส้นตรง ถ้าสิ่งที่เซียว จื่อฉี ทำกับอี้หรานเป็นการทรยศ แล้วสิ่งที่เขาทำกับอี้หรานทั้งหมดล่ะ?เขารู้สึกถึงความ
“ทำไมคุณไม่เปิดไฟล่ะ?” เธอถามอย่างสงสัย“ผมคิดถึงพี่” เขาตอบที่คำตอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำถามของเธอใบหน้าของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงและหัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้น หลิง อี้หราน ดีใจที่ตอนนี้ยังมืดอยู่เพราะมันหมายความว่าเขามองไม่เห็นใบหน้าที่แดงแจ๋ของเธอ“แล้วพี่ล่ะ? วันนี้พี่คิดถึงผมบ้างไหม?” เสียงของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ ในขณะที่ลมหายใจของเขารวยรินรดต้นคอเธอจนรู้สึกเสียวซ่านเธอรู้สึกราวกับว่าลมหายใจบนต้นคอได้ดึงดูดความสนใจของเธอไปหมด และหลังจากรู้สึกถึงลมหายใจของเขา เธอก็รู้สึกว่าริมฝีปากของเขาแนบชิดกับหูของเธอมากจนถ้าเขาเข้ามาใกล้อีกนิดริมฝีปากของเขาก็คงจะจูบที่ใบหูของเธอพอดีขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแปลบ ๆ ที่หูของเธอ เธอรู้สึกตกใจก่อนจะดึงสติของตัวเองกลับมา จากนั้น... ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเขา… กำลังขบใบหูของเธออย่างละเมียดละไม ทำให้ตัวของเธอสั่นเล็กน้อย“บ้างไหมครับพี่?” เสียงต่ำของเขาดังออกมาอีกครั้ง“ฉันคิดถึง...” เธอตอบเสียงสั่น “อืม... ปล่อยฉันก่อน ฉันขอวางกระเป๋าก่อน”เธอกล่าวและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เธอรู้สึกเพียงว่าบรรยากาศมันคลุมเครือจ
เขากลัวว่าเธอจะไม่ชอบเขามากพอ เขากลัวว่าความรักของเธอที่มีต่อเขาจะถูกแทนที่ได้ตลอดเวลา และวันหนึ่งเธอจะทิ้งเขาไป!เขาค่อย ๆ หันร่างของเธอเข้ามาหาเขาเพื่อให้พวกเขาหันหน้าเข้าหากันและกันแม้ตอนนี้ความมืดจะปกคลุมไปทั่วห้องนั่งเล่น แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้หลิง อี้หรานยังคงสามารถมองเห็นเค้าโครงใบหน้าของอี้ จิ่นหลี ได้แต่เธอไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกทางใบหน้าของเขาได้อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองมาที่เธอเหมือนกันเธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นแนบกับแก้มของเขา และกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “ได้สิ ฉันจะชอบคุณมากกว่านี้” หากในตอนแรกเธอรู้สึกสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา และไม่รู้สึกถึงอนาคตในความสัมพันธ์นี้ ตอนนี้เธอกลับขอร้องให้มันแตกต่างไปจากเดิมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตของพวกเขา เธอจะยอมรับผู้ชายคนนี้ จะให้ความรักแก่เขามากขึ้น และจะปลอบประโลมเมื่อเขาไม่สบายใจ—อย่างน้อยก็ในตอนนี้หลังจากจบคำพูดของเธอ เธอเขย่งตัวและบรรจงจูบริมฝีปากของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีสติและจูบเขาด้วยความรู้สึกที่แท้จริงราวกับว่าเธอได้ใส่ความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเขาไว้ในจูบนั้นร่า
คนที่มีฐานะสูงอย่าง อี้ จิ่นหลี อาจมีสิ่งล่อตาล่อใจอยู่รอบตัวเขา แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอนั้นเป็นเรื่องจริงความสัมพันธ์นี้จะคงอยู่ต่อไปในอนาคตไหม?“ผมจะไม่ตกหลุมรักใครอีกแล้ว พี่คือคนเดียวที่ผมรักในชีวิตนี้” อี้ จิ่นหลี กล่าว“เพราะฉะนั้นถ้าผมทำผิดอะไร ผมหวังว่าพี่จะยกโทษให้ผม” เขาพึมพำ ก่ำกึ่งระหว่างออกคำสั่งและออดอ้อน“ได้สิ” หลิง อี้หราน ตอบเมื่อคำตอบออกมาจากปากของเธอ เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากอดเธอแน่นขึ้น “หลิง อี้หราน อย่าลืมสิ่งที่พี่สัญญากับผมในวันนี้ อย่าลืมเด็ดขาด!”ราวกับว่าเธอได้สัญญาบางสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เธอไม่สามารถลืมหรือย้อนกลับไปได้...ภายในห้องน้ำ หลิง อี้หราน มองไปที่แก้มแดงระเรื่อของเธอแม้ว่าจะผ่านมาสักพักแล้วที่เธอกอดและจูบกับอี้ จิ่นหลี ในห้องนั่งเล่น แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงแดงอยู่อี้ จิ่นหลี ดูแปลกไปในคืนนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถนึกออกได้ว่าเพราะอะไรบางทีเธออาจจะแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็บอกว่าเขารักเธอเมื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้น หลิง อี้หราน ก็ไม่รู้สึกอะไรนอกจากความหวานที่พรั่งพรูออกมาจากใจ แม้แต่ในกระจก มุมปากของเธอก็ยกสูงขึ้น
วิดีโอพวกนั้นไม่ได้อยู่บนโลกออนไลน์อีกต่อไป แต่... เธอก็ไม่อยากปิดบังเรื่องนี้จากเขา เพราะพวกเขาก็เป็นแฟนกันแล้ว“วันนี้...” หลิง อี้หราน บอกอี้ จิ่นหลี เกี่ยวกับข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในวันนี้ รวมถึงเรื่องที่กู้ ลี่เฉิน ช่วยเธอไว้เมื่อเธอพูดจบ เธอไม่เห็นความตกใจหรือแปลกใจบนใบหน้าของอี้ จิ่นหลี แม้แต่น้อย เธออดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “คุณรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ?”“อืม ผมเห็นวิดีโอเหตุการณ์ที่พี่พูดถึง” เขากล่าวตอนนี้เธอกลับเป็นคนที่ประหลาดใจแทน เขาเห็นวิดีโอที่เธอ... ไม่เห็นด้วยซ้ำ!“ในวิดีโอนั้น... ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกู้ ลี่เฉินนะ” เธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดโดยไม่รู้ตัว เธอจึงเริ่มอธิบายให้เขาฟังตามที่พี่โจวกล่าว เมื่อวิดิโอถูกเผยแพร่ออกไป ความคิดเห็นจำนวนมากด้านล่างก็คาดเดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับกู้ ลี่เฉินเขานั่งบนขอบเตียงโดยใช้มือโอบรอบเอวของเธอไว้ คางของเขาเอียงไปข้างหลังเล็กน้อยขณะที่จ้องมองเธอ “พี่ไม่ได้สนใจกู้ ลี่เฉิน ใช่ไหม?”“แน่นอนว่าไม่” เธอกล่าว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขารู้บ้างไหมว่าตอนนี้เขาน่าดึงดูดแค่ไหน?เขาดูแตกต่างจากเวลาที่อยู่ต่อหน้าคน
เธอนึกถึงตอนที่กู้ ลี่เฉิน ช่วยเธอผูกเชือกรองเท้าเมื่อวานนี้ เขา... หึงเหรอ?อี้ จิ่นหลี หึงหรือเปล่า? มันเป็นสิ่งที่หลิง อี้หราน ไม่เคยคิดมาก่อน แต่มันก็ดูน่ารักดีเวลานึกถึงการกระทำของเขาแดดเผา?โจว เชียนหยุน มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองดูท้องฟ้า วันนี้มีเมฆมาก โดยเมฆกำลังบดบังแสงจากดวงอาทิตย์อยู่“ยังไงก็แล้วแต่ อาหยันน้อยกำลังจะผ่าตัดเร็ว ๆ นี้แล้ว แม่กับฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลหยันน้อยสักสองสามวัน ดังนั้นฉันจะปิดร้านอาหารตอนที่เราต้องไปโรงพยาบาล แต่เธอไม่ต้องกังวล เธอจะได้รับเงินตามปกติ” โจว เชียนหยุน กล่าว “ฉันจะส่งข้อความหาเธอตอนเปิดร้านอาหารนะ”“ได้ค่ะ” หลิง อี้หราน ตอบ “บอกฉันด้วยนะคะถ้าการผ่าตัดของหยันน้อยเสร็จแล้ว ฉันอยากรู้ว่าการผ่าตัดของเขาเป็นไปด้วยดีไหม”“แน่นอน” โจว เชียนหยุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันหวังว่าการผ่าตัดของเขาจะเป็นไปด้วยดี” แม้ว่าจะปิดร้านอาหารแค่ไม่กี่วัน แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเธอ แต่ตอนนี้การได้ยินของลูกชายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอเมื่ออาหยันน้อยมีประสาทหูเทียมแล้ว เธอจะมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องเผชิญ เช่น วิธีแปลเสียงที่เขาได้ยินให้เป็นภาษา เพื
“หลิง อี้หราน อยู่ไหน? เธอไม่อยู่ที่นี่เหรอ?” กู้ ลี่เฉิน ถาม“อี้หราน... ออกไปส่งอาหาร เธอจะกลับมาภายหลัง” โจว เชียนหยุน ตอบกู้ ลี่เฉิน ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาสั่งชานมกาแฟแค่แก้วเดียว จากนั้นเขาก็นั่งลงและดื่มมันอย่างช้า ๆคนที่มีชื่อเสียงอย่างกู้ ลี่เฉิน ที่อยู่ในร้านอาหาร เขาดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะมีคนไม่มากนักในร้านอาหาร แต่คนสองสามคนก็จำเขาได้ว่าเขาคือเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงรูปลักษณ์, ภูมิฐาน, และท่าทีไม่แยแสของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขาอย่างน่าประหลาดใจลูกค้าหลายคนในร้านอาหารมองมาที่เขาแม้แต่โจว เชียนหยุน ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะมองดูกู้ ลี่เฉิน จิบชานมกาแฟของเขา เขาดูเหมือนกำลังถ่ายโฆษณาอยู่เธอรู้ว่าว่าชานมกาแฟในร้านอาหารของเธอดูดีขึ้นมาก‘เมื่อไหร่อี้หรานจะกลับมา?’ ความคิดของโจว เชียนหยุน ทันใดนั้นเธอก็เห็นรถหรูจอดอยู่หน้าร้านอาหารเล็ก ๆ ของเธออีกครั้งเธอกล่าวว่า ‘อีกครั้ง’ เนื่องจากรถปอร์เช่คันหนึ่งได้จอดอยู่ที่ร้านอาหารของเธอก่อนหน้านี้แล้วจากนั้น ก็มีร่างสูงออกมาจากรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ที่เพิ่งเข้ามาจอด ดวงตาของโจว เชียนห
นิ้วของกู้ ลี่เฉิน กระชับขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขาถือแก้วชานมกาแฟ “ถ้าฉันเสียใจล่ะ?” เขาลดความสำคัญอิทธิพลของหลิง อี้หราน ที่มีต่อเขาในตอนนั้นเขาแค่คิดว่าหลิง อี้หราน ดูคล้ายกับคนที่เขากำลังตามหาเท่านั้นเขาค่อย ๆ ตระหนักถึงบางอย่างที่มีอะไรมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นใครบางคนพยายามทำร้ายเธอหรือตีเธอ เขาจะรู้สึกว่าหัวใจของเขามันบีบแน่นขึ้น และรีบเข้าไปช่วยเธอโดยไม่รู้ตัวราวกับว่าการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของเธอก็สามารถทำให้หัวใจของเขาปวดร้าวได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอกำลังจะจากไป เขาก็ลังเลที่จะแยกทางกับเธอราวกับหวังว่าสายตาของเธอจะจ้องมองมาที่เขาอีกสักพักแม้เพียงชั่วครู่ก็ตาม!เขาเคยแคร์ผู้หญิงมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นอกจากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตเขาแล้ว ก็มีแค่เธอเขายังเคยคิดว่าเขาไม่ควรยอมแพ้เรื่องของเธอง่าย ๆ ให้กับอี้ จิ่นหลี ถ้าเธออยู่กับเขา มันจะทำให้เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้นน้อยลง และลดความเจ็บปวดจากความปรารถนาที่ไม่สมหวังของเขาได้บ้างไหม?ดวงตาของอี้ จิ่นหลี เหลือบมองลงมา เขาจ้องมองไปที่กู้ ลี่เฉิน อย่างเย็นชา “นายจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นหรอก ฉันจะไม่ปล่อยให้นายทำอะไร”“อ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค