เธอไม่มีเงินเลย สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เธอได้เรียนรู้มาหลายปีที่ผ่านมา พวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลย ทีมทนายใน อี้ กรุ๊ป ก็มีประสมการณ์มากกว่าเธอ สิ่งเดียวที่เธอมีในตอนนี้ก็มีเพียงแค่ตัวเธอเอง ตัวตนที่สิ้นหวังของเธอ นั้นคือทั้งหมดที่เธอมี หลิง อี้หราน หลุบตาลง และเธอก็คุกเข่าลงต่อหน้าอี้ จิ่นหลี “ฉันขอร้องล่ะ พาฉันไปเจอกับ ไป๋ ทิงซิน เถอะนะ ฉันอยากเจอเหลียนอี ด้วยตาของฉันเอง” ดวงตาสีดำของเขาจ้องไปที่เธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและ... ความโกรธ “พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่?” เขาจ้องมองไปที่เธอ และในใจของเขาสั่นมาก เขารู้ดีว่าเธอมีทิฐิในในตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะต้องถูกเยาะเย้ย แต่เธอยังต้องรักษาศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอที่ต้องถูกเหยียบย่ำ ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะคุกเข่าก็เพื่อชิน เหลียนอี เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า ชิน เหลียนอี มีความสำคัญมากเกินกว่าศักดิ์ศรีของเธอใช่ไหม? “ใช่” เธอพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ขณะที่ก้มหัวลงไป “ถ้าคุณพาฉันไปหาเหลียนอี และแน่ใจว่า เหลียนอีปลอดภัยดี ฉันจะยอมทำทุกอย่างตามที่คุณต้องก
หลิง อี้หราน รีบรัดเข็มขัดนิรภัยของเธอ และมองดูด้วยความแปลกใจ ขณะที่อี้ จิ่นหลี กำลังขับรถออกจาก คฤหาสน์ อี้ เขาขับรถไปทางที่บอกว่าเป็นที่อยู่ของไป๋ ทิงซิน เขากำลังพาเธอไปที่นั้นอย่างนั้นเหรอ? อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หน้าของเขาดูสดใส ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาประกบกันแน่น สายตาของเขาดูมืดมัว แสดงออกถึงความไม่พอใจของเขา หลิง อี้หราน อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็กลัวว่าถ้าเธอพูดอะไรตอนนี้จะยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม มันจะเเย่แน่ ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ การได้พบกับเหลียนอีและรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ‘ถ้าอย่างนั้นฉันรอให้ฃอี้ จิ่นหลี ใจเย็นลงก่อนดีกว่า ก่อนที่... จะขอบคุณเขา’ หลิง อี้หราน คิดกับตัวเอง เมื่อพวกเขาขับรถมาถึง เครเซนท์ เบย์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็สั่งให้พวกเขาหยุด “บอก ไป๋ ทิงซิน ว่า อี้ จิ่นหลี ต้องการพบเขา และถามเขาด้วยว่า เขาจะมาพบพวกเราไหม?” อี้ จิ่นหลี พูดตรงประเด็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาลุกด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายแล้ว ทุกคนในเมือง เฉิน รู้จักชื่อ ‘อี้ จิ่นหลี’ นอกจากนี้, ถึงแม้ว่าเจ
ไร้สาระ! แน่นอนว่าเธอกังวลมากและยิ่งตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่า เมื่อไรเขาจะปล่อยเธอไป “ฉันไม่อยากให้เพื่อนและพ่อแม่ของฉันเป็นห่วง” เธอกล่าว คำพูดของเธอเหมือนเป็นการกระตุ้นเขา แววตาของเขาเย็นชาในขณะที่เขากำลังหัวเราะเยาะ “เธอกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง แต่เธอเคยคิดไหมว่าฉันเอง ก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน” ชิน เหลียนอี สะอึกกับคำพูดปริษณา หน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉัน... ฉันมีเรื่องฉุกเฉิน...” “เรื่องฉุกเฉินงั้นเหรอ?” เขาตะคอก “เรื่องฉุกเฉินของคุณ คือกลับไปช่วยเพื่อนของคุณกับคดีของเธออย่างนั้นเหรอ? คุณไม่เคยเห็นหัวผมเลยด้วยซ้ำ... คุณแค่ให้ผมเป็นคนคั่นเวลาตั้งแต่เริ่มใช่ไหมล่ะ?” ชิน เหลียนอี รู้ดีว่ามันเป็นความผิดของเธอ ในช่วงที่เธอกำลังเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปเข้าชมโรงเรียนที่เธจะต้องไปเรียนต่อ ตอนนั้นเธอก็ได้พบกับเขาโดยบังเอิญ ในช่วงเวลานั้น เธอไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เขาติดต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ มันเหมือนการทำความคุ้นเคยกับเพื่อนในต่างแดน เขาพาเธอไปยังจุดชมวิวในท้องถิ่นและรับประทานอาหารพื้นเมือง เธอรู้สึกสนุกกับตัวเองในช่วงเวลาไม่กี่วันนั้น เธอยังคิดว่าจะไปห
ในความคิดถึงเรื่องในคืนนั้น เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผิด เธอต้องโทษความคึกคะนองในเรื่องนี้ของเธอในคืนนั้น เธอไม่รู้ตัวเองว่าเธอดื่มได้มากน้อยแค่ไหน และยังคิดว่าถูกแล้วที่จะต้องดื่มไวน์ผลไม้ให้มากขึ้น จนในที่สุดการที่ดื่มมากเกินไปของเธอมันทำให้เกิดปัญหา เธอตื่นขึ้นมาและเริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอเมา เธอตรึงเขาลงบนที่นอน เธอยัดเยียดตัวเองให้เขา และคำพูดจาอ่อนหวานทั้งหมดก็ออกมาจากปากของเธอ ขณะที่นึกถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชิน เหลียนอี้ ก็รู้สึกว่าพวกเขาเหมือนกับผู้ชายที่พูดกับผู้หญิงในละครทีวี! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหมือนกับว่าเลียนแบบบทบางตอนในละครจากทีวีที่เธอเคยดูในตอนนั้น เธอเข้าใจได้เพียงว่า การที่ดูละครโรแมนติกมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เมื่อคนหนึ่งเมา อีกคนก็แค่พูดจาหวาน ๆ เหมือนกับว่ามันไม่มีข้อจำกัดในที่สุด… เธอก็ทำสำเร็จ! เธอสำเร็จความปรารถนากับชายหนุ่มรูปหหล่อที่เธอชื่นชมอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้งที่ ชิน เหลียนอี นึกถึงเรื่องนี้ เธอก็แอบสงสัยว่า การพูดจาหวาน ๆ ของเธอ มันใช้ได้ผล เขาอาจจะอยู่ในต่างประเทศมานาน จนไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรกับประเทศที่พูดจาหว
“...ไม่” ชิน เหลียนอี กล่าว แต่เธอพอจะเดาได้ว่าทำไม อี้ จิ่นหลี ถึงมาหาเธอที่นี่ มันอาจจะเป็นเพราะ อี้หราน “ถ้าไม่ แล้วทำไมเขามาหาคุณในตอนดึกขนาดนี้?” ไป๋ ทิงซิน กล่าวอย่างเย็นชา “ผู้หญิงคนไหนในเมือง เฉิน ที่จะทำให้เขาเป็นแบบนั้นได้ หรือว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยตามหาผมเลย?” มีความหึงเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขา ชิน เหลียนอี พูดไม่ออก ไม่เอาน่า ถ้าเธอสวยถึงขั้นมาตรฐานของอี้ จิ่นหลี! อี้ จิ่นหลี คงไม่ตามจีบหลิง อี้หราน หรอก ใช่ไหมล่ะ? “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ฉันก็แค่ไม่เคยตามหาคุณ” ชิน เหลียนอี กล่าว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่าง เกิดขึ้น ตั้งแต่เธอกลับมา เธอจะเอาเวลาไหนไปคิดเรื่องอื่นได้อีก? นอกจากนี้ เธอยังคิดแค่ว่า มันเป็นเพียงแค่การเจอกันในต่างแดน และเรื่องคืนนั้นมันก็เป็นแค่เพียงอุบัติเหตุ เธอตั้งใจที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ตลอดชีวิต เธอไม่เคยบอกกับทางบ้านของเธอ หรือแม้กระทั่ง อี้หราน ด้วยซ้ำ เขาดูโกรธหนักกว่าเดิม เขาจ้องไปที่เธออย่างโกธรแค้น ขณะที่เขาเม้มปากบาง ๆ ของเขาเข้าหากัน และเขาก็พูดขึ้นมาว่า “คุณนี่เก่งเรื่องยั่วโมโหคนจริง ๆ” เขาควบคุมอารมรืได้ดี ตั้
“คุณคือ หลิง อี้หราน” สิ่งที่ ไป๋ ทิงซิน พูดนั้นไม่ใช่คำถาม แต่มันคือการยืนยันตัวตน หลังจากที่เขาได้เห็น ชิน เหลียนอี ที่ถนนในวันนั้น เขาก็เริ่มหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับชิน เหลียนอี และแน่นอนว่า ในบางส่วนของส่วนประกอบข้อมูลทั้งหมดที่เขาหาได้นั้นก็คือ หลิง อี้หราน เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของชิน เหลียนอี มันเป็นเพราะ ชิน เหลียนอี ต้องไปช่วยในเรื่องคดีของ หลิง อี้หราน จนทำให้ชิน เหลียนอี ต้องบินกลับจากต่างประเทศอย่างไวที่สุดเช่นกัน เธอทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ก็เพื่อจะช่วยหลิง อี้หราน ไม่ว่าจะเรื่องการหาทนายความ และหาหลักฐานต่าง ๆ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นเพราะ หลิง อี้หราน นั้นแหละ ที่ทำให้ชิน เหลียนอี ต้องทิ้งเขาไปอย่างกะทันหัน ไป๋ ทิงซิน รู้สึกอึดอัดหัวใจแปลก ๆ เมื่อเขาต้องนึกถึงเรื่องนี้ ถ้า หลิง อี้หราน ไม่ได้เป็นผู้หญิง ไป๋ ทิงซิน อาจจะถือว่าเธอเป็นเหมือนคู่แข่งของเขา “คุณไม่มีสิทธิ์ เข้ามายุ่งกับเรื่องระหว่างชิน เหลียนอี กับผม คุณไม่พูดมากในบางสิ่งที่คุณไม่รู้จะดีกว่า ผมไม่ได้มีความเมตตากับผู้หญิงหรอกนะ” ไป๋ ทิงซิน กล่าวอย่างเย็นชา ชิน เหลียนอี เริ่มรู้สึกกังวล “ไป
จากนั้น ไป๋ ทิงซิน ก็หยิบกระดาษสีเหลืองที่ยับยู่ยี่ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกของเขา มีความความเขียนว่า ‘ฉันขอโทษ ฉันต้องไปก่อนนะ’ มันคือกระดาษที่เธอทิ้งไว้ในตอนนั้น เขาพกติดตัวไปกับเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลายครั้งที่เขาขยำกระดาษนี้แล้วโยนทิ้งถังขยะด้วยความโกธร แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เก็บมันขึ้นมาอยู่ดี กระดาษแผ่นนี้ เป็นเหมือนกับหนามในหัวใจของเขา เขาไม่สมารถที่จะดึงมันออกมาได้ และก็ไม่อยากที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอทิ้งไว้ให้กับเขา ถ้าเขาไม่มีสิ่งนี้เขาก็จะไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเธอ อย่างไรก็ตาม... ตอนนี้เขาได้เจอกับเธอแล้ว! “เหลียนอี... ชิน เหลียนอี...” เขาพึมพำชื่อของเธอซ้ำไปซ้ำมา และริมฝีปากบาง ๆ ของเขา ก็จูบลงบนกระดาษในมือ เขาดูเหมือนว่าจะติดมันมาก ... ชิน เหลียนอี เดินตามหลิง อี้หราน ไปที่รถของอี้ จิ่นหลี และเธอก็พูดกับพวกเขาว่า “ขอบคุณนะ” อี้ จิ่นหลี พูดเบา ๆ “ผมจะไปส่งคุณก่อน คุณพักอยู่ที่ไหน?” ชิน เหลียนอี รีบบอกที่อยู่ของเธอให้เขารู้ หลิง อี้หราน ยังรู้สึกเป็นกังวล “ไป๋ ทิงซิน ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”“เขาก็แค่ให้ฉันนั่งบนเก้าอี้ แล
นอกจากนี้ ถ้าผู้ชายอย่างเขาตกอยู่ในอันตราย มันก็ไม่สำคัญอะไรเลย แม้ว่าเธอจะคุกเข่าหรือไม่คุกเข่าก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะหักขาตัวเอง มันก็ไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อเขาเลย ความเงียบของเธอ ทำให้แววตาของเขาพล่ามัว เขาสตาร์ทรถและขับไปโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ ในตอนนั้น หลิง อีหราน ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยนอกจากนิ่งเงียบ และอึดอัดในตอนที่อยู่ในรถ วันรุ่งขึ้น หลิง อี้หราน ไปหาชิน เหลียนอี เธอทั้งสองหาโต๊ะอารหารนั่งในร้านอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของชิน เหลียนอี เมื่อเธอมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอ ก็เห็นว่ามีรอยคล้ำรอบดวงตาที่เห็นได้ชัด หลิง อี้หราน คิดว่าเมื่อคืนเธอคงนอนไม่ค่อยหลับ “เมื่อวานนี้หลังจากที่เธอกลับมาบ้าน มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หลิง อี้หราน ถาม “อย่าไปพูดถึงมันเลย ตอนที่ฉันกลับไปถึงบ้าน พ่อแม่กำลังเตรียมทำโทษฉัน ฉันเกือบโดนนั่งคุกเข่าบนกระดานซักผ้า” ชิน เหลียนอี กล่าว หลิง อี้หราน ทำหน้าสงสัย “ทำไมเธอไม่บอกกับพวกเขา เกี่ยวกับเรื่องไป๋ ทิงซิน?” “เอ่อ... ฉันบอกพวกเขาว่า เพื่อนที่ฉันไม่ได้เจอมานาน แค่แกล้งฉันเล่นนิดหน่อย แต่ฉันเผลอบอกพวกเขาไป แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง” ชิน เหลียน