แต่เธอไม่อยากขอโทษอีกต่อไปแล้วถ้าเธอขอโทษ ก็จะเป็นการยอมรับว่าเธอจงใจผลักคงจื่ออิน และมุ่งร้ายจริง ๆ แบบนั้นแล้วอาหยันน้อยก็จะไม่สามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้อีก!ความเงียบของเธอทำให้เขาอึดอัดใจเล็กน้อย เขารู้ว่าตัวเองควรจะถอนมือออกและไม่แตะต้องผู้หญิงคนนี้อีกถึงอย่างนั้นมือของเขากลับดูไม่เต็มใจเล็กน้อย ราวกับว่ามันแนบติดไปกับแก้มที่เย็นเล็กน้อยของเธอไปแล้วแก้มของเธอซูบตอบ และผิวของเธอไม่ได้ขาวเนียนเหมือนแต่ก่อนเพราะสัมผัสกับมลภาวะในอากาศ ตอนนี้เธอดูซีดเซียวและเกือบจะคล้ายกับคนขาดสารอาหารถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสวยและมีใบหน้างดงาม เธอมีคิ้วโค้งได้รูปและจมูกที่ดูดี ขนตาที่งอนน้อย ๆ ยิ่งมองเห็นได้ชัดเวลาเธอหลับตาในตอนนั้นเธอเงียบราวกับเป็นตุ๊กตา เขาอดไม่ได้ที่จะมองเธอ จนกระทั่งรถหยุดลงที่หน้าโรงพยาบาล ทันใดนั้นเขาจึงรู้สึกตัวขึ้นมาและถอนมือที่ร้อนผ่าวออกมา“ฉันไม่ขอโทษ” โจวเชียนหยุนพูดในทันทีที่เปิดประตูรถ“ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมาตัดสินใจ!” เย่เหวินหมิงใช้แรงดึงเธอออกมาจากรถ ในตอนนที่โจวเชียนหยุนโดนเย่เหวินหมิงลากตัวไปยังห้องพักฟื้นของคงจื่ออิน ครอบครัวตระกูลคงเองก็อยู่ที่นี่ด้วย คงจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วมีอะไรที่ฉันต้องยอมรับเหรอ? คุณต้องการให้คนที่โดนใส่ร้าย ขอโทษคนที่ใส่ร้าย เย่เหวินหมิง คุณสับสนจนแยกแยะถูกผิดไม่ได้เลยเหรอ?”“ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ แต่วันนี้เธอก็ต้องคุกเข่าลงกราบขอโทษ! โจวเชียนหยุน อย่าบังคับให้ฉันต้องจับมือเธอทำ!”ในทันใดนั้นเธอก็หัวเราะออกมา “เย่เหวินหมิง คุณนี่โง่จริงสินะ คุณเชื่อทุกอย่างที่ตระกูลคงและคงจื่ออินพูด คุณคิดว่าคงจื่ออินคือคนที่ช่วยชีวิตคุณไว้เหรอ? เธอไม่ได้ทำอะไรเลย และเลือดที่ไหลอยู่ในตัวคุณก็ไม่เกี่ยวกับเธอด้วย!”เมื่อเธอพูดแบบนี้ สีหน้าของสมาชิกตระกูลคงก็เปลี่ยนไปทันที คงจื่ออินซึ่งนั่งอยู่บนเตียงโรงพยาบาลและกำลังกินดื่มอย่างสบาย ๆ ก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาจนเกือบจะทำถ้วยในมือตก‘นี่โจวเชียนหยุน... รู้อะไรมา? เธอรู้เรื่องการบริจาคไขกระดูกเหรอ?’ “เหวินหมิง... นี่... นี่หมายความว่าไงคะ?” คงจื่ออินถามขณะที่ทำหน้างง ใบหน้าซีดขาวและความเจ็บป่วยทำให้เธอดูเปราะบางเย่เหวินหมิงเดินเข้าไปปลอบเธอด้วยการพูดว่า “ไม่มีอะไร คุณไม่ต้องสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก!”นายท่านคงรีบพุ่งเข้ามา เขายกมือขึ้นและตบหน้าโจวเชียนหยุนสองครั้ง “เธอพู
เขายังจำได้ในตอนที่เขากลับไปโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการ จื่ออินก็เข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันบังเอิญรู้มาว่าคุณเป็นคนที่ฉันช่วยไว้ ดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้รู้ว่าคุณหายดีอย่างนี้!”ในตอนนั้นเขาก็รู้ว่าคนที่บริจาคไขกระดูกให้เขาหน้าตาเป็นอย่างไรตอนแรกที่พวกเขาพบคนบริจาคที่เหมาะสมจากธนาคารไขกระดูก คนคนนั้นปฏิเสธที่จะบริจาคเขารู้สึกว่าโลกทั้งใบได้มืดดับลง เขามีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ และเขายังไม่อยากตายสุดท้ายธนาคารไขกระดูกก็เจอผู้บริจาคที่เหมาะสมอีกคน ในขณะที่รอคำตอบ เขาพบว่าตัวเองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธอีกเขาตระหนักได้ว่าการมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งล้ำค่า และเขาต้องการความสงสารและการเสียสละของคนอื่นเขากลัวว่าจะโดนปฏิเสธอีกครั้งเขาหวาดกลัว!ถึงอย่างนั้นโรงพยาบาลก็นำข่าวดีมาบอกเขา คนคนนั้นสัญญาว่าจะบริจาคให้โดยไม่ขออะไรตอบแทนหัวใจของเขาซาบซึ้งไปด้วยความขอบคุณ เขาคิดไว้ด้วยว่าจะไปขอบคุณอีกฝ่ายด้วยตัวเองแต่นี่เป็นการบริจาคที่ไม่ระบุชื่อ และคนคนนั้นก็ไม่ต้องการเปิดเผยตัว พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ส่งข้อความผ่านหมอไปบอกเท่านั้น “มีชีวิตที่ดีนะ บางทีเราอาจจะเจอกันสัก
เขายังหาเรื่องใส่เธออย่างไม่มีที่สิ้นสุด!เย่เหวินหมิงตัวชา ‘เธอ... เกลียดฉัน!’เสียงของเธอไม่ได้ดัง แต่คำพูดของเธอสั่นสะเทือนในหูของเขาราวกับตะโกนนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาแก้แค้นเธอแล้วเธอจะเกลียดเขา เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเกลียดเขา หรือตอนนั้นเขาไม่ควรทำอย่างนั้นแต่เมื่อเธอพูดว่า ‘เกลียด’ ในตอนนี้ ก็ราวกับว่ามีดาบแหลมคมหลายพันเล่มทิ่มแทงมาที่ตัวเขาหัวเธอกดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหน้าผากของเธอกระแทกพื้นซ้ำ ๆ และเกิดเป็นเสียงดังหลายครั้ง‘เธอติดค้างจื่ออินเรื่องนี้ แต่ทำไมมันถึงระคายหูฉันนัก?’เธอเหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ และโดนกระทำให้อับอาย‘ฉัน... เป็นคนสั่ง’‘พอแล้ว!’ เขาอยากจะบอกว่า พอแล้ว! เขาไม่อยากเห็นอีกต่อไปแล้ว การขอโทษนี้มันมากพอสำหรับเธอและเขาแล้ว!ราวกับว่าแม้เธอจะเป็นคนที่โดนบังคับให้คุกเข่าและกราบขอโทษ แต่เขาต่างหากที่กำลังคุกเข่าและก้มกราบอยู่ในตอนที่เย่เหวินหมิงกำลังจะอ้าปากหยุดพวกเขา ประตูห้องพักฟื้นก็โดนเตะจนเปิดออกจากแรงของคนภายนอก เมื่อหลิงอี้หรานมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง เธอก็แทบจะเสียหลักไป‘นี่... นี่มันอะไรกัน? คนพวกนี้ทำแบบนี้กับพี่โจวได้ยังไง
เมื่อเห็นว่าหลิงอี้หรานกำลังจะหันหลังจากไป ทันใดนั้นเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปจับเธอไว้เพื่อถามคำถามกับเธอเขาเดินไปได้สองก้าวก็ถูกคนของอี้จิ่นหลีหยุดไว้ เขาจึงเข้าไปใกล้หลิงอี้หรานไม่ได้“เดี๋ยว!” เขาร้องเรียกด้วยเสียงสั่น “คุณหมายความว่ายังไง? หมายความว่าไงที่เธอช่วยชีวิตผมไว้?”หลิงอี้หรานหยุนเดิน และมองไปยังใบหน้าซีดขาวของเย่เหวินหมิงผู้ชายคนนั้นที่เคยเย็นชาและสุขุม ในตอนนี้กลับแสดงความกลัวออกมาราวกับเกรงว่าคำตอบที่ได้ยินจะทำให้เขาแตกสลายหลิงอี้หรานมองเขา และยังไม่สามารถปกปิดความโกรธไว้ได้เธอกล่าวเย้ย “หมายความว่าไงงั้นเหรอ? เย่เหวินหมิง ที่คุณยืนสบายดีและเตะคนอื่นแบบนี้ได้ก็เพราะพี่โจวบริจาคไขกระดูกให้คุณ ถ้าพี่โจวไม่ได้ใจกว้างเป็นแม่น้ำ ตอนนี้คุณก็คงเหลือแค่ขี้เถ้าเท่านั้นแหละ พอรู้แบบนี้แล้ว คุณยังจะบังคับให้เธอก้มหัวให้ศัตรูเธออีกหรือไง?”เย่เหวินหมิงรู้สึกราวกับว่าเลือดในตัวถูกแช่แช็งไปในทันที เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขารู้สึกราวกับว่าความกลัวได้ท่วมท้นไปทั้งอกเขาเข้าใจทุกคำที่หลิงอี้หรานพูด แต่ดูเหมือนไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ‘เป็นจื่ออิน... ไม่ใช่เหรอที่มอบไขกระ
“เธอ... เธอให้คนเลียนเสียงฉันแล้วอัดไว้ใช่ไหม? เธอ... เธอมันร้ายกาจ!” คงจื่ออินกล่าว ขณะที่มั่นใจว่าตัวเองจัดการทุกอย่างในตอนนั้นไปแล้ว พวกเขาไม่มีทางเจออะไรจากบันทึกของโรงพยาบาลแน่หลิงอี้หรานแค่พูดขู่ไปอย่างนั้นแหละ!หลิงอี้หรานโพล่งออกมา “ถ้าเป็นเสียงที่เลียนแบบเสียงเธอ เราก็จะหาทางพิสูจน์ลักษณะเสียงได้ คงจื่ออิน วันนี้ที่ฉันกล้าพูดเรื่องนี้เพราะว่าฉันมีหลักฐานมากพอจะพิสูจน์ได้ว่า เธอไม่ใช่คนที่บริจาคไขกระดูก!”เมื่อหลิงอี้หรานกล่าวจบ เธอก็มองเย่เหวินหมิงอีกครั้ง “เย่เหวินหมิง ฉันคิดว่าคุณคิดบัญชีกับพี่โจวก็เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองกับครอบครัว แต่พี่โจวไม่ได้ทำอะไรผิดเลย บางทีคุณน่าจะไม่มีวันไถ่โทษตัวเองกับอาชญากรรมที่คุณก่อกับพี่โจวได้เลย!”หลิงอี้หรานหันหลังหนีและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอี้จิ่นหลี ในขณะเดียวกันลูกน้องของอี้จิ่นหลีก็ตามออกไปด้วยเช่นกันเย่เหวินหมิงเหม่อลอย ในหัวของเขาแสดงภาพของโจวเชียนหยุนที่โดนบังคับให้คุกเข่าลงไป และโดนกดหัวจนแนบติดไปกับพื้นเธอพูดว่า... “เย่เหวินหมิง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถเกลียดใครสักคนได้มากขนาดนี้ แต่ฉันจะเกลียดคุณไปตลอดชีว
ไม่อย่างนั้นเขาและเธอคงได้สาปแช่งกันไปจนชั่วนิรันดร์หลังจากที่เย่เหวินหมิงออกจากห้องไป สมาชิกครอบครัวคงทั้งสามคนก็แทบจะลมจับคุณนายคงกล่าวด้วยความประหม่า “เราจะทำยังไงกันดี? ทำไงกันดี? ถ้าเหวินหมิงรู้เข้าว่าคนที่บริจาคไขกระดูกเป็น...” “แม่!” คงจื่ออินรีบกล่าวเพื่อหยุดอีกฝ่ายไว้ทันที “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น หนูคือคนที่บริจาคไขกระดูกให้เหวินหมิง! มันเขียนไว้ในบันทึกของโรงพยาบาล! แล้วไงถ้าพวกเขาจะมีบันทึกการสนทนา? มันนานมาแล้วนะ ใครจะปลอมขึ้นมาก็ได้!”ฟังดูราวกับว่าคงจื่ออินพยายามโน้มน้าวตัวเองด้วยคำพูดพวกนั้นหลักฐานที่เธอปลอมแปลงไว้ก็เพื่อแสดงว่าเธอเป็นคนที่บริจาคไขกระดูก!โจวเชียนหยุนไม่มีหลักฐานอะไรสักหน่อย!จู่ ๆ คุณนายคงก็ดูเหมือนจะตั้งสติได้และพูดว่า “ใช่ ๆ เป็นลูก! ลูกเป็นคนบริจาคไขกระดูกให้เหวินหมิง!”ใบหน้าของนายท่านคงในตอนนี้ดูเคร่งขรึมมาก เขารู้ว่าเย่เหวินหมิงไม่ได้ฟังความข้างเดียวและเชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด แต่เขาก็ไม่วางใจเช่นกันด้วยนิสัยของเย่เหวินหมิงแล้ว เขาน่าจะตามสืบเรื่องนี้ “จื่ออิน แน่ใจนะว่าโจวหยวนลู่มันออกนอกประเทศไปแล้วจริง ๆ หลังจากได้เงินน่ะ?”
เธอรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ และตั้งใจว่าจะบอกเย่เหวินหมิงในอีกสองวัน... อีกไม่กี่วันเอง!อีกไม่กี่วัน แต่ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน!เช้านี้เธอได้รับสายจากอาหยันน้อย และรีบขอให้จินหาว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้รู้ว่าพี่โจวถูกพาตัวมาที่โรงพยาบาลนี้ ไม่รู้ว่าถ้าเธอมาไม่ทันพวกเขาจะทำอะไรพี่โจวบ้าง!“จิน บอกฉันหน่อยสิว่าถ้าเย่เหวินหมิงรักพี่โจวจริง เขาจะทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้กับพี่โจวได้ยังไง?” หลิงอี้หรานพึมพำอี้จิ่นหลีกุมใบหน้าของหลิงอี้หรานไว้อย่างอ่อนโยน “ไม่อารมณ์เสียนะ ฉันจะให้คนคอยคุ้มกันพี่โจวเอง อย่างน้อยฉันก็จะไม่ยอมให้เย่เหวินหมิงกับครัอบครัวคงนั่นทำอะไรพี่โจวได้อีก”หลิงอี้หรานกล่าว “ฉันแค่โมโห ทำไมเย่เหวินหมิงถึงไม่มีความเมตตาให้พี่โจวเลย?”ถ้ามีความสงสารสักนิดคนดี ๆ ที่ไหนจะทำเรื่องแบบนั้น“วันนี้เธอก็บอกเรื่องบริจาคไขกระดูกกับเขาแล้ว พอเขารู้ความจริง เขาก็จะเสียใจไปชั่วชีวิตเอง” อี้จิ่นหลีกล่าว“เสียใจ?” หลิงอี้หรานกล่าวเย้ย “แต่เสียใจยังเป็นการลงโทษที่เบาไปสำหรับเขา ดูสิคะว่าเขาทำให้พี่โจวทั้งเจ็บปวดและอับอายมากแค่ไหน! เขาทำลายชีวิตพี่โจวด้วยซ้ำ! ความเสียใจของเขาจะชด